GOI ตอนที่ 88 เรื่องจบ แต่เจ้าอยู่!
ในเวลาสำคัญ ทุกคนตกตะลึงไม่อาจขยับตัว กระทั่งหลินหลียังร้องเสียงหลงออกมาก่อนจะกระโจนเข้าไปพลางเรียกหุ่นเชิด แต่ระยะห่างนั้นมากเกินไปสำหรับนาง
‘เขาตายแน่!’
‘ป๋ายเสี่ยวเฟยตายแน่!’
ทุกคนมีความคิดเช่นเดียวกัน ไม่เว้นแม้แต่ป๋ายเสี่ยวเฟย!
แต่ผลลัพธ์กลับไม่เป็นดังที่ทุกคนคาด เรือนร่างสีม่วงพลันปรากฎเบื้องหน้าชายหนุ่ม ศิษย์พี่ผู้นั้นถูกส่งกระเด็นลอยออกไปด้วยความเร็วที่มากกว่าตอนเขาพุ่งเข้ามา พร้อมเสียงปัง ร่างของมันกระแทกหลายคนในระหว่างนี้
ทุกคนหันไปมองป๋ายเสี่ยวเฟย และเห็นฉากที่ทำให้พวกเขาต้องหยุดหายใจไปชั่วขณะ
หูเซียนเอ๋อร์ที่มีส่วนสูงมากกว่าเดิมหลายส่วนยืนเบื้องหน้าป๋ายเสี่ยวเฟย บนใบหน้าของนางมีขนงอกเงย ผ้าคลุมหน้าตกหล่นเนื่องเพราะความเร็ว ใบหน้าไร้ที่ติดุจเทพยดาปรากฎขึ้นในครรลองจักษุ
ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีหางจิ้งจอกสีม่วงสั่นไหวและหูปุกปุยน่าสัมผัส ทุกคนเหม่อมองฉากนี้อย่างโง่งม
‘นักเชิดหุ่นสายจิ้งจอกแปลงกาย!’
วิธีขานเรียกเช่นนี้ปรากฎขึ้นในใจของทุกคนพร้อมคลื่นซัดโถมกระหน่ำ โดยเฉพาะศิษย์ชาย!
นักเชิดหุ่นสายแปลงกายจะต้องล่า และดูดซึมจิตวิญญาณของหุ่นเชิด เพราะความเป็นเอกลักษณ์ของจิ้งจอก ทำให้ความเป็นไปได้ที่มันจะกลายมาเป็นวิญญาณหุ่นเชิดไม่มากไปกว่าความเป็นไปได้ที่นักเชิดหุ่นสายแปลงกายจะถือกำเนิดขึ้นมาบนโลก ทำให้นักเชิดหุ่นสายจิ้งจอกแปลงกายหาตัวจับได้ยาก
แต่กายจิ้งจอกมิได้ครอบครองความสามารถที่เลอเลิศ เหตุผลสำคัญคือความเปลี่ยนแปลงจากภายนอกเมื่อทำการแปลงกาย...
ทวีปชิงหลัวไม่ใช่สถานที่บริสุทธิ์ และมันสกปรกเหลือเกิน! มีเงาหลบซ่อนอยู่ทั่วทวีป และนักเชิดหุ่นสายจิ้งจอกแปลงกายสามารถดึงดูดเงาพวกนี้ออกมาได้!
ภายในทวีป มีผู้คนนับไม่ถ้วนยินยอมจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อที่จะได้นักเชิดหุ่นสายจิ้งจอกแปลงกายมาเข้าร่วม ไม่เว้นกระทั่งพวกระดับสูงขององค์กรยักษ์ใหญ่!
จึงทำให้พวกเขาสามารถโอ้อวดไปทั้งชีวิตว่าได้เห็นโฉมสะคราญแปลงกายเป็นจิ้งจอก
อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงหนึ่งส่วนของความตกใจที่ทุกคนจะได้ประสบ และอีกส่วนมาจากหลินหลีที่ปรากฎกายข้างป๋ายเสี่ยวเฟยในเวลาต่อมา!
เป็นใบหน้างามเลิศยากจะหาผู้ใดเทียบเช่นกัน เรือนร่างอรชรอ้อนแอ้นไร้ที่ติ และที่สำคัญที่สุด อาภรณ์หรูหราสีทองคำสวมใส่โดยดรุณีผู้นี้!
‘อาภรณ์ปีกฟีนิกซ์เทวะ!!!’
‘นางมีความสัมพันธ์เช่นใดกับหลินหนีฉาง!?‘
คำถามเดียวกันนี้ผุดขึ้นในใจทุกคน แต่ไม่มีใครสามารถคิดคำตอบได้...
ในอีกด้าน ถันชิวเซิงตกตะลึงเป็นอย่างมาก หากสมองผู้นั้นไม่มีปัญหา ไม่ว่าใครก็สามารถบอกได้ว่าฐานะของป๋ายเสี่ยวเฟยในใจของหลินหลีและหูเซียนเอ๋อร์ไม่มีทางต่ำ มิเช่นนั้นพวกนางไม่มีทางยอมเสี่ยงเปิดเผยความลับต่อสาธารณชนโดยไม่ลังเล!
และปัญหาคือ...
ป๋ายเสี่ยวเฟยคือใครกันแน่?
นักเชิดหุ่นสายจิ้งจอกแปลงกายกับนักเชิดหุ่นสายพลังงานที่มีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดากับหลินหนีฉาง...!
ตัวตนเช่นใดที่ทำให้สองโฉมสะคราญระดับนั้นรายล้อมข้างกายเขา!?
ด้วยโฉมสะคราญข้างกายและสิ่งที่เขาได้ทำจนถึงตอนนี้ ทุกคนเริ่มคาดเดาไปต่างๆ นานา บางคนกระทั่งรู้สึกว่าสมองของพวกมันไม่แข็งแรงพอที่จะรองรับสิ่งที่เกิดขึ้น
ในอีกด้าน ป๋ายเสี่ยวเฟยมีสีหน้าสับสนเช่นกัน...
เขารู้ว่าทำไมหลินหลีจึงได้ขุ่นเคือง แต่หูเซียนเอ๋อร์?
‘ข้าแค่พบเจอนางสองครา ใช่หรือไม่? หรือเป็นเพราะข้าเห็นนางอาบน้ำ!?’
ในใจของป๋ายเสี่ยวเฟยปั่นป่วนเล็กน้อยขณะที่เขามองเรือนร่างของหูเซียนเอ๋อร์จากข้างหลังก่อนจะกลืนน้ำลายอึกใหญ่
‘ไม่ว่าเหตุผลจะเป็นเช่นใด แต่พอมองจากมุมนี้แล้วช่าง...’
‘นี่หรือคือที่พ่อสามบอกไว้ว่าโลกนี้มีหญิงสาวบางชนิดทีล่อลวงจิตใจแค่นางยืนเฉยๆ ? แน่นอน ข้าไม่อาจต้านทานได้...’
โชคดีที่ทุกคนไม่สามารถอ่านใจกันและกัน มิเช่นนั้น สิ่งที่ป๋ายเสี่ยวเฟยคิดไว้ต้องทำให้ทุกคนสลบเป็นแน่แท้...
อมิตตาพุทธ!
ป๋ายเสี่ยวเฟยรีบปัดเป่าความฟุ้งซ่านในใจพลางดึงทั้งสองดรุณีไปข้างหลัง เป็นอีกครั้งที่เขาก้าวขาสองก้าวไปทางถันชิวเซิง
หูเซียนเอ๋อร์และหลินหลีไม่ได้ต่อต้าน แตกต่างที่หลินหลีที่มีท่าทีเป็นธรรมชาติ หูเซียนเอ๋อร์กลับ...
หวาดกลัวเล็กน้อย...?
แน่นอนว่าไม่มีใครสังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงเล็กๆ เพราะป๋ายเสี่ยวเฟยได้ดึงดูดความสนใจของทุกคนไว้
ปัจจุบัน มีคนเฝ้าจับตามองป๋ายเสี่ยวเฟยยิ่งกว่าดรุณีใดๆ เพราะทุกสิ่งที่เขาทำล้วนเกี่ยวโยงกับอนาคตของสถาบัน!
“ศิษย์พี่ การกระทำเมื่อครู่ถือได้ว่าเป็นการตัดสินใจของท่านได้หรือไม่?”
ป๋ายเสี่ยวเฟยไม่เอ่ยถึงเรื่องที่ถูกลอบโจมตี เขาสวมสีหน้าผ่อนคลายราวกับไม่มีสิ่งใดเคยเกิดขึ้น
เมื่อถูกถาม ถันชิวเซิงนิ่งเงียบไปนานก่อนจะเอ่ยปาก
“ข้าจะพาคนของข้าจากไป แต่ข้าไม่ได้เป็นคนเดียวในกลุ่ม ข้าไม่อาจตัดสินใจแทนคนอื่น”
ถันชิวเซิงเอ่ยความคิดในใจ แทนที่จะถูกอัดแล้วค่อยกลับ อย่างน้อยวิธีนี้ก็ยังกล่าวได้ว่าเขาจากไปพร้อมศักดิ์ศรี
อีกทั้งถันชิวเซิงยังเป็นคนที่เด็ดเดี่ยว เมื่อเขาเอ่ยจบ เขารีบหันไปบอกคนของเขาก่อนจะจากไปราวกับกำลังหนี
“ศิษย์พี่ที่เหลือคิดเช่นไร?”
หลังจากถันชิวเซิงจากไป ป๋ายเสี่ยวเฟยกวาดตามองศิษย์พี่ปีสามคนอื่น รอยยิ้มบนใบหน้าราวกับเป็นของปีศาจร้ายในสายตาพวกเขา
“คนของข้าจะไม่ก้าวเท้าเข้าสู่บริเวณศิษย์ใหม่อีก!”
ด้วยมีถันชิวเซิงเป็นคนนำ คนที่เหลือทั้งหมดล้วนไม่มีความตั้งใจจะขัดขืน เมื่อมีคนหนึ่งเอ่ยเช่นนี้ คนที่เหลือป่าวประกาศตามๆ กันว่าจะไม่มาที่บริเวณศิษย์ใหม่อีก
แต่ป๋ายเสี่ยวเฟยไม่มีทีท่าจะให้พวกเขาจากไปเฉกเช่นถันชิวเซิง
“ข้ารู้ว่ามีบางคนในหมู่พวกเจ้าไม่พอใจ แต่ถ้ายังไม่เห็นด้วย เช่นนั้นบริเวณศิษย์ใหม่ยินดีตอนรับทุกเวลา เมื่อพวกเราสามารถต่อต้านพวกเจ้าได้ครั้งแรก พวกเราย่อมต่อต้านครั้งต่อๆ ไปได้ ไม่ว่าจะมีเศษสวะเช่นพวกเจ้ามากมายเพียงใด สมาคมรวมพลังศิษย์ใหม่ของเราจะไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย แน่นอนว่าพวกเจ้าจะทำอันใดก็ได้กับผู้ที่ไม่ใช่สมาชิกของสมาคม”
หลังจากป๋ายเสี่ยวเฟยพูดมานาน ประโยคสุดท้ายที่เขาเอ่ยคือจุดสำคัญที่สุด
พูดให้เข้าใจง่าย ป๋ายเสี่ยวเฟยอยากใช้ทุกคนในที่นี้เพื่อกระจายข่าวเพราะไม่ใช่ศิษย์ใหม่ทุกคนจะเข้าร่วมสมาคม
ป๋ายเสี่ยวเฟยต้องการให้คนเข้าร่วมเพื่อที่ถังทองคำที่เขาได้รับถังแรกจะเพียงพอในการทำเรื่องบางอย่าง
“ไอ้หนู เจ้าหยิ่งยโสไปแล้ว จะมีวันหนึ่งที่เจ้าต้องจ่ายราคาให้กับสันดานของเจ้า!”
ศิษย์พี่อีกคนไม่อาจหยุดยั้งไม่ให้ตนเปิดปากได้ หลินหลีเกือบจะกระโจนออกไปทันที โชคดีที่ป๋ายเสี่ยวเฟยรั้งนางไว้
“ข้าหวังหว่าจะมีวันเช่นนั้น เพื่อที่ข้าจะได้บดขยี้เจ้าเฉกเช่นวันนี้!”
ป๋ายเสี่ยวเฟยยิ้มไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย
‘นี่คือสันดานของข้า!
‘เข้ามาหากเจ้าไม่พอใจ!’
กลุ่มศิษย์พี่กระจายตัวออกไป แต่ป๋ายเสี่ยวเฟยไม่คิดจะจบ
“เจ้า ศิษย์พี่ตรงนั้น ข้าบอกว่าทุกคนไปได้ แต่ไม่นับเจ้าด้วย!
เมื่อป๋ายเสี่ยวเฟยเอ่ยจบ ศิษย์พี่หยิ่งยโสที่ลอบจู่โจมเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเย็นเยียบกลางแผ่นหลัง...
‘ข้าจบสิ้นแล้ว...’