บทที่10 : ผมจะดูแลคุณอย่างดี (5)
บทที่10 : ผมจะดูแลคุณอย่างดี5)
รถตู้ของซินเจียและรถของกู่หยูเซิงยังคงอยู่ที่เดิม แทบจะไม่ได้เคลื่อนไปไหนเลย เนื่องจากบนท้องถนนในยามนี้รถค่อนข้างติดมาก
ดูเหมือนว่ากูหยูเซิงจะเริ่มรู้สึกตัวว่าซินเจียจ้องมองดูเขาอยู่นานแล้ว เขาจึงเหลือบมองไปยังอีกฝั่งของถนนที่เธอนั่งอยู่ ในขณะที่กำลังจุดบุหรี่มวนใหม่ในมือ
ในแววตาของเขาไม่ปรากฏระลอกคลื่นใดๆ ซินเจียเองก็เลยไม่แน่ใจว่า เขามองเห็นเธอไหม หรือเขามองเห็นแต่แกล้งทำเป็นไม่เห็นเธอกันแน่ แต่สุดท้ายแล้วเขาก็เอาบุหรี่ที่จุดแล้วในมือขึ้นมาสูบ ก่อนจะค่อยๆเลื่อนมือไปกดปุ่มปิดหน้าต่าง และกระจกหน้าต่างก็ค่อยๆเลื่อนขึ้นจนปิดสนิท
ด้วยฟิล์มของรถเขาค่อนข้างทึบ ทำให้มันลายเป็นเหมือนประตูที่กั้นการถูกจ้องมองจากซินเจียไปโดยปริยาย
หลังจากที่ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองมาเรียบร้อยแล้ว การจราจรก็เริ่มโอเคขึ้น ไม่ได้แออัดมากเท่าก่อนหน้านี้ กู่หยูเซิงเองก็ทำราวกับว่ากลัวเธอจะมองเขาอีก เขารีบเร่งความเร็วของรถ ก่อนจะขับแซงรถคันข้างหน้าอีกประมาณสองสามคันจากนั้นรถของเขาก็หลอมรวมเข้ากับการจราจรที่คับคั่ง ก่อนจะหายไป
ตอนนี้ไม่ว่าเธอจะเป็นใคร จะเป็นผู้หญิงที่เขาลืมไปแล้วเมื่อสองปีก่อนหรือ เป็นผู้หญิงที่อยู่กับเขาภายใต้ตัวตนของคนอื่นหลังจากนั้นอีกสองปีมันก็คงไม่มีอะไรแตกต่างกันเพราะทั้งกู่หยูเซิงและ ซินเจียก็คงเป็นเหมือนโลกสองใบที่ไม่ทางมาบรรจบกันได้
ซินเจียหันไปมองที่หน้าต่างอีกครั้ง พลางกระพริบตาถี่ๆเพื่อไล่หยดน้ำตาที่คลออยู่ ก่อนจะปิดกระจกหน้าต่างรถขึ้น และค่อยๆเอนหลังลงที่พนักพิงรถเบาๆก่อนจะหลับตาแน่น
เมื่อรถเคลื่อนตัวเข้าสู่เมือง โจวจิงผู้จัดการส่วนตัวของเหลียงดูโขว่ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสายก่อนจะตอบกลับปลายสาย “ใช่....โอเค” เมื่อวางสายเธอก็หันไปบอกคนขับว่า “ไปสโมสรมาเจสติก”
เมื่อได้ยินดังนั้นซินเจียก็ค่อยๆลืมตาขึ้น ก่อนจะมองไปที่โจวจิงด้วยสายตาที่ปนสงสัย
โจวจิงรู้ว่าเธอจะถามอะไร เธอเลยชิงอธิบายก่อน “มีบัตรเชิญให้เข้าร่วมงานเลี้ยงจากคุณลู่บันเฉิง”
โจวจิงหยุดชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่าเธอไม่ใช่เหลียงดูโขว่ตัวจริง จึงพูดต่อว่า “เธอเป็นเพื่อนไฮโซของเหลียงดูโขว่”
ซินเจียเข้าใจดีว่าเธอรับค่าจ้างในการทำงานมาแล้ว แม้ว่าเธอจะไม่เต็มใจที่จะไปเข้าร่วมงานเลี้ยงนี้สักแค่ไหน เธอก็คงไม่สามารถปฏิเสธอะไรได้ ดังนั้นเธอจึงปฏิบัติตามคำขอของโจวจิงโดยไม่มีการคัดค้านใด ๆ
งานเลี้ยงอาหารกลางวันที่สโมสรมาเจสติกกำลังจะเริ่มขึ้นเมื่อตอนที่โจวจิงได้รับโทรศัพท์ ดังนั้นเมื่อเธอมาถึง ห้องจัดเลี้ยงก็เต็มไปด้วยผู้คนแล้ว
ห้องขนาดเกือบ150 ตารางฟุตที่ตอนนี้คลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมายจนทำให้โต๊ะอาหารยาวเหยียดขนาดสองหลาทั้งสองโต๊ะไม่มีเก้าอี้ว่างเหลือเลยสักที่
ลู่บันเฉิงที่เป็นเจ้าของงาน เมื่อเห็นพวกเธอเดินมาถึงจึงรีบสั่งให้พนักงานเสิร์ฟไปเอาเก้าอี้มาเพิ่มให้อีกสองตัวทันที
เนื่องด้วยตอนนี้โต๊ะอาหารทั้งสองโต๊ะแน่นจนเกินกว่าที่จะวางเก้าอี้สองตัวไว้ที่โต๊ะเดียวกันได้แล้ว พนักงานเสิร์ฟจึงเอาเก้าอี้ไปวางไว้โต๊ะละตัวแทน
โจวจิงจึงเดินไปนั่งเก้าอี้ว่างที่อยู่ใกล้เธอที่สุด ส่วนซินเจียจึงเดินไปนั่งเก้าอี้อีกตัวแทน
หลังจากที่นั่งลงแล้วเธอถึงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ก่อนเธอจะหันไปมองที่ด้านขวาของตัวเอง ใช่…เป็นเขา กู่หยูเซิงนั่งอยู่ห่างจากเธอไม่มากนัก ในมือข้างหนึ่งของเขาถือบุหรี่ และกำลังนั่งฟังคนข้างๆพูดอย่างตั้งใจ
ห้องจัดเลี้ยงส่วนตัวนี้ค่อนข้างเสียงดังมากเพราะถึงแม้ว่าเธอจะนั่งอยู่ไม่ไกลจากเขานัก แต่เธอก็แทบไม่ได้ยินว่า พวกเขากำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่
และสำหรับกู่หยูเซิงนั้นความสนใจทั้งหมดของเขาก็คือคนที่เขาพูดด้วยดังนั้นเขาจึงไม่สังเกตเห็นเลยว่ามีเก้าอี้เสริมอีกตัวอยู่ข้างๆเขา
แทบจะไม่มีใครจำซินเจียที่อยู่ใต้เงาของเหลียงดูโขว่ได้เลย จนกระทั่งมีสาวสวมแว่นคนหนึ่งตะโกนเรียกชื่อเหลียงดูโขว่ออกมาและเมื่อกู่หยูเซิงได้ยิน เขาก็หยุดสูบบุหรี่ในมือทันที
ไม่กี่วินาทีต่อจากนั้นเขาก็ค่อยๆหันมา และมองดูซินเจียอย่างเงียบ ๆ
ซินเจียที่เพิ่งจะยืนขึ้นและยกแก้วไวน์ในมือชนกับคนอื่นๆ รู้สึกประหม่าจนตัวแข็งทื่อเมื่อรับรู้ได้ว่ากู่หยูเซิงกำลังจ้องมองมาที่เธออยู่
แต่ก็ถือว่าเป็นโชคดีของเธอเหมือนกับตอนที่นั่งรถออกมาจากสนามบินเพราะกู่หยูเซิงมองเธอแค่ชั่วครู่เท่านั้น ไม่อย่างนั้นเธอคงทำตัวไม่ถูกแน่ๆ
กู่หยูเซิงไม่ได้พูดคุยกับเธอเลยสักคำ และซินเจียเองก็ไม่ได้ใจกล้าถึงขนาดที่จะไปเป็นฝ่ายชวนเขาคุยก่อนอยู่แล้ว
เขามองเธอแค่แวบเดียวแล้วก็ละสายตาไป เขาทำท่าราวกับว่าเธอไม่มีตัวตนและหันกับไปคุยกับคนที่นั่งอยู่ข้างๆเขาต่อ
ซินเจียแกล้งทำตัวปกติทั้งที่ในใจรู้สึกประหม่ามาก เธอชนแก้วกับคนที่เข้ามาหาเธอทุกคน และดื่มไวน์ในแก้วจนหมดเมื่อเธอวางแก้วไวน์ลง ซินเจียก็แอบเหลือบมองกู่หยูเซิงเงียบๆ
เธอไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่เธอรู้สึกว่าท่าทางของกู่หยูเซิงก่อนที่รู้ว่าเธออยู่ที่นี่ดูผ่อนคลายมากกว่านี้ แต่ตอนนี้ใบหน้าของเขาเหมือนถูกฉาบด้วยความเย็นชาบางๆ
คนที่กำลังคุยอยู่กับกู่หยูเซิงหันมามองหน้าเธอ ส่วนกู่หยูเซิงกำลังหยิบบุหรี่มวนใหม่ออกมาจากซอง เมื่อเขาหยิบบุหรี่ได้แล้ว คนคนนั้นก็ถามเขาว่า “รู้จักเธอหรือเปล่า ?”
“ไม่” กู่หยูเซิงตอยด้วยน้ำเสียงเย็นชา พลางจุดบุหรี่มวนใหม่มาสูบ
“อืม ฉันก็นึกว่านายรู้จัก พอดีเมื่อกี้เห็นเธอมองนาย”คนที่กำลังคุยอยู่กับกู่หยูเซิงคิดว่าเธอคงไม่ได้ยินที่เขาพูด เพราะเขาคิดว่าเธอคงกำลังคุยกับคนอื่นอยู่
กู่หยูเซิงค่อยๆพ่นควันบุหรี่สีขาวออกมาจากปาก ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันที่แสดงออกถึงความรังเกียจอย่างชัดเจนว่า “เราคุยเรื่องอื่นกันดีไหม? อย่าไปพูดถึงเรื่องไร้สาระพวกนั้นเลย”
ซินเจียได้ยินทุกคำที่พวกเขากำลังคุยกัน เมื่อเธอได้ยินประโยคสุดท้ายที่กู่หยูเซิงพูด มือของเธอก็เริ่มสั่นจนทำให้ไวน์ในแก้วหกใส่ชายแขนเสื้อของกู่หยูเซิง
“ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ…….” ซินเจียรีบดึงเอาทิชชู่มา เพื่อจะมาเช็ดให้กู่หยูเซิง
กระดาษทิชชู่ยังไปไม่ทันจะถึงข้อมือดี เขาก็ทำท่าราวกับว่ากำลังจะโดนงูเห่าฉก เขาชักมือออก ลุกขึ้นยืนและเลื่อนเก้าอี้ออก ก่อนจะพูดกับคนที่อยู่ข้างๆว่า “ขอตัวนะครับ” พอพูดจบเขาก็หันหลังและเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นเขาก็ไม่กลับเข้ามาอีกเลย
แน่นอนว่าซินเจียรู้ว่าทำไมเขาถึงไม่กลับมา นั่นก็เป็นเพราะว่าเธออยู่ที่นี้นะสิ เขาคงไม่อยากจะนั่งหายใจร่วมกับเธอละมั่ง
เมื่องานเลี้ยงใกล้จะจบลง ซินเจียก็ใช้ข้ออ้างว่าตนเพิ่งเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ รู้สึกเหนื่อยจากการเดินเลยจะขอตัวกลับบ้านไปพักผ่อนก่อน เพื่อเลี่ยงออกจากงานเธอกลับออกมาก่อนแต่โจวจิงยังคงอยู่ในงานเลี้ยงต่อ
เนื่องจากเธอดื่มไวน์ไปพอสมควรประกอบกับเดินทางไกลจึงทำให้เธอรู้สึกเมื่อยล้ามาก เมื่อกลับถึงบ้านเธอก็มุ่งไปที่เตียงนอน และนอนหลับไปในทันที
ช่วงค่ำๆซินเจียก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นอีกครั้งด้วยเสียงโทรศัพท์จากโจวจิง “ฉันดื่มหนักมากไปหน่อย กลับเองไม่ไหว เธอช่วยมารับฉันได้หรือเปล่า” โจวจิงพูดด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้ เธอบอกที่อยู่ที่ต้องไปรับกับซินเจีย ก่อนจะวางไปอย่างรวดเร็ว
ที่อยู่ที่โจวจิงบอกมา มันเป็นวิลล่าส่วนตัวแห่งหนึ่ง ซินเจียรู้จักและเคยไปมาก่อน ดังนั้นเธอจึงค่อนข้างคุ้นทาง
ขณะที่ซินเจียกำลังเดินลงจากรถ เธอก็เหลือบไปเห็นกู่หยูเซิงผ่านรั้วของวิลล่า เขากำลังยืนพิงต้นไม้พลางคุยโทรศัพท์ไปด้วย