บทที่ 8 : ผมจะดูแลคุณอย่างดี (3)
บทที่ 8 : ผมจะดูแลคุณอย่างดี3)
ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่บีบหัวใจสำหรับซินเจียมากอยู่เหมือนกัน ที่ต้องมารับรู้ว่าผู้ชายที่ตัวเองรักกำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น
เธอแทบจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ข้อเสนอที่ได้มาในตอนแรกก็ถือว่าน่าสนใจมากแล้ว ยิ่งพอมีข้อเสนอเรื่องที่เธอจะต้องแต่งงานกับผู้ชายที่เธอรักเพิ่มเข้า ก็ยิ่งทำให้ข้อเสนอน่าดึงดูดใจเพิ่มเข้าไปอีก
หลังจากตกลงทำสัญญากันเรียบร้อยแล้ว ซินเจียและเหลียงดูโขว่ก็เริ่มทำตามแผนที่วางไว้ในเช้าวันรุ่งขึ้นซินเจียเดินทางไปเข้าเรียนคลาสที่ทางบริษัทจัดหาไว้ให้ ซึ่งเป็นคลาสเกี่ยวกับการเลียนแบบเสียง เพื่อให้เสียงของเธอเหมือนกับเสียงของเหลียงดูโขว่ให้มากที่สุด และเมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้ว เหลียงดูโขว่ก็แอบบินไปรักษาตัวที่เมืองนอกอย่างเงียบๆ ส่วนซินเจียเองก็เริ่มย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านของกู่หยูเซิงแทนเหลียงดูโขว่
เมื่อพูดถึงเรื่องความสัมพันธ์ของกู่หยูเซิงกับเหลียงดูโขว่ ซินเจียเองก็ไม่ได้รู้เรื่องราวเกี่ยวกับพวกเขามากนัก จนกระทั่งเธอย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านของกู่หยูเซิง ถึงได้รับรู้เรื่องราวจากแม่บ้านและผู้ช่วยที่ทำงานในคฤหาสน์กู่ว่าปู่ของเหลียงดูโขว่และนายผู้เฒ่ากู่เป็นพี่น้องร่วมสาบานกันตั้งแต่สมัยที่เป็นทหารอยู่ในกองทัพด้วยกัน และปู่ของเหลียงดูโขว่ได้เคยช่วยชีวิตนายผู้เฒ่ากู่ไว้ตอนช่วงสงคราม ด้วยเหตุนี้นายผู้เฒ่ากู่จึงรักและเอ็นดูเหลียงดูโขว่มากเรียกได้ว่าแทบจะรักมากกว่าหลานชายแท้ๆของเขาอย่างกู่หยูเซิงซะอีก
แต่อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่านี่จะเป็นเพียงรักข้างเดียวของเหลียงดูโขว่
และด้วยความช่วยเหลือของนายผู้เฒ่ากู่ทำให้เหลียงดูโขว่มีโอกาสใกล้ชิดกับกู่หยูเซิงมากขึ้น กู่หยูเซิงเองก็ไม่รู้ว่าเธอไปทำอีท่าไหน ปู่ของเขาถึงได้ชื่นชอบเธอมากขนาดนั้นมากจนกระทั่งบังคับและเร่งรัดให้ทั้งคู่แต่งงานกันให้เรียบร้อยภายในปลายปี
เมื่อตอนที่เหลียงดูโขว่พูดกับให้ซินเจีย เธอก็ได้ยื่นคำขาดกับเธอว่า ให้เธอทำยังไงก็ได้เพื่อรักษาตำแหน่งนายหญิงน้อยของตระกูลกู่ไว้ถ้าหากเธอทำอะไรผิดพลาดจนทำให้การแต่งงานในครั้งนี้พังลง เธอจะไม่ได้รับค่าจ้างแม้แต่สตางค์แดงเดียว
ซินเจียคิดว่ามันคงเป็นเรื่องยากสำหรับเหลียงดูโขว่ ถ้าจะต้องตัดสินใจพักงานในวงการบันเทิงและไปรักษาตัวในตอนที่เธอกำลังได้ความนิยมมากขนาดนี้ อีกทั้งการได้แต่งงานกับกู่หยูเซิงอีก เธอคงไม่ต้องการจะเสียมันไปสักอย่างจนจำเป็นต้องใช้ตัวแทนชั่วคราวอย่างเธอระหว่างที่เธอไปแอบไปพักรักษาตัว
ก่อนหน้าที่กู่หยูเซิงและซินเจียจะพบกันที่บ้าน เธอไม่เคยคาดคิดเลยว่าวันหนึ่งเธอจะมีโอกาสได้ย้ายเข้ามาอยู่กับเขาอีกครั้ง และเธอเองก็แอบดีใจเล็กๆที่เขาไม่ได้รักผู้หญิงที่เขาต้องแต่งงานด้วย
ย้อนกลับไปเธอเคยจินตนาการว่าเธอจะเป็นดั่งซินเดอเรลล่าในเทพนิยาย ที่ได้สวมรองเท้าแก้ว และเต้นรำกับเจ้าชายรูปงามอย่างมีความสุข ก่อนจะถึงเวลาสิบสองนาฬิกา เธอวาดฝันถึงความรักสุดแสนโรแมนติกมาตลอด
การที่ได้รักเขามาหลายปี ยิ่งทำให้เธอมีความหวังและวาดฝันแม้เธอจะรู้ว่าในท้ายที่สุดเธอก็ต้องตื่นขึ้นมาอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง
จนกระทั่งทุกอย่างมันพังลงในคืนนั้น คืนที่เขาบังคับขืนใจเธออย่างทารุณพอวันต่อมาก็สั่งให้พ่อบ้านเอายาคุมให้เธอกินอย่างไม่ละอาย
เธอพยายามปลอบตัวเองว่าการที่เขากระทำอะไรที่โหดร้ายป่าเถื่อนแบบนั้น เขาแค่ต้องการที่จะทำต่อเหลียงดูโขว่ตัวจริงเท่านั้น
ท้ายที่สุดแล้วเรื่องพวกนี้มันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเธอเลย เพราะเธอเป็นแค่ตัวแทนชั่วคราวที่รับค่าจ้างมาแสดงบทบาทนี้เท่านั้น ไม่มีเหตุผลอะไรที่เธอต้องมาเสียใจกับเรื่องพวกนี้
แม้เธอจะบอกตัวเองแบบนั้น แต่เธอก็ยังอดคิดไม่ได้ เพราะซินเจียเป็นคนที่ได้รับการกระทำที่โหดร้ายป่าเถื่อนเหล่านั้น ทั้งคำพูดหยาบคาย คำพูดเสียดสี การดูหมิ่นเหยียดหยาม หรือแม้กระทั่งเรื่องอัปยศที่เขาทำกับเธอบนเตียง ทั้งหมดที่เธอได้รับมันเลวร้ายจนเกินจะทนไหวไม่มีใครชอบถูกทำให้อับอายและไม่ต้องพูดถึงว่าสิ่งเหล่านั้นมาจากชายที่เธอรักสุดหัวใจ มันยิ่งทำให้เธอเจ็บปวดเป็นเท่าทวี
……………………………………………..
เสียงฟ้าร้องคำรามอยู่นอกหน้าต่างดึงให้ซินเจียหลุดออกจากภวังค์และกลับมาสู่ความเป็นจริง
เธออยู่ในโลกความคิดนานเสียจนผมของเธอเกือบจะแห้ง
ซินเจียเก็บอารมณ์เศร้าเสียใจทั้งหมดลงไปในส่วนลึก และปรับอารมณ์ให้กลับมาเป็นปกติ ก่อนเธอจะเป่าผมต่อจนแห้งและเข้านอน
ก่อนที่เธอจะเข้าไปอาบน้ำสภาพอากาศก็ยังเงียบสงบดีอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับมีพายุฝนฟ้าคะนองซะแล้ว
เธอไม่สามารถนอนหลับได้ทันที อาจจะเป็นเพราะคืนนี้กู่หยูเซิงกลับมาและมีเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมาย เธอนอนมองหยดน้ำฝนที่ไหลลงที่หน้าต่างอย่างช้าๆ เธอนอนมองเหม่ออยู่อย่างนั้น ก่อนจะเข้าสู่ห้วงแห่งความฝันในที่สุด
คืนนั้นที่กู่หยูเซิงปฏิบัติต่อเธออย่างโหดร้ายป่าเถื่อน เธอก็ลุกจากเตียงไม่ได้ไปตั้งหลายวัน แล้วรอบนี้ล่ะ…
แล้วก็เป็นไปตามคาดเธอแทบจะไม่ลุกไปไหนเลยตลอดสองวันที่ผ่านมา แต่ยังถือว่าเป็นโชคดีของเธอที่เหลียงดูโขว่ไม่ได้มีงานต้องออกไปโชว์ตัวที่ไหน ทำให้เธอมีเวลาพักผ่อนอยู่ที่บ้าน หลังจากเหตุการณ์ในคืนนั้นก็เป็นเหมือนอย่างเคย กู่หยูเซิงไม่เคยกลับมาบ้านอีกเลย จนตอนนี้ก็ผ่านมาประมาณหนึ่งสัปดาห์แล้ว
มีเพียงกู่หยูเซิงผู้เป็นเจ้าของบ้านและคนที่คฤหาสน์กู่เท่านั้น ที่รู้จักเบอร์โทรของบ้านหลังนี้ เขาทำให้ราวกับว่ามีโทรศัพท์ไว้เป็นเครื่องประดับเท่านั้น เพราะตั้งแต่เธอย้ายมาอยู่ที่นี่เธอแทบจะไม่เคยได้ยินเสียงโทรศัพท์บ้านเลย
บ่ายวันหนึ่ง จู่ๆ โทรศัพท์บ้านก็ดังขึ้นขณะที่พ่อบ้านกำลังชงชาอยู่ในครัว ส่วนซินเจียซึ่งกำลังนั่งดูทีวีอยู่ในห้องนั่งเล่นอยู่แล้ว เมื่อได้ยินเสียงเธอจึงเดินไปกดรับแทนโดยอัตโนมัติ โดยที่ไม่ได้ดูหมายเลขที่โทรเข้ามา เธอคิดว่าคงจะเป็นสายจากคฤหาสน์กู่
โทรศัพท์ยังไม่ทันจะแนบหูดี เธอก็ได้ยินคำสั่งสั้นๆด้วยเสียงเข้มๆว่า “บอกให้เธอเตรียมตัวให้พร้อม ฉันจะเข้าไปรับเธอตอนหกโมงเย็นนี้”
มันคือเสียงของกู่หยูเซิง “………….”
ตัวของซินเจียแข็งทื่อราวกับโดนแช่แข็งเมื่อได้ยินเสียงของเขา ‘เขาอาจจะคิดว่าพ่อบ้านเป็นคนรับสาย คำว่า ‘เธอ’ ที่เขาพูดคงจะหมายถึงฉันใช่ไหม?’
ก่อนที่เธอจะตัดสินว่าควรจะตอบกลับเขาเอง หรือควรจะเอาโทรศัพท์ไปให้พ่อบ้านที่อยู่ในครัวคุยกับเขาแทน และเหมือนว่ากู่หยูเซิงจะสังเกตได้ถึงความผิดปกติ ก่อนเขาจะพูดขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด“ทำไมเธอถึงเป็นคนรับสาย?”
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ให้โอกาสเธอในการตอบคำถาม “มันเป็นคำสั่งของคุณปู่ คืนนี้เธอต้องไปเข้าร่วมงานเลี้ยงการกุศลของโรงแรมที่ปักกิ่ง!”
ตอนที่เขาพูดเขาจงใจเน้นคำว่า ‘คุณปู่’ เป็นพิเศษแม้ว่าเขาจะไม่ได้อธิบายอะไรต่อ แต่เธอก็เข้าใจความหมายโดยนัยของเขาได้ทันที เขาคงคิดว่าเป็นเพราะเธอไปพูดกับคุณปู่ เลยทำให้ท่านบังคับให้เขาพาเธอไปร่วมงานเลี้ยงการกุศลในครั้งนี้....
เหมือนกับเขาจะรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เขาก็พูดต่อในทันที “การแสดงของเธอนี่มันช่างยอดเยี่ยมและเหมาะเจาะเสียจริง ฉันพึ่งจะกลับมาจากไปดูงานต่างประเทศคุณปู่ก็โทรเข้ามาทันที หึๆ......”
เขาหัวเราะเบาๆ และแม้ว่าจะเป็นเพียงเสียงที่ลอดผ่านโทรศัพท์มา แต่ซินเจียก็สามารถรับรู้ได้ถึงความเย้ยหยันในน้ำเสียงของเขาได้อย่างชัดเจน
หลังจากพูดจบเขาก็วางสายไปอย่างรวดเร็ว
ไม่แปลกใจเลยว่าสัปดาห์นี้ทำไมถึงไม่มีโทรศัพท์จากคฤหาสน์ตระกูลกู่ นั่นก็เพราะกู่หยูเซิงไปดูงานที่ต่างประเทศนี่เอง... พอเขากลับมาคุณปู่ทราบเข้า ก็เลยพยายามจะหาโอกาสให้พวกเขาทั้งสองคนได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันน่ะสิ
ซินเจียรู้ว่าคุณปู่ท่านหวังดีแต่ก็เพราะความเมตตาของคุณปู่นี้แหล่ะที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เธอต้องพบกับความทุกข์ทรมานครั้งแล้วครั้งเล่า!
ฝันร้ายเมื่อตอนสัปดาห์ที่แล้ว มันยังทำให้เธอฝังใจแล้วก็หวาดกลัวอยู่เลยแล้วถ้าคืนนี้เธอต้องไปเจอกับกู่หยูเซิงอีก เธอไม่รู้เลยว่าเขาจะหาวิธีอะไรมาทรมานเธออีก
สองครั้งแรกมันเกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้เธอไม่สามารถที่จะควบคุมหรือหลีกเลี่ยงมันได้ แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป เธอรู้ตัวล่วงหน้า ในเมื่อถ้าเธอไปงานเลี้ยงกับเขาคืนนี้แล้วจะต้องโดนเขาทรมานเธอแน่ๆ เธอก็แค่ต้องไม่เอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงสิ…….
ซินเจียค่อยๆนั่งคิดไตร่ตรองเรื่องนี้อย่างใจเย็น ก่อนเธอจะมองออกไปดูแสงแดดยามบ่ายที่นอกหน้าต่าง แล้วจู่ๆ คำพูดของกู่หยูเซิงที่เพิ่งจะพูดกับเธอทางโทรศัพท์เมื่อกี้ก็เข้ามาโสตประสาท ‘ดูงานต่างประเทศ’ ใช่…เธอพอจะคิดออกบ้างแล้ว เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอก็รีบคว้าโทรศัพท์แล้วต่อสายไปที่คฤหาสน์ตระกูลกู่ทันที