GOI ตอนที่ 86 เผชิญหน้า!
กลุ่มสุดท้ายที่มามีพลังรบมากที่สุด ทุกคนล้วนมีปฏิกิริยาตอบสนองที่หลากหลายกันไป ในขณะเดียวกัน หลายคนรู้สึกว่าป๋ายเสี่ยวเฟยได้ทำสำเร็จไปแล้ว
เพราะผู้มาเยือนครานี้คือหยุนจิงชวง!
แถมเขายังพาศิษย์พี่หญิงจากศาลาบุปผาสิบกว่าคนมาด้วย!
แน่นอนว่าความสามารถของศิษย์พี่หญิงพวกนี้มีจำกัด แต่ศิษย์พี่ผู้อื่นที่สมยอมมาอารักขา อนาคตของพวกเขาไม่มีที่สิ้นสุด!
ป๋ายเสี่ยวเฟยเห็นกองหนุนกลุ่มใหญ่ข้างหลังศิษย์พี่หญิงทั้งสิบกว่าคน จำนวนนั้นเยอะจนเขาอดที่จะกลืนน้ำลายอึกใหญ่ไม่ได้
‘แหงล่ะ ไม่มีวีรบุรุษคนใดรอดพ้นไปจากกรงเล็บของสาวงาม!’
ในขณะเดียวกัน ในสถานที่ซึ่งไร้ผู้ใดให้ความสนใจ ข้างบนหอพักศิษย์ใหม่ เล่ยซานปรากฎตัวอยู่ที่นั่นตั้งแต่เมื่อใดไม่มีใครทราบ ข้างกายมีโฉมสะคราญอายุสามสิบเศษๆ
“เจ้าเด็กนั่นคือคนที่ข้าเอ่ยถึงในอดีต และเป็นคนที่ก่อให้เกิดเหตุการณ์ตรงหน้าพวกเรา ข้าไม่คิดเลยว่าเขาจะทำสิ่งที่ข้าต้องการจริงๆ”
สุ้มเสียงของเล่ยซานอ่อนโยนหาที่เปรียบมิได้ ความชื่นชมแทบจะปกปิดไม่มิด โฉมสะคราญข้างกายไม่คิดจะให้ความสนใจต่อกาลเวลา นางเพียงก้มศีรษะมองเบื้องล่างอย่างเงียบเชียบ
“ข้าว่าจะให้แมวที่ท่านย่าของเจ้าทิ้งไว้แก่เขา”
เล่ยซานเอ่ย สีหน้าของโฉมสะคราญเปลี่ยนไปอย่างช่วยไม่ได้ แต่นางรีบปรับเปลี่ยนสีหน้ากลับไปเป็นเย็นชาดังเดิม
“เขาอาจจิตสลายถ้าบังคับทำพันธสัญญากับหุ่นเชิดมีชีวิต”
หลังจากผ่านไปนาน โฉมสะคราญเอ่ยเสียงเรียบประดุจกำลังพูดคุยกับคนแปลกหน้า แต่เป็นสุ้มเสียงของนางที่ทำให้เล่ยซานเผยสีหน้าประหลาดใจระคนยินดี เขาราวกับเป็นเด็กได้ของเล่น ท่วงท่าอิริยาบถของเจ้าสถาบันและยอดฝีมือไม่ปรากฎให้เห็นแม้แต่น้อย!
‘ข้าตัดสินใจถูกที่พานางมาดูป๋ายเสี่ยวเฟย!’
‘กี่ปีแล้ว!?’
‘กี่ปีแล้วที่นางไม่พูดกับข้า!?’
“ข้ารู้สึกว่าเขาจะต้องทำได้สำเร็จ เชื่อข้า ครั้งนี้ข้าจะไม่ตัดสินผิด!”
ความปลื้มปีติเปี่ยมล้นอยู่ในใจ เล่ยซานตื่นเต้นจนกระทั่งตัวสั่นเทิ้ม เขากล่าวอย่างจริงจังขึงขัง แต่โฉมสะคราญนางนั้นกลับนิ่งเงียบไม่ขยับ
“งั้นเจ้าก็มองดูต่อไป คนประเภทที่ชอบสอดรู้สอดเห็นไปทั่วจะต้องล้มไม่ช้าก็เร็ว เหมือนกับเจ้า!”
โฉมสะคราญเอ่ยก่อนจะหันมาขึงตาจ้องเล่ยซานอย่างเคียดแค้น เสียงกัดฟันกรอดและโทสะบนหน้าบ่งบอกถึงความรู้สึกที่มีต่อเล่ยซาน
ความรู้สึกของนางกระทั่งลามไปยังป๋ายเสี่ยวเฟย ทำให้ภาพลักษณ์ของเขาในสายตาโฉมสะคราญกลายเป็นย่ำแย่ แต่ป๋ายเสี่ยวเฟยย่อมไม่รู้ตัว มิเช่นนั้นเขาคงใช้โอกาสขู่กรรโชกเล่ยซานเป็นแน่แท้...
เมื่อนางเอ่ยจบ ร่างของโฉมสะคราญค่อยๆ จางหายไป เพราะไม่มีร่องรอยของนางทิ้งเหลือไว้ ทำให้ราวกับนางไม่เคยมาที่นี่มาก่อน...
“อนิจจา ชายชราผู้นี้จะได้เห็นรอยยิ้มของเจ้าอีกคราก่อนตายหรือไม่...?”
หลังจากโฉมสะคราญจากไป เล่ยซานถอนหายใจยาวเหยียด ถ้อยคำแฝงความเหงาเดียวดายปิดไม่มิด...
ในขณะเดียวกัน สถานการณ์เบื้องล่างพลันมาถึงจุดสำคัญ!
เมื่อเหลือเวลาอีกห้านาทีก่อนจะถึงสามทุ่ม กองกำลังน่าหวาดหวั่นของกลุ่มเก็บเงินค่าคุ้มครองวิ่งเข้ามาภายใต้การนำทัพของศิษย์ปีสามทั้งเจ็ด ทั้งหมดมีเกือบหนึ่งพันคน! กลุ่มใหญ่กระจายตัวออกไปเมื่อมองจากเบื้องบน แต่ก็ยังน้อยกว่ามหาสมุทรฝูงชนข้างหลังป๋ายเสี่ยวเฟยไปมากโข!
เป็นเวลาเดียวกับที่ศิษย์พี่พวกนั้นเข้าใจว่าคำพูดของถันชิวเซิงหมายความว่าอะไร
พวกเขาคิดตื้นเกินไป!
ทั้งสองกลุ่มยืนคนละด้าน ป๋ายเสี่ยวเฟยยังคงนั่งตัวตรงอยู่บนเก้าอี้ไร้วี่แววจะลุกขึ้น จนกระทั่งถึงเวลานัดหมายก็เป็นโม่ข่าที่เอ่ยเตือน ป๋ายเสี่ยวเฟยค่อยๆ เผยรอยยิ้ม ตามองไปยังถันชิวเซิงที่อยู่ห่างไปกว่าสิบเมตร
“ยินดีที่ได้รู้จัก ศิษย์พี่ ให้ข้าแนะนำตัวก่อน ข้าชื่อป๋ายเสี่ยวเฟย และข้าเป็นผู้ก่อตั้งสมาคมรวมพลังศิษย์ใหม่ เชิญให้คำแนะนำ”
ป๋ายเสี่ยวเฟยเอ่ยอย่างไม่เย่อหยิ่งและไม่ถอ่มตน ถันชิวเซิงอดไม่ได้ที่จะมีสีหน้าสลดลงเมื่อเห็นรอยยิ้มของป๋ายเสี่ยวเฟย
ตอนแรกเขาคิดแค่ว่าป๋ายเสี่ยวเฟยมีจำนวนคนที่มากกว่า แต่เมื่อเขาได้สำรวจกองหนุนของป๋ายเสี่ยวเฟยแล้ว ถันชิวเซิงพลันพบว่าป๋ายเสี่ยวเฟยไม่เพียงได้เปรียบด้านจำนวน แต่เขายังมีศิษย์ปีสามหลายสิบคนเป็นพวก และจำนวนยังไม่น้อยไปกว่าฝั่งของมันเท่าใดนัก
ในด้านอำนาจ สมาชิกทั้งหมดของพวกมันรวมกันยังไม่อาจเทียบได้กับหยุนจิงชวง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเจ้าของร้านค้าต่างๆ...
“ถันชิวเซิง ศิษย์ปีสามจากกระบี่พิฆาต”
ถึงแม้พายุจะโหมกระหน่ำอยู่ในใจ แต่ถันชิวเซิงไม่เปิดเผยออกมาแม้แต่น้อย น้ำเสียงเยือกเย็นแฝงความเย็นชา
เขาโยนลูกบอลกลับไปให้ป๋ายเสี่ยวเฟย ในเวลานี้ใครก็ตามที่เอ่ยเรื่องค่าคุ้มครองจะตกเป็นเบี้ยล่าง
“ศิษย์พี่ ข้าสงสัยบางอย่าง ท่านช่วยชี้แนะได้หรือไม่?”
ในเมื่อกับดักล่อลวงไม่ได้ผล ป๋ายเสี่ยวเฟยเปลี่ยนแผนการก่อนจะเริ่มขุดหลุมให้ถันชิวเซิง มันรู้แน่ว่าป๋ายเสี่ยวเฟยตั้งใจทำอะไรสักอย่าง แต่น่าเสียดายที่มันไม่รู้ว่ากับดักจะถูกวางไว้ที่ไหน และมันไม่มีเวลาให้ครุ่นคิดมากนักในสถานการณ์เช่นนี้
“แน่นอน”
ถันชิวเซิงยังคงรักษากิริยาเยือกเย็น มันเพ่งสมาธิเตือนตัวเองว่าจะไม่ตกหลุมพราง
แต่ถันชิวเซิงไม่รู้ว่ากับดักของป๋ายเสี่ยวเฟยพิเศษกว่าชนิดอื่น ตรงที่มันเคลื่อนตัวไปหาเหยื่อ!
“มีวิธีมากมายในการหาเงินในสถาบันชิงหลัว เหตุใดพวกท่านต้องรังแกศิษย์ใหม่ที่เพิ่งเข้าสถาบัน? เป็นไปได้หรือไม่ว่าพวกท่านทุกคนไร้น้ำยาทำเป็นแต่เรื่องพรรค์นี้?”
เมื่อป๋ายเสี่ยวเฟยเอ่ยจบ สีหน้าของถันชิงเซิงมืดหมองลง ศิษย์พี่ปีสามทั้งหมดของมันเคร่งเครียดขึ้นมา
‘หลุมพรางนี้ช่างลึกเหลือเกิน!’
“ศิษย์น้อง เจ้าล้อเล่นแล้ว! จะเรียกว่ารังแกได้อย่างไร? ในฐานะศิษย์พี่ พวกเราให้ความช่วยเหลือและคุ้มครองปกป้องศิษย์น้องจากปัญหาต่างๆ พวกเราทำเพื่อศิษย์น้อง สำหรับเรื่องค่าคุ้มครอง นั่นเป็นเพียงขั้นตอนเพิ่มเติมเท่านั้น”
ถันชิวเซิงยิ้มใช้งานกระบวนท่าพลิกคนตายสู่คนเป็น แม้คำอธิบายของเขาจะหน้าด้านถึงกับทำให้ศิษย์ใหม่แทบจะกระโจนเข้าหาเขา แต่ทุกคนก็ต้องยอมรับว่าเขาอธิบายได้ดี
ไม่เพียงแค่นั้น แต่คำของถันชิวเซิงยังทำให้ป๋ายเสี่ยวเฟยตกอยู่ในที่นั่งลำบาก!
“เช่นนั้นหรือ? แท้จริงแล้วคือข้าที่เข้าใจความหวังดีของศิษย์พี่ผิดไป?”
ป๋ายเสี่ยวเฟยเย้ยหยันพลางหันหลังกลับไปมองฝูงชน พวกเขาเหยียดหยามถันชิวเซิงกันไปต่างๆ นานา
“ศิษย์พี่ ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครเชื่อสิ่งที่ท่านกล่าว ความหวังดีของท่านต่อศิษย์น้องคงไม่พอกระมัง”
ป๋ายเสี่ยวเฟยมองถันชิงเซิงด้วยสายตาเย็นชาพลางลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้อย่างช้าๆ เขาเดินไปข้างหน้าถันชิวเซิงด้วยฝีเท้าคงที่
ในระยะประชิด ถันชิวเซิงข่มกลั้นความคิดที่จะฉีกป๋ายเสี่ยวเฟยตรงหน้าให้เป็นชิ้นๆ มันเค้นรอยยิ้มจางออกมาอย่างยากลำบาก
“เป็นเพราะศิษย์น้องทั้งหลายยังไม่ประสีประสาและไร้ความรู้ความเข้าใจต่อสิ่งต่างๆ ข้าเชื่อว่าวันหนึ่งพวกเจ้าทุกคนจะเข้าใจประโยชน์ของการถูกปกป้องโดยศิษย์พี่!”
เสียงของมันราบเรียบ แต่ไม่มีผู้ใดโง่เขลา
ถันชิวเซิงข่มขู่ป๋ายเสี่ยวเฟยและศิษย์ใหม่ทุกคนในเวลาเดียวกัน!
‘ยังมีเวลาอีกมากในอนาคต และโอกาสนับไม่ถ้วนเพื่อจัดการกับพวกเจ้า อย่าหาเรื่องใส่ตัวจะดีกว่า!’