ตอนที่แล้วGOI ตอนที่ 76 นั่นเป็นสิ่งที่ข้าคิด!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGOI ตอนที่ 78 ข้าเป็นชายแท้!

GOI ตอนที่ 77 ศาลาบุปผา


การเปลี่ยนแปลงของเขาทำให้ทุกคนตะลึง ขนาดฟางเย่ที่รู้ถึงแผนการของป๋ายเสี่ยวเฟยไม่ใช่ข้อยกเว้น

‘เขาวางแผนอะไร?’

“จากความรู้ของข้า แค่เราไม่ทำสิ่งใดที่ขัดกับหลักคำสอนของสถาบัน ทางสถาบันจะไม่ขัดขวางการแก่งแย่งชิงดีของศิษย์นักเรียน หนำซ้ำยังส่งเสริมเสียอีกด้วย เจ้าเป็นแค่อาจารย์ งานของเจ้าคือสอนศิษย์ให้แข็งแกร่งและรังแกผู้อื่น มิใช่เป็นผู้ถูกรังแก”

“แต่เจ้ากลับมาหาเรื่องอาจารย์ประจำห้องของข้า แปลว่าเจ้ายอมรับความอ่อนด้อยของตน?”

“พี่หญิงเสวี่ยสามารถทำให้ห้องคนเถื่อนที่ผู้อื่นดูถูกเหยียดหยามบดขยี้ศิษย์ห้องเจ้าได้ แต่สิ่งที่เจ้าทำคือตะโกนโหวกเหวกใส่ศิษย์ผู้หนึ่ง ข้าควรจะบอกว่าเจ้าเป็นคนชอบปกป้องศิษย์ตัวเอง หรือไร้ค่าในฐานะอาจารย์กันแน่?”

ในขณะที่เขาเอ่ยประโยคแล้วประโยคเล่า ความคิดของป๋ายเสี่ยวเฟยชัดเจนจนน่าหวาดหวั่น ขนาดอาจารย์ฉู่ยังไม่อาจหาคำพูดใดๆ มาโต้แย้งเขาได้สักคำ

ภายในห้องตกมีแต่ความเงียบอยู่นาน อาจารย์ฉู่จ้องเขม็งไปที่ป๋ายเสี่ยวเฟยด้วยสีหน้าดำทะมึน ร่างกายสั่นเทิ้ม แต่นางทำได้เพียงข่มกลั้นโทสะไว้ในใจ

“เจ้าหนู! เจ้าชนะ!!!”

อาจารย์ฉู่เดินจากไปเมื่อเอ่ยเสร็จ นางตัดสินใจได้ว่าไม่ควรทำสิ่งใดไปมากกว่านี้ที่นี่

“อาจารย์เว่ย ท่านล่ะ?”

หลังจากอาจารย์ฉู่จากไป ป๋ายเสี่ยวเฟยหันสายตาไปมองอาจารย์เว่ย ไม่มีทีท่าจะเกรงกลัวแม้แต่น้อย

“ตั้งแต่โบราณกาล วีรบุรุษล้วนโดดเด่นตั้งแต่เยาว์วัย ข้าได้เปิดหูเปิดตาแล้ววันนี้ อาจารย์เสวี่ยอิ่ง ขออภัยต่อการกระทำไม่เหมาะสมของข้า”

อาจารย์เว่ยก็ถูกก่นด่าจนกระทั่งพูดไม่ออก แต่ต่างจากอาจารย์ฉู่ เขาขอโทษเสวี่ยอิ่ง

“ไม่จำเป็น อาจารย์เว่ย เป็นข้าเองที่ไม่ได้สอนให้พวกเขารู้จักรั้งมือ ท่านใจดีเกินไปแล้ว”

ข้อเท็จจริงยืนยันได้ว่าการกระทำของอาจารย์เว่ยถูกต้องเพราะอย่างน้อยที่สุด เขาก็มีวิธีเอาตัวเองออกจากสถานการณ์ย่ำแย่ได้อย่างเหมาะสม

“พี่หญิงเสวี่ย”

หลังจากอาจารย์สองคนที่มาหาเรื่องออกไป ป๋ายเสี่ยวเฟยกลายมาเป็นชายหนุ่มอารมณ์ดีเจ้าเล่ห์อีกครา สีหน้าปรากฎความประจบสอพลอ

ฟางเย่ที่อยู่ข้างๆ ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้

‘เมื่อไหร่พี่ใหญ่เฟยจะจริงจังได้บ้าง!?’

“เจ้าทำได้ดี! ทำเช่นนี้หากมีใครมาหาเรื่องอีกในอนาคต!”

ข้างหลังของเด็กที่กล้าหาญและระมัดระวังล้วนมีศิษย์พี่ที่ปรารถนาให้โลกมอดไหม้! เมื่อเสวี่ยอิ่งเอ่ย ฟางเย่ยืนยันความคิดตนเองอีกครั้งว่าพวกเขามิอาจพึ่งพาได้...

‘ข้าเสียคนแน่หากยังอยู่ห้องนี้ต่อ!’

“ไม่ต้องกังวล พี่หญิงเสวี่ย ให้เป็นหน้าที่ข้าเอง”

ป๋ายเสี่ยวเฟยยิ้มเจ้าเล่ห์พลางลูบอกของตนเอ่ยคำรับรอง แต่ด้วยเหตุผลใดไม่ทราบ ฟางเย่รู้สึกว่าพวกเขาทั้งสองมีท่าทางไม่เป็นธรรมชาติเอาเสียเลย ราวกับกำลังเล่นละครอยู่...

แต่ฟางเย่ไม่อาจรู้ได้ว่าพวกเขาเล่นละครเพื่ออะไร...

“พูดมา เจ้ารีบมาหาข้าเพราะเหตุใด?”

ใบหน้าของเสวี่ยอิ่งเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม หาได้ยากที่ป๋ายเสี่ยวเฟยจะจริงจัง แต่เมื่อเขาเป็นแบบนั้นแล้ว เขาไม่มีทางล้อเล่น

“พี่หญิงเสวี่ย ท่านรู้เกี่ยวกับอันดับบุปผาหรือไม่?”

เสียงของป๋ายเสี่ยวเฟยแฝงร่องรอยคาดหวัง

“แน่นอน มีอาจารย์หลายคนอยู่ในอันดับบุปผา ยังมีศิษย์ปีสามร่างชายใจหญิงมาหาข้าวันนี้ เขาบอกว่าเขาเป็นผู้ตรวจตราของอันดับบุปผา และเขาชื่นชมบอกว่าข้าจะต้องติดอันดับแน่”

เสวี่ยอิ่งเอ่ยประโยคยาวออกมา ความพึงพอใจมีแต่จะมากขึ้นทุกวินาทีที่นางเอ่ย

เหมือนกับที่ไม่มีหญิงใดไม่สนใจอายุ การได้รับความยกย่องจากผู้อื่นในด้านความงามเป็นสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนภูมิใจ

แต่ป๋ายเสี่ยวเฟยไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้ มีเพียงหนึ่งประโยคที่เขาได้ยิน

ผู้ตรวจตราจากอันดับบุปผามาหาเสวี่ยอิ่ง!

“จริงหรือ!? เขารูปร่างหน้าตาอย่างไร!? ชื่อล่ะ!? เขาทิ้งวิธีติดต่อไว้หรือไม่!?”

ป๋ายเสี่ยวเฟยที่ตื่นเต้นอดไม่ได้ที่จะวางมือทั้งสองไปบนไหล่อันบอบบางของเสวี่ยอิ่ง และเนื่องเพราะความยินดีนี้เองที่ทำให้เขาลืมตัวไปว่ามีใครอยู่ข้างๆ...

“เจ้าทำเกินไปแล้ว! ข้าเป็นอาจารย์ของเจ้า!”

ในมุมที่ฟางเย่ไม่อาจมองเห็น เสวี่ยอิ่งที่ยังนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ขึงตาใส่ป๋ายเสี่ยวเฟย ป๋ายเสี่ยวเฟยตกลึงถึงขั้นรีบดึงมือออก

แต่โชคดีที่ฟางเย่ไม่คิดอันใดมากนัก เขาเพียงรู้สึกว่าป๋ายเสี่ยวเฟยจะต้องรับกรรมเป็นแน่แท้...

“ขอโทษ! ข้าขอโทษ! พี่หญิงเสวี่ย ข้าแค่ตื่นเต้นมากเกินไป!”

ขณะที่เขาเอ่ยแก้ตัว ป๋ายเสี่ยวเฟยยังคงจับจ้องเสวี่ยอิ่งด้วยสายตามุ่งหวัง

“รับนี่ไป คนผู้นั้นทิ้งเอาไว้ให้ข้า เขาบอกว่าข้าควรหาเวลาไปดื่มชากับเขาหากมีโอกาส เพราะยังมีสาวงามอีกมากในศาลาบุปผาและพวกเราจะหาเรื่องคุยกันถูกคอแน่นอน”

เสวี่ยอิ่งโยนกระดาษแผ่นเล็กไปบนโต๊ะพลางเอ่ย ในวินาทีต่อมาสีหน้าของนางเปลี่ยนเป็นจริงจัง

“เจ้าจะหาเขาไปทำไม?”

“ฮี่ๆ นี่เป็นความลับของสวรรค์ที่ไม่อาจเปิดเผย!”

เมื่อป๋ายเสี่ยวเฟยพูดจบ เขาเก็บกระดาษแผ่นนั้นเข้าไปในกระเป๋าราวกับกำลังเก็บสมบัติล้ำค่าก่อนจะดึงฟางเย่รีบออกไปจากห้องไม่ปล่อยโอกาสให้เสวี่ยอิ่งค้นหาคำตอบ

หลังจากมองหาทิศทางบนกระดาษที่เสวี่ยอิ่งให้มาอยู่นาน ป๋ายเสี่ยวเฟยและฟางเย่พบสถานที่ที่คนผู้นั้นบอกไว้ในแสงธำรง

ก่อนที่พวกเขาจะทันได้ถึงจุดหมาย ทั้งคู่ได้เห็นสาวงามระดับสูงนับไม่ถ้วนเดินเพ่นพ่านไปมา!

นอกจากศิษย์พี่หญิงที่เป็นคนของแสงธำรง ยังมีสาวงามหลายคนจากสายอื่นอีกด้วย ทำให้ทั้งคู่เร่งความเร็วขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ แต่ในใจรู้สึกอภิรมย์ชมชอบ

ท้ายที่สุด ภายใต้การนำทางของศิษย์พี่หญิงผู้ใจดีจากสายสนับสนุน ทั้งสองมาถึงตรงหน้าสิ่งก่อสร้างที่มีป้าย ‘ศาลาบุปผา’ ห้อยไว้อยู่

กลิ่นหอมจางๆ ไหลเข้าผ่านจมูกพวกเขา ในใจของทั้งคู่ปั่นป่วนพลางเดินเข้าไป

“เฮ้ พวกเจ้าทั้งสองทำอะไร? ไม่รู้หรือว่าผู้ชายและสุนัขห้ามเข้าใกล้ศาลาบุปผา!?”

เป็นเวลานี้เองที่เสียงเย่อหยิ่งเอาแต่ใจดังขึ้นมา เจ้าของผู้นั้นคือศิษย์พี่หญิงคนหนึ่งที่ขวางทางพวกเขาไว้ นางไว้ผมเปียสวมใส่ชุดศิษย์ปีสองที่ถักสัญลักษณ์ของแสงธำรง

หากไม่ใช่เพราะชุด ป๋ายเสี่ยวเฟยและฟางเย่คงเข้าไปลูบหัวนางแล้ว อย่าสงสัยว่าทำไมพวกเขาต้องทำเช่นนั้นเพราะต่อหน้าสาวน้อยโลลิผู้นี้ พวกเขามิอาจหักห้ามใจได้!

ป๋ายเสี่ยวเฟยและฟางเย่ไม่ได้ตอบสนอง

“ข้าพูดกับพวกเจ้าอยู่ หูหนวกหรือไง!?”

หันเชียนเย่มองทั้งคู่ อารมณ์ของนางเลวร้ายลงเรื่อยๆ แขนเสื้อที่ถกขึ้นไม่ได้เหมาะสมกับตัวตนของศิษย์จากแสงธำรงแม้แต่น้อย

“ศิษย์พี่หญิงอย่าได้มีโทสะ พวกเราไม่รู้ว่ามีกฎเช่นนั้นที่นี้ พวกเราเพียงมาหาศิษย์พี่หยุนจิงชวง”

ป๋ายเสี่ยวเฟยรีบยกธงขาวยอมแพ้บอกเหตุผลของการมาทันทีเพราะการทำให้ศิษย์พี่หญิงสุดสวยโกรธที่นี่ย่อมเป็นการกระทำที่โง่เขลา

“เจ้าอยากเจอหยุนเกอเกอ!? พวกเจ้ามีเหตุผลอะไร? อย่าบอกนะว่าพวกเจ้าอยากรู้ประวัติรายละเอียดของสาวงามในอันดับบุปผา? แถมพวกเจ้ายังใส่ชุดศิษย์ใหม่? พวกเจ้าเสแสร้งทำเป็นศิษย์ใหม่ไร้เดียงสาใช่หรือไม่!?”

หันเชียนเย่เอามือวางไว้ที่เอว นางได้ตัดสินทั้งสองว่ามีความคิดไม่ซื่อเรียบร้อยแล้ว...

เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ฟางเย่เห็นเหยื่อเย็นเยียบไหลลงมาจากหน้าผากของป๋ายเสี่ยวเฟย ในเวลานี้ป๋ายเสี่ยวเฟยถอนหายใจอย่างมีอารมณ์ข้างใน

‘ดรุณีน้อยผู้นี้จัดการไม่ง่าย!’

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด