ตอนที่แล้วGOI ตอนที่ 88 เรื่องจบ แต่เจ้าอยู่!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGOI ตอนที่ 90 หยุนจิงชวงมาเยี่ยมเยือน!

GOI ตอนที่ 89 ข้าจะให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย!


โม่ข่าและพวกที่รู้ว่าป๋ายเสี่ยวเฟยต้องการทำอะไรรีบขยับกายมาห้อมล้อมศิษย์พี่ผู้นั้นทันที สิบกว่าคนก่อตั้งเป็นวงกลมขนาดย่อม

“ศิษย์พี่ ข้าคงต้องให้ท่านรอสักครู่ และข้าจะต้อนรับท่านในไม่ช้า”

ป๋ายเสี่ยวเฟยยิ้มพลางเอ่ยคำที่ทำให้หัวใจของศิษย์พี่หยิ่งยโสเย็นเยียบขึ้นมา แต่นอกจากทำตามที่ป๋ายเสี่ยวเฟยสั่ง มันไม่มีทางเลือกใดอีก

“ศิษย์พี่หญิงหลิงหยาน ข้าไม่ได้ทำให้ท่านผิดหวัง ใช่หรือไม่?”

ป๋ายเสี่ยวเฟยเดินกลับไปยังฝูงชน เริ่มขอบคุณพวกเขาทีละคนทีละคน เขาไม่ได้ติดค้างใครอีก แต่การสร้างสายสัมพันธ์กับคนกลุ่มนี้ไม่ใช่สิ่งเลวร้าย

“ข้าเกือบคิดว่าเจ้าลืมข้าไปแล้ว แค่อย่าลืมข้อตกลงของพวกเรา และข้าจะมาหาเจ้าในไม่ช้า”

ด้วยเหตุผลอันใดไม่ทราบ อารมณ์ของฉินหลิงหยานดีเป็นพิเศษ นางมองป๋ายเสี่ยวเฟยเย็นชาก่อนจะเดินจากไปพร้อมฝูงคนที่นางนำมา ไม่แม้แต่จะเปิดโอกาสให้ป๋ายเสี่ยวเฟยพูด

“น้องชาย อย่าลืมเรื่องเกี่ยวกับศาลาบุปผา ข้ารอคอยข่าวคราวจากเจ้าอยู่”

หยุนจิงชวงถือโอกาสพูด น่าเสียดายที่ป๋ายเสี่ยวเฟยยังไม่อาจปรับตัวได้กับอาภรณ์สีชมพูของเขา...

“แน่นอน! แน่นอน! ธุรกิจของเราเพิ่งเริ่มเท่านั้น ขอบคุณมากที่มาช่วยเหลือ ศิษย์พี่ ข้าจะไปเยี่ยมท่านเพื่อตอบแทนในอนาคต!”

ป๋ายเสี่ยวเฟยดูไม่เป็นตัวของตัวเองแม้แต่น้อยเมื่อเขาสุภาพนอบน้อม แต่เขาช่างพูดได้รื่นหูดีเสียจริง

“ข้าจะจำที่เจ้าพูด และจะรออยู่ที่ศาลาบุปผา เจ้าคงมีหลายสิ่งต้องทำ ข้าไม่ขอรบกวนต่อ แต่อย่าโทษข้าว่าใจร้ายหากเจ้าไม่มาตามนัด!”

หยุนจิงชวงส่งสายตาเจ้าชู้ให้ป๋ายเสี่ยวเฟยพลางเอ่ย ทำเอาป๋ายเสี่ยวเฟยขนลุกซู่ทั่วร่าง...

แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ป๋ายเสี่ยวเฟยก็ยังต้องไปศาลาบุปผา

เพราะเสี่ยวเอ้อยังอยู่ที่นั่น!

หากเสี่ยวเอ้อรู้สิ่งที่ป๋ายเสี่ยวเฟยคิดในเวลานี้ มันคงซาบซึ้งใจจนร้องไห้ออกมา เพราะในใจมัน ป๋ายเสี่ยวเฟยได้ลืมตัวตนของมันไปแล้ว...

“พี่ใหญ่เฟย คนพวกนี้คือศิษย์พี่ที่จะร่วมมือกับเรา ให้ข้าเอ่ยแนะนำตัว”

หลังจากหยุนจิงชวงจากไป ฟางเย่พากลุ่มศิษย์ปีสี่เดินมา ไม่ต้องพูดก็รู้ว่าคนเหล่านี้คือเจ้าของร้านค้าต่างๆ ที่ฟางเย่หามาได้

“นี่คือเจ้าของร้านยากวงอวิ้น ศิษย์พี่เซี่ยกวงอวิ๋น”

เซี่ยกวงอวิ๋นถือได้ว่าหน้าตาสุภาพบุรุษรูปหล่อคมคาย สัญลักษณ์เตาหลอมกฤษณาตรงหน้าอกแสดงตัวตนของเขาในฐานะนักปรุงโอสถ

“ยินดีที่ได้รู้จัก ศิษย์พี่เซี่ย ขอบคุณท่านเป็นอย่างมากสำหรับความร่วมมือและการช่วยเหลือ”

ป๋ายเสี่ยวเฟยยื่นมือออกไป เซี่ยกวงอวิ้นไม่รีรอรีบจับทันที เขาไม่ได้แสดงความดูหมิ่นแม้แต่น้อยต่อป๋ายเสี่ยวเฟยที่เป็นศิษย์ใหม่

“ศิษย์น้อง เจ้าพูดเกินไปแล้ว ความรุ่งเรืองในอนาคตของธุรกิจข้าล้วนขึ้นอยู่กับเจ้า!”

แทบทุกคนที่สามารถไต่เต้ามาเป็นหัวหน้าได้ล้วนมีวาจาล้ำเลิศ กระทั่งป๋ายเสี่ยวเฟยยังอ่อนด้อยกว่าพวกเขาในด้านคบค้าสมาคม

บทสนทนากับศิษย์พี่อีกสามคนไม่ต่างไปจากนี้เท่าใดนัก พวกเขาทักทายป๋ายเสี่ยวเฟยอย่างสุภาพ และป๋ายเสี่ยวเฟยแทบจะเอ่ยคำเดียวกันสี่คราในระหว่างการแนะนำตัว

ไม่มีใครในหมู่พวกเดียวรู้สึกเบื่อหน่าย แต่เป็นป๋ายเสี่ยวเฟยเองที่ไม่อาจทนได้

อีกสามคนที่เหลือคือฉู่ตางหยางจากร้านอาหาร จินเอ้อพ่างจากร้านเครื่องประดับ และหลินหล่างจากร้านส่วนประกอบยา

หลังจากพูดคุยกันเล็กน้อย ทั้งสี่ยื่นเงินทุนที่ได้ตกลงกับฟางเย่ไว้ให้ป๋ายเสี่ยวเฟย ในชั่วพริบตา ป๋ายเสี่ยวเฟยแปรสภาพจากขอทานสู่เศรษฐี...

แน่นอนว่าส่วนหนึ่งต้องมอบให้หยุนจิงชวงในฐานะกองทุน แต่ป๋ายเสี่ยวเฟยไม่มีความคิดจะส่งเงินทันที

อย่างไรเสีย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการซื้อหุ่นเชิดตัวที่สองให้ทุกคนในห้องคนเถื่อน!

หลังจากส่งเจ้าของร้านทั้งสี่จากไป คนที่เหลือล้วนเป็นศิษย์ใหม่ และตั้งแต่ตอนนี้ถึงอีกหลายปี พวกเขาทั้งหมดจะเป็นผู้ช่วยอันสำคัญของป๋ายเสี่ยวเฟย แต่พวกเขาต้องการเวลาในการเติบโต!

“ทุกท่าน พวกท่านควรโห่ร้องออกมา”

คำพูดแรกของป๋ายเสี่ยวเฟยทำให้บรรยากาศจริงจังผ่อนคลายลง บางคนในฝูงชนตะโกนเห็นด้วย ต่อจากนั้นฝูงชนทั้งหมดเริ่มตะโกนโห่ร้องอย่างปลื้มปิติและตื่นเต้น

“ข้าจะไม่เอ่ยคำเฉลิมฉลอง แต่ข้าหวังว่าสมาคมรวมพลังศิษย์ใหม่ของพวกเราจะเติบโตให้ดียิ่งขึ้นในอนาคต หากท่านมีปัญหาสามารถมาหาข้าได้ แค่ท่านจ่ายค่าจ้างที่มากพอ ข้ารับงานทุกอย่าง!”

หลังจากเอ่ยคำพูดจริงจังชั่วครู่ ป๋ายเสี่ยวเฟยเอ่ยติดตลกในท้ายที่สุด ทุกคนระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

“สุดท้ายแล้ว ข้าหวังว่าทุกคนจะสามารถได้รับการประเมินผลที่ดีในงานประลองศิษย์ใหม่ในสองเดือนต่อจากนี้ เพื่อที่พวกเราจะได้เจอกันอีกในฐานะศิษย์ปีหนึ่งของสถาบันชิงหลัว!”

เสียงโห่ร้องดังขึ้นอีกครา หลังจากเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นเมื่อครู่ ชื่อเสียงของป๋ายเสี่ยวเฟยพุ่งทะยานขึ้นสู่จุดที่น่าหวาดหวั่น และในสายตาของศิษย์ใหม่หลายคน ป๋ายเสี่ยวเฟยได้กลายเป็นตัวตนที่คล้ายกับไอดอลไปแล้ว

ฝูงคนค่อยๆ กระจายตัวออกไป เมื่อป๋ายเสี่ยวเฟยกล่าวคำทักทายกับทุกคนที่มาพูดคุยด้วยหมด เวลาก็เลยเที่ยงคืนไปเสียแล้ว แต่น่าแปลกใจที่ศิษย์ห้องคนเถื่อนทั้งหมดไม่รู้สึกเหนื่อย ไม่เว้นแม้แต่ป๋ายเสี่ยวเฟย

“พี่ใหญ่เฟย พวกเราจะจัดการไอ้นี่ยังไง?”

โม่ข่าถามพลางมองอย่างเย็นชาไปยังศิษย์พี่หยิ่งยโสที่ถูกกดอยู่กับพื้น

ตั้งแต่ที่เขาจู่โจมหมายเอาชีวิตป๋ายเสี่ยวเฟย ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะดับโทสะจากห้องคนเถื่อนถึงแม้เขาจะถวายศีรษะก็ตาม

“เอ่อ ฉากต่อไปนี้อาจจะไม่น่าดูเท่าใดนัก ศิษย์หญิง พวกเจ้าหันไปมองทางอื่นชั่วครู่ได้หรือไม่?”

เมื่อป๋ายเสี่ยวเฟยเอ่ยจบ ศิษย์หญิงห้องคนเถื่อนเผยรอยยิ้มชั่วร้ายขณะที่เอ่ยลาเดินจากไป แต่ยังมีอีกสองดรุณีที่ยังอยู่

หลินหลีและหูเซียนเอ๋อร์!

“ถ้ามันต่อต้านขึ้นมาหลังข้าไป ใครจะหยุด?”

คำแก้ตัวของหูเซียนเอ๋อร์ถือได้ว่าเหมาะสม แน่นอนว่าถึงแม้นางจะไม่มีเหตุผลที่ดี ป๋ายเสี่ยวเฟยก็ไม่กล้าขอให้นางไป...

จากความเร็วเมื่อครู่ของนาง หลินหลีอาจสู้นางไม่ได้

รวดเร็วดุจสายฟ้า!

“ยังมีข้า!”

ไม่มีใครคาดคิดว่าหลินหลีที่ปกติเงียบขรึมจะเอ่ยขึ้นมาทันควัน ยิ่งกว่านั้นแววตาของนางยังเต็มไปด้วยความกระหายอยากสู้ นางดูราวกับคนละคนจากยามปกติ

“แต่เมื่อครู่เจ้าแลจะช้าไปครึ่งวินะ”

หูเซียนเอ๋อร์ทักทายสายตาของนางโดยไม่เผยความอ่อนแอแม้แต่น้อย ถ้อยคำแฝงหนามทิ่มแทง

แต่หลินหลีก็ยังเป็นหลินหลีอยู่ดี ใบหน้าของนางแดงซ่านด้วยความอายไม่รู้จะพูดอะไร

“เอ่อ... อืม... จริงๆ แล้วถึงพวกเจ้าทั้งสองจะอยู่ก็ไม่มีอันใดเปลี่ยนไป เช่นนั้นเหตุใดข้าไม่จัดการกับมันก่อน?”

ป๋ายเสี่ยวเฟยปลอบประโลมทั้งคู่ แต่คำตอบที่ได้รับกลับเป็นสายตาเย็นชาสองคู่

ไมต้องมีวิชาอ่านใจคนธรรมดาก็สามารถเข้าใจความหมายของแววตานั้นได้

พูดให้เข้าใจง่าย แววตาของพวกนางสะกดได้สามคำ

นางคือใคร!?

“เอ่อ... ให้ข้าแนะนำ นี่หูเซียนเอ๋อร์ สหายที่ดีที่ข้าได้พบมาหลายครั้ง”

“ส่วนนี่หลินหลี เพื่อนร่วมห้องข้าเอง”

ป๋ายเสี่ยวเฟยเอ่ยประเมินทั้งคู่ให้เท่าเทียมอย่างระมัดระวัง แต่ถึงแม้เขาจะพยายามอย่างหนัก เขาทำได้เพียงอธิบายว่าหูเซียนเอ๋อร์เป็นสหายที่ดี...

และหูเซียนเอ๋อร์ไม่สบอารมณ์

‘เจ้าทำอะไรกับข้าไว้!?

‘ข้าเป็นแค่สหายที่ดี!?’

ในฉับพลัน หูเซียนเอ๋อร์รู้สึกเสียใจขึ้นมาที่วันนั้นไม่ได้อัดป๋ายเสี่ยวเฟยให้ตาย มิเช่นนั้นนางคงไม่ต้องเศร้าโศกเพียงนี้

“ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง! ข้าเป็นใครสำหรับเจ้า?”

หูเซียนเอ๋อร์ถามคำถามที่เมื่อป๋ายเสี่ยวเฟยได้ยิน เขาพลันรู้สึกอยากเอาหัวโขกกำแพงให้ตายๆ ไปเสีย

‘เจ้าคือมารดาข้า พอใจหรือยัง!?’

‘เจ้าจะเป็นใครไปได้อีก!!?’

‘หากไม่พอใจก็ใบ้กันหน่อย!!!’

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด