GOI ตอนที่ 82 สมาคมรวมพลังศิษย์ใหม่!
“เอ่อ... ลูกพี่ป๋าย พวกเราควรทำเช่นไร?”
คำพูดของป๋ายเสี่ยวเฟยทำให้ทั้งเก้ารู้สึกสนใจ ต้องรู้ว่าไม่มีคนมากนักใน ‘บริเวณสามัญ’ ที่เป็นเช่นฟางเย่ ส่วนใหญ่แล้วพวกเขามาจากตระกูลไร้ชื่อเสียงไม่มีทรัพยากรมาก บางคนถีงกับต้องพึ่งพาการทำภารกิจในสถาบันเพื่อเอาตัวรอดไปวันๆ
แต่ตัวตนของค่าคุ้มครองเป็นดั่งปีศาจร้ายที่คอยกัดกินพวกเขาให้อยู่ในสภาวะอ่อนล้า
เป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาจึงมีปฏิกิริยาตอบสนองรุนแรงนักเมื่อป๋ายเสี่ยวเฟยเอ่ยถึงค่าคุ้มครอง
“ก็ง่ายๆ แค่เข้าเป็นสมาชิกของสมาคมรวมพลังศิษย์ใหม่ที่ข้าก่อตั้งขึ้น!”
ป๋ายเสี่ยวเฟยยิ้ม ส่วนทุกคนตื่นตระหนก
“สมาคม... รวมพลังศิษย์ใหม่?”
พวกเขากลืนน้ำลายพลางเผยสีหน้าตื่นตะลึง
“แค่จ่ายค่าสมาชิกครึ่งหนึ่งของค่าคุ้มครองทุกเดือน และปล่อยให้พวกศิษย์พี่ที่มาเก็บค่าคุ้มครองเป็นหน้าที่ของข้า เดือนแรกถือว่าให้ทดลอง ไม่จำเป็นต้องจ่าย!”
ป๋ายเสี่ยวเฟยโยนเหยื่อล่ออีกตัวให้ทั้งเก้า
อย่างไรเสีย พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงอันใดเพราะป๋ายเสี่ยวเฟยเป็นผู้กระทำการทั้งหมด!
“เช่นนั้น...พวกเราต้องทำอะไรไหม?”
เสียงของหนึ่งในหัวหน้าห้องสั่นเล็กน้อยจากความตื่นเต้นเพราะตอนแรกเขาคิดว่าจะต้องถูกทรมานโดยป๋ายเสี่ยวเฟย ไม่คาดคิดเลยว่าจะมีสมบัติตกลงมาจากฟากฟ้าให้เขาเก็บเกี่ยว!
“โน้มน้าวเพื่อนร่วมห้องของเจ้าและป่าวประกาศตนว่าเป็นสมาชิกของสมาคมรวมพลังศิษย์ใหม่ให้ทุกคนรู้ หลังจากนั้นหากข้าเรียกพวกเจ้า ทุกคนต้องมา ไม่ยากใช่หรือไม่?”
ทั้งเก้านิ่งเงียบลงเมื่อป๋ายเสี่ยวเฟยเอ่ยจบ ทุกคนล้วนอยากได้ผลประโยชน์แต่การประกาศตนเช่นนั้นจะทำให้พวกเขาต้องแบกรับความเสี่ยง และไม่มีใครอยากรับความเสี่ยงนี้เนื่องเพราะเรื่องราวอาจจะเลวร้ายลงได้ทุกเมื่อ
สำหรับพวกเขาแล้ว มีความเป็นไปได้สูงมากที่ป๋ายเสี่ยวเฟยจะจบไม่สวย!
“ไม่มีเหตุใดให้พวกเจ้าต้องเปลืองเวลาคิด”
ป๋ายเสี่ยวเฟยเอ่ยพลางมองไปยังทั้งเก้าที่ยังลังเล ใบหน้าของเขาเปื้อนรอยยิ้มอ่อนจาง
“อย่าลืมว่าพวกเรายังมีคาบชุมนุมให้เรียนอีกหลายครั้ง ข้าสามารถช่วยพวกเจ้าแสดงความสามารถและจะพยายามเต็มที่เพื่อให้พวกเจ้ามีสาขารองรับ ในทางกลับกัน คงไม่ต้องให้ข้าบอกหากเจ้าปฏิเสธ”
คำข่มขู่!
ขู่กันหน้าด้านๆ !
แต่ไม่ใช่ทั้งหมดที่ป๋ายเสี่ยวเฟยต้องการจะกล่าว นอกจากยาพิษแล้วยังมีเค้กให้พวกเขาลิ้มรสด้วย...
“ความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธอยู่ตรงหน้าของพวกเจ้าแล้ว แต่พวกเจ้าลองคิดดู หากสมาคมไม่ล่มสลาย พวกเจ้าจะเป็นสมาชิกกลุ่มแรก และมันเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้เพียงคนในห้องของข้าเพื่อจัดการดูแลศิษย์ใหม่ทั้งหมด เพราะงั้น...”
ป๋ายเสี่ยวเฟยหยุดกลางประโยค สายตาจับจ้องที่คนทั้งเก้า ศิษย์พี่สามคนที่นอนอยู่บนพื้นมีสีหน้าเหม่อลอย
‘ศิษย์ใหม่ผู้นี้ต้องการพลิกฟ้าหรือ!?’
“ลูกพี่ป๋าย ข้าจะทำทุกสิ่งที่ท่านสั่ง!”
คนแรกที่เอ่ยตกลงปรากฎตัวขึ้น คนที่เหลือทำตามทันทีเพราะพวกเขาไม่อาจทนต่อความกดดันของยาพิษและเค้กได้
“เจ้าชื่ออะไร?”
หลังจากได้รับคำยินยอมของทุกคน ป๋ายเสี่ยวเฟยหันไปมองหัวหน้าห้องคนแรกที่เอ่ยออกมา คนผู้นั้นเผยสีหน้าตื่นเต้น
“ข้าเจียงหยุน ลูกพี่ป๋าย ท่านสามารถเรียกข้าว่าเสี่ยวเจียงได้”
เจียงหยุนเอ่ยอย่างเคารพนพนอบราวกับว่าเขาได้ตัดสินใจเป็นลูกน้องของป๋ายเสี่ยวเฟยแล้ว...
“ข้าจะมอบหมายงานให้เจ้าทำ เอาพวกมันทั้งสามไปแขวนไว้ข้างนอกและบอกให้ศิษย์ของห้องเจ้ากระจายข่าวให้ทั่ว ยิ่งดังยิ่งดี และจะดีที่สุดหากศิษย์ใหม่ทั้งหมดในบริเวณหอพักรู้เรื่องนี้ หลังจากนั้นให้บอกเรื่องที่ข้าเพิ่งบอกเจ้าไปกับศิษย์ใหม่ที่สนใจเข้าร่วม และศิษย์ที่เจ้าชักชวนมาได้จะอยู่ในการดูแลของเจ้า”
ป๋ายเสี่ยวเฟยเอ่ยคำแล้วคำเล่า หลังจากทั้งเก้าได้ยิน พวกเขาเบิกตากว้างเท่าไข่ห่าน ปากกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงไป
ในใจของพวกเขามีเพียงหนึ่งประโยคที่ป๋ายเสี่ยวเฟยเอ่ยว่า ‘แขวนทั้งสามไว้ข้างนอก’...
“ลูกพี่ป๋าย พวกเราทำได้ทุกอย่าง แต่พวกศิษย์พี่...”
เจียงหยุนเผยสีหน้าลังเล แต่ที่เขาได้กลับมาคือการจ้องมองอย่างนิ่งเงียบของป๋ายเสี่ยวเฟย ครั้งนี้ป๋ายเสี่ยวเฟยไม่เสียน้ำลายพูด แต่สีหน้าของเจียงหยุนเปลี่ยนไปมาอยู่หลายครา ไม่นานนักเขาก็กัดฟันแน่นยอมรับชะตากรรม
“ข้าจะทำ!”
ด้วยความเด็ดเดี่ยวของเจียงหยุน ศิษย์ทั้งสามเผยสีหน้าหวาดกลัวออกมาทันที
แน่นอนไม่มีใครสังเกตได้จากใบหน้าบวมเป่งพวกนั้น...
“เจ้ากล้า!? หากพวกเจ้า...”
พวกมันยังไม่ทันพูดจบก็เป็นหวู่จื๋อและคนอื่นที่กรูเข้ามารายล้อม และเสียงตบตีก็ดังอีกหลายครา...
“เอาล่ะ พวกมันเงียบเสียที เอาพวกมันออกไป หวู่จื๋อ สือขุย โม่ข่า พวกเจ้าทั้งสามตามไป สั่งสอนพวกมันหากกล้าประพฤติตนไม่ดีอีก”
ขณะที่ป๋ายเสี่ยวเฟยกล่าว ศิษย์ทั้งสามที่ตั้งใจจะขัดขืนรีบเปลี่ยนท่าทีเป็นเชื่อฟังทันทีเพราะทั้งสามที่ป๋ายเสี่ยวเฟยเอ่ยถึงเป็นพวกที่อัดพวกเขาหนักที่สุด
พูดอีกอย่างก็คือ พวกเขาถูกอัดตีจนกระทบกระเทือนถึงจิตใจ...
ทั้งเก้าตอบตกลงก่อนจะรีบวิ่งออกไปเพราะพวกเขาต้องกระจายข่าวอันน่าตกตะลึงโดยเร็วที่สุด
หากกล่าวว่านี่เป็นแผนของป๋ายเสี่ยวเฟยคนเดียวเมื่อครู่ เช่นนั้นในปัจจุบันแผนนี้ถือได้ว่าเป็นภารกิจของทั้งสิบห้องเพราะป๋ายเสี่ยวเฟยบังคับให้พวกเขาต้องลงเรือลำเดียวกัน!
“พวกเจ้าที่เหลือไปกับฉิงหนาน งานของพวกเจ้าคือกระจายข่าวเช่นกัน แต่วิธีการจะแตกต่างออกไป พวกเจ้าจะต้องสร้างสถานการณ์ขึ้นมา!”
ขณะที่ป๋ายเสี่ยวเฟยกล่าว ฉิงหนานและคนอื่นมีท่าทีขึงขังขึ้น
‘มีงานให้ทำแล้ว!’
“ก่อนอื่น ไปตั้งภารกิจในอันดับค่าหัว เป้าหมายคือข้า!”
ฉิงหนานและพวกเบิกตากว้างเท่าไข่ห่าน
‘ตั้งค่าหัวตัวเอง!?’
ถึงแม้พวกเขาจะตะลึงระคนสับสนอยู่ในใจ แต่ไม่มีใครถามออกมาเพราะรู้ว่าป๋ายเสี่ยวเฟยมีแผนเตรียมไว้
“รายละเอียดในภารกิจคือสมาคมรวมพลังศิษย์ใหม่ที่ข้าสร้างขึ้นได้ส่งผลกระทบต่อกฎที่มีมาช้านาน ศิษย์ปีสองไม่อาจรับมือได้อีก จึงได้ขอความช่วยเหลือจากศิษย์ปีสามและปีสี่”
เมื่อได้ยิน มีประกายแสงแวบผ่านนัยน์ตาของทุกคนไป
ในทีแรก ป๋ายเสี่ยวเฟยราวกับกำลังหาเรื่องใส่ตัว แต่เมื่อข่าวของภารกิจกระจายออกไป ผลประโยชน์ที่ได้รับจะมากกว่าผลเสีย
“หลังจากจัดการเสร็จ พวกเจ้าจึงสามารถเริ่มกระจายข่าวได้ ยิ่งคนรู้มากเท่าใดยิ่งดี จะดีที่สุดหากศิษย์ใหม่ทั้งหมดรู้ก่อนค่ำ”
ป๋ายเสี่ยวเฟยกวาดตามองทุกคน ความขึงขังจริงจังมีมากกว่าทุกครั้ง เขายังไม่จริงจังเช่นนี้ตอนต่อสู้กับหมีทลายพสุธา
“พี่ใหญ่เฟยไม่ต้องเป็นกังวล เรื่องกระจายข่าวจะไม่เป็นปัญหาเมื่อมีชีเว่ย!”
หวังหางตอบกลับ แต่เมื่อพูดจบก็รู้ตัวว่าทำพลาดไปเสียแล้ว น่าเสียดาย ศรที่ยิงออกไปมิอาจหวนคืน...
“หวังหาง ข้าจะจำเอาไว้ และเจ้าต้องให้คำอธิบายแก่พวกเราด้วยเมื่อเสร็จหน้าที่ ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะปิดซ่อนไว้มิดชิดเช่นนี้!”
ป๋ายเสี่ยวเฟยตบบ่าหวังหางพลางเอ่ย ใบหน้ามีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ความจริงจังเมื่อครู่ราวกับไม่เคยมีอยู่
“ไม่! ไม่! ไม่!! มันไม่ใช่อย่างที่ท่านคิด...”
ในเรื่องลอบสังหาร หวังหางกล่าวได้ว่ายากจะหาใครเทียบ แต่เมื่อเป็นเรื่องโกหกแล้ว เขาเป็นเพียงเด็กน้อย
“ข้ารู้ว่ามันไม่ใช่อย่างที่ข้าคิด แต่เป็นอย่างที่เจ้าคิดแน่ พวกเราทั้งหมดเข้าใจ จะทำอะไรก็รีบเพราะเวลาไม่เคยคอยใคร จะทำเช่นไรหากหัวใจของชีเว่ยถูกช่วงชิงไปโดยชายอื่น?”
โอกาสในการอธิบายไม่มีทางเกิดขึ้นเมื่ออยู่ต่อหน้าป๋ายเสี่ยวเฟย...