บทที่ 3 : ฉันคนหนึ่งละที่เป็นแฟนเธอ
ขณะที่หลินว่านว่าน ลุกขึ้นยืนและจัดเสื้อผ้าหน้าผมของเธออย่างเนียนๆ
วินาทีต่อมาก็มีเสียงหัวเราะจากชายคนหนึ่งที่กำลังเดินมาจากประตูและเริ่มใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
“ที่นี่ดูคนแน่นๆนะ”
ทุกคนอยู่ในอาการตกตะลึงและหันไปยังเสียงหัวเราะของชายที่เพิ่งปรากฎตัว หลินว่านว่านและถังเฉินก็เช่นเดียวกัน
ก่อนหน้านั้นไม่มีใครสังเกตเห็นชายร่างเพรียวสมส่วนที่ยืนอยู่ตรงประตู
ภายใต้แสงอันเจิดจ้าที่สาดส่องด้านหลังชายหนุ่ม มันยากที่จะจดจำใบหน้าอันชัดเจนของเขา
สายตาทุกคู่จ้องมองไปยังเขา หัวใจของทุกคนเต้นตึกตักๆและชะงักค้าง
มีเพียงถังเฉินที่ยกคิ้วขึ้นโดยอัตโนมัติ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสนใจ
“โอ้ ช่างเป็นแขกที่หายาก!”
ชายคนนั้นไม่สนใจถังเฉิน สายตาของเขามองไปยังหลินว่านว่าน
“หลินว่านว่าน มานี่”
ชายคนนี้เป็นใคร?
จากน้ำเสียงของเขาดูเหมือนว่าเขาจะรู้จักกับเธอ และรู้ว่าเธอเป็นใคร?
หลินว่านว่านสบตากับดวงตานับสิบคู่ที่จ้องมา เธอลังเลเล็กน้อยก่อนเริ่มเดินอย่างช้าๆ ตามคำเรียกของชายผู้มาใหม่
เมื่อเธอเดินมาถึงจุดที่ถังเฉินยืนอยู่ เธอสบตากับเขาในระยะประชิดและเข้าใจในสิ่งที่เขาพยายามจะสื่อ เปลือกตาของเธอกระตุก พลางเร่งฝีเท้าเดินผ่านเขาไปทันที
เมื่อเธอมาหยุดอยู่ตรงหน้าชายที่เรียกเธอ เขาก็ยื่นมืออันทรงอำนาจออกมา หลินว่านว่านกำมือแน่นในทันทีที่ถูกจับ เขาออกแรงกระชากเบาๆหลินว่านว่านก็ตกอยู่ในอ้อมแขนของเขา
กลิ่นหอมเย็นๆ โอบล้อมเธอไว้
เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ
ได้ยินแค่เสียงเป่าลมของแอร์ แต่กระนั้นก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยอะไรออกมา
หลินว่านว่านยอมรับว่าตั้งแต่การปรากฏตัวของชายผู้นี้ ผู้สื่อข่าวทั้งหมดที่ส่งเสียงดังอยู่ก็เงียบเสียงลง ดูเหมือนไม่มีใครกล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดัง
“ไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ?”
เมื่อได้ยินเสียงอันอบอุ่นของเขา หลินว่านว่านก็เงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว เกิดความประหลาดใจในทันที
คิ้วเรียวและดวงตารูปนกฟีนิกซ์ จมูกโด่งเป็นสันคมและริมฝีปากบางเฉียบ การรวมกันนี้เป็นการสร้างสรรค์และผลงานชิ้นเอกของพระเจ้าที่พิถีพิถันที่สุด มันไม่มีข้อบกพร่องที่จะชี้ได้เลย!
นอกเหนือจากผิวที่ยอดเยี่ยมแล้วดวงตาคู่สวยนั้นยังส่องประกายสดใสราวกับหยกดำที่ซ่อนด้วยรอยยิ้ม เหมือนก้อนเมฆที่เบาหวิว แต่พวกมันให้ความรู้สึกดูลึกลับ
ริมฝีปากหยักโค้งขึ้นเล็กน้อยทำให้เขาดูสง่างามยิ่งขึ้น และแสดงถึงความไม่แยแสสิ่งใด
หลังจากมองเพียงครั้งเดียว ไม่มีใครสามารถละสายตาจากเขาได้
อย่างไรก็ตาม อารมณ์ของเขามาพร้อมกับความไม่แยแส ราวกับว่าไม่มีอะไรสามารถดึงความรู้สึกของเขาออกมาได้
“พูดว่า..?” หลินว่านว่านเกิดความสับสน
“บอกพวกเขาว่าฉันเป็นแฟนเธอ”
ชายคนนั้นยิ้มน้อยน้อย พร้อมทั้งใช้ปลายนิ้วสัมผัสปลายจมูกของหลินว่านว่าน ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของการผ่อนคลาย
“........” เมื่อได้ยินว่าอย่างนั้น นักข่าวทุกคนแสดงสีหน้าตกตะลึงราวกับถูกฟ้าผ่า
ริมฝีปากของหลินว่านว่าน กระตุกทันที สถานการณ์นี้มันเกิดอะไรขึ้น?
ฉันคิดฟุ้งซ่านอะไร? คิดอะไรไม่ออกหรือปีนี้ฉันโง่มากขึ้นหรอ?
ถังเฉินผู้ยืนพิงกำแพงอยู่ ขัดจังหวะอย่างเกียจคร้าน
“ลู่ซานเป่ย แม้ว่าคุณต้องการที่จะคว้าใครบางคนออกไป มันชัดเจนว่าใครมาที่นี่ก่อน เราเป็นคู่กัน และนั่นคือสาเหตุที่เราเข้าพักที่ห้องนี้ คุณคือใคร? คุณบอกว่าเธอเป็นแฟนคุณ ไหนละหลักฐาน?”
ผู้สื่อข่าวแอบพยักหน้ากัน พวกเขาอยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่พวกเขาก็ไม่มีความกล้าพอที่จะแทรกถามขึ้น
ลู่ซานเป่ย พูดขึ้นว่า “ถ้าฉันพูดว่าใช่ก็หมายความว่าใช่ หลักฐาน? จำเป็นต้องมี?”
ไม่ต้องสงสัยถึงพลังเสียงที่เปล่งออกมาจากคำง่ายๆเหล่านั้น
ถังเฉินหัวเราะและไม่พูดใดๆ เขาจ้องไปที่ ลู่ซานเป่ย พร้อมยกคิ้วสูงเป็นเชิงถาม
ทั้งสองไม่ได้พูดใดๆ ในขณะที่ยืนจ้องตากันอยู่นั้น นี่คือจุดเริ่มต้นของการปะทะกันระหว่างบุคคลผู้มีอำนาจทั้งสองคน