71 การเปลี่ยนแปลงของดาวปีศาจหลี่เย้า!
71 การเปลี่ยนแปลงของดาวปีศาจหลี่เย้า!
สองสัปดาห์ต่อมา ภายในโรงพยาบาลเมืองฝูเกอ
หลี่เย้าหลับลึกราวกับเด็กทารกอยู่ภายในแคปซูลรักษา นอกจากลูกตาที่สั่นไหวอย่างบ้าคลั่งอยู่ภายใต้เปลือกตาแล้ว ก็จะเห็นได้ว่า เขายังคงบ่มเพาะอยู่ภายในความฝันอันยิ่งใหญ่นั้นอยู่
เซี่ยทิงเสียนมองดูหลี่เย้าอย่างสิ้นหวัง ในท้ายที่สุด เขาก็ไปพบกับแพทย์เพื่อยืนยันผล “หมอกู้ ยังคงไม่มีสัญญาณว่านักเรียนหลี่เย้าจะดีขึ้นมาเลยเหรอ?”
นายแพทย์ส่ายศีรษะ “ศาสตราจารย์เซี่ย คุณมีความเอาใจใส่มากเลยนะครับ แต่ความเสียหายรุนแรงที่ส่งผลเสียไปถึงรากวิญญาณ นั้นต่างไปจากอาการป่วยทั่วๆไป เพราะมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับเรื่องของเวลาเลย! ดูสิครับ นี่คือรายการอาการของเขาในหลายวันมานี้ คลื่นสมองของเขาแปลกประหลาดมาก ความถี่ของคลื่นสมองสูงสุดอยู่ที่ 17% จากนั้น 10 นาทีต่อมา มันก็ลดลงเหลือแค่ 4% นี่แสดงให้เห็นว่า ระบบประสาทของเขาสูญเสียความสมดุลมากขึ้นเรื่อยๆ หรือจะพูดอีกอย่างก็คือ จิตใจของเขาย้ำแย่ลง ถึงแม้ว่าเขาจะตื่นขึ้นมาได้ คุณยังคิดว่า เขาจะยังคงเป็นอัจฉริยะที่สถาบันของคุณต้องการอยู่อีกเหรอครับ?”
เซี่ยทิงเสียนลังเลอยู่นาน เขาถอนหายใจยาวออกมา เขาเดินไปที่มุมหนึ่งและเปิดไมโครคริสตัลเพื่อติดต่อกับทางมหาวิทยาลัยเชินห่าย
หญิงชราร่างเล็กที่สวมเสื้อคลุมตัวเก่าที่ปักด้วยด้ายสีทอง ปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอโฮโลแกรม เธอดูเหมือนจะตาบอด ดวงตาที่อยู่ภายในเบ้าตาลึกได้ส่องประกายแสงสีม่วง แผ่รังสีที่น่าหวาดหวั่นออกมา
สีหน้าของเซี่ยทิงเสียนได้แสดงความเคารพออกมาต่อหน้าหญิงชราคนนี้ เขาพูดออกมาอย่างยากเย็นว่า “คณบดีฉู จะเป็นไปได้ไหมครับ ที่จะให้เวลาผมอีกสักหนึ่งอาทิตย์?”
“คุณพูดว่าอะไรนะ?”
ภายในหน้าจอโฮโลแกรม หญิงชราตาบอดพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง ราวกับคอของเธอถูกฟันด้วยดาบ มันทั้งแหบแห้งและแหลมเสียดแทงหู “ฉันยอมรับว่าเด็กคนนี้เป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง แต่ตอนนี้ เขาก็ได้กลายมาเป็นแบบนี้ไปแล้ว มันจำเป็นที่คุณจะต้องเสียเวลาไปมากกว่านี้อีกเหรอ? มหาวิทยาลัยเชินห่ายของเรานั้นแข็งแกร่งที่สุดในสหพันธรัฐ เราคือมหาวิทยาลัยที่ครอบครองทัรพยากรจำนวนมากมายมหาศาล ไม่รู้ว่ามีอัจฉริยะกี่คนต่อกี่คนที่ต้องการเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยของเรา มันจะแย่สักแค่ไหนกัน หากเราพลาดอัจฉริยะไปสักคนหนึ่ง? มีโปรเจคอีกหลายอย่างที่รอคุณอยู่ที่มหาวิทยาลัย โปรเจคทั้งหมดกำลังรอการตัดสินใจของคุณอยู่ และหนึ่งในนั้น ก็เป็นโปรเจคขนาดใหญ่ที่ทำร่วมกับทางกองทัพ เกี่ยวกับการผลิตอาร์ติเฟ็กซ์รุ่นใหม่ขึ้นมา...ถ้าหากทหารทุกคนของสหพันธรัฐใช้อาร์ติเฟ็กซ์ที่ทางมหาวิทยาลัยของเราผลิตขึ้นมาละก็...คุณควรจะรู้นะ ว่ามันจะมีมูลค่ามากแค่ไหน”
“ผมเข้าใจแล้วครับ ผมจะกลับไปวันนี้เลย”
เซี่ยทิงเสียนขมวดคิ้ว เขาปิดคริสตัลโพรเซสเซอร์และลังเลอยู่นาน ก่อนที่ในที่สุด เขาก็ได้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด เขาหันไปเผชิญหน้ากับหมอและพูดว่า “หมอกู้ ถ้าหากว่านักเรียนหลี่เย้าตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่ ต้องให้เขาติดต่อผมมาเป็นอันดับแรกเลยนะครับ นี่เป็นหมายเลขอีแครนของผม ขอบคุณมากเลยนะครับ”
หลังจากที่พูดจบแล้ว ผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างอาร์ติเฟ็กซ์ของมหาวิทยาลัยเชินห่าย เซี่ยทิงเสียน ก็ได้เดินออกไปจากห้อง
ครั้งนี้ เขาไม่ได้หันกลับไปมองด้านหลังเลยแม้แต่น้อย
......
สัปดาห์ที่สามได้ผ่านพ้นไป
ติงหลิงตางหาวออกมาด้วยความเบื่อหน่าย จนทำให้น้ำตาเล็ด เธอจับจ้องไปที่นายแพทย์ข้างๆเธอราวสายตาของเสือร้ายตัวหนึ่ง
บนหน้าผากของหมอกู้มีเหงื่อเย็นผุดออกมาจำนวนมาก เขาออกมาอย่างตะกุกตะกักว่า “ตะ-ตะ-ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะครับ คุณติง ถึงแม้ว่า คุณจะอยู่ดูแลคนไข้มานานถึงสามอาทิตย์แล้ว และถึงแม้ว่า ทุกคนจะจากไปและเหลือแค่คุณที่อยู่ที่นี่เพียงคนเดียว แต่ผมก็ไม่สามารถยอมรับข้อเสนอในการรักษาของคุณได้จริงๆ”
“ทำไมล่ะ?”
ติงหลิงตางประสานมือเข้าหากันและหักนิ้วมือจนเกิดเสียงดังแกร๊กๆ “ถึงยังไง วิธีการรักษาของคุณก็แทบจะไร้ประโยชน์ คุณควรจะยอมให้ฉันเปิดแคปซูลนี้ แล้วลากเจ้าเด็กนี่ออกมา จากนั้น ก็ปล่อยให้ฉันซัดเขาดู เผื่อว่ามันจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง ใครจะรู้ล่ะ? ตอนที่ถูกซัดอยู่ เขาอาจจะตื่นขึ้นมาก็ได้ นี่คือสิ่งที่เรียกกันว่า การให้ยากับม้าที่ตายแล้ว!”
“ไม่ ทำไม่ได้ครับ มันเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน ทางที่ดี คุณอย่ายุ่งจะดีกว่านะครับ! ใครก็ได้ช่วยที!”
......
สัปดาห์ที่สี่ได้ผ่านเลยไป
ลึกเข้าไปภายในจิตใจ หลี่เย้ายังคงบ่มเพาะอยู่อย่างบ้าคลั่ง เขาดูดกลืนความทรงจำของโอเย่หมิงอย่างบ้าคลั่ง
การได้เข้าไปอยู่ภายในความทรงจำเหล่านั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่นับพันครั้ง เขาได้ทำการแยกมันออกเป็นส่วนๆ, กลืนกิน, ย่อยสลาย, และได้ดูดกลืนความทรงจำของโอเย่หมิง ตลอดทั้งช่วงเวลาที่เขาเป็นแรงงานระดับล่างของนิกายป่ายเลี่ยน
สุดยอดเทคนิค 108 ฝ่ามือพัวพัน คือสิ่งที่เขาฝึกฝนมันอยู่ซ้ำๆ ทำให้มันสมบูรณ์แบบ จนอยู่ในจุดที่เชี่ยวชาญยิ่งกว่าไททัน
หลี่เย้ายังได้ปรับเปลี่ยนความทรงจำของโอเย่หมิงอยู่กลายครั้ง ในตอนที่ต้องรับการโจมตีจากไททัน เขาได้ตีกระหน่ำไททันจนร่วงลงไปกองกับพื้น ทุบตีจนเลือดออกจมูกและใบหน้าโชกเลือด พร้อมกับคำรามออกมาด้วยความเกรี้ยวกราด
โชคดีที่ ความทรงจำแต่ละอันได้แยกออกจากกันอย่างสิ้นเชิง เมื่อมีความทรงจำหนึ่งเกิดการเปลี่ยนแปลง มันก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อความทรงจำอื่นๆ
หลังจากที่กลืนกินความทรงจำเมื่อครั้งยังเป็นแรงงานระดับล่างจนหมดแล้ว หลี่เย้าก็ยังคงไม่พอใจ เขาเริ่มดูดกลืนความทรงจำเมื่อครั้งที่โอเย่หมิงเป็นแรงงานตีเหล็กต่อ
แต่เมื่อเวลาผ่านเลยไป วิญญาณของเขาก็ยิ่งอ่อนแอลงไปเรื่อยๆ เขาผ่ายผอมและเหี่ยวแห้งลงไป เขารู้สึกว่า ตัวเขาสามารถหายไปได้ทุกเมื่อ
“ไม่ดีแล้ว ฉันเข้ามาอยู่ในนี้นานเกินไป ไม่รู้ว่าเวลาในโลกจริงจะผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว มันจะผ่านไปได้สักอาทิตย์หนึ่งรึยังนะ?”
วิญญาณของหลี่เย้าสั่นไหวด้วยความกลัว มันคล้ายกับปลาที่อยู่ลึกใต้มหาสมุทร กำลังเร่งรีบแหวกว่ายไปยังแสงรำไร แล้วอยู่ๆก็โผล่พ้นขึ้นไปบนผิวน้ำ
ในที่สุด ในเช้าตรู่ของวันที่ 33 หลี่เย้าก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาบนเตียงของโรงพยาบาล
เขาตื่นขึ้นมาแล้ว!
สิ่งแรกที่ปรากฏอยู่ในสายตาของเขาก็คือแผ่นยันต์สีเหลือง ซึ่งถูกติดเอาไว้บนหน้าผากของเขา หลี่เย้าเปิดปากและเป่าลงออกมา เพื่อผลักให้แผ่นผ้ายันต์ปลิวขึ้นไป
เขาพบว่า ร่างกายของเขามีกระจกบานใหญ่ครอบอยู่ ภายในแคปซูลนั้นเต็มไปด้วยอักขระนับพันติดอยู่ แสงสีขาวครีมเวียนว่ายอยู่รอบตัวของเขา เกิดเป็นเสียงดังก้อง
เสียงที่ดังออกมา ทำให้คนรู้สึกสบายตัว
กลิ่นอ่อนของยาฆ่าเชื้อโรคลอยอวลอยู่ภายในอากาศ เขาหันหน้าไปที่หน้าต่างและพบว่า มันเป็นช่วงเวลามืดสลัวก่อนที่พระอาทิตย์จะโผล่พ้นขึ้นสู่ท้องฟ้า ดวงดาวบางส่วนยังคงส่องแสงระยิบระยับอยู่ภายในความมืดมิดบนท้องฟ้า
หลี่เย้าไม่รู้ว่า เขานอนอยู่แบบนี้มานานเท่าไหร่แล้ว ร่างกายของเขาเบาโหว่งและไร้เรี่ยวแรง
แต่สมองของเขากลับเต็มไปด้วยพลังงาน วิญญาณของเขารวมตัวกันราวกับเป็นร่างอีกร่างหนึ่ง ให้ความรู้สึกที่ราวกับว่า มันไม่สามารถถูกทำลายลงไปได้
มันคล้ายกับ...
ประตูขนาดยักษ์ที่ถูกผลักให้เปิดออก ประสาทสัมผัสของเขาขยายตัวออกอย่างไร้ขอบเขต ลึกลงไปในส่วนประสาทของหลี่เย้า ได้เกิดโลกใบใหม่ขึ้นมา ในทุกจังหวะการเต้นของหัวใจ จิตใจของเขาเต็มไปด้วยพละกำลังมหาศาล!
ในครั้งนี้ ประสาทสัมผัสทั้งห้าของหลี่เย้าได้เปลี่ยนเป็นคมกริบมากยิ่งขึ้น ความสามารถในการคิดคำนวนของเขาเพิ่มสูงขึ้น เขาสามารถย้อนกลับไปในความทรงจำเมื่อหลายสิบปีก่อนได้อย่างชัดเจน เขาสามารถคำนวณโจทย์คณิตศาสตร์ที่ซับซ้อนได้อย่างง่ายดาย และเขาก็ยังสามารถได้ยินเสียงซุบซิบของนางพยาบาลสองคน ที่เดินอยู่ตรงทางเดินด้านนอกห้องพักของเขาได้อย่างชัดเจน
“นี่ เธอรู้ไหม? คนที่นอนอยู่ในห้องนั้นคือดาวปีศาจเย้าที่มีชื่อเสียงคนนั้นล่ะ!?”
“เธอกำลังพูดถึงหลี่เย้าที่โชคร้ายคนนั้นสินะ ฉันรู้จักเขา แต่ทำไมทุกคนถึงได้เรียกเขาว่า ดาวปีศาจเย้า ด้วยล่ะ?”
“ข่าวลือมีอยู่ว่า เดิมทีเขาเป็นดาวดวงใหม่ของเมืองฝูเกอ ที่ได้รับความสนใจจากคนมากมาย ขนาดเก้ามหาวิทยาลัยชั้นนำก็ยังพากันแย่งตัวเขา ทุกคนต่างก็เรียกเขาว่าเป็น ดาบปีศาจเผิงห่ายคนที่สองกันทั้งนั้น แต่เพราะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ได้ทำลายรากวิญญาณของเขาและทำให้เขาต้องอยู่ในอาการโคม่า อัตราการตื่นของรากวิญญาณของเขาตกลงไปเหลืออยู่แค่ 7% เท่านั้น เขาได้กลายเป็นคนพิการไปแล้ว ดังนั้น มหาวิทยาลัยทั้งหมดที่ก็ได้ยกเลิกข้อเสนอพิเศษที่จะให้กับเขาไปจนหมด จากดาวที่อยู่บนฟ้าก็ร่วงหล่นลงไปกลายเป็นดาวตก เฮ้อ ดาวตกที่โชคร้าย ทุกคนเลยเรียกเขาว่า ดาวปีศาจยังไงล่ะ!”
“ทั้งหมดก็เป็นแบบนี้แหละ พอฉันได้รู้เรื่องทั้งหมด ฉันก็คิดว่าเขาน่าสงสารมาก ฉันได้ยินมาว่า เขาก็เป็นเหมือนๆกับเผิงห่าย ทั้งสองเป็นเด็กยากจนที่เกิดจากในสลัม เธอดูสิ เด็กยากจนที่สามารถทะยานขึ้นสูงได้ด้วยเพียงแค่ก้าวเดียว เหมือนกับปลาที่กลายเป็นมังกร คนที่ได้รับความสนใจจากมหาวิทยาลัยชั้นนำทั้งเก้า คนที่มีโชคชะตาเดินไปบนเส้นทางของผู้ฝึกตนและเข้าสู่แวดวงสังคมชั้นสูง...แต่เมื่อถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของเขา เขากลับพบเจอกับอุบัติเหตุจนต้องกลับไปยังจุดเดิมของเขา! ถ้าฉันเป็นเขา ฉันคงเลือกที่จะนอนและไม่ตื่นขึ้นมาอีก ถ้าฉันตื่นขึ้นมาแล้วพบว่า ฉันร่วงหล่นไปไกลขนาดนั้น ฉันคงฆ่าตัวตายแน่!”
“แล้วใครบอกว่ามันจะไม่เกิดขึ้นล่ะ อัตราการตื่นของรากวิญญาณของเขาร่วงลงไปเหลืออยู่แค่ 7%...ขนาดฉันยังมีตั้ง 21% แน่ะ!”
นางพยาบาลทั้งสองหัวเราะคิกคัก
หลี่เย้านอนนิ่งอยู่บนเตียงนอน เขาฟังอยู่เงียบๆ ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยและขบขัน
“อัตรการตื่นของรากวิญญาณของฉันร่วงลงไปเหลือแค่ 7% อย่างนั้นเหรอ!? ล้อเล่นกันอยู่รึเปล่า! ตอนนี้ ฉันรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว!”
เขามองไปรอบๆ ห้องที่เขาอยู่นั้นมีระเบียงเล็กๆอยู่ด้วย
หลี่เย้าดึงท่อที่เชื่อมร่างกายของเขาออกและผลักกระจกให้เปิดออก เขาลุกออกจากเตียงอย่างเงียบเชียบ และย่องไปที่ระเบียง ก่อนที่จะปิดประตูตามหลัง
เมืองฝูเกอเป็นเหมือนกับสัตว์ร้ายที่กำลังนอนอย่างสงบนิ่งอยู่ท่ามกลางความมืดมิด
ในบางครั้ง ก็จะมียานบินขับผ่านไปมาบนท้องฟ้าที่มืดมิด พวกมันพ่นควันออกมาจนกลายเป็นภาพของสายรุ้งและก็ถูกความมืดกลืนกินไปในพริบตาเดียว
รากวิญญาณนั้นมีอยู่ในร่างกายของผู้ฝึกตนทุกคน มันเชื่อมต่อกับประสาทสัมผัสทั้งห้าและความสามารถในการคิด ความสามารถและระดับของทุกคนนั้นล้วนขึ้นอยู่กับรากวิณณาณ
“ประสาทสัมผัสทั้งห้าของฉันเฉียบคมกว่าแต่ก่อนมาก จิตใจของฉันก็ชัดเจนขึ้น ฉันสามารถจดจำเรื่องในอดีตที่ผ่านมาได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ ถึงแม้ว่าฉันจะไม่สามารถสัมผัสถึงการแตกหน่อบนหน้าผากของฉันได้ แต่ฉันก็รู้ดีว่า ประสาทสัมผัสของฉันเปลี่ยนไปอย่างมาก!”
“ถ้าประสาทสัมผัสเดิมของฉันนั้นมีขนาดพอๆกับอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก จิตของฉันในเวลานี้ก็ไม่ต่างจากมหาสมุทรที่กว้างใหญ่จนสุดลูกหูลูกตา รากวิญญาณของฉันยังแข็งแกร่งกว่าเดิมถึงสองเท่า! อัตราการตื่นของรากวิญญาณของฉันก็ยังเพิ่มขึ้นอีกกว่า 17-18% แล้วทำไมมันถึงได้ร่วงลงไปแทนที่จะเพิ่มขึ้นได้ล่ะ? เหลือแค่ 7%เองเหรอ?”
หลี่เย้าหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้
หากอัตราการตื่นของรากวิญญาณที่อยู่ๆก็ลดลงไปอย่างฉับพลัน คงจะเป็นเรื่องใหญ่อย่างแน่นอน! ยกตัวอย่างเช่น หัวของพวกเขาจะรู้สึกเจ็บปวดจนแทบจะระเบิด, ความคิดอ่านของพวกเขาจะพล่ามัว, ความทรงจำของพวกเขาจะบิดเบี้ยว, ประสาทสัมผัสของพวกเขาจะลดลง, และพวกเขาอาจจะถึงขั้นกลายเป็นคนปัญญาอ่อนได้!
เมื่อเทียบกับจิตใจที่ปลอดโปร่งและชัดเจนของเขาในเวลานี้ ที่เต็มไปด้วยพลังงานจนล้นเอ่อ ซึ่งมันต่างจากคนเหล่านั้นอย่างสิ้นเชิง!
ความคิดแรกของหลี่เย้าคือ เครื่องเซนเซอร์ของทางโรงพยาบาลอาจจะทำการตรวจวัดผิดไป แต่โอกาสที่จะเกิดขึ้นได้ก็มีอยู่น้อยมาก
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว สิ่งที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุด ก็คงจะเป็นเพราะ ในตอนที่เขาดูดกลืนความทรงจำของโอเย่หมิง เขาได้ใช้พลังงานจิตของเขามากจนเกินไป และทำให้อัตราการตื่นของรากวิญญาณของเขาลดลงไปเป็นการชั่วคราว
แต่ก็เป็นเพราะการที่เขาได้ดูดกลืนความทรงจำของโอเย่หมิงเข้าไป จึงทำให้เขาสามารถเปิดประสาทสัมผัสของเขาออกได้ จากวันนี้เป็นต้นไป การบ่มเพาะก็จะเป็นเหมือนกับทางเดินที่ราบเรียบ ที่ที่เขาสามารถวิ่งห่อออกไปได้ไกลนับพันไมล์ภายในเวลาแค่หนึ่งวัน
ริมฝีปากของหลี่เย้ายกยิ้มขึ้น เมื่อเขาคิดย้อนกลับไปถึงความทรงจำของโอเย่หมิง
เขากางขาออก แล้วชกกำปั้นออกไปหนึ่งครั้ง จนเกิดเสียงระเบิดขึ้นสามครั้ง “ปังปังปัง!” อากาศฉีกขาดถึงสามจุดตรงหน้าเขา
“ฉันเรียนรู้ท่าค้อนแทงใจได้สำเร็จแล้ว!”
“ไม่รู้ว่าฉันนอนอยู่บนเตียงได้กี่วันแล้ว ร่างกายของฉันดูดกลืนสารอาหารไปจนหมด ตอนนี้ ฉันผอมอย่างกับโครงกระดูก! ร่างกายของฉันไม่มีแรงเลย!”
“ในสภาพแบบนี้ ฉันยังสามารถฉีกอากาศออกได้ถึงสามครั้งด้วยกำปั้นเดียว ถ้าฉันได้ฟื้นตัวและได้กินเนื้อกระป๋องสตารี่สกายสักร้อยกว่ากระป๋อง ร่างกายของฉันก็คงจะกลับมาอยู่ในจุดสุดยอดเหมือนเดิม โอกาสที่ฉันจะสามารถฉีกอากาศออกได้สิบครั้ง ก็เป็นไปได้สูงมาก!”
ในตอนที่เขากำลังเงยหน้ามองท้องฟ้าในยามเช้าอยู่นั้น หัวใจของหลี่เย้าก็เต้นกระเพื่อมขึ้นลง เขาอยากจะร้องตะโกนออกมาดังๆโดยไม่สนใจใคร เพื่อปลดปล่อยความยินดีในจิตใจของเขาออกไป
การตื่นขึ้นมาในครั้งนี้ นั้นต่างไปจากการเข้าไปอยู่ในความฝันอันยิ่งใหญ่ครั้งก่อนอย่างสิ้นเชิง
เมื่อครั้งอยู่ในความฝันอันยิ่งใหญ่นั้น มันทั้งพล่ามัวและไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว ความทรงจำเหล่านั้นดูเหมือนจะหายไปในพริบตาเดียวและเลือนหายไปจากความทรงจำของเขา
ในครั้งนี้ เขาสามารถจดจำทุกรายละเอียดของความฝันได้!
ความทรงจำของโอเย่หมิงถูกส่งผ่านและกลายมาเป็นความทรงจำของเขา!
แววตาของหลี่เย้าสดใสและเป็นประกาย กระดูกทั่วร่างของเขาระเบิดพลังออกมา เขายืนชกกำปั้นค้อนออกไปที่ระเบียง ภายในหัวของเขา เต็มไปด้วยภาพของท่าค้อน 108 ฝ่ามือพัวพัน และปล่อยมันออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ เขาเคลื่อนไหวขึ้นลง เชื่อมโยงแต่ละท่าได้อย่างราบรื่น ที่ระเบียงเล็กๆเกิดคลื่นพลังจากกำปั้นของเขา คลื่นพลังที่ไหวเวียนอยู่ในอากาศ ทำให้ร่างกายของเขาเกิดเป็นภาพที่บิดเบี้ยว
“ดาวปีศาจที่ดับวูบไปอย่างนั้นเหรอ? ไม่เลว ไม่เลว ชื่อเล่นว่าดาวปีศาจ ถือเป็นชื่อที่ดีทีเดียว มันเป็นชื่อที่เหมาะกว่าอีแร้งในเวทีที่ใหญ่กว่านี้!”
“จะต้องมีสักวันหนึ่ง ที่ชื่อของดาวปีศาจจะทำให้ทั้งสหพันธรัฐต้องสั่นสะเทือน และขจรขจายไปทั่วทั้งดาวเทียนหยวน!”
ในตอนที่เขายืดกล้ามเนื้อจนสุดอยู่นั้น ที่ด้านหลังของเขาก็เกิดเสียงกรีดร้องแหลมดังขึ้น
มันเป็นเสียงที่เกิดจากนางพยาบาลที่เปิดประตูเข้ามา และได้เผชิญหน้ากับหลี่เย้าที่ยืนอยู่ตรงระเบียง ใครจะรู้ว่าเขาคิดจะทำอะไรอยู่ เธอจึงรู้สึกตกใจกลัวจนทำถาดที่อยู่ในมือหล่นลงไปบนพื้น