GOI ตอนที่ 81 เปลี่ยนมุมมองทุกคน!
“ศิษย์พี่ รู้จักชื่อข้าหรือไม่?”
ฝูงชนตรงหน้าเผยอาการเหม่อออกมาเมื่อเจอคำถามเช่นนี้ ความหวาดกลัวเติมเต็มจิตใจ
‘บัดซบ เขาคงไม่ได้สนิทกับหนึ่งในพวกคนใหญ่คนโตใช่หรือไม่!?’
‘เป็นไปไม่ได้ พวกเราสำรวจศิษย์ใหม่หมดแล้ว!’
“เจ้าคือ...”
ศิษย์พี่ผู้นั้นถามเสียงค่อย เขาเตรียมพร้อมจะขอโทษเพราะเขาไม่อาจแบกรับผลจากมีเรื่องผิดใจกับผู้ที่ไม่ควรไปยุ่งเกี่ยวเพียงเพราะค่าคุ้มครองเล็กๆ น้อยๆ
“ป๋ายเสี่ยวเฟย”
ป๋ายเสี่ยวเฟยยิ้ม ศิษย์พี่ทั้งสามตกตะลึง
ไม่ใช่เพราะว่าพวกเขาตกใจด้วยชื่อของป๋ายเสี่ยวเฟย แต่พวกเขากำลังเค้นสมองดูว่าชื่อนี้เคยได้ยินจากที่ไหนบ้าง...
“ข้าจำได้แล้ว! เจ้าคือไอ้หนูที่ถูกเทพธิดาน้ำแข็งตั้งค่าหัว!”
หนึ่งในศิษย์พี่ที่ยืนอยู่ข้างหลังเผยสีหน้ารู้แจ้งฉับพลัน มันชี้นิ้วไปยังป๋ายเสี่ยวเฟยพลางหัวเราะเสียงดัง
“ฮ่าฮ่า! เจ้าคือไอ้เด็กน้อยที่ไม่รู้ผิดชอบชั่วดี! ข้ากำลังคิดอยู่เลยว่าเจ้าใหญ่มาจากไหน! ทำข้าเสียเวลาไปเยอะนัก!”
ศิษย์พี่คนแรกส่งเสียงเย้นหยัน ฝ่ามือปกคลุมด้วยแสงอ่อนจาง ในทันใดนั้นหุ่นเชิดถุงมือพลันปรากฎกาย
“อนิจจา ดูเหมือนพวกเจ้าจะไม่ได้ทำการบ้านมาดี!”
เมื่อป๋ายเสี่ยวเฟยเอ่ยจบ โม่ข่าที่อยู่ข้างๆ บีบลูกบอลสีขาวแตกละเอียด หมอกกระจายทั่วห้องก่อนที่จะมีใครได้ขยับตัว
ในความเป็นจริงแล้ว หญ้าเหม็นโฉ่ได้ผลลัพธ์ดีกว่านี้ แต่มันถูกห้ามไม่ให้ใช้งานในบริเวณหอพักเพราะผลข้างเคียงแกร่งกล้าเกินไป! และแค่หมอกก็เพียงพอสำหรับศัตรูไม่กี่คนตรงหน้า!
เสียงหลากชนิดบ่งบอกว่าศิษย์พี่ทั้งสามได้เรียกหุ่นเชิดป้องกันของตนออกมา แต่ด้วยหมอกที่บดบังวิสัยทัศน์ ความต่างชั้นในด้านระดับพลังมีความสำคัญน้อยลง อีกอย่าง ในสถานที่แคบๆ ส่วนใหญ่จะเป็นการประลองว่าใครมีพลังกายสูงกว่า! แน่นอนว่าพลังกายของศิษย์ห้องคนเถื่อนล้วนดีเยี่ยม!
“ข้าได้หนึ่ง!”
“ข้าได้หนึ่งเช่นกัน!”
“คนสุดท้ายเสร็จแล้ว!”
เสียงของหวู่จื๋อ ฉิงหนานและสือขุยดังออกมาตามๆ กันในม่านหมอก สุ้มเสียงต่อสู้ดับลงเรื่อยๆ
“โม่ข่า เปิดหน้าต่าง!”
พร้อมกับสายลมพรั่งพรูเข้ามาในห้อง หมอกหนาทึบได้กระจายตัวออกไปด้วย เผยให้เห็นฉากที่น่าตื่นตระหนก
นอกจากศิษย์พี่ทั้งสามที่ถูกจับกดลงบนพื้น ป๋ายเสี่ยวเฟยและพวกถอดเสื้อออกทุกคน ชายหนุ่มไร้เสื้อเก้าคนยืนอยู่ทั่วห้อง ฉากนี้ราวกับว่าคือโรงอาบน้ำมากกว่าจะเป็นห้องของหอพัก! ในขณะเดียวกัน ศิษย์พี่ทั้งสามเข้าใจเรื่องหนึ่งขึ้นมา
‘ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกมันแยกแยะสหายและศัตรูได้อย่างไร...’
“พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่ากำลังทำอะไรอยู่? ถึงเจ้าจะกำราบข้าได้ แต่พวกเราเป็นเพียงหนึ่งในไม่กี่กลุ่มที่จะมาเก็บค่าคุ้มครอง! ปล่อยพวกเรา และพวกเจ้าอาจจะรอดชีวิตไปได้!”
ผู้นำของพวกมันไม่มีทีท่าจะเกรงกลัว เพราะสำหรับพวกมันแล้ว ป๋ายเสี่ยวเฟยและคนอื่นไม่ได้คิดสิ่งต่างๆ ให้ดี แค่พวกมันทำให้ศิษย์น้องกลุ่มนี้รับรู้สถานการณ์ของตนเองได้...
‘เพี๊ยะ!’
เสียงฝ่ามือแนบสนิทชิดเชื้อกับใบหน้าดังขึ้น
“ดูเหมือนว่าศิษย์พี่ของพวกเราจะไม่เข้าใจสถานการณ์ ช่วยให้พวกมันตื่นหน่อย”
ป๋ายเสี่ยวเฟยเป็นคนแรกที่เริ่ม กลุ่มชายหนุ่มที่เหลือมาล้อมรอบทั้งสามทันที
หลังจากเสียงโหยหวนอย่างน่าสงสารดังขึ้นหลายครา ศิษย์พี่ทั้งสามทั้งตัวเต็มไปด้วยรอยแผล สายตาโอหังไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตาในบัดนี้เปลี่ยนเป็นความกลัวเมื่อมองไปยังป๋ายเสี่ยวเฟย
‘บัดซบ ไอ้หนูนี่บ้าไปแล้ว! มันไม่กลัวว่าจะมีคนมาหาเรื่องหรือไร? และทำไมพวกมันแข็งแกร่งนัก? ใช่ศิษย์ใหม่จริงๆ หรือ?’
เสียงก่นด่าและความคิดมากมายพรั่งพรูเข้าไปในใจทั้งสาม แต่พวกมันไม่มีใครกล้าเอ่ยปากออกมา เพราะหากทำเช่นนั้น ก็เท่ากับเพิ่มรอยแผลให้บนร่าง
“ข้าไม่รู้ว่าเบื้องหลังพวกเจ้ามีใคร แต่จากวันนี้เป็นต้นไป ค่าคุ้มครองของศิษย์ใหม่จะไม่ตกไปอยู่ในมือพวกเจ้าอีก!”
ป๋ายเสี่ยวเฟยหัวเราะเสียงเย็นชาก่อนจะรับตราหยกที่หวู่จื๋อ สือขุยและฉิงหนานแย่งมา เขาถ่ายโอนหินชิงหลัวข้างในโดยไม่ลังเล
“พวกเจ้ารู้ว่าฉินหลิงหยานใส่ชื่อข้าเข้าไปในอันดับค่าหัว แต่ไม่มีใครรู้ว่นางเอาออกทำไม ใช่หรือไม่?”
ขณะที่เขาเอ่ย พวกศิษย์พี่เผยสีหน้ากริ่งเกรง
แน่นอนว่า ไม่มีใครมองออกจากจำนวนรอยแผลบนใบหน้าพวกเขา... ป๋ายเสี่ยวเฟยไม่ได้อธิบายต่อ เขานั่งลงไปบนเตียง
“เตรียมพร้อมให้ดี เราจะมีแขกอีกมาก”
เมื่อเขากล่าวจบ โม่ข่าและพวกขยับตัวอีกครา ครั้งนี้พวกเรารู้ว่าแขกที่จะมาคือใครเพราะใกล้เวลาเที่ยงแล้ว...
กาลเวลาไหลผ่านอย่างแช่มช้า เป็นครั้งแรกที่ศิษย์พี่ทั้งสามรู้สึกว่าแต่ละนาทีช่างผ่านไปช้ากว่าช่วงอื่น จนพวกมันแทบจะร้องไห้ออกมา! เพราะโอกาสในการมาเก็บค่าคุ้มครองเป็นสิ่งที่พวกมันใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อได้รับ แล้วดูสภาพพวกมัน มีใครบ้างที่ต่อสู้แย่งชิงโอกาสเพื่อที่จะมาถูกอัด!?
ศิษย์พี่ทั้งสามแทบจะทนไม่ไหวอีกต่อไปเมื่อแขกของป๋ายเสี่ยวเฟยมาถึง พวกมันหารู้ไม่ว่าฝันร้ายเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น! คำพูดของป๋ายเสี่ยวเฟยในคาบชุมนุมเมื่อวานได้สร้างความประทับใจอย่างลึกล้ำให้ศิษย์ห้องอื่นเป็นอย่างมาก ทำให้เมื่อเวลามาถึงไม่มีใครกล้ามาสาย
แต่เมื่อหัวหน้าห้องคนอื่นเข้ามาภายในห้อง พวกเขาล้วนตะลึง เพราะไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีคนมากขนาดนี้ในห้องของป๋ายเสี่ยวเฟย และที่สำคัญคือยังมีศิษย์พี่สามคนนอนอยู่บนพื้นด้วย!
‘เกิดอะไรขึ้น?’
“ห้องพักออกจะเล็กไปหน่อยสำหรับทุกคน ข้าคงต้องให้พวกเจ้าทน โม่ข่า เปิดทางให้พวกมัน”
ศิษย์คนอื่นมาถึงก็เจอกับพลังอำนาจที่ป๋ายเสี่ยวเฟยแสดงออกมาที่เหนือกว่าคนอื่น พวกที่ไม่รู้ถึงความสามารถของเขาล้วนทำตัวอ่อนน้อมเฉกเช่นยามเสี่ยวเอ้ออยู่ต่อหน้าสาวงาม
“มีใครรู้จักศิษย์พี่พวกนี้หรือไม่?”
ป๋ายเสี่ยวเฟยชี้นิ้วไปยังทั้สามบนพื้นพลางเอ่ย ทั้งเก้ามองหน้ากันไปมาก่อนจะส่ายศีรษะพร้อมกัน
‘โดนอัดจนเละเช่นนี้จะให้ข้าจำได้อย่างไร!’
“พวกมันมาเก็บค่าคุ้มครอง แต่ข้าคันมือเล็กน้อย ข้าเลยให้พวกมันอยู่ต่อ พวกเจ้าว่าข้าทำถูกหรือไม่?”
สีหน้าของป๋ายเสี่ยวเฟยราบเรียบขณะที่เขากล่าว ทั้งเก้ากลืนน้ำลายอึกหนึ่งเมื่อได้ยิน
พวกเขารู้ว่าป๋ายเสี่ยวเฟยเป็นคนมีความสามารถ แต่ไม่คิดว่าเขาจะกล้าหาญขนาดนี้
‘เขาทำเช่นนี้กับศิษย์พี่ที่มาเก็บค่าคุ้มครอง แล้วผลกระทบเล่า?’
“อะไร? คำถามยากจะตอบหรือ?”
ป๋ายเสี่ยวเฟยถามอีกครา ทั้งกลุ่มกลืนน้ำลายอีกอึก
“ลูกพี่ป๋าย นี่... พวกเรา...”
หนึ่งในพวกมันเอ่ยเสียงพึมพำ แต่เขาไม่อาจเอ่ยความคิดของตนได้
“หากข้าลดค่าคุ้มครองลงครึ่งหนึ่ง เจ้าคิดว่าดีหรือไม่?”
ป๋ายเสี่ยวเฟยไม่หยุดจนกว่าจะทำให้พวกเขาตกตะลึงจนตาย และดูก็รู้ว่าเขาทำสำเร็จ!