GE454 ค่ำคืนกับเหยาเหลียน [ฟรี]
ตงสู่บอกเล่าถึงรายละเอียดต่างๆของงานปรุงโอสถให้หนิงฝานฟัง
งานปรุงโอสถในครั้งนี้ได้เผ่าปีศาจยักษ์และเกาะโอสถร่วมมือ ทำให้งานออกมายิ่งใหญ่
นักปรุงโอสถที่เร้นกายอยู่เป็นจำนวนมากในโลก ต่างกำลังมุ่งมายังทะเลไร้สิ้นสุดเพื่อเข้าร่วม
งานปรุงโอสถในครั้งนี้ไม่ด้อยไปกว่างานปรุงโอสถ ที่ 50 ปีวิหารพิรุณจะจัดขึ้นครั้งหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นนักปรุงโอสถระดับ.fก็เข้าร่วมได้ แต่หากเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 3 ลงไป อาจจะถูกการแข่งขันคัดออกตั้งแต่รอบแรก
งานปรุงโอสถแบ่งการแข่งขันออกเป็น 3 รอบ รอบแรกจะใช้สิ่งที่เรียกว่า ‘จารึกวัดระดับ’ ที่เป็นของล้ำค่าของเกาะโอสถที่จะช่วยวัดระดับของนักปรุงโอสถ หากผู้ใดมีระดับไม่ถึง 3 จะถูกคัดออกทันที
รอบที่สองคือการแข่ง ‘เผาสมุนไพร’ เป็นการทดสอบระดับและความเร็วในการเผาสมุนไพร
โดยทั่วไปแล้วการปรุงโอสถแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน
ขั้นตอนแรกคือการเผาสมุนไพร ขั้นที่สองคือการผสานปราณสมุนไพรแต่ละชนิดเข้าด้วยกัน และขั้นสุดท้ายคือการถอนเพลิงออกมา แล้วทำให้ปราณสมุนไพรกลายเป็นโอสถ
ดังนั้น หากเผาสมุนไพรได้เร็ว ก็จะสูญเสียปราณสมุนไพรก็ที่ได้จากการเผาไม่มาก ฤทธิ์ของโอสถในตอนท้ายก็จะไม่หายไปมากเช่นเดียวกัน
หลังจากเผาสมุนไพรได้แล้ว คือการขับของเสียออกจากปราณสมุนไพรที่ได้ ยิ่งปราณสมุนไพรมีปริมาณมาก ความยากและเวลาที่ใช้ก็จะมากขึ้น และหากไม่ระวัง อาจทำให้ปราณสมุนไพรเหล่านั้นระเบิดได้
นักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 จะสามารถปรุงสมุนไพรพันปีได้ประมาณ 5 ถึง 10 ชุดต่อครั้ง แต่ยังไม่มีผู้ใดที่ปรุงสมุนไพรคราวละมากกว่านั้นได้
แต่หากเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 จะสามารถปรุงสมุนไพรพันปีได้ถึงคราวละ 50 ครั้ง! หากปรุงโอสถคราวละมากกว่านั้น การปรุงโอสถอาจล้มเหลว
ดังนั้นการทำให้ปราณสมุนไพรบริสุทธิ์ จึงถูกนำมาเป็นการแข่งขันรอบที่ 2
ส่วนการแข่งขันในรอบที่ 3 นั้น คือการทำให้ปราณสมุนไพรกลายเป็นโอสถ ขั้นตอนนี้คือขั้นตอนที่นักปรุงโอสถได้แสดงวิชาปรุงโอสถของตน ซึ่งจะวัดกันด้วยเวลาและการคุณภาพของโอสถ
ผู้ที่ได้อันดับหนึ่งในสามจะได้รางวัลมากมาย และสามารถปรุงโอสถให้กับฟงฉุ่ยเยวียน หากโอสถใดที่รักษานางได้ คนผู้นั้นจะได้โอสถมิติไป
รางวัลที่นักปรุงโอสถอันดับหนึ่งจะได้รับนั้นน่าดึงดูเป็นอย่างมาก ทั้งโอสถมิติ สมุนไพร และตำรับโอสถอันล้ำค่า
ดังนั้นนักปรุงโอสถที่มาล้วนอยากเป็นผู้ชนะ
เมื่อหลายปีก่อน วิหารพิรุณได้จัดงานปรุงโอสถขึ้น นักปรุงโอสถมากมายเดินทางไปเข้าร่วม หนึ่งในผู้ที่จะไปเข้าร่วมยามนั้นคือคนของเกาะโอสถ แต่มันก็ถูกหนิงฝานสังหารไปก่อน
งานปรุงโอสถที่จะจัดขึ้นในเผ่าปีศาจยักษ์จะเริ่มขึ้นในอีก 1 เดือนข้างหน้า
หลังจากร่วมดื่มกินกับตงสู่ หนิงฝานได้ขอตัวไปพักพร้อมกับสตรีของตนเพื่อเตรียมตัวเข้าร่วมงานปรุงโอสถ
เยว่หลิงคงและเฟินซื่อติดตามหนิงฝานมาตั้งแต่เผ่าหกปีก ยามนี้พวกนางเหนื่อยอ่อนมาก จึงได้แยกย้ายไปพัก
ฟงฉุ่ยเยวียนเองก็พักอยู่ร่วมกับฉุ่ยหลิง ไม่เปิดโอกาสให้หนิงฝานอยู่กับฉุ่ยหลิงเพียงลำพัง
ตั้งแต่ได้รู้มุมมืดของเผ่าปีศาจยักษ์ หนิงฝานจึงได้มอบทาสไร้ดัดแปลงทั้ง 4 ให้หลิงคงทั้งหมด และให้พวกนางระวังตัวไว้
หนิงฝานนั่งอยู่ในห้องแห่งหนึ่ง จุดเทียนนั่งอ่านกระดาษที่ได้มา
กระดาษเหล่านั้นมีลายมือที่งดงามของสตรี ซึ่งฟงฉุ่ยเยวียนเป็นผู้เขียนเอาไว้ในอดีต
นางมีปัญหาเรื่องการออกเสียง ยามที่นางจะพูดคุยกับฉุ่ยหลิง นางจะเขียนตัวอักษรลงไปแทน
สิ่งที่นางเขียนลงไปนั้นส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความโดดเดี่ยว เหมือนสายลมและหิมะที่ไม่มีผู้ใดเข้าใจ
นางเป็นบุตรสาวของผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลัง แต่นางกลับอ่อนแอ ระดับพลังไม่ได้สูงเหมือนคนในรุ่นเดียวกัน แม้ว่านางไม่ได้อยากจะเป็นแบบนี้แต่นางเลือกไม่ได้
แม้ว่านางจะพยายามฝึกฝนเท่าไหร่ ก็จะถูกโลหิตปีศาจในร่างดูดกลืนไปจนหมด
แต่โชคดีที่นางทุ่มทุกสิ่งไปกับวิชาประทับรอยสักปีศาจ ทำให้นางบรรลุในระดับที่ไม่มีผู้ใดจินตนาการได้ จนนางกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องการประทับรอยสักปีศาจอันดับหนึ่งของโลกพิรุณไป
จนสุดท้าย นางได้ประทับรอยสักปีศาจที่ทำให้นางเคลื่อนย้ายในพริบตาได้ จึงทำให้นางมีความสามารถในการหลบหนีที่ไม่ธรรมดา
หนิงฝานจินตนาการไม่ออกว่าผู้ที่อ่อนแออย่างนาง จะใจเด็ดประทับรอยสักปีศาจกับตน เขารู้ดีว่าการประทับรอยสักปีศาจนั้นเจ็บมาก
“หลิงเอ๋อร์สายตาเฉียบคม ที่ได้ฉุ่ยเยวียนบุตรสาวของผู้นำเผ่าปีศาจยักษ์เป็นพี่สาว...”
แต่ในขณะที่หนิงฝานกำลังขบคิดอยู่นั้น เขาก็สวมผ้าคลุมลวงสวรรค์แล้วออกจากห้องไป
ภายในห้องแห่งหนึ่ง มีเสียงอาบน้ำดังออกมา เหยาเหลียนพักอยู่ภายใน นางกำลังอาบน้ำยามนี้
นอกห้องมีผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำ 10 คนทำหน้าที่เคยรับใช้นาง และเฝ้าระวังรอบๆ
แต่ในชั่วพริบตานั้น สายลมอ่อนๆหอบหนึ่งได้พัดผ่านโดยที่คนเหล่านั้นไม่รู้ตัว มุ่งเข้าไปยังห้องของเหยาเหลียน
ภายในห้องอาบน้ำของนาง อบอวนไปด้วยไอน้ำ กลิ่นหอมชวนให้หลงไหล
แม้ว่าใบหน้าของเหยาเหลียนไม่ได้งดงาม แต่เรือนร่างของนางเย้ายวนมาก
นางยังคงนึกถึงหนิงฝาน นึกถึงใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา หลับตา แล้วค่อยๆเคลื่อนมือไปยังหว่างขาจากนั้นก็...
นางจินตนาการว่าหนิงฝานกำลังขึ้นเตียงกับนาง มือคู่ใหญ่ฉีกอาภรณ์ขาดเป็นชิ้นๆ ใบหน้าที่หล่อเหลาก้มลงขบกัดที่หน้าอกอันขาวนวลของนาง จากนั้นทั้งสองก็กอดรัดพัวพัน ทำในสิ่งที่พึงพอใจ
ยามนี้ ลมหายใจของนางเริ่มถี่กระชั้น สติเริ่มพร่าเลือนราวกับถูกราคะครอบงำ แม้นางจะอยากหยุด แต่หยุดไม่ได้
“ท่านหมิง… ข้าต้องการ… ข้าต้องการท่าน...”
นางจมอยู่ในความปรารถนาโดยไม่ได้สังเกตุว่ามีคนอยู่ข้างหลังนาง
หนิงฝานคาดไม่ถึงว่าจะมีคนที่เก็บเอาตัวเขาไปทำอะไรแบบนี้ ดูเหมือนนางจะเป็นพวกคลั่งตัณหา
หนิงฝานส่ายหน้า แม้ว่าสตรีที่ปล่อยตัวเช่นนางจะมีให้เห็นทั่วไป แต่คนอย่างหนิงฝานไม่มีทางชอบพวกนางเด็ดขาด
แม้ว่าหนิงฝานจะเป็นผู้ฝึกฝนวิชาขัดเกลาผสาน แต่หากเทียบกับสิ่งที่เหยาเหยียนเป็น เขาดีกว่านางมาก
“แม่นางเหยาเหลียนช่างน่าสนใจ...” หนิงฝานยิ้ม เขานั่งลงเก้าอี้ที่อยู่ไม่ไกล รินสุราจิบพลางจ้องมองนาง
นางตกใจพลางเร่งหันหน้ากลับมาดู เมื่อเห็นเป็นหนิงฝาน นางจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แฝงด้วยความขุ่นเคือง
“ท่านหมิงมาไม่บอกข้าก่อน ท่านคงได้เห็นข้าทำ...”
แม้นางจะโกรธ แต่น้ำเสียงของนางกลับเปี่ยมไปด้วยความเย้ายวน
“เจ้ารู้เหรอว่าข้าจะมา?” หนิงฝานจิบสุราพลางกล่าว
“ฮ่าฮ่า แววตาของท่านหมิงราวกับจะกลืนกินข้าเข้าไปทั้งตัว ข้าจึงคิดว่าท่านหมิงจะมาหาข้าและร่วมทำบางสิ่งกับข้าคืนนี้”
นางลุกขึ้นจากอ่าง เปลือยเปล่าต่อหน้าหนิงฝาน ก้าวเท้าเดินไปหา
ทุกท่วงท่าของนางงดงามและเย้ายวน จนแทบจะทำให้บุรุษลุ่มหลง
แม้ว่านางไม่งดงาม แต่นางมั่นใจในเสน่ห์มาก
นางรู้ว่าที่หนิงฝานจ้องมองนางในคราวนั้น เป็นเพราะเขาสนใจในตัวนาง
แต่น่าเสียดายที่นางเดาผิด เพราะหนิงฝานแค่อยากจะล้วงความลับจากนางเท่านั้น แม้ว่าเขาจะมองนางด้วยสายตาเสน่หา แต่ในใจกลับเย้ยหยัน
หนิงฝานแตกต่างจากบุรุษทั่วไป เขาไม่มีทางหลงเสน่ห์ของนางแน่นอน
“ท่านหมิง ข้ารู้สึกไม่ค่อยสบายตัว...”
นางเอนกายแนบอกหนิงฝาน ทาบหน้าอกที่นุ่มละมุนลงบนแผ่นอกของเขา
เมื่อนางได้สัมผัสกายหนิงฝาน ราคะที่อัดแน่นอยู่ในใจก็ปะทุ หว่างขาปรากฏของเหลวราวกับพร้อมรับสิ่งที่กำลังจะตามมา
“น่าแปลก ทำไมร่างกายของข้าถึงได้ตื่นเต้นขนาดนี้… เมื่อครู่ข้าจงใจทำให้ร่างกายของข้าบรรลุถึงจุดสุดยอด แต่ตอนนี้ ข้าโคจรวิชาเพื่อไม่ให้ลุ่มหลงท่านหมิง แต่เมื่อข้าสัมผัสกายของเขา เหตุใดข้าไม่อาจควบคุมตัวข้าได้”
นางประหลาดใจ นางนึกขึ้นได้ว่า หนิงฝานไม่ได้เก่งกาจเพียงแค่การสังหารเท่านั้น เขายังเป็นผู้ฝึกวิชาขัดเกลาผสานที่ไม่ธรรมดา
แต่ยามนี้ นางมั่นใจมากว่าหนิงฝานไม่ได้ใช้วิชาใดๆกับนาง แต่ยังกลับทำให้ร่างกายของนางแทบจะสูญเสียการควบคุม… นับเป็นเสน่ห์ที่ไม่ธรรมดา
ซึ่งเสน่ห์ของหนิงฝานนั้น ก้าวล้ำเหนือความเข้าใจของนางมาก แต่เมื่อนางเงยหน้ามองหนิงฝาน เห็นแววตาที่ยังคงเรียบเฉยของเขา กลับยิ่งทำให้ตกตะลึง
“เป็นไปไม่ได้… ทำไมการยั่วยวนของข้าไม่ได้ผล?”
ยามนี้นางรู้แล้วว่าหนิงฝานไม่ธรรมดาอย่างที่คิด การที่เขายังมีแววตาอยู่แบบนั้น แสดงว่าเขามีจิตใจที่เข้มแข็งดุจหินผา นั่นหมายความว่า นางคงจะครอบครองเขาไม่ได้
“ท่านหมิง… ที่ท่านมาหาข้ามีเรื่องอะไรหรือ?” นางขบกัดปลายลิ้นเพื่อเรียกสติ ขับราคะที่อยู่ในใจออกไป และไม่ได้ยั่วยวนหนิงฝานอีก
นางไม่ได้โง่ นางรู้ว่าหนิงฝานมีเจตนาอื่น การที่นางกล้าไปยั่วยวนเขาแบบนั้น ไม่ถูกสังหารตายก็นับว่าดีแล้ว
นางเคยมั่นใจในเสน่ห์ของตน และมั่นใจว่าบุรุษทุกคนบนโลกต้องหลงเสน่ห์นาง ตอนนี้นางรู้แล้วว่ามันไม่จริง
“ที่ข้ามาก็เพราะมีเรื่องอยากถามผู้อาวุโสสองสักหน่อย หากคำถามใดท่านตอบไม่ได้ข้าก็ไม่บังคับ… ที่ข้าอยากถามเพราะข้าได้ยินข่าวลือมาในหมู่เผ่าปีศาจจึงสงสัย ไม่ได้เจตนาจะก่อศัตรูใดๆกับเผ่าปีศาจยักษ์”
“ที่แท้ท่านหมิงมาหาข้าเพราะมีเรื่องพูดคุย หากท่านหมิงมีคำถามเชิญท่านกล่าวถามมาเถอะ หากข้าตอบได้ข้าจะตอบ แต่หากข้าตอบไม่ได้ ต่อให้ท่านบังคับหรืออ่านความทรงจำข้า ก็ไม่มีคำตอบให้ท่านอยู่ดี” นางรู้เจตนาของหนิงฝาน และรู้ว่าอะไรที่ตอบได้ตอบไม่ได้ ต่อให้นางต้องตายนางก็จะไม่พูด
“ข้าขอถามผู้อาวุโสสอง ในเผ่าปีศาจยักษ์ของท่านมีสนมปีศาจหรือเปล่า?”
คำถามแรกนางไม่ตอบ นางเพียงขมวดคิ้ว เพราะผนึกที่อยู่ในทะเลสติของนางทำให้นางเจ็บ
นางรู้ว่าผู้ที่เป็นสนมปีศาจของเผ่าปีศาจยักษ์ คือบุตรสาวของชวี่ฉิง
บรรพบุรุษทั้ง 8 ไม่อนุญาติให้นางพูดเรื่องนี้ จึงได้ลงผนึกบางอย่างเอาไว้ในทะเลสติของนาง
หากนางเปิดปากออกไป ทะเลสติของนางจะถูกทำลายทันที
นางไม่รู้ว่าหนิงฝานใช้วิชาคารม จึงทำให้เขารู้สิ่งที่อยู่ในใจนาง ซึ่งนั่นทำให้เขารู้ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดคือบรรพบุรุษทั้ง 8
“ฟงฉุ่ยเยวียนคือสนมปีศาจของเผ่าปีศาจยักษ์จริงๆ!” หนิงฝานกล่าวในใจ
หนิงฝานอยากจะกล่าวถามเรื่องบรรพบุรุษทั้ง 8 และพลังแห่งชีวิตของพวกมัน แต่เรื่องนั้น เขาต้องถามกับฟงฉุ่ยเยวียนแทนที่จะเป็นนาง เพราะนางไม่รู้เรื่องนี้
“ใครเป็นคนลงผนึกทะเลสติของเจ้า!” หนิงฝานไม่ได้กล่าวถามเรื่องบรรพบุรุษทั้ง 8 แต่กล่าวถามเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพวกมัน
ต่อให้บรรพบุรุษทั้ง 8 รู้ว่าหนิงฝานกล่าวถามนาง แต่สิ่งที่ถามก็เป็นแค่เรื่องผนึก ซึ่งไม่นับว่าเป็นการถามเรื่องของพวกมัน
“ข้าตอบไม่ได้...” นางยิ้มเล็กน้อย เพราะนั่นเป็นความลับของเผ่าปีศาจยักษ์ หากนางตอบ นางจะตาย
บรรพบุรุษทั้ง 8 เป็นคนของเผ่าปีศาจยักษ์ที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่เร้นกายอยู่ที่ไหนสักแห่งในเผ่า การที่มันลงตราประทับกับฉุ่ยเยวียนก็เพื่อจะอาศัยนางเพื่อลบล้างตราประทับทาสออกจากตัว
ไม่มีผู้ใดเข้าใจในสิ่งที่อยู่ม้วนหนังสัตว์ของฉุ่ยเยวียน เว้นแต่เพียงพวกมัน พวกมันจึงคิดแผนการนี้ขึ้น
ชวี่หยานที่หนิงฝานได้พบไม่ได้แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาพวกมัน ยังมีคนที่แข็งแกร่งกว่ามันขึ้นไป และเป็นผู้ที่เข้าใจในพลังแห่งชีวิตที่ไม่ธรรมดา
ความลับระดับนี้ ใครจะไปบอกคนนอกได้?
ต่อให้เป็นคนในเผ่า ผู้ที่รู้ความลับนี้ก็มีเพียงแค่ ฝูไป๋ เหยาเหลียน และผู้อาวุโสของเผ่าอีกแค่ไม่กี่คนเท่านั้น
ชวี่ฉิงเคยถูกพวกมันลบความทรงจำ ทำให้ไม่รู้ถึงเหตุผลที่บุตรสาวของตนบาดเจ็บ และยังคงเทิดทูนพวกมันด้วยหัวใจเหมือนเดิม
แม้ว่าเหยาเหลียนจะไม่กล่าว แต่หนิงฝานก็รู้ในสิ่งที่อยู่ในใจนาง แต่เขาไม่ได้แสดงทางสีหน้าหรือแววตาใดๆ
ตอนนี้เขารู้แล้วว่าใครคือศัตรู
บรรพบุรุษทั้ง 8 ผู้ที่ยอมทำทุกสิ่งเพื่อลบตราประทับทาสออกไป
พวกมันยอมใช้ฟงฉุ่ยเยวียนเป็นเครื่องบูชายัญ ซึ่งหนิงฝานจะไม่มีวันยอม
แม้การแลก 1 คนเพื่อให้เผ่าปลอดภัยจะเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า แต่พวกมันไม่เคยถามผู้ที่ถูกบูชายัญว่ายินยอมหรือไม่?
แล้วหนิงฝานก็ลุกยืน พลางกล่าวกับเหยาเหลียน “เช่นนั้นข้าขอตัว”
เพียงแค่ 2 คำถามก็ได้รู้ทุกสิ่ง ต่อให้บรรพบุรุษทั้ง 8 รู้ว่าเขาถามเหยาเหลียน แต่ก็เป็นแค่ 2 คำถามที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพวกมัน
เมื่อพ้นห้องของนางออกไป หนิงฝานก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
เหยาเหลียนผ่อนคลายขึ้นมาก เพราะกลิ่นอายของหนิงฝานนั้นน่ากลัว จนนางแทบจะทนไม่ไหว
“เป็นคนที่น่ากลัวจริงๆ… เป็นคนที่ข้าไม่อาจครอบครอง หากฝืน...ข้าต้องตาย แต่นี่แหละบุรุษที่โดดเด่นที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบมาในชีวิต...”
“ข้าต้องระวังตัวให้ดี...” นางยิ้ม นางขบคิดว่าหากนางยังบริสุทธิ์อยู่ นางจะได้ครอบครองหริงฝานหนิงฝานหรือไม่ แค่คิดถึงเรื่องนั้นก็ทำให้นางแทบคุมตัวเองไม่อยู่แล้ว...