บทที่ 10 : ฉากแห่งเลือด
“ฉันจะออกไปข้างนอก”
หลินว่านว่าน เดินไปไม่ถึงสองก้าว ก็ต้องหยุดชะงักลงเพราะคนรับใช้สองคนก้าวมาขวางหน้าไว้
“คุณหนูสอง นายหญิงบอกว่า.......”
“เธอเรียกฉันว่าอะไร” หลินว่านว่าน จ้องหน้าสองคนนั้นและถามอย่างวางตัว
ถึงแม้ใบหน้าเล็กๆ ของเธอดูไร้เดียงสา ไม่มีพิษมีภัย แต่ทั้งสองก็รู้สึกกดดันอย่างประหลาด
“คุณหนูสอง....”
“หมดเรื่องแล้ว ก็หลีกทางให้ฉันด้วย”
ที่จริงแล้วเธอต้องการทำให้พวกเขาสับสน
จนกระทั่งร่างของหลินว่านว่านหายลับไปจากสายตา คนรับใช้ทั้งสองคนก็ได้แต่มองหน้ากัน
เห็นชัดว่าหลินว่านว่าน ทำตัวเหมือนก่อน แต่พวกเขารู้สึกว่ามีบางอย่างที่ไม่เหมือนเดิม
ราวกับคนเสียสติ ได้เปลี่ยนไปในชั่วข้ามคืน
แน่นอนละ สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือความเปล่งประกายมีชีวิตชีวา
ฉันคือหลินว่านว่าน หลังจากนี้ นักแสดงหญิงที่อายุน้อยที่สุดในเมืองเซี่ย หากไม่สามารถจัดการกับตัวละครทั้งสองนี้ได้ อย่ามาเรียกว่าฉันว่านักแสดง มันคงเสียเวลาเปล่ากับการแสดงหลายปีที่ผ่านมาในวงการบันเทิง
หลินว่านว่าน เดินอยู่บนถนนที่วุ่นวายและค้นเงินในกระเป๋า
520 หยวน นี่คือเงินเก็บทั้งหมดของเธอ
หลังจากทานอาหารกลางวันแสนอร่อย เธอก็เดินเล่นต่อ พร้อมตัดสินใจที่จะกลับไปดูบ้านเดิมของเธอ
ถึงแม้ระยะทางจะยาวไกล แต่เธอก็ไม่มีเงินเหลือแล้ว เธอจึงทำได้แค่เดินไปอย่างช้าๆ เท่านั้น
จนกระทั่งขาทั้งสองของเธออ่อนแรง แทบจะไม่สามารถเดินต่อไปได้ ท้องฟ้าก็เริ่มมืดมิด เธอมองเห็นรั้วคฤหาสน์ปรากฏอยู่ไกลๆ
โอ้ คฤหาสน์ของฉัน!
ถนนสายเล็กๆ นี้เป็นทางลัด มีคนใช้น้อย ไฟถนนจึงไม่มีการติดตั้ง เมื่อลมพัดแรงจะได้ยินเสียงของต้นมะเดื่อกระทบกัน ซึ่งปลูกเรียงตามสองข้างทาง เป็นบรรยากาศที่ดูวังเวงพอสมควร
หลินว่านว่านวิ่งๆ เดินๆ ไปได้ครึ่งทางก็ต้องหยุดชะงัก !
เธอได้กลิ่นคาวคละคลุ้งอย่างรุนแรง
เธอเดินผ่านพุ่มไม้หนาและแหวกกิ่งไม้อย่างระมัดระวัง แสงจันทร์ส่องสว่างให้เธอสามารถมองเห็นภาพเบื้องหน้าได้อย่างชัดเจน
ชั่วขณะ รูม่านตาของเธอก็เบิกกว้างขึ้น!
ศพนับสิบวางเรียงบนถนน เลือดไหลอาบพื้น ตาสองข้างเบิกค้าง พวกเขาไม่ได้ตายอย่างสงบ เป็นภาพที่น่าสยดสยองมาก
ผู้ชายประมาณ 100 คนในชุดสูทสีเดียวกัน ยืนอยู่ที่ว่างข้างศพ ด้วยท่าทางตั้งตรงและมองไปในทิศทางเดียวกัน
ตรึนๆ!
หลินว่านว่าน เงยหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัว เมื่อได้ยินเสียงใบพัดหมุน
เฮลิคอปเตอร์มาจากไหนไม่รู้และลอยอยู่กลางอากาศ มันใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนในที่สุดก็บินมาหยุดอยู่เหนือจุดนั้น
หลังจากประตูเปิดออก ชายหุ่นเพรียวก็กระโดดลงมายืนข้างประตูเฮลิคอปเตอร์ที่เปิดอ้าค้างไว้ สายลมทำให้ผมที่หน้าผากเขายุ่งเหยิงนิดๆ มันปลิวขึ้น เผยให้เห็นความกลมและเรียบเนียน
ดวงตาคู่เย็นนั้นกวาดมอง มันดูมีพลัง และดูมีอำนาจ เปล่งประกายไปซุกซอกทุกมุมอย่างชนชั้นสูง
“นายท่าน!”
ชายทั้ง100 ร้องออกมาพร้อมกันอย่างดังและชัดเจน
“มันจบลงแล้วรึ?”
เสียงเฉื่อยชาของชายผู้หนึ่งลอยลงมาราว 20 เมตร จากท้องฟ้า และมันดังเข้าหูของหลินว่านว่านด้วย
มันเป็นเขาเหรอ?
ลู่ซานเป่ย........
“ครับนายท่าน ทุกอย่างมันจบแล้ว” กูโม ก้าวมาข้างหน้าและตอบเขาด้วยความนอบน้อม
สายตาดุจเหยี่ยวของ ลู่ซานเป่ย กวาดมองไปทั่ว เขาแกว่งแก้วในมือเบาๆ ริมฝีปากบางเฉียบของเขายกสูงขึ้นเป็นเส้นโค้งสวยงาม
“ไม่เลวนิ แต่ฉันเคยบอกแล้วว่า : ให้ทุกคนที่ต้องการฆ่าฉัน ตายให้หมด ไม่เหลือแม้ลมหายใจเดียว ทุกคนต้องเคารพในคำพูดของฉัน”
“.......”
หลินว่านว่านสั่นเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดไร้หัวใจแบบนั้น เธอไม่เคยคิดเลยว่า ลู่ซานเป่ย คนที่เธอปักใจ จะมีด้านที่โหดเหี้ยม! ขนาดนี้
“ผมขอโทษครับ นายท่าน มันเป็นความผิดพลาดของผม”