Chapter 31 - 32: มีปัญหากับอาจารย์, ข้อพิพาทระหว่างผองเพื่อน (ฟรี)
Chapter 31: มีปัญหากับอาจารย์
ถึงเขาจะไม่ชอบกู้หนิง เขาก็ไม่อาจยอมรับได้ว่าเด็กสาวที่เคยรักเขามาก จู่ๆก็เกิดไม่สนใจเขาขึ้นมา
ฉินเจิ้งเป็นเด็กหนุ่มที่เห็นแก่ตัว เขาชอบให้คนมาหลงรักและภูมิใจที่ตัวเองเป็นที่ชื่นชอบของสาวๆ
เมื่อกู้หนิงเดินเข้ามาในห้องเรียน จ้าวเฟยเฟยมองมายังเธอด้วยสายตาไม่ชอบใจ เอาจริงๆกู้หนิงก็รู้สึกเบื่อเหมือนกัน
หยูหมิงซีเอ่ยถามกู้หนิงทันทีที่เธอนั่งลง "กู้หนิง เป็นไง ทุกอย่างโอเคไหม?”
"ดี ดีมาก" กู้หนิงตอบ
คาบแรกของช่วงบ่ายคือภาษาอังกฤษ อาจารย์ที่สอนภาษาอังกฤษมักหาเรื่องจับผิดกู้หนิงทุกครั้งที่มีโอกาส
กู้หนิงรู้ว่าที่อาจารย์ทำแบบนี้นั้นมีจุดประสงค์บางอย่าง
อาจารย์ภาษาอังกฤษ ‘เฉินหมิง’ คือลุงของเฉินจื่อเหยา เธอต้องบอกลุงของเธอเรื่องที่เธอทะเลาะกับกู้หนิงแล้ว
“กู้หนิง ไหนลองแปลประโยคนี้เป็นภาษาอังกฤษดูหน่อยสิ” เฉินหมิงเอ่ย
เป็นที่รู้กันดีในห้องว่ากู้หนิงนั้นอ่อนภาษาอังกฤษ เฉินหมิงจึงจงใจให้เธอแปลทั้งย่อหน้า แม้แต่นักเรียนที่เก่งภาษาอังกฤษในระดับสูงสุดของชั้นเรียนก็ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้
ถ้าใครสามารถแปลสองในสามได้ เขาหรือเธอคงได้งานดีๆไม่ยาก
ดังนั้นทุกคนรู้ว่าอาจารย์เฉินหมิงกำลังจับผิดเพื่อหาเรื่องกู้หนิงอย่างจงใจ
ถึงจะไม่รู้เหตุผล จ้าวเฟยเฟยและบรรดาเพื่อนของเธอต่างพอใจที่เห็นกู้หนิงตกที่นั่งลำบาก อย่างไรก็ตามกู้หนิงกลับยืนขึ้นอย่างสงบและเต็มไปด้วยความมั่นใจ
ภาษาอังกฤษอย่างกับเจ้าของภาษาที่ออกมาจากปากของกู้หนิง ทำให้ทุกคนในห้องต้องตกใจ แม้แต่เฉินหมิงซึ่งเป็นครูสอนภาษาอังกฤษก็ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้
กู้หนิงที่เคยอ่อนภาษาอังกฤษมาก่อนแต่ตอนนี้กู้หนิงกลับเปลี่ยนไป
ภาษาอังกฤษถือเป็นภาษาที่สองของเธอ เพราะเธอเคยไปเรียนที่ต่างประเทศเมื่อตอนเป็นถังอันหนิง
เธออยู่ต่างประเทศนานเกือบสิบปี ไม่แปลกที่จะพูดคล่องเหมือนเจ้าของภาษา
ถ้าไม่เห็นหน้าทุกคนอาจเข้าใจผิดเธอได้ว่าเป็นเจ้าของภาษาเสียเอง
หลังจากหายจากอาการตกใจ จ้าวเฟยเฟยและเพื่อนของเธอต่างพากันอิจฉาริษยา
ทำไมภาษาอังกฤษของกู้หนิงถึงดีขึ้นมาได้ล่ะ?
เฉินหมิงทำหน้าผิดหวัง เขารู้สึกเสียหน้าและรู้สึกอับอายต่อตัวเอง
เขาตั้งใจจะทำให้กู้หนิงเสียหน้าและหาเรื่องต่อว่าเธอ
ถึงแม้เขาจะผิดหวังแต่ก็ต้องยอมรับว่ากู้หนิงทำได้ดีกว่าเขามาก ดังนั้นเขาจึงล้มเลิกแผนการในใจเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องเสียหน้าไปกว่านี้
หลังจากจบคาบ หยูหมิงซีมองมายังกู้หนิงด้วยสายตาชื่นชมและตื่นเต้น
“กู้หนิง ฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่าภาษาอังกฤษเธอจะดีขนาดนี้!”
“ฉันสอนเธอได้นะถ้าเธอต้องการ” กู้หนิงเอ่ย
“จริงเหรอ! เอาสิๆ” หยูหมิงซีตื่นเต้น เพราะภาษาอังกฤษเธอก็ไม่ได้เรื่องเหมือนกัน
“แล้วยังไงล่ะ? เด็กผู้หญิงจนๆก็ยังเป็นเด็กผู้หญิงจนๆไม่ว่าภาษาอังกฤษจะดีแค่ไหนก็ตาม” จ้าวเฟยเฟยทนไม่ได้ที่กู้หนิงเอาชนะเธอได้อีกครั้ง ในสายตาของเธอผู้หญิงจนๆไม่มีทางเปลี่ยนแปลงชะตาตัวเองได้
“ใช่แล้วล่ะ” หยางหลูลู่และอู่ฉินหยาเห็นด้วย พวกเธออยู่กับจ้าวเฟยเฟยมานานเกินไปจนลืมสถานะของตัวเอง
กู้หนิงไม่ใส่ใจในขณะที่หยูหมิงซีรู้สึกถูกโจมตี
เฉินหมิงกลับที่ห้องทำงาน เขาส่งข้อความไปบอกเฉินจื่อเหยาว่าภาษาอังกฤษของกู้หนิงนั้นดีมากเกินกว่าจะหาข้อตำหนิได้
เฉินจื่อเหยาได้รับข้อความ เธอโมโหและผิดหวัง แต่ข้อความของเฉินหมิงก็บอกชัดแล้วว่าทำอะไรไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงต้องยอมแพ้ไป
คาบบ่ายผ่านไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่กู้หนิงกับหยูหมิงซีจะออกจากห้อง มู่เค่อก็มายืนรอพวกเธออยู่ข้างนอกพร้อมกับพูดคุยทักทายกับเด็กสาวหลายคน
“ว้าว นั่นมู่เค่อจากห้องหนึ่งนี่ เขามาทำอะไรที่นี่?”
“เขามารอผู้หญิงห้องเราเหรอ?”
“เป็นใครอ่ะ? ฉันอิจฉาจัง!”
“ใช่แล้วล่ะ ฉันหวังว่าเขาจะมาหาฉัน”
“ฝันไปเถอะย่ะ เธอน่ะไม่ใช่สเปคเขา!”
…
ถึงแม้มู่เค่อจะไม่ใช่ผู้ชายที่หล่อที่สุดในโรงเรียน แต่เขาก็โดดเด่นพอสมควร ทั้งเรียนเก่งและเล่นบาสเก็ตบอลแถมยังมีภูมิหลังครอบครัวที่ดี ไม่แปลกที่เขาจะโด่งดังในชั้นเรียนม.6
“มู่เค่อนายมารอใครที่นี่เหรอ?”
กู้หนิงและหยูหมิงซีเดินออกมานอกห้องระหว่างที่จ้าวเฟยเฟยเดินไปหามู่เค่อและเอ่ยถามเขา
จ้าวเฟยเฟยดูเหนียมอาย ตอนนี้เธอเหมือนไม่ใช่เด็กสาวที่หยิ่งยโสอย่างทุกที กู้หนิงรู้ทันทีว่าจ้าวเฟยเฟยต้องแอบชอบมู่เค่อแน่
ช่างโชคร้ายมู่เค่อกลับไม่ได้ชอบเธอ
“ฉันมาหา…” มู่เค่อไม่ใช่คนหยิ่งแต่ก็ไม่ได้อ่อนโยน เขาปฏิบัติต่อคนอื่นด้วยมารยาทที่ดีตามปกติ
ดังนั้นเขาจึงตอบคำถามของจ้าวเฟยเฟยตามปกติ
แต่ก่อนที่เขาจะตอบคำถามจ้าวเฟยเฟย เขาก็เห็นกู้หนิงและหยูหมิงซีเดินออกมาจากห้อง เขาสาวเท้าเดินไปหาและทิ้งจ้าวเฟยเฟยให้ยืนอยู่ตรงนั้นคนเดียว
“เฮ้ บอส, หมิงซี ไปกินข้าวกัน!”
บอส? ทุกคนที่อยู่รอบๆพากันประหลาดใจและดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างขึ้น พวกเขาจับจ้องไปที่มู่เค่อจากนั้นก็กู้หนิง
อะไรนะ? บอส? ทำไมมู่เค่อถึงเรียกกู้หนิงว่า ‘บอส’ ?
เกิดอะไรขึ้น?
“ไปกันเถอะ” กู้หนิงไม่สนใจนักเรียนคนอื่นที่กำลังช็อคอยู่ และเดินจากไปพร้อมกับมู่เค่อและหยูหมิงซี
หลังจากกู้หนิงและเพื่อนเดินจากไปได้สักครู่ ทุกคนก็มีสติกลับมาอีกครั้งและเริ่มซุบซิบ
“อะไรนะ นี่ฉันได้ยินถูกไหม? มู่เค่อเรียกกู้หนิงว่าบอส?”
“เธอได้ยินถูกแล้วล่ะ เพราะพวกเราก็ได้ยินแบบนั้นเหมือนกัน”
“แต่ ไม่จริงน่า! เกิดอะไรขึ้น?!”
“ใครจะรู้!”
“มู่เค่อชอบกู้หนิงรึเปล่า? ถึงกู้หนิงจะยากจนแต่เธอสวยนะ!”
“ถ้างั้นทำไมมู่เค่อต้องเรียกเธอว่าบอสล่ะ?”
“บางทีอาจเป็นเพราะเขาชอบแบบนั้นมั้ง!”
…
ในขณะเดียวกัน จ้าวเฟยเฟยรู้สึกโกรธมาก เธอตะโกนดังๆในใจด้วยความคับแค้น เธอชอบมู่เค่อมาก ทำไมเขาถึงเลือกกู้หนิง?
กู้หนิงเป็นใคร! เธอก็แค่เด็กสาวยากจนและไม่มีอะไรเทียบเท่าจ้าวเฟยเฟยได้เลยสักนิด
เห็นได้ชัดว่าจ้าวเฟยเฟยเชื่อไปแล้วว่ามู่เค่อชอบกู้หนิง
เธอไม่สามารถรับความจริงข้อนี้ได้และจะต้องเอาคืนกู้หนิงให้สาสมแน่
แต่ใครที่จะเป็นคนเอาคืนใครนั้นก็ไม่แน่ใจนัก กู้หนิงไม่ใช่หนึ่งในนั้นแน่ๆ
กู้หนิงไม่สนใจว่าใครจะซุบซิบเรื่องเธออย่างไร พวกเขาทั้งสามต่างมุ่งเดินไปยังโรงอาหารชั้นสอง มื้อนี้มู่เค่อก็เป็นคนเลี้ยงเช่นเคย
หยูหมิงซีกระอักกระอ่วนใจเล็กน้อยแต่กู้หนิงกลับรู้สึกสบายอกสบายใจ
ฉินเจิ้ง จางอี้หมิง ฝูหมิงเหลียง กู้เซียวเซียวและเฉินจื่อเหยาล้วนเป็นเด็กฐานะร่ำรวย พวกเขามาโรงอาหารชั้นสองเพื่อมาทานข้าวเช่นกัน เมื่อกู้หนิงและเพื่อนของเธอเดินมาถึง ทั้งสองกลุ่มก็ประจันหน้ากัน..
Chapter 32: ข้อพิพาทระหว่างผองเพื่อน
เมื่อเห็นมู่เค่ออยู่กับกู้หนิง ฉินเจิ้งและเพื่อนต่างพากันประหลาดใจ
จางอี้หมิงพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ “มู่เค่อ ทำไมนายถึงมากับเธอ?”
คำว่า ‘เธอ’ เน้นเสียงหนักเพื่อแบ่งแยกระดับชนชั้นกับพวกเขา
ได้อย่างยินอย่างนั้นมู่เค่อขมวดคิ้วไม่พอใจ “ไม่ใช่เรื่องของนายว่าฉันจะมากับใคร” มู่เค่อตอบอย่างไม่เป็นมิตร
จู่ๆฝูหมิงเหลียงก็ตะโกนขึ้นอย่างแปลกใจ “พระเจ้า นี่นายชอบกู้หนิงเหรอ? เป็นไปได้ยังไง? เธอยากจนจะตาย ไม่เหมาะกับนายสักนิด!”
ฝูหมิงเหลียงเชื่อไปแล้วว่ามู่เค่อชอบกู้หนิง เขาไม่ได้ปิดบังความไม่พอใจของเขาแต่แสดงออกอย่างเห็นได้ชัด
“หุบปากนายซะ!” มู่เค่อหงุดหงิด กู้หนิงเป็นบอสของเขาและยังเป็นคนสำคัญของเขาอีกด้วย เขาทนไม่ได้หากมีใครว่าเธอต่อหน้าเขา
มู่เค่อมองฝูหมิงเหลียงอย่างเย็นชา เขาพร้อมจะมีเรื่อง
“ฝูหมิงเหลียง ถ้านายกล้าพูดอย่างนั้นอีก ฉันอัดนายแน่!”
ท่าทีของมู่เค่อที่แสดงต่อฝูหมิงเหลียงทำให้ฝูหมิงเหลียงโมโหขึ้นมาจริงๆ เขาตะโกนใส่มู่เค่ออย่างเกรี้ยวกราด “มู่เค่อ นายเป็นบ้าอะไร? นายอยากจะต่อยเพื่อนเพราะยัยนี่งั้นเหรอ!”
เสียงตะโกนของฝูหมิงเหลียงเรียกความสนใจจากทุกคน
“น่าสนใจดีนี่” มู่เค่อหัวเราะอย่างเหน็บแนม “พูดตามตรงฉันไม่ได้อยากเป็นเพื่อนกับพวกนายเลยว่ะ พวกนายมันก็แค่ไอ้ลูกจ๊อกที่ชอบรังแกคนที่อ่อนแอกว่า พวกนายยังต้องพึ่งพาพ่อแม่ตัวเองอยู่เลย ภูมิใจมากไหม? ฉันละอายแทนพวกนายจริงๆ ลองพึ่งตัวเองดูบ้างนะ!”
มู่เค่อต่อว่าและเพิ่มความไม่พอใจท่ามกลางพวกเขาอีกด้วย
เฉินจื่อเหยาเปิดปากพูดคนแรก เธอจำได้ว่ากู้หนิงตบหน้าเธอเมื่อวาน “แล้วทำไมพวกเราจะเรียกเธอว่ายัยเด็กยากจนไม่ได้ล่ะ? ก็เธอจนนี่! และผิดตรงไหนที่พวกเราพึ่งพาพ่อแม่ ก็ครอบครัวพวกเรารวย!”
“ใช่แล้ว เธอเกิดมาจนเอง น่าสมเพช!” กู้เซียวเซียวเอ่ยสำทับขึ้น
“มู่เค่อ แล้วตัวนายเองล่ะ? นายเปิดร้ายขายจิวเวอร์รี่ก็ไม่ใช่เพราะเงินของพ่อแม่นายเหรอ? ฝูหมิงเหลียงไม่พอใจ เขาอิจฉามู่เค่อและยังริษยาอีกด้วย
ฝูหมิงเหลียงไม่สนใจที่จะทำธุรกิจและยังไม่อยากทำงานหนัก เขาแค่อิจฉาที่มู่เค่อได้กำไรจากการทำธุรกิจเท่านั้นเอง
เขาไม่ต้องการให้มู่เค่อได้ดีกว่าเขา
กู้หนิงแปลกใจ เธอไม่คิดว่ามู่เค่อจะทำธุรกิจตั้งแต่อายุยังน้อย
ร้ายขายจิวเวอร์รี่งั้นเหรอ ดูเหมือนว่าเธอจะพบคนที่อยู่ระดับเดียวกับเธอแล้ว
“แล้วไง อย่างน้อยครอบครัวฉันก็ช่วยแค่เรื่องเงินก็แค่นั้น” มู่เค่อไม่ต้องการอวด เขาแค่บอกความจริง
กู้หนิงสนับสนุนมู่เค่อในใจ เธอยอมรับว่าเด็กหนุ่มอย่างมู่เค่อนั้นมีความสามารถจริงๆ
หากเป็นไปได้เธอเองก็อยากจะร่วมงานกับเขา
“แก…” ฝูหมิงเหลียงยังไม่พอใจแต่เขาก็รู้ความจริงข้อนี้ดี เขาหาคำพูดโต้กลับไม่ได้
ฝูหมิงเหลียงยกธงขาวขณะที่กู้เซียวเซียวยังไม่ยอมหยุด “เชอะ กู้หนิง! เมื่อวานแกบอกว่าแกจะรวย หมายความว่าแกมีแฟนรวยอย่างมู่เค่องั้นสิ?”
“ถึงมู่เค่อจะมาจากครอบครัวร่ำรวย ถึงอย่างนั้นแกก็ไม่มีทางแต่งงานเข้าบ้านเขาได้หรอก มู่เค่อต้องทิ้งแกไม่เร็วก็ช้า ก็หวังว่าแกจะไม่มีจุดจบเหมือนแม่ของแกที่ท้องไม่มีพ่อแล้วต้องออกจากมหาวิทยาลัยกลางคัน ตอนนี้เธอ….อ๊า!!!”
กู้เซียวเซียวยังพูดไม่จบประโยค เธอก็ร้องออกมาเสียงดังซึ่งทำให้คนที่อยู่ในโรงอาหารตกใจกับเสียงร้องของเธอไปด้วย
โดยเฉพาะคนที่ยืนอยู่ใกล้เธอ พวกเขาหูแทบหนวก
ตอนนี้บนศีรษะของกู้เซียวเซียวมีจานข้าววางอยู่ อาหารและน้ำมันต่างไหลย้อยลงไปตามหน้า ผม และเสื้อผ้าของเธอ มีไข่ติดอยู่ที่หน้าเธอด้วย
ในเวลาเดียวกันนั้นเองทุกคนก็จ้องไปที่กู้หนิงอย่างตกใจ
พวกเขาเห็นชัดเจนว่ากู้หนิงขว้างจานอาหารไปยังกู้เซียวเซียว จานนั้นหมุนวนอยู่กลางอากาศเป็นวงกลมหลายรอบก่อนตกไปยังศีรษะกู้เซียวเซียว
บังเอิญเหรอ? ไม่น่าใช่
กู้หนิงใช้วิทยายุทธ์?
เมื่อคิดได้ดังนั้นทุกคนต่างมองกู้หนิงต่างไปจากเดิมโดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบการต่อสู้
“ว้าว บอส เจ๋งมาก! ฉันอยากทำอย่างนั้นได้บ้างจัง!” มู่เค่อเอ่ยชื่นชมอย่างตื่นเต้น เขาชอบกู้หนิงมากขึ้นกว่าเดิม
บอส? เหล่าผู้รับชมตกใจอีกครั้งหนึ่ง
มู่เค่อเรียกกู้หนิงว่าบอส? เกิดอะไรขึ้น?”
กู้หนิงไม่สนใจมู่เค่อ สายตาของเธอจับจ้องไปยังกู้เซียวเซียว
“กู้เซียวเซียว หุบปากเหม็นๆของเธอซะ ถ้ายังพูดไม่ดีถึงแม่ฉันอีก ฉันจะต่อยเธอให้คว่ำลงไปนอนบนพื้นแน่!”
“อีนังบ้า ฉันจะฆ่าแก!!!” กู้เซียวเซียวไม่สนคำเตือนกู้หนิง ตอนนี้เธอสติหลุดไปแล้ว เธอวิ่งเข้าใส่กู้หนิงจานที่อยู่บนหัวเธอร่วงลงมาแตก
กู้หนิงยิ้มเย้ยหยัน เธอคว้าโต๊ะที่อยู่ใกล้ขึ้นมาบังเธอไว้ จากนั้นกู้เซียวเซียวก็ปะทะเข้ากับโต๊ะอย่างจัง
ทุกคนต่างตกใจอีกเป็นรอบที่สาม
โต๊ะนั้นหนักมาก กู้หนิงทำได้ยังไงถึงขยับโต๊ะได้ง่ายดายเช่นนี้?
ตอนนี้ทุกคนเชื่อแล้วว่ากู้หนิงนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้ของจริง
กู้เซียวเซียวเป็นแฟนฉินเจิ้ง เมื่อเห็นกู้เซียวเซียวถูกกระทำ เขาก็รู้สึกอับอายไปด้วย ตอนนี้เขาต้องยืนอยู่ข้างกู้เซียวเซียว
“กู้หนิงเธอทำเกินไปแล้ว!” พูดเสร็จเขาก็เดินไปพยุงกู้เซียวเซียวให้ลุกขึ้น
“น่าสนใจนี่” กู้หนิงยิ้มเยาะอีกครั้ง เธอมองเขาอย่างมีเลศนัย
“เอาจริงดิ? เทียบกับสิ่งที่นายทำกับฉันแล้ว ฉันทำเกินไปงั้นเหรอ? ถ้านายไม่ว่าอะไรฉันก็เต็มใจที่จะบอกความจริงกับทุกคน และให้พวกเขาเป็นคนตัดสินเองล่ะกัน”
กู้หนิงไม่ได้อยากมีเรื่อง แต่คนพวกนี้ก็ไม่ยอมปล่อยให้เธออยู่อย่างสงบ เธอจึงตัดสินใจสู้กลับให้มันจบๆไป
“เธอ….” ฉินเจิ้งจนมุม เขารู้ดีว่าพวกเขาทำอะไรกับกู้หนิงไว้
พวกเขาทำอะไรกับกู้หนิงน่ะ?
คนที่อยู่วงในรู้ว่ากู้หนิงสื่อถึงอะไร แต่เหล่าบรรดาคนที่อยู่นอกวงต่างพากันสงสัยอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น สายตาอยากรู้อยากเห็นมองไปที่กู้หนิง กู้เซียวเซียวและฉินเจิ้ง
มู่เค่อเป็นผู้ที่อยู่วงใน ในขณะที่หยูหมิงซีรู้ความจริงเพียงครึ่งเดียว
“ให้อดีตเป็นอดีต ตอนนี้เธอก็สบายดีแล้ว” ฉินเจิ้งเป็นกังวลว่ากู้หนิงจะบอกความจริง