บทที่ 204 อุกาบาตรสังหาร
“เจ้าหมากลับมานี่!”
เจียงอี้เก็บหมาป่าจันทราสีเงินกลับเข้าไปและปลดปล่อยเพลิงโลกาออกมา ในเวลาเดียวกันนั้น ไข่มุกวิญญาณเพลิงก็ปล่อยพลังงานบางอย่างเข้ามาในห้วงวิญญาณของเขา
จากนั้นดวงวิญญาณของเขาก็ค่อยๆเปล่งแสงสีทองสว่าง ซึ่งกำลังขับไล่แสงสีแดงฉานในดวงตาของเจียงอี้และนำเขาออกมาจากสภาวะบ้าคลั่งของเจตจำนงสังหาร
“หืม?”
จ้านอู๋ซวงเป็นคนแรกที่มีปฏิกิริยา เขาหยุดฝีเท้าทันทีและจ้องมองไปยังเจียงอี้ด้วยความตกตะลึงก่อนที่จะเอ่ยถาม
“เจียงอี้ นี่เจ้าสามารถบรรลุขั้นที่สามของเจตจำนงสังหารได้แล้วรึ? เจ้าสามารถควบคุมมันได้ตามใจปรารถนาแล้วใช่หรือไม่?”
“ก็ไม่เชิง!”
เจียงอี้ส่ายศีรษะและเลี่ยงจะที่กล่าวอธิบายเนื่องจากเขาไม่อยากเอ่ยถึงไข่มุกวิญญาณเพลิงมากเกินไป
“ไปจากที่นี่ก่อน รอข้าฟื้นฟูพลังเสร็จแล้วเราค่อยกลับมาฆ่าพวกมันอีกรอบ!”
จ้านอู๋ซวงพยักหน้าและพวกกันลงไปใต้ดินเพื่อซ่อนตัว หยุนเฟยควบคุมรากไม้เพื่อทำการปิดทางเข้าออกทั้งหมด
แม้ว่าจะมีใครบางคนมาพร้อมกับสิ่งประดิษฐ์ระดับสวรรค์และสามารถตัดทำลายรากไม้พวกนี้ได้ ถึงอย่างนั้น พวกเขาทั้งสามคนก็สามารถจากไปได้ตลอดเวลา
“นี่… นี่มัน…”
กำลังเสริมนับพันมาถึง แต่พวกมันทั้งหมดกลับต้องอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง เมื่อฟังคำอธิบายจากผู้รอดชีวิต สีหน้าของพวกมันถึงกับเผยให้เห็นความหวาดกลัวและเหลือเชื่อ
ด้วยกำลังของคนสองคนกลับสามารถสังหารนักสู้มากกว่าหกร้อยคนได้ในเวลาสั้นๆ? นี่ยังไม่นับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวกว่ายี่สิบคนที่เอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่?
“ป่าแห่งนี้มีบางอย่างผิดปกติ!”
หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญที่ดูมากด้วยประสบการณ์เอ่ยขึ้นมา ทันใดนั้นเขาก็นำสิ่งประดิษฐ์ระดับวิญญาณของตนขึ้นมาและฟันไปที่ต้นไม้ก่อนจะกล่าว
“ส่งคนไปแจ้งต่อองค์ชาย ให้เรียกผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดมาที่นี่พร้อมกับสิ่งประดิษฐ์ระดับสวรรค์หรือสูงกว่า พวกเราต้องจัดการป่าอาถรรพ์นี่ก่อน!”
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวที่เหลือต่างก็ตอบสนองคล้ายคลึงกันและพยายามที่จะทำลายต้นไม้สีเหลืองที่อยู่รอบๆ แต่เสียดายที่ผลลัพธ์กลับล้มเหลวเช่นเดิม
ในขณะที่ทุกคนกำลังตื่นตระหนกกับเรื่องประหลาด หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวก็รับฟังรายงานจากนักสู้ขอบเขตจื่อฝู่ที่รอดชีวิต จากนั้นเขาก็ตะโกนขึ้นมาอย่างเร่งรีบ
“ใครก็ได้รีบกลับไปรายงานองค์ชายที บอกพระองค์ว่า… องค์หญิงหยุนเฟยอยู่กับเจียงอี้! รีบแจ้งเรื่องนี้ให้พระองค์ทราบและเรียนเชิญแม่นางสุ่ยมาด้วย หากไม่มีสิ่งประดิษฐ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ของนาง พวกเราจะตายกันหมด!”
“องค์หญิงหยุนเฟย?!”
เหล่าสมาชิกจากตระกูลใหญ่ของอาณาจักรเทียนเซวี่ยนต่างก็พากันขมวดคิ้ว พวกเขารู้ดีว่ามีสองขั้วอำนาจที่กำลังแก่งแย่งชิงดีกันในตระกูลราชวงศ์
หลังจากที่พี่ชายของหยุนเฟยตายจากไป คนจำนวนมากต่างก็ต้องหันมาสวามิภักดิ์ต่อหยุนเฮ่อโดยปริยาย
ดังนั้น เมื่อมีองค์หญิงหยุนเฟยเข้ามาเกี่ยวข้องในตอนนี้ พวกเขาต่างก็เริ่มแสดงความลังเลออกมา
ไม่มีใครกล้าที่จะเคลื่อนไหวด้วยความประมาทและยังคงยืนอยู่ที่เดิมด้วยความตื่นกลัว มีหลายคนภาวนาขอไม่ให้เจียงอี้ออกมาทำการเข่นฆ่าก่อนที่หยุนเฮ่อและสุ่ยเชียนโหรวจะลงมือทำลายป่าอาถรรพ์บ้านี่
ฟึ่บ!
แต่ไม่นานนัก สีหน้าของคนเหล่านี้ก็เผยให้เห็นความสับสนเมื่อมองเห็นนักสู้สองคนที่กลับไปรายงานต่อทัพหลักเมื่อครู่เดินกลับมา… ทำไมถึงได้กลับมาเร็วเช่นนี้? ยิ่งไปกว่านั้น ทำไมสีหน้าของพวกเขาจึงดูหวาดผวานัก?
พวกเขาสองคนรีบเดินเข้ามาใกล้และร้องเสียงหลง “นายน้อยหมิง! นายน้อยกู่! ที่นี่มันคือป่าผีสิงขอรับ มันเป็นเขาวงกต! พวกเราเดินตรงไปทางนั้น แต่จู่ๆก็กลับมาที่เดิมขอรับ!”
“ไร้สาระ!”
เห็นได้ชัดว่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวคนนั้นไม่เชื่อคำพูดของพวกเขาและตัดสินใจที่จะกลับไปพบหยุนเฮ่อด้วยตัวเอง แต่ผลลัพธ์ก็คือ สามสิบนาทีต่อมา เขากลับมาที่เดิมซึ่งทำให้หลายคนตกใจ
“นี่มันคือรูปแบบเขาวงกตตามธรรมชาติหรือถูกองค์หญิงหยุนเฟยสร้างขึ้นมากันแน่?” ทุกคนต่างก็เริ่มตั้งข้อสงสัย หลายคนเริ่มหวาดกลัว แต่จะโทษพวกเขาก็ไม่ได้เพราะสิ่งที่ไม่รู้จักคือบ่อเกิดชั้นดีของความกลัวในใจมนุษย์
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
แต่ทันใดนั้นเอง เสียงลูกศรที่ถูกปล่อยจากหน้าไม้ก็ดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย ส่งผลให้กลุ่มคนแตกตื่นยิ่งกว่าเดิม
“เจียงอี้!”
ม่านตาของบรรดาผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวหดแคบลงขณะที่กระโจนเข้าหาเจียงอี้อย่างพร้อมเพรียง หนึ่งในพวกมันร่ายคาถาและก่อให้เกิดแสงสีเหลืองบนร่างกายจากนั้นก็คำราม
“อุกกาบาตสังหาร!”
ตู้มม! ตู้มม!
ลูกหินขนาดใหญ่หลายก้อนปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของเจียงอี้และหล่นลงมาด้วยความเร็วสูง ดวงตาของเขาจ้องเขม็งไปที่มัน เพราะนี่เป็นครั้งแรงที่เขาเห็นเวทมนตร์เช่นนี้ แต่ก็ดูเหมือนว่ามันไม่ได้ทรงพลังเท่าใดนัก
เจียงอี้ไม่ได้หวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย เขาชักดาบเกล็ดทมิฬขึ้นมาและฟาดฟันใส่หินยักษ์เหล่านั้นจนกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อย
“ตาย!”
แท้จริงแล้วหินยักษ์แค่ทำหน้าที่ถ่วงเวลาเจียงอี้ไว้เท่านั้น เหล่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวที่ตามมาทันต่างก็ปลดปล่อยการโจมตีสุดกำลังของตนออกมา
“ไปเร็ว!”
เจียงอี้ควบปีศาจหมาป่าและพยายามจะหลบหนี แต่ทันใดนั้น พื้นดินก็สั่นไหวอย่างรุนแรงทำให้หมาป่าจันทราสีเงินเสียสมดุลจนเกือบทำให้เจียงอี้หล่นจากหลังของมัน
เขาหันไปมองพื้นเบื้องล่างพร้อมกับสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเพราะเวทย์คาถาอย่างหนึ่ง ดูเหมือนว่าเวทมนตร์ของอาณาจักรเทียนเซวี่ยนจะประมาทไม่ได้จริงๆ
ในช่วงเวลาวิกฤต เขาก็ผุดความคิดขึ้นมาจากนั้นก็รีบตระโกน “หมาป่าจันทราสีเงินกลับมา!”
หลังจากที่หมาป่าจันทราสีเงินกลับเข้าไปในเครื่องรางวิญญาณแล้ว ไหมปีศาจนภาก็ปรากฏออกมาและห่อหุ้มร่างกายของเจียงอี้ไว้อย่างรวดเร็ว
ตู้มมมมม!
ปังงงงงง!
ฟับบบบบ!
การโจมตีหลายละรอกถาโถมใส่ร่างของเจียงอี้ซึ่งถูกห่อไว้ด้วยไหมปีศาจนภา แรงกระแทกของมันส่งผลให้เขาลอยกระเด็นออกไปและชนเข้ากับต้นไม้อย่างจัง
“ตายหรือยัง?”
สายตาผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวต่างก็จับจ้องไปยังร่างของเจียงอี้ที่นอนแน่นิ่งอยู่อย่างไม่วางใจ
แม้ว่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดก็ยากที่จะที่รอดชีวิตจากการถูกรุมโจมตีด้วยฝีมือของผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากเช่นนี้ แต่ก็ไม่มีใครที่คิดจะประมาทเด็กหนุ่มผู้นี้แม้แต่น้อย
ฟึ่บ!
หนึ่งในพวกเขาปลดปล่อยแก่นแท้พลังไปอีกละรอก ทำให้คนที่เหลือตื่นจากความสับสน จากนั้นเหล่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวทั้งหกสิบคนต่างก็ลงมือโจมตีเจียงอี้อีกครั้ง
แก่นแท้พลังจำนวนมากถูกระดมยิงออกไป คลื่นพลังนับไม่ถ้วนปกคลุมท้องนภาและระเบิดออกเป็นพลังทำลายล้างที่น่าหวาดกลัว
ด้วยการโจมตีระดับนี้ ต่อให้ไหมสีเงินนั่นจะทนทานสักแค่ไหน แต่ไม่ว่ายังไงเจียงอี้ก็จะต้องตายจากแรงกระแทกอยู่ดี
ตู้มมมมมมมม!
เสียงระเบิดดังกล่าวดังสะท้อนอยู่ในป่า แม้แต่พื้นดินโดยรอบก็ถูกทำลายจนเผยให้เห็นรากไม้สีเหลืองอันน่าพิศวง
แต่น่าเหลือเชื่อนักที่ไหมยาวสีเงินยังคงเปล่งแสงและไร้ซึ่งร่องรอยความเสียหาย
“ไปกันเถอะ!”
หลังจากที่ฝุ่นควันจางหายไป ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวผู้หนึ่งก็ส่งสัญญาณให้เคลื่อนตัวไปข้างหน้า แต่ก็ยังไม่มีใครกล้าเคลื่อนไหว จนในที่สุดนายน้อยหนุ่มผู้หนึ่งก็ก้าวออกมาและกล่าว
“พวกเจ้าจะกลัวไปใย? แม้ว่ามันจะยังไม่ตาย แต่ด้วยสภาพของมันในตอนนี้ยังจะทำอะไรพวกเราได้อีกหรือ?”
นายน้อยหนุ่มผู้นี้แต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่หรูหรา เห็นได้ชัดว่าเป็นลูกหลานจากตระกูลขุนนางชั้นสูงของอาณาจักรเทียนเซวี่ยน
เมื่อได้ยินคำกล่าวเช่นนี้ คนอื่นต่างก็คิดว่าค่อนข้างมีเหตุผล ดังนั้นพวกเขาจึงค่อยๆขยับเข้าหาเจียงอี้อย่างช้าๆ
ครื้นนน!
แต่ในตอนนั้นเอง รากไม้ที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเจียงอี้ก็เริ่มเคลื่อนไหวและเข้าไปรัดร่างของเขาก่อนที่จะดึงลงไปใต้ดิน
“หืม?!”
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวทั้งหมดต่างก็อยู่ห่างจากเจียงอี้เพียงแค่สิบถึงสิบสองเมตรเท่านั้น เมื่อเห็นร่างของเขาถูกฉุดลงไป พวกเขาก็รีบเคลื่อนไหวและกระโจนเข้ามาด้วยสัญชาตญาณ
องค์ชายหยุนเฮ่อเคยให้คำมั่นสัญญาว่าใครก็ตามที่สังหารเจียงอี้ได้ คนผู้นั้นจะได้รับตำแหน่งแม่ทัพทันทีหลังจากที่เขาขึ้นครองบัลลังก์ ในเมื่อมีเป็ดย่างสุกอยู่ตรงหน้า พวกเขาจะปล่อยมันไปง่ายๆได้ยังไง?
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่สามารถบรรลุขอบเขตเสินโหยวได้ย่อมไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ อย่างน้อยก็มีถึงครึ่งหนึ่งที่ชะงักฝีเท้าและไม่ได้ตามเจียงอี้ลงไป
พวกเขาหวนรำลึกถึงเหตุการณ์ที่เคยได้ยินก่อนหน้านี้ มีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวสิบกว่าคนลงไปในอุโมงค์ใต้ดิน แต่พวกเขาไม่เคยได้กลับขึ้นมาอีกเลย
ครื้นนน!
และแล้วฝันร้ายก็เป็นจริง มีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวกว่าสามสิบคนที่กรูกันลงไปใต้ดิน ทันใดนั้นปากหลุมก็ถูกรากไม้ปิดผนึกไว้อย่างรวดเร็ว
บรรดาคนที่อยู่บนพื้นดินต่างก็หน้าซีดกันเป็นแถบๆ สำหรับบางคนนั้นมันก็เปรียบเสมือนภาพฉายซ้ำ
นี่เป็นกับดักไม่ผิดแน่ มีโอกาสสูงมากที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวที่ลงไปในนั้นจะไม่มีวันได้กลับขึ้นมาอีกเลย
สีหน้าของนายน้อยหนุ่มผู้สวมใส่เสื้อผ้าอันหรูหราเคร่งเครียดในทันที จากนั้นเขาก็รีบตะโกนขึ้นมา
“ถอยก่อน! อย่าอยู่รวมกลุ่มกันในที่เดียว ไม่เช่นนั้นพวกเราจะตายกันหมด! อดทนไว้ เมื่อเวลาผ่านไปเนิ่นนานเกินไป องค์ชายจะตระหนักได้ถึงความผิดปกติเอง จากนั้นพระองค์จะต้องรีบมาเป็นแน่!”
“อย่าลืมสิว่าแม่นางสุ่ยครอบครองสิ่งประดิษฐ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ นางสามารถทำลายป่าแห่งนี้ได้อย่างง่ายดาย ที่พวกเราต้องทำก็เพียงแค่อดทนรอ ไม่ว่ายังไงชัยชนะก็ยังคงเป็นของพวกเรา!”