73 ฆ่าด้วยหนึ่งการระเบิด
73 ฆ่าด้วยหนึ่งการระเบิด
“นักเรียนหลี่เย้า เธอไม่ต้องกังวลนะ ค่าใช้จ่ายตอนที่เธออยู่ในอาการโคม่า รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการฟื้นตัว ประเทศของเราจะเป็นผู้จ่ายทั้งหมด!”
“และเงินจำนวน 30,000 เครดิตจะถูกโอนเข้าบัญชีของเธอ โดยเริ่มตั้งแต่เดือนนี้เป็นต้นไป นี่คือเงินชดเชย คลาส 1 สำหรับทหารผู้ทุพพลภาพ!”
“ถ้าเธอต้องการจะหางานทำ สมาคมทหารผ่านศึกผู้ทุพพลภาพจะจัดการให้เธอเอง!”
“ถ้าเธอต้องการจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัย เราก็จะจัดการให้เธอ โดยที่เธอไม่จำเป็นต้องสอบ เธอสามารถเข้าเรียนที่วิทยาลัยทหารแห่งแรงของสหพันธรัฐ ในชั้นเรียนพิเศษของทหารทุพพลภาพ!”
“อีกอย่าง ถ้าหากเธอพบเจอกับเรื่องลำบาก เธอก็สามารถมาหาเราได้โดยไม่ต้องลังเลใจ...สมาคมทหารผ่านศึกผู้ทุพพลภาพ คือหนึ่งในองค์กรที่แข็งแกร่งที่สุดบนดาวเคราะห์เทียนหยวน เมื่อไหร่ที่มีปัญหา เธอจะมีทหารทุพพลภาพของสหพันธรัฐอีก 63,000,000 คนคอยช่วยเธออยู่!”
นายทหารในชุดเครื่องแบบสีดำ ได้พูดคำพูดเหล่านี้ออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“ตอนนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ไปซะแล้ว” หลี่เย้ารู้สึกผิดเล็กน้อย
ภาพลักษณ์ของทหารทุพพลภาพของสหพันธรัฐในหัวของเขา ก็คือ ชายผมขาวทั้งหัว, ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอย, และร่างกายที่ใส่แขนขาเทียม ทหารผ่านศึกชราภาพที่เดินโยกเยก
โรงเรียนมัธยมซื่อเซียวที่สอง มักจะเชิญทหารผ่านศึกที่ปลดประจำการของทางสหพันธรัฐ มาเป็นแขกเพื่อบรรยายถึงความกล้าหาญชาญชัยในสนามรบของพวกเขา
ในสถานการณ์ที่ไม่มีอาวุธและอุปกรณ์, ในสถานการณ์ที่พลังวิญญาณของพวกเขาหมดลง, ในตอนที่พวกเขายกดาบโซ่ที่ใช้การไม่ได้และพุ่งเข้าใส่สัตว์อสูร!
หัวใจของหลี่เย้าเต้นระรัวทุกครั้ง ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องเล่าที่กล้าหาญของพวกเขา ความปรารถนาที่จะต่อสู้พุ่งสูงขึ้น!
คำว่า “ทหารผ่านศึกทุพพลภาพของสหพันธรัฐ” คือเกียรติยศสูงสุดและฝังลึกอยู่ในจิตใจของเขา การได้รับคำคำนี้ มันทำให้เขารู้สึกอับอาย
และด้วยความคิดแบบนี้ หลี่เย้าจึงตัดสินใจพูดความจริงออกไป “ผมขอบอกตามตรงนะครับ อาการบาดเจ็บของผมไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่คุณคิด ขอแค่ผมได้พักผ่อนสักสองสามวัน ผมก็จะหายดี ผมไม่ได้พิการหรอกครับ”
นายทหารทุพพลภาพเผยสีหน้าและแววตาของการนับถืออย่างปิดไม่มิด แขนเทียมของเขาตบลงไปบนบ่าของหลี่เย้าอย่างแรง จนทำให้ใบหน้าของหลี่เย้าบิดเบี้ยวเพราะความเจ็บ
“เด็กดี! ฉันชอบเธอ! เราต้องเป็นคนที่ไม่ยอมแพ้แบบเธอ มันไม่เกี่ยวว่าร่างกายของเราจะเป็นยังไง เราจะต้องเต็มไปด้วยจิตวิญญาณของการต่อสู้และความหวัง! ถูกต้องแล้วล่ะ! เธอไม่ใช่คนพิการ! ทหารทุพพลภาพทั้ง 63,000,000 นายของสหพันธรัฐไม่ใช่คนพิการ! มันไม่สำคัญว่าร่างกายของเราจะเสียหายมากแค่ไหน เพราะจิตวิญญาณของการต่อสู้ของเราไม่เคยมอดไหม้! เมื่อชาติต้องการ เราจะพุ่งเข้าสู่สนามรบและสังหารสัตว์อสูรด้วยกำปั้นของเราเอง!”
“นี่...”
หลี่เย้ารู้สึกปวดฟันขึ้นมา เขารู้สึกว่า สถานการณ์ของเขานั้นไม่สามารถอธิบายออกมาได้ด้วยคำพูดแค่ไม่กี่ประโยค
นายทหารพูดออกมาว่า “นักเรียนหลี่เย้า หมอกู้และฉันได้คุยกันแล้ว ฉันเข้าในสถานการณ์ของเธอดี ฉันรู้ว่าเธอคงจะไม่สามารถยอมรับเรื่องที่เกิดขึ้นได้ในเวลาสั้นๆ แต่...”
“ประเทศชาติของเรานั้นมีกฎอยู่ ทหารก็มีกฎของทหาร รางวัลและบทลงโทษถูกวางเอาไว้อย่างชัดเจน ด้วยวิธีนี้เท่านั้น ที่เราจะสามารถทำให้ทุกคนเชื่อฟังได้!”
“ก่อนที่เธอจะเข้าสู่การแข่งขันท้าทายขีดจำกัด เธอคงจะได้เซ็นต์เอกสารที่ผู้เข้าแข่งขันทุกคนต้องเซ็นต์เพื่อรับทราบ ถึงเรื่องที่ผู้เข้าแข่งขันทุกคนจะอยู่ในสถานะของทหารเป็นการเฉพาะกิจในระหว่างการแข่งขัน และปฏิบัติตามข้อกำหนดของกองทัพ แน่นอนว่า เธอก็จะได้รับผลประโยชน์ที่ทางกองทัพเป็นผู้จัดหาให้ด้วย!”
“ถ้าเธอไม่ต่อสู้นองเลือดกับสัตว์อสูรตัวนั้น คงจะมีผู้เข้าแข่งขันอีกหลายคนที่ต้องจบชีวิตลง!”
“เธอได้รับบาดเจ็บจากการปกป้องเพื่อนพ้อง ภายใต้ม่านหมอกของสงครามในฐานะของทหารคนหนึ่ง เธอคือทหารทุพพลภาพของสหพันธรัฐ 100% และมีสิทธิที่จะได้รับการดูแลอย่างฮีโร่คนหนึ่ง!”
“จำเอาไว้ สหพันธรัฐไม่เคยลืมนักรบที่สู้เพื่อชาติ เธอสมควรได้รับเงินชดเชย โดยไม่ขาดแม้แต่เหรียญเดียว!”
“ถ้าชาติไม่ให้ความสำคัญกับฮีโร่ของพวกเขา ถ้าชาติไม่สนใจใยดีฮีโร่ที่ตกละกำลำบาก...ใครจะมาปกป้องชาติแบบนี้กัน? ใครจะยอมต่อสู้จนตัวตายเพื่อชาติกัน?”
“ดังนั้น ไม่ว่าเธอจะพูดยังไง ในเมื่อเราไม่สามารถคืนความสามารถในการบ่มเพาะให้กับเธอได้ เราก็จะมอบสิ่งจำเป็นสำหรับครึ่งชีวิตที่เหลือของเธอ และเราจะให้เธอได้รับความเคารพจากสังคมที่วุ่นวายนี้...นี่คือสิ่งที่ประเทศชาติควรทำ มันคือสิ่งที่ประเทศชาติต้องทำ!”
แววตาของนายทหาร เป็นเหมือนกับดาบที่คมกริบทิ่มแทงใจของหลี่เย้า
โดยไม่รอให้หลี่เย้าได้อธิบายต่อ นายทหารได้ทำท่าวันทยาหัตย์และหมุนตัวก้าวขายาวๆออกไปจากห้อง
แม้ว่าครึ่งหนึ่งของร่างกายจะทำขึ้นมาจากเหล็ก แต่เมื่อเขาเดิน เขาก็ยังคงเดินตัวตรงราวกับต้นสน ระยะการก้าวเดินของแต่ละก้าวนั้นห่างกันราวกับวัดเอาไว้ก่อน
“ช่างมันเถอะ ไม่จำเป็นต้องคิดถึงเรื่องอื่นอีก สิ่งสำคัญสำหรับฉันในเวลานี้ก็คือ การคืนความแข็งแกร่งให้กลับมาเหมือนเดิม ความจริงจะอธิบายทุกอย่างได้เอง”
ถึงแม้ว่า ชายคนนั้นจะบอกเอาไว้ว่า เขาไม่จำเป็นต้องสอบเพื่อเข้ามหาวิทยาลัย และสามารถเข้าเรียนในชั้นเรียนพิเศษ ของวิทยาลัยทหารแห่งแรงของสหพันธรัฐได้เลย
แต่ถึงยังไง หลี่เย้าก็รีบปฏิเสธความคิดนี้ในทันที
เหตุผลเดียวก็คือ เขาไม่ยินดีที่จะใช้สิทธิพิเศษที่ได้รับจากสมาคมทหารผ่านศึกผู้ทุพพลภาพของสหพันธรัฐ
และอีกเหตุผลที่สำคัญที่สุดก็คือ หลี่เย้ายังคงไม่ยอมแพ้ที่จะสอบเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยเชินห่าย
“อัตราการตื่นของรากวิญญาณของฉันเหลืออยู่แค่ 7% แต่มันก็แค่ชั่วคราวเท่านั้น ขอแค่ฉันได้รับพลังงานที่มากพอและได้ฝึกฝนอย่างเหมาะสม ฉันก็จะสามารถกลับไปอยู่ในจุดสูงสุดเหมือนเดิมได้!”
“ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งเดือนก่อนการสอบ ฉันจะทุ่มทั้งหมดที่ฉันมีลงไป!”
เมื่อค้นพบว่า ตัวเขาได้ดูดกลืนความทรงจำของโอเย่หมิง ผู้นำแห่งนิกายป่ายเลี่ยน ความทะเยทะยานในหัวของของหลี่เย้าก็เพิ่มทะยานสูงขึ้นอย่างมาก
โอเย่หมิงคือตัวแทนของผู้อยู่ในจุดสูงสุดของการสร้างในอดีตกาล เขาคือจุดสูงสุดที่ไม่อาจก้าวผ่านไปได้
และเช่นเดียวกัน มหาวิทยาลัยเชินห่าย ก็คือผู้ที่อยู่จุดสูงสุดในการสร้างของยุคสมัยใหม่
หากเขาสามารถรวมทั้งสองยุคนี้เข้าด้วยกันได้ละก็...
“ดาบเทพจิ่งหง, กระบี่สังหารมังกร, หอกกลืนวิญญาณ...อาวุธระดับเทพที่สร้างขึ้นมาโดยฝีมือของโอเย่หมิง มันก็มีพลังมากพอที่จะใช้สังหารเหล่าสัตว์ประหลาดในระดับรวมวิญญาณได้แล้ว!”
“ถึงแม้ว่าสมบัติฟ้าดินอย่างการสร้างอาวุธระดับเทพขึ้นมานั้นยากที่จะได้รับมา และแต่ละขั้นตอนก็ยังต้องผ่านจุดวิกฤตอีกมาก ซึ่งเป็นเรื่องยากสำหรับยุคปัจจุบัน แต่ทฤษฏีหลักก็ยังคงมีความคล้ายกันอยู่!”
“ถ้าหากวันหนึ่ง ฉันสามารถดูดกลืนความทรงจำในการสร้างอาวุธระดับเทพ จากความทรงจำของโอเย่หมิง ได้เข้าใจถึงแกนหลักของการสร้างพวกมัน ฉันก็จะนำเทคนิคเหล่านั้นมาใช้กับยุคปัจจุบัน”
“ยกตัวอย่างเช่น ถ้าฉันสามารถวิเคราะห์และหาแกนหลักในการสร้างอาวุธระดับเทพทั้งสามได้ และนำมันใส่เข้าไปในยานรบคริสตัล ฉันก็จะสามารถสร้างยานรบที่ติดตั้งอาวุธระดับเทพขึ้นมาได้!”
“เพียงการระเบิดแค่ครั้งเดียว ก็สามารถฆ่าสัตว์ประหลาดระดับสูงพวกนั้นได้!”
“ฉันจะสามารถกำจัดสัตว์ประหลาดระดับสูงจำนวนมากได้ ด้วยการยิงปืนใหญ่ทั้งสามออกไปเพียงแค่ครั้งเดียว!”
“มันจะมีพลังมากแค่ไหน? มันจะสุดยอดขนาดไหน! มันน่าตื่นเต้นและน่ายินดีจริงๆ!”
เมื่อคิดถึงจุดนี้ หัวใจของหลี่เย้าก็เต้นรัวเร็ว เขาหยิบไมโครคริสตัลโพรเซสเซอร์ของเขาขึ้นมาจากข้างเตียง และกดเปิดแอพอีแครน
มีข้อความอีแครนนับร้อยที่ไม่ได้เปิดอ่าน หลี่เย้าเลื่อนดูข้อความเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นข้อความจากเพื่อนๆของเขา
ในข้อความทั้งหมดนั้น มีข้อความจากเมิ่งเจียงอยู่หลายสิบข้อความด้วยกัน ซึ่งเป็นข้อความที่สอบถามอาการของเขา
เขาช่วงเวลาที่ส่งมา และพบว่า มันเป็นข้อความที่ถูกส่งมาในช่วงเวลาสี่สัปดาห์ที่ผ่านมาทั้งหมด
หลี่เย้าพิมพ์ตอบกลับไปสามคำ “ฉันฟื้นแล้ว” อย่างรวดเร็วและกดส่งออกไป อีกฝ่ายไม่มีการตอบกลับมา เมื่อคิดๆดูแล้ว เมิ่งเจียงคงจะยังเรียนอยู่ก็เป็นได้
จากนั้น หลี่เย้าก็เข้าไปดูหมายเลขอีแครนของเซี่ยทิงเสียน และพิมพ์ข้อความส่งไปหาเขาว่า “ผมคือหลี่เย้านะครับ ตอนนี้ผมฟื้นแล้ว”
หมายเลขอีแครนของเซี่ยทิงเสียนนั้น เขาได้รับมาจากหมอกู้
ไม่นาน ใบหน้าเซี่ยทิงเสียนที่เต็มไปด้วยริ้วรอยของอายุก็ปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอโฮโลแกรม เขาพูดออกมาด้วยความประหลาดใจและยินดีว่า “นักเรียนหลี่เย้า ฉันเพิ่งจะได้รับข่าวจากหมอกู้ และกำลังคิดว่าจะติดต่อไปหาเธออยู่พอดี ฉันไม่คิดเลยว่า เธอจะฟื้นขึ้นมาเร็วขนาดนี้ นี่เป็นเรื่องที่ควรฉลอง!”