ตอนที่แล้วบทที่ 8 : ผมจะดูแลคุณอย่างดี (3)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่10 : ผมจะดูแลคุณอย่างดี (5)

บทที่ 9 : ผมจะดูแลคุณอย่างดี (4)


บทที่  9 : ผมจะดูแลคุณอย่างดี4)

 

 

เธอรอสายอยู่ได้ครู่หนึ่ง  ก่อนแม่นมจางจะรับสาย  “สวัสดีค่ะ  ที่นี่คฤหาสน์ตระกูลกู่  ไม่ทราบว่าจะเรียนสายกับใครคะ?”

ซินเจียพูดทักทายแม่นมจางเล็กน้อย  ก่อนจะพูดธุระของตัวเอง “คุณปู่อยู่บ้านไหมคะ?”

“นายท่านเหรอคะ   อยู่ค่ะ  ท่านกำลังเอนกายพักผ่อนอยู่  เดี๋ยวดิฉันจะไปเรียนท่านให้นะคะว่านายหญิงน้อยโทรมา”  ทันทีที่แม่นมจางพูดจบซินเจียก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของเธอค่อยๆเดินห่างออกไป  ก่อนสักพักหนึ่งเธอจะได้ยินบนสนทนาแว่วๆระหว่างแม่นมจางกับนายผู้เฒ่ากู่ว่า  “นายท่านคะ  นายหญิงน้อยโทรมาค่ะ”

หลังจากนั้นไม่นานนักเธอก็ได้ยินเสียงนายผู้เฒ่ากู่จากปลายสาย  “เสี่ยวโข่วหรอลูก?”

ซินเจียยังคงไม่ค่อยชินนักเมื่อได้ยินคนเรียกตัวเองว่า“มิสเหลียง”  หรือ   “เสี่ยวโขว่”แม้ว่าตอนนี้เธอจะสวมรอยเป็นเหลียงดูโขว่ได้กว่าหนึ่งเดือนแล้ว  แต่เมื่อมีคนเรียกชื่อของเหลียงดูโขว่ทีไร  กว่าเธอจะขานรับก็ต้องใช้เวลาเกือบสักพักกว่าเธอจะตอบ

ครั้งนี้ก็เหมือนกันเธอหยุดชะงักไปชั่วครู่  ก่อนจะตอบกลับนายผู้เฒ่ากู่  “คุณปู่คะ”  เธอรีบเอ่ยเข้าประเด็นอย่างไม่อ้อมค้อม   “หยูเซิงเพิ่งจะโทรมาบอกหนูว่าคุณปู่อยากให้พวกเราไปงานเลี้ยงการกุศลด้วยกันเย็นนี้”

เธอหยุดครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ  “แต่หนูต้องขอโทษคุณปู่จริงๆนะคะ  หนูต้องบินไปอเมริกาคืนนี้ค่ะ  เพราะมีคิวหนังที่ต้องเริ่มถ่ายทำกันพรุ่งนี้  หนูคงไปร่วมงานเลี้ยงคืนนี้ด้วยไม่ได้แล้วค่ะ”

อีกด้านหนึ่งของสาย   นายผู้เฒ่ากู่เงียบไปครู่ใหญ่  ก่อนจะพูดว่า  “เสี่ยวโขว่  หยูเซิงเขาไม่อยากให้หนูไปงานด้วยใช่ไหม?”

“ไม่ใช่นะคะ....คุณปู่   มันเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆค่ะ”ซินเจียพูดด้วยเสียงกระเง้ากระงอด “ฉากที่หนูต้องไปถ่ายมันเป็นฉากสำคัญจริงๆนะคะ   ถ้าคุณปู่ไม่เชื่อก็โทรถามทีมงานได้เลยค่ะ  หนูจะกล้าโกหกคุณปู่ได้อย่างไรคะ”

นายผู้เฒ่ากู่ถูกซินเจียอ้อนจนหลุดขำออกมา  “ปู่เข้าใจว่างานต้องมาก่อน   ปู่ก็แค่เป็นห่วงกลัวหนูจะโดนเจ้าหยูเซิงมันรังแกเอา  แล้วสุดท้ายหลานสองคนก็จะไม่มีความสุขกันอีก”

หลังจากนั้นเธอก็คุยเป็นเพื่อนกับนายผู้เฒ่ากู่ต่ออีกนิดหน่อย  ก่อนเธอจะวางสาย  และเดินขึ้นไปชั้นบนเพื่อเก็บกระเป๋าเตรียมเดินทาง

จริงๆแล้วเธอก็ไม่ได้โกหกอะไร  ตามกำหนดการเธอมีต้องบินไปถ่ายงานที่อเมริกาจริงๆ  เพียงแต่ว่าตั๋วเครื่องบินที่เธอจองไว้ก่อนหน้านั้นบินพรุ่งนี้  แต่เธอโทรบอกผู้จัดการส่วนตัว  ขอให้เขาเลื่อนตั๋วมาเป็นเย็นวันนี้แทน

หลังจากเก็บสัมภาระเรียบร้อยแล้ว  เธอก็ลากกระเป๋าลงบันไดมาชั้นล่าง

ก่อนที่จะออกจากบ้าน  เธอได้ฝากความให้พ่อบ้านโทรแจ้งกู่หยูเซิงว่า  เธอมีบินด่วนไปถ่ายหนังเย็นนี้ทำให้ไปงานเลี้ยงด้วยไม่ได้  และเธอได้กำชับพ่อบ้านด้วยว่าอย่าลืมบอกเขาว่า  เธอได้แจ้งเรื่องนี้ให้คุณปู่ทราบเรียบร้อยแล้ว  เขาสบายใจได้

ตอนที่พ่อบ้านโทรมากู่หยูเซิงกำลังนั่งทำงานอยู่ที่ห้องส่วนตัวในออฟฟิศ  เมื่อเขามองเห็นเบอร์ที่โทรเข้ามาแล้วจึงกดรับสาย  ก่อนจะยกเอาโทรศัพท์ขึ้นแนบหู  พลางเซ็นเอกสารไปด้วย

“คุณกู่ครับ  มิสเหลียงให้ผมโทรหาคุณ.....”

เมื่อได้ยินคำว่า “มิสเหลียง” เขาก็ขมวดคิ้วและมีประกายบางอย่างเกิดขึ้นในตาของเขาครู่หนึ่ง  ก่อนเขาจะเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นน้ำเสียงที่เย็นชาและแข็งกระด้างขึ้นอย่างเห็นได้ชัด  อีกทั้งเขายังทำเป็นเหมือนหูทวนลมเพราะไม่อยากได้ยินเรื่องที่พ่อบ้านกำลังจะพูด

พ่อบ้านพูดต่อด้วยเสียงสั่นๆ ด้วยความกลัว  “มิสเหลียงให้แจ้งว่าเธอมีงานด่วน  ต้องบินไปถ่ายหนังที่อเมริกาเย็นนี้  เพราะฉะนั้นคืนนี้เธอเลยไปงานเลี้ยงพร้อมกับคุณไม่ได้แล้วครับ”

กู่หยูเซิงหยุดเซ็นเอกสารในมือ......

“มิสเหลียงยังให้บอกอีกว่า  เธอได้แจ้งเรื่องนี้กับนายผู้เฒ่ากู่เรียบร้อยแล้วครับ”

กู่หยูเซิงเหมือนจะดูแปลกใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินอย่างนั้น  เขานิ่งไปครู่หนึ่ง  ก่อนจะมองไปที่โทรศัพท์มือถือในมืออย่างสงสัย  นี่เขาได้ยินอะไรผิดไปหรือเปล่า  ก่อนเขาจะพูดกับปลายสายอีกครั้ง“อืม......” เขาตอบรับด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์  ราวกับไม่ใส่ใจ

พ่อบ้านค่อนข้างชินแล้วกับการที่เขาหยุดพูดนานๆ แล้วค่อยมาตอบ  และเมื่อเขาตอบรับเช่นนั้นแล้ว  พ่อบ้านจึงกล่าวลาอย่างสุภาพก่อนจะวางสายไป

แม้ว่าพ่อบ้านจะวางสายไปแล้วแต่กู่หยูเซิงก็ยังไม่ได้ยกหูลงในทันที  เขาเอาแนบหูค้างไว้อยู่อย่างนั้นสักพัก  ก่อนที่จะวางมันลงบนโต๊ะ  และนั่งทำงานต่อ  ราวกับว่าเมื่อกี้นี้ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น

สิบวันหลังจากนั้น  ซินเจียก็บินกลับมาจากอเมริกา

เครื่องบินลงจอดที่สนามบินนานาชาติปักกิ่งตอนเวลา 10:10 น. ณ  เวลาปักกิ่ง

และเนื่องด้วยอาจจะมีข้อมูลเรื่องไฟล์บินของเธอหลุดออกไป  ทำให้ที่สนามบินตอนนี้คลาคล่ำไปด้วยเหล่าบรรดาแฟนคลับที่มารอต้อนรับการกลับมาของเหลียงดูโข่ว

แม้ว่าซินเจียจะสวมหน้ากากอยู่แต่ก็มีแฟนคลับผู้หญิงคนหนึ่งจำเธอได้ในทันทีตอนที่เธอกำลังเดินออกมาจากเกต

หญิงสาวคนนั้นกรีดร้องด้วยความตื่นเต้น  พลางพูด  “อ๊า.....เหลียงดูโขว่อยู่ตรงนี้ -” ก่อนเหล่าบรรดาแฟนคลับคนอื่นๆที่ยื่นรออยู่ก่อนหน้า  จะรีบกรูเข้าหาเธอทันที  และเพียงเวลาไม่นานนักซินเจียก็ถูกล้อมรอบไปด้วยบรรดาแฟนคลับ

กลุ่มแฟนคลับที่รวมตัวกันอยู่รอบๆซินเจียมีขนาดใหญ่พอสมควร  และมีบางคนตะโกนเรียกชื่อ “เหลียงดูโขว่”  ดังลั่น  ทำให้ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาบริเวณนั้นเริ่มหยุดมองว่าเกิดอะไรขึ้น

ด้วยความช่วยเหลือจากผู้จัดการส่วนตัวและพนักงานรักษาความปลอดภัยของสนามบิน  พวกเขาใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะจัดการพาซินเจียหลุดออกมาจากกลุ่มแฟนคลับได้  ก่อนซินเจียจะรีบเดินไปขึ้นรถตู้บริษัทที่จอดรออยู่ก่อนแล้ว

แม้ว่าเธอจะขึ้นมาบนรถตู้แล้วแต่บรรดาแฟนคลับก็ยังคงตามมา  บางคนพยายามที่จะทุบกระจกรถซ้ำๆเพื่อเรียกเธอ  คนขับรถเองก็ไม่กล้าที่จะออกรถแรง  จึงได้แต่ค่อยๆเคลื่อนช้าๆ เพราะกลัวว่าจะทำให้แฟนคลับบางคนได้รับบาดเจ็บ  แต่เมื่อเจ้าหน้าของสนามบินออกมาเคลียร์สถานการณ์ให้อีกรอบทุกอย่างก็เริ่มโอเคขึ้น  คนรถถึงได้เร่งความเร็วและขับออกไปอย่างรวดเร็ว

ซินเจียเหงื่อท่วมไปหมดอาจจะเพราะถูกเหล่าแฟนคลับรุมล้อมอยู่นาน  และแม้ว่าในรถจะเปิดแอร์แต่ก็ยังรู้สึกไม่ค่อยเย็นเท่าไหร่  เธอเองก็เริ่มรู้สึกเบื่อๆ  เลยลดกระจกหน้าต่างลงเพื่อมองวิวและสูดอากาศบริสุทธิ์ข้างนอกสักพัก

บนถนนทางออกจากสนามบินตอนนี้รถติดพอสมควร  อาจจะเพราะเวลานี้มีเครื่องลงจอดพร้อมกันหลายลำ  รถตู้จอดเรียงต่อกันยาวเป็นแถว  ซึ่งแต่ละคันห่างกันแค่ไม่กี่ฟุตเพื่อรอรับผู้โดยสาร  เมื่อซินเจียรู้สึกว่าอากาศในรถเริ่มเย็นขึ้นบ้างแล้วเธอจึงปิดกระจกขึ้น  และขณะที่เธอกำลังจะปิดกระจก  เธอก็ดันเหลือบไปเห็นสายตาที่คุ้นเคยจากรถคันที่จอดอยู่ข้างๆ

ซินเจียหยุดชะงักไปชั่วครู่  เธอจ้องอยู่ประมาณสองถึงสามวินาทีได้  ก่อนจะค่อยๆหันไปมองที่รถ

เธอยังไม่ได้ปิดกระจกขึ้น  ดังนั้นจึงทำให้เธอมองเห็นกู่หยูเซิงที่กำลังนั่งอยู่ตรงที่นั่งคนขับได้อย่างชัดเจน  มือนึงที่กำลังคีบบุหรี่ไว้  ในขณะที่อีกมือประคองพวงมาลัย

รูปหน้าของเขาช่างดูงดงามอย่างไร้ที่ติ  โดยเฉพาะเมื่อยามแสงอาทิตย์สาดส่องผ่านหน้าต่างไปตกกระทบกับผิวขาวเนียนของเขา  มันช่างดูละมุนละไม  ยิ่งเมื่อรวมกับแสงสีแดงริบหรี่ที่ปลายนิ้ว  ยิ่งทำให้ภาพตรงหน้านี้งดงามราวกับภาพวาดในการ์ตูนมังงะเรื่องโปรดที่เธอชอบอ่านตอนเด็กๆ

ซินเจียลืมแม้กระทั่งที่จะปิดกระจกขึ้น  เธอได้แต่เหม่อมองกู่หยูเซิงอยู่อย่างนั้น  ไม่รู้ว่านานแค่ไหน…

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด