บทที่ 135.2 มาถึงแล้วนักผจญเพลิง
บทที่ 135.2 มาถึงแล้วนักผจญเพลิง
ผู้แปล loop
ดงซูบินตอนนี้ดูไม่สงบ เขายังไม่ทราบว่าเขาสามารถทำอะไรได้บ้างเพื่อให้ภารกิจนี้สำเร็จได้
พนักงานเสิร์ฟเองนั้นทราบดีว่าใครตำแหน่งสูงที่สุดในโต๊ะ เธอวางเมนูไว้หน้าหัวหน้าเจียงซึ่งนั่งอยู่ที่ที่นั่งแห่งเกียรติยศตรงหัวโต๊ะ หัวหน้าเจียงผลักเมนูออกจากเขาและมองหลานชายของเขา:“เสี่ยวหยูหลานอยากทานอะไร เผื่อว่าแผลของหลานจะหายเร็วขึ้น”
ชายหนุ่มพยักหน้าและเริ่มสั่งอาหาร
หลังจากสั่งอาหารและก็เสิร์ฟชาหัวหน้าเซงก็ยืนขึ้นและยกถ้วยน้ำชาของเขา เขาลดตัวของเขาลงและกล่าวว่า“เสี่ยวหยูเหตุการณ์นี้เป็นเรื่องเข้าใจผิดและมันก็เป็นความผิดของเราด้วย ฉันขอเป็นตัวแทนคณะกรรมการฝ่ายสาขามาเพื่อโทษคุณอย่างเป็นทางการ เจ้าหน้าที่สองคนที่ทำให้คุณบาดเจ็บจะต้องถูกลงโทษ ฉันจะจัดการคนเหล่านั้นให้คุณอย่างแน่นอน” เสี่ยวหยาน, ดงซูบิน และที่เหลือเห็นว่าหัวหน้าเซงกำลังขอโทษและพวกเขาก็ลุกขึ้นยืนและยกถ้วยน้ำชาของพวกเขาอย่างรวดเร็ว แน่นอนหยานเหล่ย, ฉางจ้วง และเกาแพนเหว่ยไม่ยกถ้วยของพวกเขาขึ้น เพราะพวกเขาไม่ได้นั่งที่โต๊ะ พวกเขายืนอยู่ข้างหลังหัวหน้าเพื่อเติมน้ำเพียงเท่านั้น
หัวหน้าสำนักงานสาขาขอโทษเขาและไม่ว่าเสี่ยวหยูจะโกรธแค่ไหนเขาก็ต้องยอมรับคำขอโทษ เขาจิบชาของเขา แต่เมื่อหัวหน้าเซงและคนอื่น ๆ มอบชาให้กับหัวหน้าเจียง หัวหน้าเจียงก็ไม่ได้สนใจอะไรเลย เขานั่งอยู่ตรงนั้นโดยไม่แตะต้องถ้วยชาของเขา ทุกคนสามารถบอกได้ว่าเซียวหยูนั้นไม่ได้ติดใจใดๆแล้ว ท้ายที่สุดอาการบาดเจ็บของเขาก็ไม่ร้ายแรง แต่ตอนนี้พวกเขาต้องทำให้หัวหน้าเจียงสงบลงนั้นคือภารกิจหลัก
มันเป็นเรื่องน่าอึดอัดใจและไม่มีใครพูดอะไรเป็นเวลานาน
จนกระทั่งหัวหน้าเซงได้เสนอชาอีกครั้งและหัวหน้าเจียงตีโต๊ะเบา ๆ “หยุดทำสิ่งที่ไม่จำเป็นเหล่านี้ทั้งหมด นายคิดว่าทุกอย่างจะจบลงด้วยการลงโทษเจ้าหน้าที่สองคนเหรอ? อา? นายเคยคิดบ้างไหมกับเหตุการณ์นี้? เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? ใครควรเป็นผู้รับผิดชอบ?”
“หัวหน้าเจียง……” เซงอังเกาและคนอื่น ๆ รู้สึกหนาวสั่นขึ้นมาทันที่ หัวหน้าเจียงต้องการให้พวกเขารับผิดชอบต่อเหตุการณ์นี้
“ฉันใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับสำนักรักษาความปลอดภัยของรัฐ ตอนนี้หลานชายของฉันถูกจับและถูกผู้ใต้บังคับบัญชาทำร้าย? ทำไมสิ่งนี้จึงเกิดขึ้น บอกฉันมา!”
“เคาะเคาะเคาะ” พนักงานเสิร์ฟเคาะประตูและเข้ามาพร้อมกับจาน
ตอนนี้หัวหน้าเจียนหยุดคำพูดของเขา เขาจิบน้ำชาและเห็นการประดิษฐ์ตัวอักษรนั้นจากมุมตาของเขา เขาขมวดคิ้วแล้วตะโกน “บริกรเอาตัวอักษรนั้นออกไป”
“ตัวอักษรตรงนั้น?” เขาหมายถึงอะไรดงซูบิน, เซงอังเกา และคนอื่น ๆ ตกตะลึง
พนักงานเสิร์ฟก็ตกใจเช่นกัน เธอเป็นเด็กใหม่ที่พึงเข้ามาทำงานที่นี้ เธอรู้เพียงว่าการประดิษฐ์ตัวอักษรนี้เป็นสมบัติโปรดของเจ้านายของเธอ เอามันออกไป? พนักงานเสิร์ฟไม่กล้าแม้แต่จะแตะต้องมัน “ท่านค่ะนี่เป็นเพียงการตกแต่ง ฉัน……” หัวหน้าเจียงจ้องที่เธอและพนักงานเสิร์ฟตื่นตระหนก “เจ้านายของเราไม่อยู่และกำลังจะกลับมาเร็ว ๆ นี้ ฉันขอถามโทรสอบถามเขาก่อนได้ไหม? ฉันตัดสินใจไม่ได้จริงๆ”
หัวหน้าเซงดูภาพประดิษฐ์ตัวอักษรนั้นและเข้าใจ พวกเขาอาจไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการประดิษฐ์ตัวอักษร แต่สาารถบอกได้ว่างานชิ้นนี้ไม่มีตราประทับหรือชื่อ ดูเหมือนว่างานบางอย่างมันมาจากแผงลอยริมถนน ไม่ควรอยู่ในห้องนี้ หัวหน้าเจียงชอบรวบรวมหนังสือและการประดิษฐ์ตัวอักษรและเป็นผู้เชี่ยวชาญ เขายังโกรธกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับหลานชายของเขา อารมณ์ของเขาแย่ลงเมื่อเขาเห็นการประดิษฐ์ตัวอักษรชิ้นนี้ซ้ำเข้าไปอีก
หยานเหล่ยหันและจ้องไปที่พนักงานเสิร์ฟนั่น:“แค่รีบแล้วเอามันออกไป”
พนักงานเสิร์ฟก็โกรธเล็กน้อยกับลูกค้าที่ไม่มีเหตุผลเหล่านี้ “มีอะไรผิดปกติกับการประดิษฐ์ตัวอักษรนี้หรอค่ะ”
ดงซูบินยังคงกังวลเพราะไม่สามารถพูดกับหัวหน้าเจียงได้ นี่เป็นโอกาสที่ยอดเยี่ยมและเขาไม่ต้องการให้หยานเหล่ยตัดหน้าเขา เขาก้าวไปข้างหน้า:“มีอะไรผิดปกติ? ถึงแม่ฉันจะรู้ว่างานชิ้นนี้มันมีหมัดเกาะอยู่'ความเงียบสงบเช่นนี้มันแย่มากๆ'? การที่ทุกคนเงียบอยู่เช่นนี้ อาจทำให้เรื่องไม่จบง่ายๆแน่ๆ” ดงซินใช้โอกาสนี้ในการชื่นชมหัวหน้าเจียน “อย่าคิดว่าไม่มีใครรู้เกี่ยวกับการประดิษฐ์ตัวอักษรที่นี่ หัวหน้าเจียงของเราเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้ ถ้าหัวหน้าเจียงคิดว่านี่ไม่ใช่งานที่ดี มันก็ควรถูกนำออกไป! เอามันออกไป. ใส่ในห้องอื่น ๆ”
เสี่ยวหยานและรองผู้อำนวยการสำนักที่หกพยักหน้า หัวหน้าซูบินตอบโต้อย่างรวดเร็ว หากเขาสามารถเอาใจหัวหน้าเจียงได้เล็กน้อยสิ่งต่าง ๆ อาจเปลี่ยนไป
พนักงานเสิร์ฟตอบว่า:“ เราจะ……เรารอให้เจ้านายของเรากลับมาได้ไหม? กรุณารอก่อนนะค่ะ
หัวหน้าเจียงจู่ ๆ ก็โกรธ:“คุณไม่ได้ยินสิ่งที่ฉันพูดเหรอ?”
เซงอังเกาก็โกรธแค้นเช่นกัน ‘พนักงานเสิร์ฟคนนี้พึงเป็นเด็กใหม่แน่ๆ ทำไมเธอไม่เห็นว่าลูกค้ากำลังไม่พอใจอย่างมาก’
หยานเหล่ยเห็นว่าหัวหน้าเจียงโมโหมากและจึงพยายามนำภาพประดิษฐ์ตัวอักษรนั้นออกไป
ดงซูบินก็ฉลาดเช่นกัน เขาจะไม่ให้โอกาสผู้อื่นตัดหน้าผลงานของเขาแน่ เขาเอื้อมมือออกไปข้างหน้าหยานเหล่นและหยิบลายมือนั้นขึ้นมา จากนั้นเขาก็เดินออกจากห้องแล้วโยนมันลงที่ทางเดินก่อนจะกลับไปที่ห้องส่วนตัว ดงซูบินเห็นว่าหัวหน้าเจียงยังโกรธอยู่และพูดว่า: "หัวหน้าเจียงครับอย่าพึงอารมณ์เสียไป ผมโยนภาพประดิษฐ์ตัวอักษรนั้นออกไปข้างนอกแล้ว นั่นเป็นงานเขียนที่น่ารังเกียจจริงๆ ผมสงสัยว่าเจ้าของร้านนี้คิดอย่างไรเอามันมาแขวนมันไว้ในห้องนี้ มันทำให้ลูกค้าแทบจะทานอาหารไม่ลงเลยที่เดียว”
หยานเหล่ยจ้องไปที่ดงซูบินอย่างเย็นชา เขารู้สึกโกรธพลาดโอกาสในการแสดงความผลักดีต่อผู้นำเพราะดงซูบินนั้นนวดเร็วกว่าเขามาก
ดงซูบินรู้สึกว่าการแสดงของเขานั้นสมบูรณ์แบบมาก สิ่งนี้น่าจะทำให้หัวหน้าเจียงสงบลงเล็กน้อย มันจะง่ายขึ้นสำหรับพวกเขาที่จะขอการโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้เซงอังเกา, เสี่ยวหยานและคนอื่น ๆ ก็คิดเช่นเดียวกัน แต่หัวหน้าเจียง……ฮะ ดูเหมือนว่าเขาจะโกรธอยู่ แม้แต่เซงอังเกา ผู้ซึ่งอยู่ในแผนกสืบสวนก็ไม่รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของภาพการประดิษฐ์ตัวอักษรเท่านั้น แม้ว่างานเขียนไม่ดีแต่ก็ไม่จำเป็นจะต้องโกรธมากขนาดนั้น เป็นไปได้ไหมว่าหัวหน้าเจียงชอบการประดิษฐ์ตัวอักษรมากจนเขาไม่สามารถทนกับงานที่มีหมัดติดอยู่รอบตัวภาพได้?
ทุกคนถึงกับพูดไม่ออก
ในขณะนี้ชายวัยกลางคนเข้ามาในห้องพร้อมกับภาพการประดิษฐ์ตัวอักษร จากการแต่งตัวของเขาเขาควรจะเป็นเจ้าของร้านนี้
ดงซูฐินรู้สึกหงุดหงิดมาก “คุณทำอะไรอยู่เนี่ย? คุณไม่รู้จักลูกค้าใช่มั้ย ทำไมคุณถึงนนำภาพการประดิษฐ์ตัวอักษรนั้นมาอีกครั้ง คุณกำลังพยายามที่จะยั่วเราและให้พวกเราทานอาหารไม่ลงหรือยังไง”
"พอ!" หัวหน้าเจียงกระแทกโต๊ะอย่างเดี๋ยวนั้น
เจ้าของร้านอาหารไม่เคยเห็นหัวหน้าเจียงโกรธมาก่อน เขาก็ตกใจเช่นกัน เขาคิดว่าหัวหน้าเจียงโกรธเขาเพราะแขวนตัวอักษรนี้ไว้ในห้องนี้ เขาอธิบายอย่างรวดเร็ว:“หัวหน้าเจียงภาพการประดิษฐ์ตัวอักษรของคุณควรจะถูกแขวนในที่ทำงานของผม แต่เรากำลังปรับปรุงอยู่ที่นั่นและผมกลัวว่าผลงานชิ้นเอกของคุณจะเสียหาย ฉันเลยนำมันมาที่ห้องนี้ ผม……ผมจะเอามันกลับไปเดี๋ยวนี้”
‘อะไรนะ? เขาพูดว่าอะไร?’
ทุกคนจากสาขาตะวันตกถึงกับตกตะลึง
ผลงานชิ้นเอกของคุณ? คำเหล่านี้ถูกเขียนโดยหัวหน้าเจียง? หรือว่าหัวหน้าเจียงที่ให้การประดิษฐ์ตัวอักษรนี้กับเจ้าของร้านอาหารนี้ใช่ไหม? บ้ามัน! นี่เขียนขึ้นโดยหัวหน้าเจียง จริงเหรอ?
ไม่มีใครคาดคิดว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น
ใบหน้าของดงซูบินเปลี่ยนเป็นสีเขียว ‘เวรเอ๋ย นี่เรื่องตลกใช่ไหม? การประดิษฐ์ตัวอักษรนี้กลับกลายเป็นว่าเขียนโดยหัวหน้าเจียง? ทำไมเขาถึงโกรธและขอให้พนักงานเสิร์ฟเอามันออกไปกันล่ะ?’ ดงซูบิน,เซงอังเกาและคนอื่น ๆ เข้าใจว่าทำไมหัวหน้าเจียงถึงโกรธขนาดนั้น ต้องเป็นเพราะเขาไม่ชอบให้คนอื่นคุยเรื่องการคัดลายมือของเขา นั่นเป็นเหตุผลที่เขาไม่อนุญาตให้เจ้าของร้านเอาลายมือของเขาออกมาข้างนอก เมื่อเขาเห็นภาพการประดิษฐ์ตัวอักษรของเขาถูกแขวนคอในห้องส่วนตัวนี้เขาถามพนักงานเสิร์ฟเพื่อนำมันออกไป แน่นอนว่าเขาโกรธมากขึ้นหลังจากที่เขาได้ยินว่าดงซูบินวิจารณ์งานของเขา
อึ!
ดงซูบินต้องการทุบหัวของเขากับผนัง ทำไมเขาต้องวิจารณ์คำเหล่านั้น นี่เป็นเหมือนการด่าว่าหัวหน้าเจียงต่อหน้าทุกคน นี่เป็นมากกว่าการตบหน้าหัวหน้าเจียงจนชาเลย!
‘ใช่แล้ว!’
ยังมีโอกาสที่จะกอบกู้สถานการณ์
ดงซูบินเบิกตากว้างอย่างฉับพลัน “ย้อนกลับ!”
ดงซูบินสะสมพลังพิเศษไว้ 4 วันและเขาใช้ ย้อนกลับสามครั้งทันที
......
......
เวลาย้อนกลับไป
ฉากต่าง ๆ พุ่งเข้าหาด้านหน้าของดงซูบินสามครั้ง
สิ่งแรกที่ดงซูบินเห็นคือถ้วยน้ำชา มันยังร้อนด้วยการลอยตัวของไอน้ำ ดงซูบินมองไปรอบๆอย่างรวดเร็วเพื่อยืนยันเวลา เผื่อว่าจำเป็นเขาจะใช้ย้อนอีกครั้ง เขามองไปรอบ ๆ และเห็นเสี่ยวหยาน,เซงอังเกา และคนอื่น ๆ ที่กำลังก้มศีรษะลงมองดูถ้วยน้ำชาและจานตรงหน้าพวกเขา ดงซูบินได้ยินหัวหน้าเจียงกำลังดุด่าเสียงดังทันที “ฉันใช้เวลาส่วนใหญ่ในชีวิตกับสำนักความมั่นคงแห่งรัฐ ตอนนี้หลานชายของฉันถูกจับและถูกผู้ใต้บังคับบัญชาทำร้าย? ทำไมสิ่งนี้จึงเกิดขึ้น บอกฉันมา!”
ช่วงเวลานี้เป็นวันที่ดีและดงซูบินยังมีย้อนกลับสำรองไว้ 1 ครั้ง
“เคาะเคาะเคาะ” พนักงานเสิร์ฟเข้ามาพร้อมกับจาน “ข้าวโพดผัดพร้อมกับถั่วไพน์ก็พร้อมแล้วค่ะ”
หัวหน้าเจียงสูดหายใจเข้าลึก ๆ และหยุดการด่าว่า จากนั้นเขาก็นั่งจิบชาแล้วหันไปหาภาพอักษะประดิษฐ์และทำหน้านิ่วคิ้วขมวด “บริกรเอาตัวอักษรนั้นออกไป”
เซงอังเกา, เสี่ยวหยาน และคนอื่น ๆ ก็ตกตะลึง
พนักงานเสิร์ฟหยุดและตอบด้วยท่าทางเศร้า “ท่านค่ะนี่เป็นเพียงการตกแต่ง ฉัน……เจ้านายของเราไม่อยู่และจะกลับมาเร็ว ๆ นี้ ฉันขอถามเขาก่อนได้ไหมเมื่อเขากลับมา? ฉันตัดสินใจไม่ได้จริงๆ”
หยานเหล่ยก้าวไปข้างหน้าทันที “แค่รีบแล้วเอาออกไป”
พนักงานเสิร์ฟตอบว่า:“เกิดอะไรขึ้นกับการประดิษฐ์ตัวอักษรนี้?”
หยานเหล่ยตอบด้วยความโกรธ:“คุณไม่เห็นหรือว่าหัวหน้าเจียงของเราไม่ชอบภาพนี้? เอามันออกไป.” เนื่องจากดงซูบินไม่ขัดจังหวะหยานเหล่ยเหตุการณ์นี่จึงแตกต่างออกไปจากก่อนหน้านี้
“ลูกค้าทุกคนช่วยทนรอได้หรือไม่? เจ้านายของเรา……”
หัวหน้าเจียงจ้องที่พนักงานเสิร์ฟ:“คุณไม่ได้ยินสิ่งที่ฉันพูดเหรอ? เอามันออกไป. หากเจ้านายของคุณไม่มีพอใจให้เขามาพบฉัน”
บริกรหญิงผิดหวัง เธอคิดกับตัวเอง มีอะไรผิดปกติกับคนเหล่านี้หรือป่าว มันเป็นเพียงภาพการประดิษฐ์ตัวอักษร
หัวหน้าเจียงเห็นว่าพนักงานเสิร์ฟยังไม่ขยับและมองผู้คนจากเขตตะวันตก "ย้ายมัน."
เซงอังเกา, เสี่ยวหยานและคนอื่น ๆ ก็สามารถบอกได้ว่าคำเหล่านี้ไม่ได้ถูกเขียนขึ้นอย่างดี มันไม่มีคุณค่าทางศิลปะใด ๆ เลยเซงอังเกามองดูหยานเหล่ยรู้สึกดีใจมาก เขารีบเดินไปหาภาพลายมือนั้นอย่างรวดเร็ว
แต่ในเวลานี้หัวหน้าซูบินซึ่งทุกคนเกือบลืมเขาไปแล้วพูดอะไรบางอย่างที่น่าตกใจ “หัวหน้าเจียงการประดิษฐ์ตัวอักษรนี้ไม่สามารถเอาออกไปได้”
อะไร?
ทำไมหัวหน้าซูบินจึงพูดเช่นนี้?
เซงอังเกา ผู้อำนวยการเจียง,หยานเหล่ย, เสี่ยวหยาน และแม้แต่หัวหน้าเจียง ก็ตกตะลึง
ไม่สามารถเอาออกไปได้? หัวหน้าซูบินกล่าวว่าการประดิษฐ์ตัวอักษรนี้ไม่สามารถเอาออกไปได้? ฉางจ้วง และ เกาแพนเหว่ย มองหน้ากัน
หัวหน้าเจียงหยุดสักครู่แล้วลุกขึ้น ‘ทำไมไม่สามารถเอาออกไปได้? นายไม่ฟังคำสั่งของฉันด้วยซ้ำ? ใครคือผู้นำที่นี่ นายหรือฉัน?’
ใบหน้าของเสี่ยวหยานเปลี่ยนไป “ซูบินนายพูดอะไร?”
ดงซูบินแสร้งทำเป็นขยิบคิ้วและสกัดกั้นทัศนะของหัวหน้าเจียงในขณะที่เขาหันมองไปที่เสี่ยวหยานกับคนอื่น
รองผู้อำนวยการสำนักที่หกก็ตกตะลึง เขาหวังให้ซูบินมาช่วยเขา แต่แทนที่จะดับไฟเขาก็เติมน้ำมันเข้าไป หัวหน้าเจียงต้องการเห็นการประดิษฐ์ตัวอักษรคุณควรไปกับเขาและวิพากษ์วิจารณ์คำเหล่านั้น แต่คุณหยุดทุกคนจากการนำมันออกมันตอนนี้หรือไม่ คุณพยายามจะทำอะไร? ทำให้หัวหน้าเจียงโกรธมากขึ้นหรอ? รองผู้อำนวยการสำนักที่หกตะโกนว่า“ซูบิน หยุดเรื่องไร้สาระของคุณเดียวนี้”
หยานเหว่ยยังไม่เชื่อในสิ่งที่เขาได้ยิน ฉันได้ยินผิดไหม บุคคลนี้พยายามทำอะไร
สิ่งที่ดงซูบินพูดเพิ่มขึ้นมานั้นมันน่าตกใจมากขึ้น
ดงซูบินชี้ไปที่การประดิษฐ์ตัวอักษรบนผนังและพูดว่า: "หัวหน้าเจียงผมขอให้หัวหน้าเขียนคำเหล่านี้หน่อยได้ไหม? จากช่วงเวลาที่ผมเห็นผลงานชิ้นเอกนี้เมื่อผมเข้ามาในห้องไม่มีคำใดสามารถอธิบายความรู้สึกของผมได้ มันเขียนได้ดีเกินไป 'ความเงียบสงบทำให้เกิดวิชชา' การมีความเงียบสงบจะไม่ทำให้จิตใจของเราหลงทางและทำให้เราไตร่ตรองถึงการกระทำของเรา สิ่งนี้จะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายได้ การประดิษฐ์ตัวอักษรนี้มีความหมายลึก จากจังหวะของตัวละคร……. สิ่งนี้จะต้องเขียนโดยระดับปรมาจารย์”
ทุกคนจากสาขาสาขาตะวันตกตก ซูบินกำลังพูดอะไร ผลงานชิ้นเอก? โกหก นี่เป็นเพียงแค่การประดิษฐ์ตัวอักษรธรรมดา ทุกคนบนท้องถนนสามารถเขียนได้ดีกว่านี้อีก
หัวหน้าเจียงตกตะลึง
เซงอังเกาเห็นว่าหัวหน้าเจียงตกตะลึงและโมโห เขาหันมามองที่เสี่ยวหยาน เสี่ยวหยานนี่คือนักดับเพลิงที่เธอชื่นชมนักชื่นชมหนาหรอ
ใบหน้าของเสี่ยวหยานดูซีดเซียวเมื่อเธอเห็นหัวหน้าเซงกำลังจ้องมองเธอ แต่วินาทีต่อมาเธอเห็นดงซูบินแอบกระพริบตาที่เธอ เหมือนเมื่อก่อน ดูเหมือนว่าเขาจะส่งสัญญาณบางอย่างเสี่ยวหยานคิดถึงการกระทำของดงซูบินเธอรู้ว่าดงซูบินไม่ใช่คนที่ยังไม่โต เขาต้องพูดสิ่งเหล่านั้นเพื่อจุดประสงค์บางอย่างเสี่ยวหยานไว้วางใจดงซูบินอย่างเต็มที่และไม่ได้หยุดเขา เธอเห็นคนอื่นกังวลใจจากคำพูดของดงซูฐิน และกระซิบต่อเซงอังเกา:“หัวหน้าเซงเพราะเราขอให้ซูบินช่วยชีวิตฉันคิดว่า……ฉันคิดว่าเราควรปล่อยให้เขาจัดการเรื่องนี้”
เซงอังเกามองที่เสี่ยวหยานอย่างประหลาด ให้เขาจัดการเรื่องนี้เหรอ? ให้เขาสร้างปัญหามากขึ้นหรอ? สิ่งนี้เรียกว่าการดับไฟ มันเหมือนการซุ้มไฟมากกว่า!
เสี่ยวหยานยิ้ม:“ดิฉันเชื่อว่าซูบินไม่ได้พูดสิ่งเหล่านั้นโดยไม่มีเหตุผล”
เซงอังเกาขมวดคิ้ว ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เสี่ยวหยานยังคงเชื่อมั่นในดงซูบินมากขนาดนี้?
หยานเหล่ยไม่ได้รับสัญญาณจากดงซูบินและจ้องที่เขา “หัวหน้าเจียงเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเขียนพู่กัน หยุดพูดเรื่องไร้สาระ!ได้แล้ว”
“เลขานุการหยานคุณเป็นคนที่ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับการประดิษฐ์ตัวอักษรเลย” ดงซูบินจงใจพูดเรื่องนี้กับหยางเหล่ย เขาพูดต่อ:“หัวหน้าเจียงถึงแม้ว่างานชิ้นนี้จะไม่มีตราประทับใด ๆ ที่ระบุว่าปรมาจารย์ที่เขียนคำเหล่านี้คือใคร แต่ผมมั่นใจว่าผู้ที่เขียนตัวอักษรทั้งสี่ตัวนี้จะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการประดิษฐ์ตัวอักษร จังหวะนั้นรวดเร็วมีพลังและราบรื่น นี่คือ……ไม่มีคำใดสามารถอธิบายถึงทักษะของนายคนนี้ได้ นี่เป็นผลงานชิ้นเอกที่ยอดเยี่ยมจริงๆ! ผมรู้สึกว่าในฐานะคนที่รักการประดิษฐ์ตัวอักษรต้องเคารพผลงานชิ้นเอกเช่นนี้ เอ้อ……ผมหวังว่าคุณจะยกโทษให้ผมเมื่อผมพูดความคิดของผม” อันที่จริงดงซูฐิน รู้ดีว่าเกี่ยวกับการประดิษฐ์ตัวอักษรเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แม้ว่าคุณจะให้แปรงเขาตอนนี้เขาก็ไม่สามารถถือได้อย่างถูกต้อง
หยานเหล่ยมีเพียงหนึ่งความคิดในใจของเขา ดงซูบินบ้าไปแล้ว!
หัวหน้าเจียงมองที่ตาดงซูบินด้วยสายตาของเขา:“ปรมาจารย์เขียนตัวอักษร?”
ดงซูบินตอบ:“ฉันคิดว่านี่ต้องเป็นงานของปรมาจารย์เทียนแน่นอน”
หัวหน้าเจียงหัวเราะ แต่ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าเขาหัวเราะด้วยความตลกขบขันหรือมีความสุขจริงๆ
ฉางจ้วงถึงกับตกใจ หัวหน้าซูบินพูดว่าอะไร เขาไม่สามารถบอกได้ว่าหัวหน้าเจียงโกรธมากขนาดไหน
เกาแพนเหว่ยก็พยายามส่งสัญญาณไปที่ดงซูบินเพื่อหยุดเขาด้วยสายตาของเขา เขาไม่ทราบว่าหัวหน้าซูบินทำอะไรจนถึงทุกวันนี้ ดงซูบินก็ยังไม่ดื่มแอลกอฮอล์เลยในวันนี้ ทำไมเขาถึงยกย่องการประดิษฐ์ตัวอักษรนี้แบบไม่หยุด? เขาพยายามทำอะไร นอกจากนี้ตัวอักษรเหล่านี้ยังไม่ได้รับการเขียนเหมือนอย่างที่ดงซูบินพยายามชื่นชม
ทันใดนั้นประตูห้องก็เปิดออกและเจ้านายของร้านอาหารก็เข้ามา
เจ้านายรู้สึกถึงความตึงเครียดในห้องและตกใจ “หัวหน้าเจียงท่านมาที่นี่หรอครับ ท่านต้องการอะไรไหม ผมจะนำมาให้ท่านเป็นการส่วนตัว” เจ้านายไม่ทราบว่าหัวหน้าเจียงต้องการให้นำตัวอักษรออกจากห้อง
ดงซูบินมองหัวหน้าและคว้าแขนของเขา “คุณคือเจ้าของร้านนี้เหรอ?”
เจ้าของร้านรู้สึกประหลาดใจ 'ฮะ? ใช่ฉันเป็น”
“อา……ในที่สุดคุณก็มา” ดงซูบิน ก็ชี้ไปที่การประดิษฐ์ตัวอักษรบนผนังอย่างรวดเร็ว “ปรมาจารย์ท่านใดที่เขียนคำเหล่านี้ ผลงานชิ้นเอกนี้เป็นของปรมาจารย์เทียนใช่หรือไม่”
เจ้าของร้านถึงกับตกใจและแอบดูหัวหน้าเจียงก่อนตอบ:“ไม่”