ตอนที่ 33: พิสูจน์ความสามารถ
ตอนที่ 33: พิสูจน์ความสามารถ
“อะไร เกิดอะไรขึ้น!?”
“ทำไมเขาถึงรีบพุ่งตัวออกไปแบบนั้นล่ะ?”
“เมื่อครู่มีใครพูดว่าโครคิวต้าหรือไม่? แล้วมันคือตัวอะไร?”
เหล่านักผจญภัยต่างพากันประหลาดใจและสงสัยให้กับการเคลื่อนไหวอย่างฉับพลันของคังชอลอิน
“เงียบ ๆ!”
เสียงที่เต็มไปด้วยพลังของลูเซียทำให้นักผจญภัยแตกตื่น
“นายท่าน .. ไม่สิ ท่านแม่ทัพต้องการแสดงให้พวกเจ้าได้เห็นถึงการออกล่าสัตว์ประหลาดโครคิวต้าระดับ 20 ว่ามีวิธีการเช่นไร”
อย่างไรก็ตามด้วยคำพูดนั้นกลับยิ่งทำให้พวกเขาโวยวายแตกเสียงยิ่งกว่าเก่า
“สัตว์...สัตว์ประหลาดระดับ 20?”
“เพียงลำพัง?”
“อย่ามาโป้ปดมดเท็จกันหน่อยเลย”
“เขาจะไปฆ่าสัตว์ประหลาดระดับ 20 เพียงลำพังเช่นนั้นได้อย่างไร?”
ความไม่เชื่อได้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วเหมือนโรคติดต่อ
“นี่ เจ้าหญิงงามตรงนั้นน่ะ! มันสมเหตุสมผลหรือกับสิ่งที่เจ้าว่ามา? แม้เขาจะเป็นท่านแม่ทัพแต่เขาจะฆ่าสัตว์ประหลาดระดับ 20 ได้อย่างไร? ไม่เพียงเท่านั้นแต่ด้วยตัวเขาเองเพียงลำพังเนี่ยน่ะหรือ?”
ชายชาวแอฟริกัน-อเมริกันที่ดูแข็งแรงตะโกนแย้ง
“ใช่! สองสามวันที่ผ่านมาข้าพยายามต่อสู้กับสัตว์ประหลาดระดับ 15 และเกือบถูกมันฆ่าตายเข้าแล้วด้วยซ้ำ แต่สัตว์ประหลาดระดับ 20 เนี่ยน่ะหรือ? เจ้าคิดว่าพวกข้าจะเชื่อได้ลงหรืออย่างไร?”
นักผจญภัยอีกคนเดินเข้ามาและพูดถึงความไม่ไว้วางใจที่เขามีต่อคังชอลอิน
“ก็แค่เรื่องหลอกลวงใช่หรือไม่?”
“เจ้าแค่พยายามหลอกพวกข้าโดยการวางสัตว์ประหลาดอ่อนแอไว้ต่อหน้าเพื่อให้เราได้ดูว่าเขาฆ่ามันได้สำเร็จล่ะสิ?”
“ใช่ ต้องเป็นแบบนั้นแน่ ๆ!”
เมื่อเริ่มต้นด้วยความสงสัยจากคน ๆ หนึ่งก็จะลุกลามไปยังคนอื่น ๆ ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
มันเป็นปฏิกิริยาตอบกลับที่ชัดเจนและไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจ
นักผจญภัยระดับสูงสุดในปัจจุบันเพิ่งอยู่แค่เพียงระดับ 12 เท่านั้น สำหรับคนประเภทนี้แล้วพวกเขาไม่สามารถเข้าใจความคิดที่จะฆ่าสัตว์ประหลาดระดับ 20 และไม่สามารถทำอะไรได้ไปมากกว่าการแสดงความไม่เชื่อออกมา
‘เจ้าพวกนี้! กล้าดีอย่างไรถึงได้คิดดูถูกองค์ราชันย์ของเรา?! แม้แต่ความเชื่อมั่นเพียงเล็กน้อยเจ้าพวกนี้ก็ยังไม่มีกันเลยหรืออย่างไร!’
ไฟที่โหมกระหน่ำเผาไหม้ลูเซียอยู่ภายใน
แต่ถึงอย่างนั้นนางก็ยังสามารถรักษาความมีเหตุผลดั่งเดิมไว้ได้เป็นอย่างดีเพราะนางรู้ว่าการที่นักผจญภัยไม่มีความเชื่อมั่นและยิ่งสงสัยในตัวคังชอลอินในตอนนี้มากเท่าไหร่ ศรัทธาที่มีต่อคังชอลอินก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นในภายหลัง
ลูเซียเชื่อมั่นในคังชอลอินเป็นอย่างดี
แม้จะเป็นสัตว์ประหลาดระดับ 25 นางก็ยังเชื่อว่าคังชอลอินจะสามารถจัดการกับมันได้อย่างง่ายดาย
ความรู้สึกนี้ไม่ใช่เพียงเพราะนางเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของเขาแต่เพราะนางสามารถรู้สึกถึงความสงบและความมั่นใจจากคังชอลอินที่แข็งแกร่งนี้ได้ต่างหาก
“พวกเจ้าทุกคน”
ลูเซียหัวเราะในลำคอราวกับว่ามันไร้สาระก่อนจะหันไปพูดกับนักผจญภัยต่อ
“หากพวกเจ้าไม่เชื่อก็จงไปรับรู้ด้วยตาของตัวเองเสีย ตั้งแต่ที่ท่านแม่ทัพพุ่งตัวออกไป ท่านน่าจะเข้าถึงตัวโครคิวต้าได้แล้วในตอนนี้ ก่อนที่พวกเจ้าจะเริ่มคิดความสงสัยที่ไร้ประโยชน์ ข้าต้องการให้พวกเจ้าได้ไปเห็นด้วยตาของพวกเจ้าเองว่าท่านแม่ทัพของเราน่าทึ่งมากเพียงใด!”
แน่นอนว่าสิ่งที่นักผจญภัยจะตอบกลับมานั้น ....
“เฮอะ! ได้! มาดูกันว่าท่านแม่ทัพที่เจ้ายกย่องนักหนาจะเก่งกาจมากเพียงใด!”
“ไปบอกเขาเถอะว่าอย่ามาตายเสียก่อน!”
“ได้! เจ้าพูดได้ดี! ข้าจะออกไปดูด้วยตาของตัวเองเดี๋ยวนี้แหละ!”
…. ในขณะที่ลูเซียตอบกลับไปว่า
“ฮึ่ม เอาล่ะ เช่นนั้นก็จงตามข้ามา”
ลูเซียขี่ม้าของนางแล้วมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่คังชอลอินหายไป นักผจญภัยที่เดินตามหลังนางไปทีละคนก็เริ่มพูดคุยกัน
“นางคงคิดว่าเราเลือกที่จะไม่ตามนางไปละมังถึงได้พูดจาเช่นนี้”
“พวกเจ้าคิดว่าเขาจะสามารถฆ่ามันได้จริง ๆ หรือไม่?”
“ไม่มีทาง! ถ้าเป็นโครคิวต้าที่ข้าเคยเห็นมาก่อนมันไม่มีทางเป็นไปได้ แม้มันจะเหมือนโนลแต่มันยิ่งใหญ่กว่านั้น!”
“ง งั้นรึ?”
“เออ ช่าง ๆ มันเถอะ จะอะไรก็ตามแต่ไปดูให้เห็นด้วยตาเลยจะดีกว่า!”
“ถูกต้อง! ข้าต้องการยืนยันด้วยตาตัวเองเสียก่อน!”
จากนั้นเหล่านักผจญภัยก็ใช้เวลาประมาณ 5 นาทีเพื่อไปให้ถึงจุดที่คังชอลอินอยู่
เขากำลังอยู่ที่ปากของลำธารในขณะเผชิญหน้าอยู่กับสัตว์ประหลาดโครคิวต้าที่ส่วนหัวเป็นเหมือนไฮยีน่าและส่วนล่างเป็นมนุษย์
“ทุกคนมารวมตัวกันหมดแล้วใช่หรือไม่?”
คังชอลอินไม่แม้แต่จะหันหลังมามองขณะที่เขาพูด
“ข้าจะแสดงให้พวกเจ้าได้เห็นทุกขั้นตอนอย่างช้า ๆ ที่สุดเท่าที่จะทำได้”
ดวงตาของเขายังคงมุ่งเน้นไปที่โครคิวต้า
‘กรืออออ!’
เมื่อรู้สึกได้ว่าคังชอลอินกำลังจ้องมองมา โครคิวต้าก็รีบแยกเขี้ยวของมันใส่พร้อมส่งเสียงคำรามขู่
“โครคิวต้าไม่ได้ต่างจากโนลมากนัก เพียงแต่มันมีขนาดที่ใหญ่กว่านิดหน่อย...”
เขาพูดจาดูถูกสัตว์ประหลาดตรงหน้าอย่างเถรตรง ไม่ว่าจะเป็นการแยกเขี้ยวหรือน้ำเสียงข่มขู่ คังชอลอินไม่แม้แต่จะกระพริบตาด้วยความกลัวและยังคงอธิบายต่อ
“เจ้าสามารถจัดการกับโครคิวต้าได้โดยใช้วิธีการเดียวกันกับที่จัดการกับโนล หากเจ้าสามารถต่อสู้กับโนลได้เจ้าก็จะสามารถต่อสู้กับโครคิวต้าได้เช่นกัน แน่นอนว่าเจ้าต้องมีร่างกายที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นแต่วิธีการโจมตียังคงเหมือนเดิม”
คังชอลอินมีทัศนคติที่ดีของการเป็นผู้ฝึกสอน
‘บ้าไปแล้ว!’
‘เขาคิดว่าตัวเองเป็นใคร!’
นักผจญภัยต่างรู้สึกประหลาดใจไปตาม ๆ กัน
พวกเขาแปลกใจในความกล้าหาญและความสงบของคังชอลอิน
เขากล้าปะทะกับสัตว์ประหลาดระดับ 20 ที่โหดร้ายเช่นนี้ได้อย่างไร? เหล่านักผจญภัยไม่อาจเข้าใจถึงกระบวนการความคิดและความรู้สึกของเขาได้เลย
และในตอนนั้นเอง โครคิวต้าก็เริ่มพุ่งตัวเข้าหาคังชอลอินราวกับว่าตอนนี้มันกำลังโกรธจัด
"อา!"
“อัน อันตราย!”
นักผจญภัยหลายคนตะโกนร้องออกมาด้วยความตกใจ
ภายในหัวพวกเขาต่างพากันนึกถึงภาพการตายของคังชอลอินเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
แต่ทว่า…
ปัง!!!
“การจะหยุดการโจมตีโครคิวต้าได้ต้องเล็งไปที่ส่วนหน้าผาก”
การโจมตีของโครคิวต้าไม่สามารถผ่านดาบของคังชอลอินเข้ามาได้
“เจ้าสามารถทำมันได้มากเท่าที่ต้องการหากเจ้าอยู่ต่ำกว่าระดับ 10”
คังชอลอินพูดอย่างใจเย็นราวกับว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
เหล่านักผจญภัยยังไม่อาจเชื่อในสิ่งที่พวกเขาได้เห็น
สัตว์ประหลาดระดับ 20 ถูกป้องกันได้อย่างง่ายดาย และยังไม่ใช่เพียงเท่านั้นแต่คังชอลอินยังอธิบายถึงการโจมตีของมันต่อได้ด้วยสีหน้าเรียบเฉย นอกจากความรู้สึกประหลาดใจก็ไม่อาจหาคำกล่าวได้มาแทนได้อีก
“อย่างไรก็ตาม…” คังชอลอินเริ่มบทเรียนต่อ
‘กรืออ!!”
โครคิวต้าคำรามหมายจะฉีกร่างคังชอลอินออกเป็นชิ้น ๆ
มันเป็นหนึ่งในสายพันธุ์เดียวกันกับไฮยีน่าเช่นนั้นโครคิวต้าจึงเป็นส่วนหนึ่งของวงศ์สุนัข ความแข็งแกร่งของขากรรไกรมันมีพลังมากจนถือเป็นการโจมตีที่อันตรายสำหรับคนอย่างคังชอลอินได้ถ้ามันประสบความสำเร็จในการกัดเขาได้จริง ๆ
“มันก็ยังมีความอันตรายอยู่บ้าง”
คังชอลอินขยับตัวไปด้านข้างและหลบการโจมตีของโครคิวต้าได้อย่างง่ายดาย
“การโจมตีหลักจากทั้งโครคิวต้าและโนลจะอยู่ที่ปาก และคงไม่เป็นการพูดเกินจริงว่านั่นเป็นจุดแข็งทั้งหมดที่พวกมันมี สำหรับความแข็งแกร่งในการกัดของพวกมันนั้น … ข้าคิดว่าน่าจะอยู่ที่สักประมาณ 600 กก.? คงราว ๆ ประมาณนี้ไม่ผิดแน่ เพราะฉะนั้นหากพวกเจ้าถูกมันกัดเข้าเมื่อไหร่ … รุ่งอรุณของพวกเจ้าในวันถัดไปจะไม่มีทางมาเยือนได้อย่างแน่นอน
คังชอลอินพูดขณะตีหัวของโครคิวต้าด้วยอุปกรณ์ป้องกันบนข้อมือเพราะมันพยายามจะกัดเขาอยู่ตลอด
“ข้าจะขอเน้นย้ำอีกครั้ง … ระวังอย่าให้มันกัดเจ้าได้ หากเจ้าสามารถหลบการโจมตีของมันได้ไม่ว่าจะเป็นโครคิวต้าหรือโนลเจ้าก็จะไม่มีทางตาย”
หลังจากนั้นอีก 30 นาที คังชอลอินก็ใช้เวลาอยู่เล่นกับโครคิวต้าในขณะที่เขายังอธิบายถึงส่วนสำคัญต่าง ๆ ให้นักผจญภัยได้ทราบ
นักผจญภัยต่างตกตะลึง
การคาดการณ์ของพวกเขาแตกสลายไปอย่างสมบูรณ์เมื่อคังชอลอินได้พิสูจน์ด้วยทักษะที่เขามีว่าเขาช่างอยู่ในระดับที่ต่างจากพวกเขาไปมากเพียงใด
ด้วยความเชี่ยวชาญและเทคนิคการปรุงแต่งของเขาทำให้ไม่มีนักผจญภัยคนไหนกล้าที่จะสงสัยในตัวเขาอีกต่อไป
‘คงได้เวลาแล้วล่ะมั้ง’
เมื่อคิดว่าตัวเองได้สอนพวกเขาจนเพียงพอแล้ว คังชอลอินก็เริ่มคิดที่จะจัดการกับโครคิวต้าให้เสร็จสิ้น
“และจุดอ่อนที่สุดของพวกมันนั้น…”
คังชอลอินเตะเข้าที่ส่วนท้องของโครคิวต้าที่เต็มไปด้วยเลือดพลางถอยกลับไปตั้งท่า
“คือส่วนนี้”
หลังจากที่ลดตัวลงจากการตั้งท่า คังชอลอินก็รีบพุ่งตัวไปที่ด้านขวาของโครคิวต้าทันใด
“ที่ใต้กระดูกซี่โครง”
จากนั้นเขาก็แทงดาบเข้าไปยังจุดอ่อนของมัน
สวบ!
เสียงของการฉีกผิวหนังและเนื้อเกิดขึ้น
เอ๋ง!
โครคิวต้าร้องโอดด้วยความเจ็บปวด
“ต่อจากนั้น…”
เขาได้ใช้ดาบกลืนโลหิตแทงเข้าไปยังปอดของโครคิวต้าพร้อมตั้งสมาธิเพื่อคว้าดาบจากบาดแผลแล้วก้าวเท้าขวาของตัวเองเพื่อบิดร่างกายไปทางซ้ายแล้วดึงดาบออกมาจากด้านใน ถือเป็นการตัดกระเพาะของโครคิวต้าไปได้โดยสมบูรณ์
พรูด!!
เลือดไหลทะลักออกมาเป็นจำนวนมาก จากนั้นอวัยวะภายในสีขาวและสีดำของโครคิวต้าก็เริ่มตกลงมากองอยู่กับพื้น
“และนั่นคือหมัดเด็ด”
ในฐานะที่เป็นหมัดเด็ด ดาบกลืนโลหิตได้แทงทะลุด้านในขากรรไกรของสัตว์ประหลาดไปพร้อมกัน
โครคิวต้าล้มลงและเป็นอันจบชีวิต
ชั้บ ๆ !
หลังจากสังหารโครคิวต้าเสร็จเรียบร้อยคังชอลอินก็ใช้ดาบในมือโบกไปรอบ ๆ เพื่อสลัดเลือดของสัตว์ประหลาดตัวนี้ออก
ลูเซียเดินไปหยุดอยู่ที่ด้านข้างคังชอลอินอย่างเงียบ ๆ และทำความสะอาดดาบกลืนโลหิตที่มีคราบไขมันติดอยู่ด้วยผ้าขาวบริสุทธิ์
“มันเป็นเรื่องง่าย ๆ ที่ทุกคนจะสามารถทำได้”
ในขณะที่ได้รับการดูแลจากลูเซีย คังชอลอินหันไปพูดกับนักผจญภัยต่ออย่างราบเรียบราวกับว่ามันไม่ได้มีนัยสำคัญ
ด้วยคำพูดนั้นทำให้ใบหน้าของเหล่านักผจญภัยเปลี่ยนไป
‘ง่าย ๆ ? นั่นน่ะหรือ?’
‘โรคจิต’
‘ไอ้เวรเอ้ย เขาคิดว่ามันเป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกคนเพียงเพราะมันง่ายสำหรับเขาอย่างนั้นหรือไง?’
‘หากบอกว่ามันเป็นเรื่องง่ายแล้วอย่างไหนอะไรล่ะที่ว่ายาก?’
คำพูดของคังชอลอินช่างไร้ซึ่งความปราณีใด ๆ ต่อพวกเขายิ่งนัก
เหล่านักผจญภัยเป็นเพียงคนธรรมดาที่ใช้ชีวิตตามปกติในแต่ละประเทศของตนเองมาโดยตลอดจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้
พวกเขาเพิ่งได้ถืออาวุธเป็นครั้งแรกเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา การเคลื่อนไหวและทักษะของคังชอลอินนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะลอกเลียนแบบ
เมื่อเห็นปฏิกิริยาแปลก ๆ จากนักผจญภัย คังชอลอินก็เงยหน้าขึ้นมอง
‘ทำไมพวกเขาถึงได้มีสีหน้าแบบนั้น?’
เขาไม่สามารถเข้าใจการแสดงออกของนักผจญภัยตอนนี้ได้
“ลูเซีย”
ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจหันไปถามลูเซียเป็นการส่วนตัว
“เจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพ”
“ปฏิกิริยาจากนักผจญภัยดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?”
“นั่นมัน...ข้าคิดว่ามันคงเป็นเรื่องยากสำหรับคนระดับสูงที่จะมองเห็นถึงโลกของคนระดับต่ำสินะเจ้าคะ สาเหตุนั้นก็เพราะท่านได้กล่าวว่าการกระทำเช่นนั้นมันเป็นเรื่องง่าย ๆ แต่สำหรับพวกเขาแล้วไม่ใช่เลยเจ้าค่ะ หากอีกาพยายามที่จะเดินเหมือนอย่างนกกระสามันอาจทำให้ตัวเองขาหักได้”
"อา!"
คังชอลอินสามารถตระหนักถึงความผิดพลาดของตัวเองได้ในที่สุด
เขาพยายามอย่างสุดความสามารถในการสอนนักผจญภัยกลุ่มนี้ด้วยวิธีที่ง่ายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้แล้วแต่จากมุมมองของนักผจญภัยนั่นกลับต่างไปโดยสิ้นเชิง
‘เรามันไม่เคยสอนอะไรใครได้เลยสักครั้ง’
คังชอลอินนึกหัวเราะเยาะตัวเองในใจ
เช่นกันกับในอดีตที่เขาพยายามแนะนำทักษะการต่อสู้แก่ผู้ติดตามมากเพียงใดก็ตามแต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับมานั้นแย่มากอย่างคาดไม่ถึง
ทักษะดาบของคังชอลอินเป็นการใช้เทคนิคที่ยากมากสำหรับคนทั่วไปที่จะเข้าใจ
สไตล์การต่อสู้ของเขาเป็นไปตามสัญชาตญาณและเป็นพรสวรรค์ที่เขาได้รับมาตั้งแต่เกิด แม้คังชอลอินจะอธิบายทุกอย่างไว้โดยละเอียดแต่มันคงยากที่จะบอกได้ว่านักผจญภัยจะสามารถทำตามการเคลื่อนไหวของเขาได้
มันคงน่าแปลกใจหากพวกเขาสามารถเข้าใจประเด็นสำคัญได้แม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตามตั้งแต่แรก
“นายท่านอย่าได้ผิดหวังไปเลยนะเจ้าคะ”
ลูเซียพยายามพูดปลอบใจคังชอลอิน
“โปรดมองดูที่การแสดงออกของพวกเขาก่อนสิเจ้าคะ พวกเขาได้รับแรงบันดาลใจจากการดูทักษะของท่าน ข้าคิดว่าสิ่งนี้มีความสำคัญยิ่งกว่านะเจ้าคะ”
นั่นก็เป็นเรื่องจริง
แม้นักผจญภัยจะแสดงความสับสนแต่พวกเขาไม่สามารถปฏิเสธทักษะของคังชอลอินได้และทันใดนั้นความสงสัยในความสามารถของเขาก็ได้หายไปจากใจของพวกเขา
“พวกเจ้าได้เห็นด้วยตาตัวเองแล้วใช่หรือไม่?”
ลูเซียหันกลับไปหานักผจญภัยพลางจ้องมองที่พวกเขา
“ท่านแม่ทัพเป็นผู้ที่มีความสามารถมากและเหมาะสมกับสถานะที่ท่านเป็น ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่านับจากนี้เป็นต้นไปคงจะไม่มีใครกล้าพูดว่าร้ายใด ๆ ท่านได้อีก ฮึ่ม!”
แม้มันจะเป็นเพียงเรื่องประชดอันขมขื่นแต่นักผจญภัยก็ไม่สามารถโต้แย้งคำพูดของลูเซียได้เพราะมันเป็นสิ่งที่พวกเขาเคยพูดไว้ก่อนหน้า
‘เราควรพอใจกับการแสดงทักษะของตัวเองให้พวกเขาได้เห็น’
แม้ว่าเขาจะไม่สามารถจับกระต่ายทั้งสองตัวได้ในคราวเดียว แต่จากนี้ไปคังชอลอินน่าจะสามารถควบคุมนักผจญภัยได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้นเนื่องจากความสามารถทางทักษะที่เขาได้แสดงเป็นแบบอย่าง
เขาวางแผนที่จะแสดงให้นักผจญภัยได้เห็นมากยิ่งขึ้นในอนาคต
‘ถ้าไอ้บ้าโดเรียนอยู่ด้วยตอนนี้คงทำให้สิ่งต่าง ๆ ง่ายขึ้นได้’
ฉับพลันคังชอลอินก็นึกถึงโดเรียนขึ้นมา
มันเป็นสิ่งที่ไว้ใจได้ที่จะบอกว่าไม่มีใครเหมาะแก่การฝึกนักผจญภัยได้ดีไปกว่าโดเรียน
แม้โดเรียนเพิ่งจะได้มาเป็นราชันย์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับคังชอลอินแต่เขามีความสามารถที่พิเศษและแตกต่าง
หากคังชอลอินเป็นที่ยอมรับกันในด้านเทคนิค โดเรียนก็เป็นที่ยอมรับในฐานะคนที่มีความเข้าใจที่ดีเกี่ยวกับมาตรฐานขั้นพื้นฐานและการอธิบาย
รูปแบบของพวกเขาแตกต่างกันมากในอดีต ถึงแม้พวกเขาจะมองเห็นในสิ่งเดียวกันทว่าความคิดเห็นของพวกเขาจะแตกต่างกันไปโดยสิ้นเชิง
มันเป็นความจริงที่การฝึกซ้อมที่เบากว่าของโดเรียนจะเหมาะสมยิ่งกว่าสำหรับนักผจญภัย เพราะบางครั้งมันก็ยากที่จะใช้สิ่งที่พบได้บ่อยในกรณีฉุกเฉินแต่นี่เป็นหนึ่งในสถานการณ์ในประเภทนั้น
‘โดเรียน วันนี้เจ้าน่าจะอยู่ช่วยข้า...’
ในขณะที่คังชอลอินกำลังสาปแช่งโดเรียนในใจทันใดนั้นก็มีเสียงปรบมือดังขึ้นมา
แปะ แปะ แปะ
“ว้าว ~ ช่างน่าประหลาดใจยิ่งนัก ข้ารู้สึกประทับใจกับการได้รับชมเป็นอย่างมาก!”
บุรุษชาวคอเคเชี่ยนคนหนึ่งเดินออกมาจากพุ่มไม้และเริ่มเดินเข้าหาคังชอลอินพร้อมกับการยกนิ้วโป้งให้เขา
.
.
สามารถกดติดตามเพื่อรับอัพเดทข่าวสารเกี่ยวกับนิยายได้ก่อนใครที่ทาง แปลได้แปลเถอะ