Chapter 27 - 28 : ถ้าฉันไม่อยู่ที่นี่แล้วจะให้ฉันอยู่ที่ไหนล่ะ?, หยกราชันย์ (อ่านฟรี)
Chapter 27: ถ้าฉันไม่อยู่ที่นี่แล้วจะให้ฉันอยู่ที่ไหนล่ะ?
หยูหมิงซีเหนื่อยมากตอนนี้ อีกสองรอบคงเป็นการท้าทายที่ใหญ่มากสำหรับเธอ ดังนั้นกู้หนิงจึงไม่กดดันเธอมากนัก
สำหรับมู่เค่อ กู้หนิงไม่ลังเลที่จะทรมานเขา
"มู่เค่อวิ่งตามฉันมาด้วยความเร็วเท่ากันนะ เดี๋ยวนี้"
มู่เค่อวิ่งตามไปทันที
ตอนที่วิ่งกับหยูหมิงซีเขาตั้งใจลดความเร็วลงเพื่อวิ่งคู่กับเธอ แต่กับกู้หนิงเขารู้สึกสนุกที่ได้วิ่งอย่างกับม้าป่า
แม้กู้หนิงจะวิ่งเร็วแต่เธอรู้ว่านี่ไม่ใช่การแข่งขัน
มู่เค่อเองก็รู้เช่นเดียวกัน การฝึกร่างกายไม่ใช่การแข่งขัน เขาไม่ได้วิ่งแซงกู้หนิง แต่วิ่งตามหลังเธอ
ผ่านไปรอบแรกมู่เค่อหายใจไม่ทัน ผ่านไปรอบสองมู่เค่อหายใจลำบากมากขึ้น หลังจากรอบที่สามมู่เค่อแทบจะหมดแรงและทิ้งระยะห่างจากกู้หนิงมากขึ้นมากขึ้น
จากนั้นมู่เค่อก็พบว่าอัตราความเร็วของกู้หนิงยังเท่าเดิมไม่ว่าเธอจะวิ่งกี่รอบก็ตาม
ก้าวแต่ล่ะก้าวยาวเท่าเดิมขณะที่กู้หนิงวิ่ง
มู่เค่อมั่นใจ 100% ว่ากู้หนิงต้องถูกฝึกจนเชี่ยวชาญมาหลายปีแล้ว
เขาทั้งเลื่อมใสและสงสัยในตัวกู้หนิงในคราวเดียวกัน
เมื่อเห็นว่ากู้หนิงและมู่เค่อวิ่งครบสามรอบแล้ว หยูหมิงซีรู้สึกอิจฉาหน่อยๆ เธอหวังว่าเธอจะมีร่างกายแข็งแรงเหมือนกับพวกเขา
ถ้าไม่เจ็บก็ไม่มีวันเติบโต หยูหมิงซีเข้าใจอย่างถ่องแท้ กู้หนิงและมู่เค่อต่างฝึกฝนตัวเองมาหลายปีในขณะที่เธอเพิ่งจะเริ่มเท่านั้น
หยูหมิงซีอิจฉาแต่ไม่ได้ริษยา เธอตัดสินใจแล้วว่าเธอต้องทำให้ดีกว่าเดิม เธอต้องเอาชนะตัวเองให้ได้
ตราบใดที่เธอมุ่งมั่นฝึกฝนอย่างจริงจัง สักวันหนึ่งเธอจะแข็งแรงเท่ากับพวกเขา!
รอบที่สี่ มู่เค่อถูกทิ้งห่างจากกู้หนิงอย่างเห็นได้ชัด เขาหายใจแทบไม่ไหวแล้ว ฝีเท้าของเขาค่อยๆช้าลง
มู่เค่อมีร่างกายที่แข็งแรงอยู่แล้ว การวิ่งเร็วๆใช้แรงมากกว่าการวิ่งช้าๆ วิ่งเร็วๆห้ารอบจึงมีผลเท่ากับการวิ่งช้าๆหนึ่งรอบ
ถึงอย่างนั้นกู้หนิงก็ยังไม่หยุดวิ่งหลังจากรอบที่หก
เธอยังสามารถวิ่งต่อได้อีกแต่กลับหยุดไว้เพียงเท่านี้
"กู้ กู้หนิง เธอนี่สุดยอดจริงๆ! เธอทำได้ไงเนี่ยวิ่งด้วยความเร็วเท่ากันไม่มีตกเลย ว้าว!" มู่เค่อเอ่ย เขาหยุดวิ่งหลังจากวิ่งได้ห้ารอบ
เขาหายใจไม่ทันและรู้สึกกระหายน้ำมาก
เขายังคงเดินต่อไปสักพักเพื่อลดอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ เพราะไม่สามารถนั่งลงได้ทันทีหลังจากวิ่ง
"เดี๋ยวนายก็จะชิน" กู้หนิงตอบขณะผ่อนลมหายใจกลับมาเป็นปกติ
เมื่อกู้หนิงและมู่เค่อวิ่งเสร็จ หยูหมิงซีก็รู้สึกเหนื่อยหอบจากการวิ่งสองรอบ เธอแทบทรงตัวไม่อยู่แต่ฝืนวิ่งให้จบ
กู้หนิงเดินเข้ามาหาและหยุดเธอไว้ "ไม่เป็นไร วันนี้เธอทำดีมาก เดินอีกสักพักแล้วค่อยหยุดนะ"
ทันใดนั้นหยูหมิงซีเอนตัวไปหากู้หนิง เธอเวียนหัวและทรงตัวไว้ไม่อยู่
ผ่านไปครู่ใหญ่หยูหมิงซีก็ฟื้นขึ้นมา กู้หนิงหยิบขวดน้ำจากกระเป๋าสองขวดแล้วยื่นให้มู่เค่อและหมิงซี จากนั้นจึงหยิบอีกขวดให้ตัวเอง
กู้หนิงซื้อน้ำมาจากโรงอาหารก่อนที่จะมาสนามฟุตบอล เธอรู้ว่าพวกเขาต้องการน้ำหลังจากซ้อมวิ่งแน่นอน
"ขอบใจ" มู่เค่อและหยูหมิงซีเอ่ยขอบคุณกู้หนิง พวกเขาเปิดฝาขวดแล้วยกขวดดื่มทันทีทำอย่างกับว่าไม่ได้ดื่มน้ำมาหลายวัน
เหลือเวลาอีกห้านาทีคาบแรกก็จะเริ่มขึ้น พวกเขาวางแผนจะซ้อมต่อในยามว่าง
วันนี้จ้าวเฟยเฟยอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เธอคิดว่านักเลงที่เธอจ้างนั้นทำงานสำเร็จลุล่วงแล้ว แม้ว่าจะยังไม่ได้รับโทรศัพท์ยืนยันผลงานแต่จ้าวเฟยเฟยเชื่อว่ากู้หนิงไม่มีทางสู้ผู้ชายหลายคนได้หรอก
บางทีพวกนักเลงอาจจะมีความสุขมากไปจนลืมโทรบอกเธอ
"เฟยเฟย มีอะไรรึเปล่า เธอดูอารมณ์ดีนะวันนี้"
"ใช่ๆ บอกพวกเรามาเลยนะ"
หยางหลูลู่และอู่ฉินหยาไม่รู้เรื่องที่จ้าวเฟยเฟยทำ พวกเธอจึงถามขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น
"ข่าวดีน่ะ แต่ยังไม่ถึงเวลาที่จะบอกพวกเธอ เอาไว้ฉันจะบอกหลังจากเลิกเรียนวันนี้" จ้าวเฟยเฟยตอบกลับ
แม้ว่าหยางหลูลู่และอู่ฉินหยาอยากจะรู้มากแค่ไหน พวกเธอก็ไม่กล้าพอที่จะบังคับจ้าวเฟยเฟยให้บอกพวกเธอตอนนี้
อีกสองนาทีคาบแรกจะเริ่ม นักเรียนทุกคนอยู่ในห้องเรียนหมดแล้วยกเว้นกู้หนิงและหยูหมิงซี
เมื่อไม่เห็นกู้หนิงเข้ามาในห้อง จ้าวเฟยเฟยแน่ใจแล้วว่าเจ้าหล่อนจะต้องเกิดเรื่องแล้วแน่ เธอยิ้มกว้างออกมาอย่างพึงพอใจ
จู่ๆรอยยิ้มของจ้าวเฟยเฟยก็ค้างชะงัก เธอดูตื่นตระหนกตกใจราวกับเห็นผี
กู้หนิง!! เธอปรากฏตัวที่ประตูหน้าห้องเรียน!!
กู้หนิงไม่รู้ว่าจ้าวเฟยเฟยจะรู้ความจริงแล้วรึยัง แต่ดูจากสีหน้าของจ้าวเฟยเฟยที่เห็นเธอปรากฏตัวแล้ว น่าจะยังไม่รู้ว่าเธอรู้เรื่องแล้ว กู้หนิงเดินเข้ามาในห้อง ขณะเดินเข้ามาก็จ้องไปยังจ้าวเฟยเฟย
“กู้หนิง ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่?” จ้าวเฟยเฟยกระโดดลุกจากโต๊ะทันที
ทุกคนในห้องงุนงง นี่ห้องเรียนและกู้หนิงก็มาเรียน มีอะไรผิดปกติงั้นเหรอ?
"โอ้ ถ้าฉันไม่อยู่ที่นี่แล้วฉันควรจะอยู่ที่ไหนล่ะ? กู้หนิงตอบยั่วยุจ้าวเฟยเฟย
"ก็ต้อง... "วินาทีที่จ้าวเฟยเฟยอ้าปากจะพูด เธอพลันตระหนักขึ้นได้ว่าเธอไม่ควรทำอย่างนั้น ดังนั้นเธอจึงหุบปากลง
กู้หนิงไม่ปล่อยเธอไปง่ายๆ "ว่าไง?"
"มะ ไม่มีอะไร" แม้ว่าจ้าวเฟยเฟยจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อวานนี้และเธอก็ผิดหวังมากกว่า ตอนนี้เธอรู้ว่าเธอต้องเก็บเป็นความลับ
Chapter 28: หยกราชันย์
"จริงเหรอ?" กู้หนิงทำท่าไม่เชื่อ
"แล้วทำไมเธอถึงถามฉันว่าทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่? นี่ห้องเรียนของฉัน ถ้าฉันไม่อยู่ที่นี่แล้วจะให้ฉันอยู่ที่ไหนล่ะ? กู้หนิงยังคงพูดต่อ
"ฉัน ฉัน ฉัน..." จ้าวเฟยเฟยขวัญเสีย เธอไม่รู้ว่าต้องรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร
หยางหลูลู่และอู่ฉินหยารู้จักจ้าวเฟยเฟยดี พวกเธอทั้งสองเข้าใจในทันทีว่าจ้าวเฟยเฟยต้องทำเรื่องไม่ดีกับกู้หนิงแน่ บางทีเธออาจจะทำสำเร็จแล้วเพราะอย่างนั้นเช้าวันนี้เธอจึงดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
แต่กู้หนิงกลับมาปรากฏตัวที่ห้องตามปกติเหมือนทุกวัน จ้าวเฟยเฟยจึงดูตกใจและคงรู้สึกผิด
จ้าวเฟยเฟยไม่กล้าบอกความจริง หยางหลูลู่และอู่ฉินหยาจึงหุบปากไม่กล้าพูดอะไรเช่นกัน พวกเธอไม่อยากราดน้ำมันรดกองไฟถึงแม้จ้าวเฟยเฟยจะต่อว่าพวกเธอทีหลังก็ตาม
โชคดีที่เสียงออดดังขึ้นและคาบแรกเป็นชั่วโมงอ่านหนังสือ ครูใหญ่เดินมาในห้องเรียน กู้หนิงจึงปล่อยจ้าวเฟยเฟยไปและเดินมานั่งยังโต๊ะตัวเอง
กู้หนิงยังไม่เปิดเผยความจริง เธออยากจะทรมานคนเล่นๆ
เมื่อเห็นว่ากู้หนิงเดินไปยังโต๊ะตัวเอง จ้าวเฟยเฟยถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
เธอไม่ชอบใจที่เธอรู้สึกผิด กู้หนิงจะทำอะไรเธอได้ถึงแม้จะรู้ความจริงแล้ว กู้หนิงก็เป็นเพียงเด็กสาวยากจนคนหนึ่ง เธอไม่สามารถทำอะไรจ้าวเฟยเฟยได้
คิดได้อย่างนั้นจ้าวเฟยเฟยก็ไม่รู้สึกผิดอีกแล้ว เธอหันไปมองกูหนิงส่งสายตาเกลียดชังไปให้
ครั้งนี้เธอเชื่อว่ากู้หนิงโชคดีที่หนีรอดมาได้ แต่มันยังไม่จบหรอก จ้าวเฟยเฟยวางแผนขั้นตอนต่อไป
กู้หนิงได้รับสายตาไม่เป็นมิตรจากจ้าวเฟยเฟย แต่เธอไม่สนใจมัน
ครูใหญ่เดินออกจากห้องไปหลังจากนั้น
ถึงแม้ว่าสายตาของกู้หนิงจะจับจ้องไปที่หนังสือ แต่เธอกำลังครุ่นคิดบางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับตัวเธอเอง ทำยังไงเธอถึงจะสร้างฐานอำนาจของตัวเธอเองได้?
มันไม่ง่ายเหมือนการหาเงิน
ไม่มีทั้งอำนาจและทรัพยากร คุณไม่มีทางที่จะสร้างอาณาจักรของคุณด้วยเงินเพียงอย่างเดียวได้
ทรัพย์สินและข้อมูลก็เป็นขั้นตอนที่สำคัญเช่นเดียวกัน
แต่ก่อนจะถึงตอนนั้น กู้หนิงจำเป็นต้องหาเงินให้มากพอเสียก่อน
สำหรับกู้หนิงการเสี่ยงโชคกับหินมาขายเป็นหนทางที่หาเงินเร็วที่สุด เธอมีตาทิพย์และไม่เคยพลาด อย่างไรก็ตามเธอไม่สามารถหาอัญมณีในหินได้ทุกที่ที่เธอต้องการ มันไม่สะดวก
หินหลักๆมาจากเมียนมาร์และเมือง Y ทั้งคู่อยู่ไกลจากเมือง F ค่อนข้างมาก
ไม่มีเครื่องบินบินตรงจากเมือง F ไปเมือง Y อีกด้วย
หนึ่งต้องใช้เวลารอประมาณสองชั่วโมงกว่าจะเปลี่ยนเครื่อง สรุปใช้เวลาประมาณเจ็ดชั่วโมงจากเมือง F ไปเมือง Y กู้หนิงมีเพียงวันหยุดเสาร์อาทิตย์เท่านั้น เธอไม่มีเวลามากพอที่จะทำอย่างนั้น
นอกจากนี้เธอยังเป็นนักเรียนมัธยมปลายปีสุดท้าย และยังต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะลาหยุด กู้ม่านไม่อนุญาตให้เธอทำอย่างนั้นแน่
ดังนั้นกู้หนิงจึงเลือกเมืองที่ใกล้ที่สุดที่จะเสาะหาอัญมนี
ซึ่งไม่รู้ว่ากฏหมายเมืองจะยอมให้เธอทำแบบนั้นไหม เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ดังนั้นเธอจำเป็นต้องใช้อินเทอร์เนตหาข้อมูล แต่มือถือของเธอก็เก่าเกินไปที่จะใช้อินเทอร์เนตได้
เอาล่ะเธอควรจะมีโทรศัพท์ดีๆสักเครื่องใช้
เธอหาเงินก้อนแรกได้หนึ่งแสนหนึ่งหมื่นหยวนซึ่งแทบจะไม่พอที่จะซื้อหินสักก้อน
ดังนั้นกู้หนิงจึงตั้งใจที่จะขายหยกที่ได้รับจากชายที่มอบมันให้เธอเมื่อวานนี้
เธอดูดพลังจากหยกเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้มันจึงไม่มีประโยชน์สำหรับเธอ เมื่อเธอรวยแล้วเธอสามารถซื้อหยกชิ้นไหนก็ได้ตามที่เธอต้องการ
แม้ว่าพลังจะถูกดูดออกไปแล้ว หยกยังคงดูเปล่งประกายสวยงาม
กู้หนิงเป็นคนชอบลงมือทำมากกว่าพูด เมื่อพักบ่ายกู้หนิงออกจากโรงเรียนไปทันทีหลังจากบอกหยูหมิงซีว่าจะกลับเข้ามาอีกทีในคาบบ่าย
กู้หนิงเดินออกมานอกประตูโรงเรียน และโบกแท็กซี่เข้าตัวเมือง
ตัวเมืองอยู่ไม่ไกลนัก กู้หนิงใช้เวลายี่สิบนาทีก็มาถึง
เธอเดินตรงไปยังร้านขายโทรศัพท์มือถือและซื้อมือถือหนึ่งเครื่องพร้อมอุปกรณ์ที่ดีที่สุด ถ้าเธอมีเหตุผลที่ดีกว่านี้เธอจะซื้ออีกเครื่องให้กู้ม่าน
กู้หนิงออกมาจากร้านขายโทรศัพท์ เดินเข้าไปในพลาซ่า เธอพาตัวเองไปกินอาหารที่ร้านหรูๆหนึ่งมื้อ จากนั้นก็ท่องอินเทอร์เน็ตหาความรู้เกี่ยวกับหยก
ตอนนี้เธอต้องทำมาค้าขายกับหยก การเรียนรู้เกี่ยวกับมันก็เป็นเรื่องที่ดี
สำหรับตอนนี้ กู้หนิงต้องหาว่าหยกในมือเธอมีมูลค่าแค่ไหน และหาสถานที่ที่จะขายมันให้ได้ราคาดีที่สุด
ในความคิดกู้หนิง ร้านขายอัญมณีเป็นทางเดียวที่เธอจะสามารถขายหยกได้ แต่หยกต้องขายได้ราคาดีด้วยและร้านขายอัญมณีมักเต็มใจซื้อแต่หยกคุณภาพสูง
กู้หนิงรู้ดีว่าเธออาจจะไม่ได้ราคาสูงที่สุดในตลาดแต่ก็ไม่ต่ำเกินไปอย่างแน่นอน
แต่เธอตกใจเมื่อรู้ถึงประวัติของหยกชิ้นนี้
กู้หนิงรู้ว่าหยกของเธอมีคุณภาพเยี่ยมแต่คาดไม่ถึงว่าจะมีค่ามากขนาดนี้ มันเป็นสุดยอดของสุดยอดหยก ‘หยกราชันย์’
'หยกราชันย์' ค่อนข้างหายากในตลาดและที่สำคัญมันมีราคาสูงมาก!!
แหวนที่ทำจากหยกราชันย์มีมูลค่าถึงหนึ่งล้านหยวนในตลาด ราคาของมันสามารถสูงขึ้นได้อีกแต่ก็ขึ้นอยู่กับการประมูล
หยกราชันย์ที่อยู่ในมือกู้หนิงมีขนาดใหญ่เท่ากับไข่นกกระทา มันหนักกว่าแหวนถึงสิบเท่า
(ขออภัยที่ก่อนหน้านั้นบอกว่าเท่าไข่ไก่ ขอสารภาพว่าอ่านผิดค่ะ)
พูดได้ว่าถ้าเอาน้ำหนักเป็นเกณฑ์ หยกของเธออาจมีมูลค่าถึงสองล้านหยวนเป็นอย่างต่ำ
ถ้าเอาไปประมูลอาจได้หลายล้านหยวนก็ได้
เมื่อคิดถึงราคาของหยกราชันย์แล้ว กู้หนิงถอนหายใจยาว ผู้ชายที่มอบมันให้เธอช่างมีน้ำใจที่กล้าให้ของมูลค่ามากกับเธอ
คนรวยแตกต่างจากคนจนจริงๆ
สิ่งที่กู้หนิงยังไม่รู้คือหยกราชันย์ชิ้นนี้ไม่มีความหมายอะไรต่อเลิ่งเชาถิง ในสายตาเลิ่งเชาถิงมันก็แค่หินก้อนหนึ่ง เขาคงจะขว้างมันทิ้งไปแล้วถ้ามันไม่ได้มีราคาสูง
เขาเก็บหยกราชันย์ไว้กับตัวเพราะเพื่อนของเขาต้องการมันเท่านั้น เขามีแผนที่จะส่งมันไปให้เพื่อนเป็นของขวัญ แต่สุดท้ายตกมาอยู่กับกู้หนิง
แต่กู้หนิงเป็นเพียงนักเรียนมัธยมปลายจนๆ เธอไม่รู้ว่าจะเอาหยกไปประมูลที่ไหนดี
นอกจากนี้ไม่มีการประมูลในเมือง F
กู้หนิงมีเวลาไม่มากและยังหาวิธีที่จะนำหยกของเธอไปประมูลไม่ได้