ตอนที่ 9 สังหารในยามราตรี
[ โลกลวงตา ]
สถานที่นั้นเป็นเพียงภาพลวงตาและอูฮยอคเองก็รู้ตั้งแต่ต้น
'มันเป็นเทคนิคที่ใช้โดยปีศาจระดับสูง'
เวทลวงตาจะแสดงความทรงจำอันแสนเจ็บปวดและทุกข์ทรมาน มันจะมุ่งเน้นทำลายดวงวิญญาณ หากต้องการทำลายมันจะต้องใช้ความตั้งใจอันเด็ดเดี่ยว
ไม่ว่าสถานะความฉลาดหรือค่ามานาของคุณจะสูงหรือไม่ก็ตาม คุณสามารถเอาชนะมันได้ด้วยความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้า
เมื่ออูฮยอคออกมาจากโลกแห่งภาพลวงตา อาดาคาร์ก็พูดกับเขา
[ เยี่ยมมากด้วยความตั้งใจที่แน่วแน่ เจ้าสามารถผ่านไปได้ ยังเหลือการทดสอบอีกไม่กี่อย่าง ]
แม้ว่าจะเป็นเพียงการประเมินแต่ อาดาคาร์ ก็สามารถตัดสินคุณสมบัติได้อย่างมั่นใจจากประสบการมากมายในการพบปะกับผู้คนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
'เขาคล้ายกับคนผู้นั้นมาก'
ครั้งหนึ่งมีชายที่ครอบครองอาณาจักรมังกรทั้งหมด
[คาร์ลอส]
เขารวบรวมเหรียญตราทั้งหมดที่ถูกซ่อนอยู่ในสถานที่ต้องห้ามของพระเจ้าและผลที่ตามมาก็คือ การได้รับคลาสซ่อนเร้น ราชามังกร
แม้ว่าภายหลังเขาจะตายอย่างน่าสมเพชจากการทรยศ แต่มรดกของเขายังคงอยู่
'บางทีมนุษย์คนนี้อาจเข้าถึงระดับนั้นได้'
[ ข้ามีภารกิจให้เจ้าทำ ถ้าสามารถทำได้สำเร็จเจ้าจะได้รับพลังที่สามารถควบคุมเผ่าพันธุ์มังกรทั้งมวลได้ ]
"มันคืออะไร?"
[ สะสมเหรียญตรามังกรทั้ง 9 และปลดปล่อยเราจากกฎเกณฑ์ของพระเจ้า ]
อูฮยอคใช้เวลาสักครู่ในการคิดสิ่งต่าง ๆ เขาประหลาดใจกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด
'ควบคุมมังกร'
อูฮยอคเคยได้ยินเกี่ยวกับคลาสซ่อนเร้น ราชามังกร แต่ไม่เคยได้ยินว่ามีใครได้รับมันมา
อีวานอฟทำได้แค่ควบคุมมังกรแดงเท่านั้น
'นี่มันวิเศษจริงๆ'
ถ้ามังกรทั้งหมดกลายเป็นบริวารของเขา การครอบครองบัลลังก์พระเจ้าจะเร็วยิ่งกว่าใคร ๆ
ถึงแบบนั้นมันก็ยังเป็นปัญหา เขาไม่รู้เลยว่าจะหาเหรียญตราทั้ง 9 จากที่ไหน และมันจะต้องใช้เวลานานขนาดไหน
สำหรับอูฮยอคที่ต้องแข่งกับเวลา นี่เป็นปัญหาที่ร้ายแรง
'เอาเถอะ เดี๋ยวค่อยคิดทีหลังแล้วกัน'
ภารกิจแบบนี้ มันน่าดึงดูดเกินกว่าที่จะปฏิเสธ เขาจำเป็นต้องยอมรับมัน
"ฉันยอมรับ."
ข้อความสีขาวปรากฏอยู่ในใจของเขา ทันทีที่ยอมรับเควส
[ระดับ 'Legendary Explorer']
[เพิ่มอัตราการดรอปไอเท็มจากมอนสเตอร์ 20%]
[การรับรู้และความเร็วเพิ่มขึ้น 20% ภายในสถานที่โบราณ]
มันไม่ใช่ระดับที่เขาคิดว่าสามารถหาได้จากป่าแห่งนี้ โดยปกติจะมีแค่ Goblin Slayer, Human Hunter หรือ Novice Explorer เท่านั้น
[ จงรับสิ่งนี้ไป ]
อาดาคาร์ หยิบไข่จากรังด้านหลังและให้วูฮยอค
มันเป็นรางวัลสำหรับการผ่านบททดสอบ
“มีมากกว่านี้ไหม?”
[ ที่เหลือสำหรับนักผจญภัยในอนาคต แม้ว่าข้าจะอยากให้เจ้าทั้งหมด แต่ข้าต้องทำตามคำสั่งของผู้สร้าง ]
อูฮยอคค่อนข้างรำคาญกับวิธีนี้ ด้วยสิ่งนี้ อิวานอฟ ยังคงมีสิทธิ์ที่จะได้ครอบครองไข่มังกร
'ฉันทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว'
มันไม่ใช่ว่าเขาจะสามารถเอาชนะมังกรทองตรงหน้าได้ และเขาก็ไม่เต็มใจที่จะอยู่ที่นี่และรอให้ อีวานอฟ ปรากฎตัว
อูฮยอควางไข่มังกรไว้ในกระเป๋าของปราชญ์แล้วหันไปรอบ ๆ ขณะที่เดินออกจากถ้ำ
'ฉันต้องรีบแล้ว'
เขาจะต้องครอบครองมังกรให้ได้ก่อนอิวานอฟ และทำลายมันซะ
แม้ว่ามันจะไม่เป็นไปตามที่คาดไว้เพราะเขาไม่สามารถป้องกัน อิวานอฟจากการได้รับมังกร แต่มันก็ยังเป็นประสบการณ์ที่ดีและเขาเองก็ได้กำไรไม่น้อย
* * *
พระจันทร์เสี้ยวส่องสว่างท่ามกลางท้องฟ้ายามค่ำคืน ค่ายเงียบสงบ
นอกจากเสียงแตกของกิ่งไม้ในเตาผิง ก็ไม่มีเสียงใดอีก
'อย่างที่ฉันคาดไว้'
จาง แทซอก พยักหน้ากับตัวเองในขณะที่เขาตรวจสอบสถานการณ์จากด้านหลังพุ่มไม้
เขาพบที่ตั้งนี้ในตอนบ่าย จากการจู่โจมของมอนเตอร์
'มีแค่คนเดียวที่ต่อสู้ได้ดี'
แต่ถึงแบบนั้น พวกที่เหลือก็ไม่ได้มีค่าอะไร การโจมตีของหนอนแดง ทำให้พวกนั้นหวาดกลัว ทำได้แค่ยืนหลบอยู่ข้างหลังเท่านั้น
'มันเป็นเรื่องง่ายๆ ในการจัดการกับไอ้พวกอ่อนแอกลุ่มนี้'
จาง แทซอก มีเรื่องราวเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองว่าเขากลายเป็นนักเดินทางได้ยังไง
ในคืนแรกที่พวกเขาถูกส่งมาที่นี่ มีการโต้เถียงกันอย่างรุนแรงในค่ายของเขา และมันนำไปสู่การดับกองเพลิง
หลังจากนั้นก็เป็นไปไม่ได้ที่จะจุดไฟอีกครั้ง สิ่งของทั้งหมดในค่าย เช่นเต็นท์และอุปกรณ์ทำอาหารหายไป
'ที่นี่จะกลายเป็นบ้านใหม่ของฉัน'
ไม่มีข้อห้ามสำหรับการย้ายฐาน และอีฟเองก็บอกไว้แล้วว่าเธอจะไม่แทรกแซงเรื่องราวระหว่างนักผจญภัยด้วยกัน
ดังนั้นเขาจึงวางแผน ในช่วงกลางดึกเขาจะลอบเข้ามา แล้วฆ่าทุกคนทิ้งซะ
'น่าเสียดายที่จะต้องฆ่าผู้หญิง ... '
ผู้หญิงหลายคนจะมีประโยชน์อย่างมากสำหรับกิจกรรมทางเพศ เขาจะยึดครองค่ายก่อนแล้วค่อยจัดการกับพวกเธอทีหลัง
'เตรียมพร้อมเรากำลังเข้าไป'
ลูกน้องของเขาติดตามมาอย่างเคร่งเครียด หลังจากตรวจสอบเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มียามแล้ว เขาก็บุกเข้าไปในเต็นท์หลังแรก
'พวกมันทุกคนหลับ และไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย'
แคมป์ไฟจะทำให้แน่ใจว่าไม่มีการโจมตีของสัตว์ประหลาดในตอนกลางคืน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ค่ายจะไม่มียามเฝ้าระวัง
จาง แทซอก มีรอยยิ้มชั่วร้ายขณะที่เขามองเข้าไปในเต็นท์ แต่สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
'อะไรวะ พวกมันทุกคนอยู่ไหน'
ไม่มีใครซักคนอยู่ในเต็นท์ เหมือนกับพวกมันจะรู้ล่วงหน้า เช่นเดียวกับเต็นท์อื่นๆ ไม่มีใครอยู่แม้แต่คนเดียว
'่พวกมันทั้งหมดออกจากค่ายไปแล้ว?'
แคมป์ไฟยังสว่างอยู่ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่พวกเขาจะจากไป
มีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นและเขารู้สึกได้ถึงลางร้าย ในขณะที่กำลังจะเรียกพรรคพวก เสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นท่ามกลางความมืด
“อ๊าคคคค!”
เขารีบวิ่งไปทันทีและเจอลูกน้องของเขา มีลูกธนูเจาะอยู่ที่ลำคอ
"แม่ง…"
จาง แทซอก สบถทันที
'พวกมันเจอเราแล้ว'
พวกมันต้องรู้ตั้งแต่แรก แต่จะเป็นไปได้ยังไงกัน ความคิดเหล่านี้วนเวียนอยู่ในหัวของจาง
“อั๊ค!”
เสียงกรีดร้องดังขึ้นมาอีก มันใกล้เข้ามา
แทนที่จะวิ่งด้วยความตื่นตระหนก เขาตัดสินใจสังเกตสภาพแวดล้อมของเขา
'ฉันจะตกหลุมพรางของพวกมันไม่ได้'
หากเขาไม่ทำใจให้สงบ สถานะการณ์จะยิ่งแย่ขึ้นไปอีก จางดึงมาเชเต้ออกมา และตะโกน
“รวมตัวกันเราจะถอยไปตั้งหลัก”
สิ่งต่าง ๆไม่เป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้ เขาตัดสินใจที่จะล่าถอยออกไปก่อน
มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นตลอดทาง ตั้งแต่เขาวิ่งเข้าไปในป่า แต่เขาตัดสินใจที่จะไม่หันกลับไปมอง
“ฮัก…ฮัก”
สมาชิกบางคน หอบเหนื่อย เพราะไม่สามารถตามความเร็วได้ทัน
ในที่สุดจาง ก็ยกมือส่งสัญญาณให้พวกเขาหยุด