ตอนที่ 47: ควักจองยังไม่ตาย
ตอนที่ 47: ควักจองยังไม่ตาย
ภายหลังได้ยินชื่อของชายตรงหน้าที่บอกว่าชื่อควักจอง ใบหน้าของคังชอลอินก็หยุดนิ่งและแข็งทื่อไปราวกับก้อนหิน
“เสือดำ…คือควักจอง?”
คังชอลอินรีบตรวจสอบสี่สิ่งที่เขารู้เกี่ยวกับควักจองกับผู้ชายคนนี้ในทันที
หนึ่งสูบบุหรี่จัด สองเป็นนักผจญภัย สามชื่อควักจอง และถ้าหากผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเขาคนนี้มีอายุ 35 ปีจริง นั่นจะหมายความว่าชายคนนี้คือควักจองที่เขากำลังตามหา
เมื่อคิดว่าชายคนนี้เป็นควักของที่พยายามตามหามาตลอดหลายเดือนแต่กลับมาปรากฏอยู่ต่อหน้าอย่างง่ายดายเช่นนี้แล้ว มันให้ความรู้สึกราวกับว่ามีใครบางคนได้เชื่อมโชคชะตาระหว่างเขาและควักจองให้มาพบเจอกันจนได้ในที่สุด
“ไม่มีทาง”
คังชอลอินพยายามคิดถึงความเป็นไปได้ที่ชายตรงหน้าเขาคนนี้จะเป็นควักจองที่เขาตามหาอยู่จริง ๆ
สิ่งอื่นใด ภาพของนักวิชาการและทหารดูไม่เข้ากับสภาพนักเลงที่ชายคนนี้กำลังเป็นอยู่โดยสิ้นเชิง
มันเหมือนกับว่าเขาเป็นความตรงข้ามกับลีกงมยองไปแบบสุดขั้ว
ที่ผู้คนทั่วไปมักเรียกลีกงมยองว่าอัจฉริยะนั้นเพราะเขาสามารถได้รับทุนการศึกษาอันทรงเกียรติเพื่อเข้าเรียนที่ฮาร์วาร์ด นั่นคือวิธีแสดงความฉลาดของเขา
ลีกงมยองไม่ได้ถูกยอมรับแค่เพียงความฉลาดเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงภาพลักษณ์ประจำตัวที่หลายคนพากันบอกว่าเขาเป็นตัวอย่างที่ดีของความสุภาพและอ่อนโยนเช่นเดียวกับความสามารถในการสงบสติอารมณ์และความใจเย็นได้กับทุกสถานการณ์
แต่สำหรับคนนี้…นักเลง?
ควักจองที่มีความฉลาดตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างลีกงมยองเป็นนักเลง? ที่มาพร้อมกับชื่อเล่นที่ฟังดูแล้วไม่ค่อยจะตลกเท่าไหร่อย่างเสือดำ?
‘ไม่หรอก เป็นไปไม่ได้’
คังชอลอินส่ายหน้าไม่ยอมรับ
จากจำนวนประชากรทั้งหมด 51 ล้านคน คนเกาหลีที่ชื่อควักจองและอายุ 35 ปียังต้องมีอยู่ที่อื่นที่ไหนอีกสักแห่ง
ดูชิกได้ทำการตรวจสอบแค่รอบ ๆ โซลเท่านั้น หากออกค้นหาที่อื่นจะต้องมีคนที่ชื่อควักจองและอายุ 35 ปีอยู่อีกแน่นอน
“ควักจองงั้นเหรอ? หึ ปีนี้นายอายุเท่าไหร่?”
คังชอลอินแค่ลองถามเผื่อ
“หืมม...หยาบคายกันจัง”
เสือดำมองจ้องกลับมาที่คังชอลอินด้วยสายตาที่เหม็นสาบ
“ถึงจะมองฉันแบบนั้นแต่ฉันก็อยู่ในวัยสามสิบกลาง ๆ นายก็น่าจะรู้นี่ว่าการจะคุยกับผู้ที่มีอายุมากกว่าน่ะ ห้ามทำตัวไร้สุภาพนะ”
อายุของคังชอลอินเพียงยี่สิบปลาย ๆ ตามความคิดเห็นของเสือดำ แน่นอนว่าเขาจะต้องแก่กว่าคังชอลอินและมันก็ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้น
“แต่...ไม่ว่านายจะอายุเท่าไหร่ แต่การที่นายนั่งพูดกับฉันที่กำลังยืนอยู่ตรงนี้แบบนั้นมันดูไม่ค่อยเข้าทีเท่าไหร่เลยนะ ว่าไหม? ทั้ง ๆ ที่นายอ่อนดูกว่าฉันอย่างแน่นอน”
“นี่...เสือดำ” คังชอลอินเงยหน้าขึ้น
“บอกอายุนายมาทีสิ”
คังชอลอินถามพร้อมกับรอยยิ้มก่อนจะลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ทำงานของดูชิก
“……!”
คังชอลอินที่มีความสูง 184 ซม.เริ่มมองลงไปที่ควักจองที่มีความสูงอยู่แค่เพียง 170 ซม. กลาง ๆ มันเป็นธรรมดาที่เขาจะรู้สึกถูกมองอย่างดูหมิ่น
“ฟู่ววว”
กลุ่มควันบุหรี่จากปากของควักจองปกคลุมจนทั่วใบหน้าของคังชอลอิน
“ฟังนะ ไอ้ความหยิ่งทะนง...”
แต่ในขณะที่เขากำลังพูดนั้น....
ปั้ง!
คังชอลอินพลิกโต๊ะจนคว่ำแล้ววิ่งไปอยู่ประชิดตัวควักจองในทันใด
แคร่ก! แคร่ก!
โต๊ะสำนักงานขนาดใหญ่ถูกทุบจนเป็นเศษซากที่กระจัดกระจายไปทั่วทั้งสำนักงาน
“อึ่ก…”
“เสือดำ” ควักจองเองก็เกือบจะถูกบดขยี้ด้วยแรงกระแทก เขาคว้าข้อมือของตัวเองมากอบกุมและกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
ข้อมือของควักจองเต็มไปด้วยเศษไม้ที่ทำให้เลือดไหลออกอย่างพรวดพราด
“เสือดำใช่ไหม?”
คังชอลอินเดินก้าวไปข้างหน้า
……!
ทันใดนั้นใบหน้าของควักของก็ขึ้นสีซีดด้วยความหวาดกลัว
‘ใครกัน...ไอ้ตัวประหลาดนี่มันเป็นใครกันแน่!?’
ความกลัวหรือสั่นประหม่าในตอนบุกเข้ามายังสำนักงานของดูชิกที่ไม่มีในตอนแรกได้กลายเป็นความสั่นกลัวที่แทรกซึมไปอยู่ทุกส่วนของร่างกายควักจองตั้งแต่หัวจรดเท้า ตอนนี้เขากำลังรู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก ราวกับได้เผชิญหน้าอยู่กับสัตว์ประหลาดที่บ้าคลั่ง
“บอก.อา.ยุ.มา”
“แกเป็นใครถึงคิดจะมาดูถูกฉันได้วะ?!”
ควักจองเล็งเป้าเพื่อเตะต่ำเข้าใบหน้าของคังชอลอิน
“…..!”
แต่ผลสุดท้ายเขาก็ทำได้แค่เพียงเตะอัดอากาศ
“เร็วมาก?!”
“เสือดำ” ควักจองที่กำลังตกใจถูกเรียกชื่อขึ้นอีกครั้ง เขาไม่เคยเห็นใครที่จะสามารถหลบการเตะต่ำของเขาด้วยการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วและแม่นยำขนาดนี้มาก่อน
“เดาว่านายคงจะไม่ฟังกันเลยสินะ ห๊ะ?” คังชอลอินพึมพำในขณะก้าวเข้ามาใกล้เพื่อปิดระยะห่างระหว่างพวกเขา
“…….!”
ควักจองรีบตั้งการ์ดขึ้นทันใดและพยายามที่จะวางระยะห่างระหว่างเขากับคังชอลอิน แต่อย่างไรก็ตาม...
พ้าว!
ความพยายามในการตั้งการ์ดป้องกันของควักจองล้มเหลวเมื่อมือขวาของคังชอลอินสามารถพุ่งทะลุคว้าที่ไหล่ของควักจองได้อย่างง่ายดาย
‘บ้าเอ๊ย เสียท่าจนได้!’
ควักจองคิดเมื่อเขาพลาดจากการควบคุมร่างกายของตัวเอง
ตู้ม!
“อึ่ก…”
เลือดสีแดงสดถูกพ่นออกจากปากของควักจองเพราะแรงกระแทกที่โดนไปถึงด้านใน
“แค่ก ๆ ๆ!”
พยายามสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แม้ตัวเองจะทำลายปอดไปมาก ในตอนนี้ควักจองดูเหมือนคนที่ไม่สามารถจะพูดอะไรได้รู้เรื่อง
“พูดมา”
คังชอลอินตรงเข้าเหยียบส่วนลำคอของควักจองอย่างเยือกเย็นพร้อมออกคำสั่งที่ดูเหมือนจะโกรธจนคลั่ง
“อายุเท่าไหร่?”
ราวกับว่าถ้าควักจองยังไม่ยอมบอกอายุเขามาสักทีเขาจะฆ่าทิ้งซะตอนนี้จริง ๆ
“ไอ้...ไอ้สารเลว แกจะอยากรู้...อายุของฉันไปทำไมนัก...?”
ควักจองสิ้นท่าพลางสมเพชกับตัวเอง มีใครที่คิดจะเอาชีวิตของคนอื่นเพียงเพราะต้องการรู้อายุแบบนี้อีกบ้างกัน? นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบคนที่แปลกประหลาดเช่นนี้
“ฉันยังไม่คิดยอมแพ้แบบนี้หรอกเว้ย!”
ควักจองยังไม่คิดยอมแพ้
“ฮึ ลองดูสิว่าจะยังเก่งกับสิ่งนี้ได้อยู่อีกหรือเปล่า!” เมื่อพูดแบบนั้นจบ ควักจองก็เริ่มแสดงพลังมานาที่เขามีในทันใด
ผลของมานานั้นเป็นมากกว่าการเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหรือพลังงาน มันเป็นสิ่งที่สามารถเอาชนะใครบางคนที่ปกติไม่สามารถใช้มานาได้ มันสามารถพลิกกลับสถานการณ์ได้เกือบทุกประเภท
ชู่ ชู่ ...
ทันทีที่มานาเริ่มหลั่งไหลขึ้นในมือ ควักจองได้เล็กไปที่ข้อเท้าซ้ายของคังชอลอินเพื่อโจมตี
แต่ทว่าคังชอลอินกลับสามารถหลบหลีกได้อย่างรวดเร็ว และ...
“คุ่ก!…”
ด้วยความแข็งแกร่งที่ช่างน่าขัน เขาจับปกคอเสื้อของควักจองแล้วพูดอีกครั้ง
“อย่าแม้แต่จะลอง...”
คังชอลอินจับร่างของควักจองและอุ้มเขาเหมือนกับตุ๊กตาเศษผ้า
“ทดสอบ...”
จากนั้นก็โยนควักจองทุ่มลงพื้นไปอย่างแรง
แม้ควักจองจะกรีดร้อง…
“ความอดทน...”
แต่คังชอลอินที่ตอนนี้กำลังเดือดดาลจนเกินทนยังคงมุ่งมั่นเอาชนะเขาต่อไปให้ได้
“ของฉัน”
พ้าว!!
อีกครั้ง…
พ้าว!!
อีกครั้ง…
พ้าว!!
และครั้งสุดท้าย…
“อ๊ากกกกกก!!!”
ควักจองที่ซึ่งกำลังนอนราบอยู่กับพื้นในตอนนี้ตะโกนด้วยความเจ็บปวดอย่างหนัก
มานา?
หากคิดที่จะต่อสู้ก็จงเลือกฝ่ายตรงข้ามอย่างชาญฉลาด แม้เทคนิคมานาที่อ่อนแอเช่นนี้จะสามารถใช้ได้กับคนอย่างดูชิกแต่มันไม่มีทางใช้ได้ผลกับคนอย่างคังชอลอิน
“ฉันจะถามเป็นครั้งสุดท้าย”
คังชอลอินจ้องมองไปที่ควักจองด้วยแสงเยือกเย็นที่ปรากฏอยู่ในสายตา
ถ้าเขายังไม่ตอบ...?
ไม่ว่าจะเป็นควักจองจริง ๆ หรือไม่...เขาก็ไม่คิดปล่อยให้ลิงที่กล้ามาพ่นควันบุหรี่ใส่หน้าเขาต้องรอดชีวิตกลับไป
“อึ่ก… ทะ ทำไม…แกอยากรู้อายุฉันนักวะ…? อั่ก!!”
ควักจองตระหนักได้ในที่สุด การจ้องมองคังชอลอินที่ไร้ซึ่งความลังเลใด ๆ ในดวงตากำลังบอกว่าถ้าเขายังไม่ยอมบอกอายุให้อีกฝ่ายได้รู้อยู่อีก คังชอลอินจะต้องฆ่าเขาอย่างแท้จริง
“สามสิบ...สามสิบห้า!!”
ควักจองขอยอมแพ้
“สามสิบห้า... ห๊า? แว่นแคว้นแดนใดบนแพนเจียที่นายกำลังทำงานอยู่?”
“ฉัน…”
ควักจองอ้าปากเตรียมที่จะพูดอย่างหมดแรง
“ตะวันออก…ส่วนหนึ่งของ….ลามาคอส...แค่ก ๆ”
ด้วยการไอในครั้งนี้ เลือดสดมากมายถูกพ้นกระจายออกมาจากปากของเขา
“ห๊ะ... เอ่อ?!”
ควักจองไม่สามารถประคองสติของตัวเองไว้ได้อีกต่อไปและล้มลงไปกับพื้นโดยไม่รู้ตัวในที่สุด
อย่างไรก็ตามคังชอลอินไม่คิดสนใจอาการของควักจองที่กำลังเป็นอยู่นี้เลยแม้แต่น้อย
“ควักจอง สูบบุหรี่ อายุ 35 เป็นนักผจญภัย”
ทุกสิ่งที่เขารู้เกี่ยวกับควักจองมีความเกี่ยวข้องกับชายคนที่เป็นลมอยู่ตรงหน้าเขานี้อย่างสมบูรณ์แบบ และเขาก็กำลังตื่นเต้นกับสิ่งนี้อย่างมาก
“… เขตตะวันออก ราชันย์แห่งลามาคอส ควักจอง นักยุทธศาตร์ของควอทโตร … โอ้พระเจ้า แม่* ให้ตายเถอะ”
เมื่อความคิดดังกล่าวจบลง คังชอลอินก็เดินเข้าหาควักจองอย่างรวดเร็ว
“ดูชิก” คังชอลอินส่งเสียงเรียก
“อึ่ก...ค ครับบอส?”
“นายทำได้ดีมาก”
“…….?”
“ไอ้เวรนี่น่าจะเป็นควักจองที่ฉันกำลังตามหา ไม่สิ มันมีโอกาสสูงมากที่จะใช่เลยต่างหาก”
“……!”
แม้ดูชิกจะประหลาดใจและรู้สึกมึนงง แต่คังชอลอินก็ไม่ได้สนใจอะไร เขากดสายเพื่อโทรออกหาชายชราควอนขึ้นมาแทน
[ว่าไง? เนื้อนั่นมันเยี่ยมไปเลยจริง ๆ ฮ่า ๆ ๆ พลังของฉันในตอนนี้น่ะสุดยอดมากเลยล่ะ... คิ ๆ ๆ]
“ฉันมีเรื่องจะขอร้องอีกอย่าง”
[ห๊า?]
“ฉันเพิ่งทำร้ายคนไป มีวิธีไหนบ้างไหมที่ฉันจะสามารถรักษาเขาได้บ้าง?”
[เฮ้อ… เธอเพิ่งจากไปได้ไม่นานแต่กลับไปเอาชนะคนที่น่าสงสารมาอีกแล้วงั้นเหรอ? เธอนี่ช่างมีบุคลิกไม่เหมือนใครซะจริง ๆ แต่จะรักษาเขา? ทำไมเธอไม่ให้ยาที่เธอมีให้เขากินไปซะล่ะ? ฉันว่ามันน่าจะมีประสิทธิภาพกับรอยฟกช้ำพวกนั้นอยู่นะ]
“มันไม่ใช่แค่รอยฟกช้ำ ฉันต้องการตรวจสอบที่แม่นยำด้วยว่าเขาเป็นมะเร็งปอดหรือไม่”
[มะเร็งปอด?] น้ำเสียงจากปลายสายอีกด้านหนึ่งเต็มไปด้วยความประหลาดใจ หลังจากต่อสู้จนเอาชนะใครคนนั้นมาได้แต่คังชอลอิลกลับต้องการรักษาเขาอย่างเต็มรูปแบบอย่างนั้นหรือ? นี่เขากำลังพูดเรื่องบ้าอะไรอยู่?
“ฉันต้องการโรงพยาบาลที่เขาสามารถเข้ารับการรักษาและตรวจสุขภาพได้ เขาจำเป็นต้องถูกขังตัวให้ดีเพื่อไม่ให้ขยับไปไหนได้เป็นเวลาหนึ่งเดือน”
หากคน ๆ นี้เป็นควักจองที่คังชอลอินกำลังตามหาอยู่จริง ๆ เขาควรจะอยู่ในช่วงเริ่มต้นของโรคมะเร็งหรือที่เรียกว่าขั้นแรก อย่างไรก็ตามเขาต้องการหลักฐานที่เป็นรูปธรรมมากกว่านี้
[อืม…ฉันเองก็มีโรงพยาบาลที่มีความสัมพันธ์อยู่เหมือนกัน เนื่องจากเป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่เราสามารถแยกเขามาไว้ที่ห้องวีไอพีได้]
“เขาเป็นนักผจญภัย”
[อะไรนะ?! ถ้างั้นการคุมตัวเขาก็คงไม่ง่ายเลยน่ะสิ]
“ถ้าฉันมีเวลาฉันจะเป็นคนคุมขังเข้าไว้เอง แต่ตอนนี้ฉันมีธุระอื่นต้องไปทำก่อน”
คำสัญญาที่เขาได้มอบให้กับลีแชรินคู่ค้าพันธมิตรที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
เขาไม่มีแผนจะปล่อยให้ข้อตกลงที่เขาทำร่วมกับเธอหรือตัวของควักจองหลุดลอยออกไปแม้แต่อย่างเดียว
[การ์ดสิบคน ไม่สิ การ์ดระวังยี่สิบคนพร้อมกับที่ล็อคไทเทเนียมเพื่อผูกขาเขาเอาไว้เท่านี้พอใจหรือยัง?]
“ให้พวกการ์ดพกปืนไว้ด้วย ถ้าเขาคิดที่จะต่อต้านก็ไม่สำคัญว่าจะเป็นแขนหรือขา ขอให้ยิงสกัดเขาไว้ได้เลย”
[เข้าใจแล้ว ส่งตำแหน่งที่ตั้งของนายมา แล้วเดี๋ยวฉันจะส่งลูกน้องให้ไปรับในทันที]
หลังจากสิ้นสุดการโทรกับชายชราควอน เขาจ้องควักจองที่กำลังนอนไร้สติตรงหน้า
“นี่เราทำเกินไปหน่อยไหมนะ?”
“แต่การคิดว่าชายคนนี้คือควักจองแล้ว…”
“ใช่ คงไม่มีทางเป็นไปได้หรอก... ใช่ไหม?”
เขายังมีเส้นฟางแห่งความหวังหลงเหลืออยู่ นั่นก็คือการตรวจสอบว่าควักจองคนนี้เป็นมะเร็งที่ปอดด้วยหรือไม่
หากคิดถึงใครสักคนที่มีศักยภาพเท่าลีกงมยองแต่กลับมีสภาพเป็นเช่นนี้...ไม่เหมือนอย่างนายทหารหรือนายพล
“เป็นไปไม่ได้หรอก... ใช่ไหม?” คังชอลอินคิด
จากนั้นไม่นาน ชื่อของผู้ที่มีชื่อเสียงทางประวัติศาสตร์ได้ปรากฏขึ้นภายในจิตใจของเขา
หานซิ่น
หานซิ่นเป็นขุนศึกผู้ยิ่งใหญ่แห่งราชวงศ์ฮั่น เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่เรียกได้ว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด ตั้งแต่อายุยังน้อยเขาเป็นเด็กกำพร้าและต้องขออาหารเพื่อความอยู่รอดไปวัน ๆ อีกทั้งยังต้องเผชิญกับความอัปยศอดสูของการถูกโจมตีโดยพวกอันธพาล
เมื่อเปรียบเทียบกับเขาแล้ว ควักจองยังไม่ได้เลวร้ายถึงขนาดนั้น
เล่าปี่
อีกหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ เล่าปี่เป็นตัวละครหลักในช่วงเวลาของการต่อสู้ทั้งหมดและยังเป็นจักรพรรดิองค์แรกแห่งแคว้นจ๊กแต่ก็มีช่วงระยะเวลาหนึ่งในอดีตที่เขาต้องร้องขอหาอาหาร
ใช่…
ผู้คนมีการเปลี่ยนแปลง
คังชอลอินเองก็เป็นหนึ่งในชายหนุ่มยากจนที่กำลังมองหางานทุกประเภทเพื่อหารายได้ในทุกวิถีทางก่อนจะได้มาเป็นราชันย์ ควักจองที่เป็นนักเลงคนนี้เองก็มีโอกาสที่จะกลายเป็นนักยุทธศาสตร์ควักจองที่เขากำลังมองหา
‘เอาล่ะ เดาว่าอีกไม่นานเดี๋ยวเราก็ได้รู้เอง’
อย่างน้อยในตอนนี้เขาก็พบคนหน้าสงสัยที่เข้าข่ายว่าจะเป็นควักจองมากที่สุดแล้วคนหนึ่ง
“ดูชิก”
“ครับบอส”
“เดี๋ยวลูกน้องของชายชราควอนจะมาที่นี่เพื่อมาเอาตัวเสือดำไป ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับพวกเขา”
“……..!”
แม้ดูชิกจะตกใจที่รู้ว่าลูกน้องของชายชราควอนกำลังจะมาที่นี่แต่ในไม่ช้าเขาก็กลับคืนความสงบนิ่งได้อีกครั้ง
“ครับบอส!”
“ตามหาคนที่ฉันบอกให้ทำต่อไปก่อน คน ๆ นี้อาจยังไม่ใช่ควักจองที่ฉันกำลังตามหาอยู่จริง ๆ ก็ได้”
“เอ่อ...คือพวกผมขอพักสักสองสามวันก่อนจะเริ่มออกตามหาใหม่ได้ไหมหรือครับ?”
“…เรื่องของแกเถอะ แล้วฉันจะกลับมาอีกหนึ่งเดือน”
คังชอลอินเริ่มเคลื่อนไหว
“จะไปแล้วหรือครับ?”
“ฉันมีสิ่งที่ต้องไปทำ”
การจัดการกับเรื่องของลีแชรินั้นเป็นเรื่องที่เร่งด่วน เขาต้องรีบกลับไปยังทวีปแพนเจียทันทีเพื่อให้ตรงเวลา
.
.
.
‘ชอลอิน เจ้ากำลังมาแล้วใช่หรือไม่?’
ในวันแห่งคำสัญญา ลีแชรินเฝ้ารอคังชอลอินอย่างใจจดใจจ่อเพื่อรอการมาถึงของเขา
สถานการณ์ที่เป็นไปเริ่มไม่ดีขึ้นทุกวัน พวกเขาใช้กองกำลังไปหลายพันเพื่อยึดนีด้าเวลเลียร์กลับคืน และเมื่อพวกเขาคิดว่ากองกำลังของพวกเขายังไม่เพียงพอ ฝ่ายตรงข้ามก็ได้ใช้กลยุทธ์การรบแบบกองโจรเพื่อซุ่มโจมตีคนของพวกเขาและยังคงอยู่ในอาณาเขตใกล้เคียง
หากสิ่งนี้ยังคงดำเนินต่อไป ดินแดนของนางจะต้องพังทลายลงมาอย่างแน่นอน หากนางไม่สามารถจัดการกับกองโจรที่มีกลยุทธ์เหล่านี้ได้ ในอีกไม่กี่วันข้างหน้าพวกเขาจะต้องบุกเข้ามาต่อสู้ในทันที อย่างน้อยพวกเขาก็จะไม่หิวโหยหรือตายอย่างล่าช้าจากการโจมตีที่ทรมาน
และในตอนนั้นเอง
“ท่านหญิงขอรับ?”
คนแคระที่ใบหน้าแข็งทื่อได้มาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าลีแชริน
สามารถบอกทัศนคติจากวิธีการพูดของเขาได้เป็นอย่างดีว่าเขาไม่คิดเคารพแก่ราชันย์ของเขาแต่อย่างใด
“ว่ามา ผู้ช่วยสเลจน์”
และผู้ที่ปฏิบัติต่อราชันย์ลีแชรินอย่างดูหมิ่นนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้ช่วยส่วนตัวของนาง
“มีคนต้องการขอพบท่านหญิงขอรับ”
“……!”
ลีแชรินลุกขึ้นยืนจากบัลลังก์ของนางในทันใด
.
.
สามารถกดติดตามเพื่อรับอัพเดทข่าวสารเกี่ยวกับนิยายได้ก่อนใครที่ทาง แปลได้แปลเถอะ