GOI ตอนที่ 83 ฉินหลิงหยานเข้าร่วม!
ย่านศิษย์ใหม่ทั้งหมดตกอยู่ในความโกลาหล!
ศิษย์พี่ทั้งหลายก็ตกอยู่ในความโกลาหล!
กระทั่งสถาบันชิงหลัวยังตกอยู่ในความโกลาหล!
ข่าวเรื่องศิษย์พี่สามคนถูกแขวนไว้ที่หอพักศิษย์ใหม่กระจายไปทั่วสถาบันชิงหลัวราวกับพายุ
ถึงแม้ทางสถาบันจะไม่ได้มีข้อห้ามเรื่องการต่อสู้ระหว่างศิษย์ แต่ความโหดเหี้ยมระดับนี้ไม่เคยปรากฎให้เห็นมาก่อน!
อีกทั้งยังเป็นศิษย์น้องคนหนึ่งที่เป็นผู้แขวนพวกศิษย์พี่!
หลายคนคิดว่าตนหูฝาดไปเมื่อได้ยินข่าว แต่เมื่อเห็นสภาพศิษย์พี่พวกนั้นแล้วจะไม่เชื่อก็คงไม่ได้!
เสียงกระซิบกระซาบมีให้ได้ยินทั่วทั้งสถาบัน ศิษย์พี่สำรวจว่าผู้ใดเป็นคนกระทำ ศิษย์ใหม่ต่างค้นคว้าว่าสิ่งใดคือสมาคมรวมพลังศิษย์ใหม่ และสิ่งที่เกิดขึ้นในอันดับค่าหัวผลักดันเรื่องนี้ให้ถึงจุดสุดยอด
นาม ป๋ายเสี่ยวเฟย เป็นจุดศูนย์กลางของบทสนทนาทุกเรื่อง!
ป๋ายเสี่ยวเฟยที่เป็นตัวละครสำคัญใน ‘บทสนทนาของสาธารณะ’ ครุ่นคิดอย่างหนักก่อนที่เขาจะตัดสินใจทำเช่นนี้ เป็นเพราะหากทำลงไปแล้ว สถานการณ์ในปัจจุบันจะต้องเกิดขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย และเขายังต้องแข่งกับเวลา!
“โอ นั่นไม่ใช่คนดังของสถาบันหรอกหรือ? เหตุใดจึงมาหาข้าได้?”
การปรากฎตัวของป๋ายเสี่ยวเฟยข้างกายป๋ายเย่ทำให้ฉินหลิงหยานประหลาดใจอยู่เล็กน้อย แน่นอนว่านางรู้เกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น และยังมีหลายคนมาถามนางเกี่ยวกับพื้นหลังของป๋ายเสี่ยวเฟย แต่นางเพียงบอกว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดาเท่านั้น
กล่าวได้ว่าฉินหลิงหยานช่วยป๋ายเสี่ยวเฟยซื้อเวลาได้ระยะหนึ่ง
แต่จากสถานการณ์ของป๋ายเสี่ยวเฟยแล้ว ความพยายามของนางก็ยังไม่เพียงพอ อย่างน้อยที่สุดป๋ายเสี่ยวเฟยรู้สึกว่านางทำได้มากกว่านี้!
“พวกเราคุยกันที่อื่นได้หรือไม่? ที่นี่ออกจะ...”
ป๋ายเสี่ยวเฟยกวาดตามองศิษย์ข้างกายฉินหลิงหยานเพราะหากฉินหลิงหยานเอ่ยชื่อเขาในเวลานี้ เขาคงต้องถูกจับกุมสืบสวนราวกับหนูทดลองเป็นแน่แท้
“แน่นอน หอร้อยรส”
ฉินหลิงหยานยิ้ม สีหน้าพึงพอใจจากการได้ล้างแค้นปรากฎขึ้น
“พวกนี้อย่างละหนึ่งจาน”
ฉินหลิงหยานไม่ได้สั่งอาหารที่เลิศรสที่สุด แต่เป็นจานที่แพงที่สุด...
“หลิงหยาน พวกเรากินไม่หมด ใช่หรือไม่?”
ป๋ายเย่รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา เขาอดไม่ได้ที่จะผุดเหงื่อเย็นเยียบแทนป๋ายเสี่ยวเฟย เพราะสำหรับเขาแล้ว ทุกคู่ผลัดกันแก้แค้นไปมา...
‘เมื่อไหร่จะจบเสียที!?’
“หากกินไม่หมดก็ห่อกลับบ้านเสีย อะไร? ข้าแค่ให้เจ้าไปหาเขาครั้งหนึ่งเจ้าก็เป็นพรรคพวกเขาแล้ว?”
ฉินหลิงหยานยังคงเย็นชากับป๋ายเย่ นางกระทั่งแบ่งปันความเคียดแค้นที่นางมีต่อป๋ายเสี่ยวเฟยให้เขาด้วย
“ไม่! ไม่ ไม่! ไม่มีทาง! จุดยืนของข้าชัดเจนยิ่ง! และข้าจะไม่มีทางเป็นคนของเขาต่อให้ถูกทุบตีจนตาย!”
ป๋ายเย่รีบบ่งบอกจุดยืนตนเอง เขากลัวว่าหากไม่ทำเช่นนี้จะถูกตัดโอกาสที่เหลืออยู่ในอนาคต
ฉินหลิงหยานกลอกตาใส่ป๋ายเย่เมื่อได้ยิน ก่อนที่นางจะหันไปหาป๋ายเสี่ยวเฟย
“มีอันใด? พูดมา ยังมีเวลาก่อนที่จะมีอาหารมาเสิร์ฟ”
ป๋ายเสี่ยวเฟยรีบสูดลมหายใจเข้าลึกเมื่อเห็นฉินหลิงหยานอยู่ในอารมณ์จะพูดคุย
“ข้าอยากให้ท่านช่วยเหลือข้าเรื่องสมาคมรวมพลังศิษย์ใหม่”
ป๋ายเสี่ยวเฟยเอ่ย สายตาจับจ้องที่ฉินหลิงหยาน ส่วนป๋ายเย่เบิกตาโพลงอย่างตกตะลึง
“สหาย ในหัวเจ้าไม่มีสิ่งแปลกปลอมใช่หรือไม่? เจ้าอยากให้ฉินหลิงหยานช่วยเจ้า!?”
เสียงของเขาเปิดเผยความรู้สึกในใจ อย่างที่เขาบอก เขารู้สึกว่าป๋ายเสี่ยวเฟยบ้าไปแล้ว!
ผิดปกติ!
“ดูสิ ขนาดเจ้าทึ่มยังรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ เจ้ามีสิ่งใดจะพูดอีก?”
ฉินหลิงหยานเอ่ยรับป๋ายเย่ ในตอนนี้ป๋ายเสี่ยวเฟยเพียงหวังว่าอยากลากป๋ายเย่ไปรัดคอให้ตายเสีย...
“ท่านจะช่วยข้าเพราะมันเป็นประโยชน์ต่อท่าน และไม่มีผลเสีย”
ป๋ายเสี่ยวเฟยกล่าวอย่างจริงใจ เขาได้ประสบความสำเร็จในการดึงความสนใจของฉินหลิงหยาน
“โอ้? ให้ข้าฟังเรื่องผลประโยชน์หน่อย”
ฉินหลิงหยานยักไหล่ สุ้มเสียงแฝงความไม่เชื่อราวกับได้ยินเรื่องตลกขบขัน
“ท่านไม่อยากถูกรบกวนรังควานจากอันดับบุปผา ใช่หรือไม่? หากท่านช่วยข้า ข้าสามารถกำจัดปัญหาทั้งหมดในภายภาคหน้าได้ อีกอย่าง ข้าจะออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดของท่านในสถาบัน ตระกูลของท่านคงไม่อาจช่วยเหลือได้อย่างไร้ขีดจำกัด ใช่หรือไม่?”
ฉินหลิงหยานสนใจในเค้กสองก้อนที่โยนมาทันที ทุกสิ่งที่ป๋ายเสี่ยวเฟยเอ่ยเป็นปัญหาที่นางต้องคอยรับมือ ไม่ต้องพูดถึงอันดับบุปผา แค่ด้านการเงินนางก็พอดึงดูดใจนางได้แล้ว อย่างน้อยที่สุดก็มีหลายสิ่งที่นางต้องการในขณะนี้ที่นางมีเงินไม่พอซื้อ
“พูดมันง่าย แต่คนที่ต้องพึ่งคนอื่นเรื่องอาหารอย่างเจ้าจะช่วยข้าเรื่องการเงินได้อย่างไร?”
ถึงแม้นางจะกำลังถาม แต่เนื้อหาภายในได้เปลี่ยนจากการปฏิเสธเป็นการยืนยันความสามารถของเขา และเป็นคำที่ป๋ายเสี่ยวเฟยอยากได้ยินมากที่สุด
“ข้าไม่มีสิ่งใดที่จะยืนยันได้ในตอนนี้ และเรื่องที่ท่านควรจะเชื่อข้าหรือไม่ล้วนขึ้นอยู่กับความเข้าใจในตัวข้าของท่าน ข้าไม่อาจรับรองท่านได้ เพราะข้าก็กำลังพนันอยู่เช่นกัน”
ป๋ายเสี่ยวเฟยหยุดชั่วครู่ก่อนจะเอ่ย สีหน้าของฉินหลิงหยานและป๋ายเย่เปลี่ยนไปทันที
‘เช่นนั้นจะต่างอันใดจากขอความช่วยเหลือโดยไม่จ่ายสิ่งตอบแทน? ใครจะไปเสี่ยงชีวิตช่วยเจ้ากัน?’
“แต่ข้ายืนยันได้ว่าหากท่านช่วยข้าแล้ว จะมีค่าตอบแทนใหญ่หลวงเมื่อข้าทำสำเร็จ และหากข้าล้มเหลวข้าจะเป็นคนแบกรับความเสี่ยงทุกอย่าง ท่านสามารถถอนตัวโดยไม่ต้องสูญเสียสิ่งใด!”
เมื่อเขาพูดถึงตรงนี้ แววตาของป๋ายเย่และฉินหลิงหยานเปล่งประกาย ในความคิดของพวกเขาแล้วพวกเขาได้กลายเป็นคนที่ได้รับสิ่งตอบแทนโดยไม่ต้องทำงาน...
“เช่นนั้นจงบอกข้าว่าขอบเขตที่เจ้าต้องการให้ข้าช่วยมากเพียงใด? จากผู้คนที่เจ้าล่วงเกินจนถึงตอนนี้ ไม่มีทางที่ข้าจะลงมือกับพวกเขาได้”
ฉินหลิงหยานบ่งบอกจุดยืนของตนให้ทราบ ป๋ายเสี่ยวเฟยเผยสีหน้าปลื้มปีติ ในขณะเดียวกันเขาเอ่ยคำที่ฉินหลิงหยานไม่อาจเชื่อได้
“ท่านเพียงทำให้ทุกคนรู้ว่าท่านเต็มใจช่วยเหลือข้า และท่านต้องอยู่กับข้าเมื่อข้าต้องการ แน่นอนจะดีที่สุดหากท่านพาสหายมาด้วยเพราะจะได้ผลที่ดียิ่งขึ้น”
“ง่ายเพียงนี้?”
ฉินหลิงหยานประหลาดใจ ไม่ต่างจากป๋ายเย่
“แน่นอน ง่ายเพียงนี้ ศิษย์พี่หญิง ถึงแม้ท่านจะสำคัญเป็นอย่างมาก แต่ท่านก็เป็นแค่หนึ่งในเส้นสาย เรื่องที่ท่านต้องทำไม่มากเกินไปกว่านี้”
เมื่อป๋ายเสี่ยวเฟยเอ่ยจบ คิ้วเรียวงามของฉินหลิงหยานมุ่นเข้าหากันเล็กน้อย แต่เป็นเพราะนางปรับความเข้าใจในตัวป๋ายเสี่ยวเฟยใหม่
ตั้งแต่แรกพบจนถึงปัจจุบัน ความเข้าใจในตัวป๋ายเสี่ยวเฟยของนางเปลี่ยนใหม่ทุกครั้งที่พบหน้า และครั้งนี้ก็เช่นกัน!
“ข้าตกลง หวังว่าเจ้าจะสร้างปาฏิหาริย์ได้อีก!”
หลังจากเงียบอยู่นาน ในที่สุดฉินหลิงหยานก็ตัดสินใจ เป็นเวลานี้เองที่พนักงานของบ้านร้อยรสยกอาหารมา
“ดื่มให้การตัดสินใจที่ชาญฉลาดของท่าน”
ป๋ายเสี่ยวเฟยรินไวน์สองแก้วก่อนจะยื่นให้ฉินหลิงหยาน
งานของป๋ายเสี่ยวเฟยเสร็จสิ้นแล้ว!