บทที่ 197 ผู้ที่มีชะตาลิขิตหรือผู้ที่มีคุณธรรม
"ฮ่า ๆ ๆ ๆ !"
เจียงอี้มองขึ้นไปบนท้องฟ้าและหัวเราะด้วยความโกรธ "นักบวชน้อย ตามที่เจ้าว่า ไม่มีความแตกต่าง ไม่ว่าเหรียญจะอยู่ในมือของเจ้าหรือข้า หากทุกอย่างคือ 'ความว่างเปล่า' สำหรับเจ้า ทำไม... ไม่ให้เหรียญทั้งหมดกับข้าและให้ข้าจะไปกับ เจ้าเพื่อเก็บเหรียญตราทั้งหมดจากทุกคน? ข้าต้องการเหรียญเพื่อชื่อเสียงในขณะที่กลุ่มของเจ้าต้องการที่จะหยุดสงคราม ได้รับประโยชน์อันไร้ขอบเขตและช่วยเหลือชีวิตมากมาย ไม่ใช่ว่ามันกับทั้งสองฝ่ายหรือ?
"ฮะ…"
นักบวชน้อยกระพริบตาและพูดไม่ออก การโต้แย้งของเจียงอี้ก็เหมือนกับการใช้หอกในขณะที่ถือโล่ ธรรมะของนักบวชน้อยอาจลึกซึ้ง แต่ขาดประสบการณ์และไม่มีความรู้เกี่ยวกับภูมิปัญญาทางโลก เขาไม่ใช่คู่แข่งในต่อโต้เถียงกับเจียงอี้
ในมุมมองของเจียงอี้ อารามเซนอาจไม่ได้ส่งนักบวชมาเพื่อรางวัลของสงครามราชอาณาจักร แต่มันก็ไม่ได้มีเกียรติและยิ่งใหญ่อย่างที่นักบวชน้อยกล่าว
พวกเขาอาจไม่ต้องการรางวัล แต่พวกเขามาที่นี่เพื่อชื่อเสียง การปรากฏตัวในสงครามครั้งนี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงการดำรงอยู่ของพวกเขา เพื่อแสดงให้เห็นว่าอารามเซนของพวกเขาน่ากลัวเพียงใด หากไม่มีสิ่งใดที่พวกเขาจะต้องต่อสู้จริงๆ พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องปรากฏตัวและหลบซ่อนตัวเพื่อบ่มเพาะพลังอยู่ในภูเขาต่อไปก็ได้
"ประสก คำพูดของเจ้าอาจมีตรรกะบางอย่าง แต่เหรียญตราเหล่านี้ ผู้น้อยคงไม่สามารถมอบให้เจ้าได้"
นักบวชน้อยหยุดพูดชั่วขณะและส่ายหัว "เจ้าไม่ใช่ศิษย์ของอารามของเรา หากเจ้ากลับใจและเข้าร่วมนิกายของเรา ผู้น้อยอาจพิจารณาอีกครั้ง พระพุทธเจ้าของข้าทรงเมตตา ประสก ... "
"พอแล้ว พอแล้ว!"
เจียงอี้ขนลุกหลังจากได้ยินสิ่งเหล่านี้ เขาโบกมือของเขาและดาบสีดำก็ปรากฏขึ้นไข่มุกวิญญาณเพลิง เขาตะโกนว่า "หยุดพล่ามเรื่องไร้สาระ! หากเจ้าต้องการเหรียญตราของข้า เช่นนั้นก็เตรียมสู้เถอะ ข้าขอพูดอะไรก่อน หากเจ้าต้องการชีวิต ข้า เจียงอี้ เช่นนั้นก็ควรเตรียมใจให้นักบวชครึ่งหนึ่งของเจ้าได้ไปเยี่ยม ศาสดาของเจ้าแล้วกัน"
"ประสก เจ้าไม่ใช่คู่มือของพวกเรา!"
นักบวชน้อยถอนหายใจ "ข้าขอแนะนำให้ประสกคิดได้และมอบเหรียญตราของเจ้าให้กับผู้น้อยที่ยากจนผู้นี้ หลังจากนั้นข้าจะจากไปทันทีและจะไม่คิดทำร้ายประสกเลย ... "
"ช่างเย่อหยิ่งเสียจริง!"
เจียงอี้เย้ยหยันและมองไปรอบๆก่อนที่จะจ้องมองไปที่นักบวชน้อย "ทำไมไม่ประลองกับข้าล่ะ? หากเจ้าสามารถทำให้ข้าบาดเจ็บได้ ข้าจะยกเหรียญตราทั้งหมดที่ข้ามีให้ แต่หากข้าสามารถทำให้เจ้าบาดเจ็บ เจ้าก็จะต้องให้เหรียญตราทั้งหมดและจากไป? ด้วยวิธีนี้ เราจะไม่ทำร้ายสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน ว่าอย่างไรล่ะ?"
"ประสกพูดความจริงหรือไม่?" ดวงตาของนักบวชน้อยส่องสว่างขึ้นในขณะที่เขาถาม
"ลูกผู้ชายพูดคำไหนคำนั้น!"
เจียงอี้พยักหน้าอย่างจริงจังและถามว่า "ข้า เจียงอี้เป็นคนที่รักษาคำพูดของตัวเองและจะไม่เสียใจอย่างแน่นอน ข้าสงสัยว่านักบวชจากอารามเซนจะรักษาสัญญาของพวกเขาหรือไม่"
นักบวชน้อยพยักหน้าและตอบว่า "ผู้อยู่ในศีลไม่เคยโกหก! ประสก เราตกลง เชิญประสกลงมือ ส่วนพวกเจ้าที่เหลือ ถอยไป"
"ฟึ่บ!"
นักบวชน้อยนี้ดูเหมือนจะมีสถานะเป็นที่นับหน้าถือตา เมื่อเขาพูดจบ นักบวชทั้งหมดก็ก้าวถอยหลังไปหลายร้อยเมตรและไม่กังวลว่าเจียงอี้จะฆ่านักบวชน้อยนี่ได้
"นักบวชน้อย จงระวังให้ดี"
เจียงอี้ไม่ได้ถอยกลับไปและใช้ขาทั้งสองของเขาเหยียบพื้นและพุ่งออกไป ดาบเกล็ดทมิฬกวัดแกว่งไปในอากาศและพุ่งลงมาข้างหน้าในขณะที่เขาตะโกนว่า "เพลงดาบเงาวายุ!"
"ฟึ่บ ฟึ่บ!"
ในขณะที่เจียงอี้ปล่อยเพลงดาบเงาวายุ อากาศรอบๆไหลเวียนมาบรรจบที่ปลายดาบเกล็ดทมิฬจากทุกทิศทางอย่างรวดเร็ว ลมที่รุนแรงได้ก่อตัวขึ้นในไม่ช้าทำให้สบงของนักบวชปลิดปลิว
"อมิตาพุทธ!"
บาตรปรากฏในมือของนักบวชน้อยตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่ทราบ เขาเหวี่ยงมือเบาๆและบาตรก็บินตรงไปที่เจียงอี้ทันที ลมแรงที่พัดเข้าไป มันใหญ่ขึ้นเป็นสี่เมตรและพุ่งเข้าหาเจียงอี้เหมือนภูเขาลูกเล็กๆ
บ้าน่า! นี่เป็นสิ่งประดิษฐ์ระดับสวรรค์หรือสิ่งประดิษฐ์ระดับศักดิ์สิทธิ์หรือไร?
ร่างกายของเจียงอี้ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะตะโกนออกมา "หมาป่าจันทราสีเงิน!"
หมาป่าจันทราสีเงินปรากฏขึ้นกลางอากาศ เมื่อเจียงอี้เห็นว่าปีศาจหมาป่าฟื้นสติขึ้นมาเขาก็อุ่นใจ เขากระโดดและสั่งปีศาจหมาป่าให้หลบเบี่ยงไปด้านข้างทันที
บาตรนี้อาจจะเร็วและมีความแข็งแกร่งที่น่ากลัว แต่มันก็ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับตราประทับผู้ปกครอง มันคงจะเป็นเพียงสิ่งประดิษฐ์ระดับสวรรค์ หลังจากที่เจียงอี้แทบจะไม่สามารถหลบบาตรได้ เขาก็ควบคุมหมาป่าจันทราสีเงินให้พุ่งไปทางนักบวชน้อย นักบวชน้อยพนมมืออธิษฐานและสวดมนต์ก่อนจะกล่าว "อมิตาพุทธ"
วิญญาณของเจียงอี้สั่นไหวอีกครั้ง เขารู้สึกเวียนศีรษะในขณะที่หมาป่าจันทราสีเงินไม่เคลื่อนไหวเหมือนก่อนหน้านั้น
"ฟึ่บ!"
บาตรที่เขาหลบไปก่อนหน้านี้ก็บินกลับมา เมื่อเจียงอี้ตื่นจากภวังค์ เขาเห็นท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีดำทันที บาตรนั้นกดลงมาจากเบื้องบนเหมือนภูเขา!
"หยุด!"
เจียงอี้ไม่ได้หลบเลี่ยงอีกต่อไป เขากวัดแกว่งดาบเกล็ดทมิฬลงไปในพื้นทรายข้างล่างเขาและทำให้ทรายกระจายและร่างของเขาก็จมลงไปใต้ผืนทราย ขณะที่ร่างของเขาอยู่ใต้ทราย บาตรก็ถล่มลงมา
"หินวิญญาณเพลิง!"
เมื่อเขาตะโกน ไข่มุกวิญญาณเพลิงก็เปล่งแสงของก้อนหินสีแดงเล็กๆออกมา เจียงอี้ยื่นมือออกมาและยิงไปที่บาตร เมื่อมันสัมผัสกับบาตร มันปล่อยเปลวไฟสีเขียวออกมาทันทีในขณะที่บาตรก็ปล่อยแสงสีขาวจนแสบตาทำให้มองไม่เห็นก่อนที่มันจะหดตัวไป
"ฟึ่บ!"
เหล่านักบวชที่ยืนอยู่นั้นต่างพากันตกใจ พวกเขาบินไปรวมตัวกันด้านหลังนักบวชน้อยด้วยสายตาที่ผ่าเผย ปากของนักบวชน้อยเปิดกว้างขณะที่เขามองอย่างเหลือเชื่อ
"บูม!"
เจียงอี้พุ่งออกมาจากทรายและยื่นมือออกไปหยิบบาตรในขณะที่เลือดสดไหลออกมาจากปากของเขาเต็มคำ บาตรอาจไม่ได้บดขยี้เขา แต่แรงกดดันอันทรงพลังนั้นสร้างความเสียหายให้กับอวัยวะภายในของเขามากทีเดียว
เจียงอี้โยนบาตรที่มีรูเล็กๆที่ถูกไฟไหม้และทำเสียงฟึดฟัด "ทำไม? คิดจะขอความช่วยเหลือตอนเจ้าเอาชนะไม่ได้?"
นักบวชน้อยหยิบบาตรด้วยความปวดใจ เขามองมันครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจ "ประสก ในเมื่อเจ้าสามารถทำลายบาตรของปรมาจารย์ลุงได้ เช่นนั้นจีวรของข้าก็คงไม่สามารถต้านทานการโจมตีของเจ้าได้เช่นกัน การต่อสู้ครั้งนี้เป็นความพ่ายแพ้ของผู้น้อย ฮุ่ยจิ้ง มอบเหรียญตราทั้งหมดของเราให้เขา"
หนึ่งในนักบวชที่มองแล้วอายุราวยี่สิบปีมีความกังวลในขณะที่เขากัดฟันและเรียกนักบวชน้อยว่า "ท่านอาจารย์น้อย" ออกมา
"ให้มันแก่เขา!"
นักบวชน้อยถอนหายใจออกมา "ผู้คนจากอารามเซนของเราจะไม่กลับคำพูดของเรา ประสกผู้นี้อาจไม่ได้ทำร้ายข้า แต่เมื่อพวกเจ้ารีบแห่มากันเช่นนี้ เราก็ได้ทำผิดกฎแล้ว"
"เช่นนั้นก็เอาล่ะ!"
นักบวชอาวุโสหิ้วถุงกระสอบมาแล้วโยนมันไปที่เจียงอี้ เจียงอี้เก็บมันมาอย่างรวดเร็วและปีติยินดีทันทีที่เห็นเหรียญตราหกร้อยถึงเจ็ดร้อยเหรียญตรา เขายกนิ้วให้พระภิกษุและพูดว่า "นักบวชน้อย เจ้าเป็นคนที่ซื่อสัตย์จริงๆ"
"ประสก เจ้าควรไปได้แล้ว!"
นักบวชน้อยประสานมือและพูดอย่างไร้อารมณ์ว่า "เราจะไม่ทำให้เรื่องยากลำบากแก่ประสกในครั้งนี้ หากเราจะได้พานพบกับประสบอีกครั้ง เราจะลงมืออย่างแน่นอน"
"ตกลง!"
เจียงอี้ได้เปลี่ยนมุมมองต่อนักบวชน้อย เขาเรียกหมาป่าจันทราสีเงินและเร่งออกไปทันใดและหายลับไปทิ้งไว้เพียงทรายที่ตลบอบอวล
"ท่านอาจารย์น้อย!"
เมื่อเจียงอี้ลับไป นักบวชกว่ายี่สิบรูปต่างก็มองนักบวชน้อยด้วยความกังวล แต่พวกเขาไม่ทราบว่าจะเริ่มพูดจากตรงไหน
นักบวชน้อยถูบาตรในมือแล้วส่ายหัวพร้อมถอนหายใจ "หลวงลุงบอกว่าบาตรอันนี้ถูกประทับด้วยผนึกพุทธเก้าหยาง ใครก็ตามที่สามารถทำลายบาตรของเขาได้ก็คือผู้ที่มีชะตาลิขิตหรือผู้ที่มีคุณธรรม! อย่างไรเสียเราก็ไม่สามารถบาดหมางกับเขาได้ ไม่ว่าเขาจะเป็นผู้ใด มิเช่นนั้นก็อาจนำมาซึ่งมหันตภัยอันไม่มีที่สิ้นสุดแก่อารามเซน ไปกันเถอะ"