เล่ม1 : บทที่ 29 – เพลิงอสรพิษ
กำเนิดดาบปีศาจ(BDS) เล่ม1 : บทที่ 29 – เพลิงอสรพิษ
หมาป่าอัสนีเป็นสัตว์เวทมนตร์อันดับสอง หากจะกล่าวโดยทั่วไป พวกมันคือสัตว์เวทมนตร์ที่มีความสามารถด้านการประสานการโจมตีพร้อมกัน พวกมันสามารถปล่อยลำสายฟ้าออกมาจากปากได้ หรือประสานร่วมกับฝูงเพื่อสร้างสายฟ้าขนาดใหญ่ทำลายศัตรูที่เข้ามาขวางทาง หากสายฟ้าถูกปล่อยออกมาจากปากของหมาป่าอันดับสองทั้งหกตัว พลังทำลายล้างก็เทียบได้กับขั้นสูงสุดของอันดับของพวกมัน
มาร์คนั่งลงข้างแซนดี้และพวกเขาก็เริ่มพนันกันว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร
ส่วนอีธาน ครั้งนี้เขาไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ ต่อเหตุการณ์ครั้งนี้เพียงนั่งลงกับพื้นและมองดูด้วยสีหน้าที่บ่งบอกถึงความรำคาญในการต่อสู้กับสัตว์เวทมนตร์เหล่านั้นที่ไม่ได้ดึงดูดความสนใจของเขาแม้แต่น้อย
ซูซานยังคงยืนอยู่และมองหาร่องรอยต่างๆ รอบๆ หมู่บ้านร้างแห่งนี้
‘เจ้าพวกนี้’ โนอาห์รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย ‘ฝีมือของพวกนั้นสามารถกำจัดหมาป่าได้ภายในไม่ถึงนาทีด้วยซ้ำแต่กลับเลือกให้ฉันจัดการเสียเอง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าสถานะในกลุ่มตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับคนเก็บกวาดขยะ’
หมาป่าเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ และหางของมันคือจุดที่สะสมกระแสไฟฟ้าเพื่อปลดปล่อยในการโจมตี
“รู้หรือไม่ว่าข้าน่ะเกลียดการถูกทดสอบที่สุด”
โนอาห์หันไปพูดกับคนอื่นๆ ในกลุ่ม ขณะเดียวกันดาบที่ซ่อนคมอยู่ในฝักก็ถูกชักออกมาและเขาก็กระโดดใส่หมาป่า
เขาพุ่งความสนใจไปที่หางของมันเนื่องจากนั่นคือจุดอันตรายซึ่งคุณจะเข้าใจได้เมื่อสายฟ้าถูกปล่อยออกมา ระหว่างช่วงที่ต้องรับผิดชอบในการกำจัดรังสัตว์เวทมนตร์ วิลเลียมได้มอบตำราบางๆ เล่มหนึ่งให้เขาเพื่อท่องจำ เนื้อหาข้างในระบุข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับสัตว์เวทมนตร์ที่อยู่ต่ำกว่าอันดับสามลงไป พร้อมกับคำแนะนำวิธีการหลบหลีกการโจมตีอันทรงพลังของพวกมัน
หากเป็นในกรณีของหมาป่าอัสนีนั้น คือตอนที่มันอ้าปากเพื่อปล่อยกระแสไฟฟ้าที่สะสมอยู่ที่หาง ไม่มีการโจมตีใดในโลกที่จะสมบูรณ์แบบเสมอไป ทุกอย่างล้วนมีจุดอ่อน
ในกรณีที่สายฟ้าถูกปล่อยออกมาแล้ว การหลบหลีกจะต้องอาศัยการเตรียมตัวและความคล่องแคล่วอันน้อยนิดของพวกมัน
ด้วยกระบวนท่าของโนอาห์มีระยะการส่งผลที่จำกัด
สายฟ้าแรกถูกปล่อยออกมาจากปากของหมาป่าตัวหนึ่งพุ่งตรงมายังทิศทางของโนอาห์ เขารีบขยับตามแนวทแยงมุมเพื่อหลบจากนั้นก็กลับมายืนอยู่ที่เดิม
สายฟ้าผ่านร่างเขาไปและพุ่งชนพื้นดิน เกิดหลุมใหญ่ขนาดกว้างหนึ่งเมตรพร้อมกับควันโพยพุ่งออกมา ความสามารถพิเศษของสัตว์เวทมนตร์อันดับสองเป็นสิ่งที่เราไม่ควรประเมินมันต่ำเกินไป!
สายฟ้าอีกลูกถูกยิงออกมาแต่โนอาห์หลบได้โดยไถลตัวต่ำกับพื้นด้วยความเร็วสูง จากนั้นก็กระโดดเข้ากลางวงล้อมฝูงหมาป่า
จากการมองเห็นปกติของมนุษย์ โนอาห์หยุดลงระหว่างหมาป่าสองตัวที่อยู่ด้านข้างเพียงพริบตาเดียวก่อนจะเคลื่อนที่ตรงไปยังหมาป่าอีกสี่ตัว
แม้แต่หมาป่าทั้งสองตัวก็ยังสับสนเล็กน้อยกับการกระทำของโนอาห์และเอียงศีรษะจากนั้นก็ตามหลังเด็กคนนั้นที่กำลังตรงไปยังฝูง
ขณะนั้นเอง ก็เกิดรอยเลือดที่คอของหมาป่าทั้งสองตัวต่อมาไม่นานรอยเลือดนั้นก็ระเบิดออก เป็นเหตุให้คราบเลือดสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ ศีรษะของหมาป่าทั้งสองตัวร่วงลงสู่พื้น พร้อมกับร่างที่ไร้ศีรษะและวิญญาณ
“โอ้ นั่นคือความเร็วที่แท้จริงของกระบวนท่าคาไมทาจิ ตอนที่ท่านรองบอกกับข้าว่าเขาได้สอนศิลปะการต่อสู้อันดับสามให้กับเด็กนั่น ทำให้ข้าเกือบถูกนำตัวไปขังเพราะหัวเราะเยาะเขา ชักอยากรู้เสียแล้วสิว่าเขาจะแสดงพลังของเคล็ดวิชาออกมาได้มากแค่ไหนกัน”
แซนดี้วิพากวิจารณ์จากตำแหน่งบนพื้น ขณะที่อีกสองคนต่างพยักหน้ารับ
แม้การโจมตีของโนอาห์จะรวดเร็ว แต่มันก็ไม่อาจคลาดสายตาของผู้ฝึกตนเช่นระดับพวกเขาไปได้ มีเพียงแค่อีธานที่ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขามองเห็นการโจมตีแรกได้อย่างชัดเจนแต่กลับพลาดการโจมตีครั้งที่สอง
ขณะเดียวกันนั้น โนอาห์ยังคงอยู่ท่ามกลางฝูงหมาป่า ครั้งนี้หมาป่าเตรียมพร้อมที่จะประสานการโจมตีร่วมกันเนื่องจากการตายของพวกพ้องมันทั้งสองตัวทำให้พวกมันรับรู้ถึงอันตรายที่กำลังเผชิญอยู่
แต่นั่นก็สายเกินไป!
หากพวกมันใช้การโจมตีที่ทรงพลังที่สุดในทันที ขณะที่โนอาห์เข้ามาใกล้ขึ้นก็จะเป็นการเปิดโอกาสให้พวกมัน แต่ตอนนี้โนอาห์คือผู้ที่กำหนดชะตากรรมของหมาป่าทุกตัวเอาไว้
ดูเหมือนโนอาห์เพียงแค่เดินเตร่ระหว่างหมาป่าแต่ละตัว แต่ทุกครั้งที่เขาเดินผ่าน ศีรษะของมันจะถูกตัดขาดและร่วงลงสู่พื้น
ภายในไม่ถึงหนึ่งนาที ฝูงหมาป่าก็ถูกกำจัดจนสิ้นซาก เหลือไว้เพียงร่างไร้ศีรษะของหมาป่ารอบกาย
‘เคล็ดวิชาของฉันอยู่ในระดับที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ถ้าที่เคยเจอก่อนหน้านี้เป็นพวกสัตว์เวทมนตร์อันดับสองที่อยู่ในระดับกลางหรือต่ำกว่าล่ะก็ แสดงว่าหมาป่าพวกนี้ก็น่าจะมีระดับที่สูงกว่าแน่ๆ! ช่างน่าสังเวชที่ฉันยังคงข้ามขอบเขตของอันดับสามไปไม่ได้เพราะร่างกายที่ยังอ่อนแอ’
เขามักจะวิเคราะห์การต่อสู้และเคล็ดวิชาเช่นทุกครั้งเพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดที่พบระหว่างต่อสู้ และประเมินระดับพลังของตัวเอง
‘เหตุการณ์แมงมุมหุ้มเกราะเหล็กถือว่าเคราะห์ดีมาก ถ้าตอนนั้นร่างกายของมันวิวัฒนาการสมบูรณ์แล้ว ก็คิดว่าคงไม่มีโอกาสได้ฆ่ามัน’
โนอาห์ยังคงยืนดำดิ่งในความคิด จากนั้นซูซานก็เดินกลับมาหาสมาชิกในกลุ่มที่นั่งอยู่บนพื้น
“หมู่บ้านร้างไปแล้ว ไม่มีของมีค่าหลงเหลือ เด็กนั่นเปิดทางให้แล้ว เราควรไปกันได้แล้ว พวกเจ้าคิดว่าเขาจะสามารถสกัดกั้นพวกทหารหนีทัพที่อ่อนแอระหว่างต่อสู้ไหวหรือไม่?”
แซนดี้ลุกขึ้นยืน “ข้าคิดว่าไม่น่าจะมีอะไรต้องกังวล เจ้าพวกทหารระดับต่ำอาจสร้างปัญหาให้เขาได้บ้างแต่เขาคงรับมือได้แน่นอน ปัญหาเดียวก็คือเขาจะรับมือได้นานเท่าใดแค่นั้นแหละ เพราะสุดท้าย”ลมหายใจ“ในร่างกายย่อมมีจำกัด”
ซูซานพยักหน้าจากนั้นก็พูดถึงวิธีการแก้ไข
“เช่นนั้นเราต้องจบการต่อสู้เสียก่อนที่เขาจะไม่ไหว ข้าไม่อยากถูกฆ่าตายเพราะคนไร้น้ำยาผู้อ่อนแอที่ทำให้ภารกิจของข้าต้องพัง”
“ข้าเห็นด้วยท่านหัวหน้า และเมื่อใดที่เสร็จสิ้นภารกิจพวกเราก็จะไปฉลองกันที่ซ่องโสเภณีในมอสโกรฟ!”
ซูซานถอนหายใจเสียงดังขณะนวดขมับทั้งสองข้าง พยายามหักห้ามตัวเองไม่ให้ใส่อารมณ์กับแซนดี้
ในขณะเดียวกันนั้น ณ หน้าผาแห่งหนึ่งบนเทือกเขา มีชายร่างกำยำวัยกลางคนคนหนึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นพร้อมกับสีหน้าที่เคร่งขรึม
เสียงกรีดร้องและเสียงอ้อนวอนดังสนั่นไปทั่วบริเวณแต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้สนใจแต่อย่างใด บนมือเขามีคัมภีร์เล่มหนึ่งที่มีลวดลายที่สลับซับซ้อนถูกกางเปิดอยู่ จากนั้นเขาก็ชูมือข้างหนึ่งขึ้นมาและชี้ไปยังต้นไม้ที่อยู่ด้านข้าง จู่ๆ แขนของเขาก็เปล่งแสงและปรากฏเป็นเปลวไฟที่เป็นรูปร่างงูถูกยิงออกมาโค่นต้นไม้และกระเด็นไปไกลหลายเมตรก่อนที่จะเริ่มมอดไหม้
ชายคนนั้นยิ้มและลืมตาเพื่อมองการทำลายล้างที่ถูกสร้างขึ้นจากคาถาเวทมนตร์แรกของเขา พื้นที่ภายในรัศมีห้าเมตรถูกทำลายด้วยคาถาของเขา ทั้งนี้ยังมีเปลวไฟเล็กๆ ที่กำลังเผาไหม้ต้นไม้ที่ถูกโค่นด้วย เขาพยักหน้าในความพอใจและโยนคัมภีร์ลงในกองไฟที่ลุกโชนอย่างไม่ลังเลขณะครุ่นคิดบางอย่างในใจ
‘ในที่สุดข้าก็เรียนรู้เวทมนตร์เพลิงอสรพิษสำเร็จ ช่างคุ้มค่าแก่การคิดก่อกบฏ!’