ตอนที่แล้วบทที่ 6 : ผมจะดูแลคุณอย่างดี (1)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 8 : ผมจะดูแลคุณอย่างดี (3)

บทที่ 7 : ผมจะดูแลคุณอย่างดี (2)


บทที่ 7 : ผมจะดูแลคุณอย่างดี2)

 

 

ซินเจียรู้อยู่แล้วว่าคนที่บอกให้คุณปู่ทราบเรื่องของกู่หยูเซิงคือพ่อบ้าน   แต่นั่นมันก็ไม่ใช่ความผิดของเขาคุณปู่ไม่ใช่เด็กเล็กที่จะสามารถหลอกได้ง่ายๆด้วยแค่ละครฉากเดียวของเธอ   ท่านคงเห็นความผิดปกติบางอย่างแล้วก็ไปซักถามกับพ่อบ้านต่อเป็นการส่วนตัวแน่ๆ  และเธอเองก็เชื่อว่าถึงแม้พ่อบ้านจะพยายามปกปิดแค่ไหนก็คงไม่สามารถที่จะต้านทานอำนาจของคุณปู่ได้แน่

“เรื่องมันผ่านไปแล้วช่างมันเถอะค่ะ   คุณไม่จำเป็นต้องพูดถึงเรื่องนี้อีกนี้ก็ดึกมากแล้วคุณไปพักผ่อนเถอะ”

“คุณ...... คุณก็ควรรีบพักผ่อนไวๆนะครับ”  พ่อบ้านพูดด้วยเสียงสั่นๆก่อนจะเงียบไปสักพัก  และพูดขึ้นมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่ยังรู้สึกผิดอยู่  “ผมขอโทษจริงๆครับ”

ซินเจียนิ่งเงียบไม่ได้ตอบอะไรพ่อบ้านกลับไปอีก  ส่วนพ่อบ้านเองก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ

และไม่กี่นาทีต่อจากนั้นเธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของเขาเริ่มเดินห่างออกไป

ก่อนบริเวณชั้นสองของบ้านจะก็กลับมาเงียบสงบตามเดิม

ซินเจียรู้สึกเหนื่อยล้ามาก  เธอพยายามข่มตานอนแต่ก็นอนไม่หลับ  เธอค่อยๆดึงผ้าห่มที่ร่นอยู่ข้อเท้าขึ้นกอดและนอนเหม่ออยู่แบบนั้นสักพักก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงและเดินตรงไปยังห้องน้ำ

ทุกๆย่างก้าวที่เดินเธอรู้สึกราวกับว่าร่างกายจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ  กว่าจะเดินไปถึงห้องน้ำเธอก็แทบจะเป็นลมล้มพับลงไป

ตอนที่กู่หยูเซิงเข้ามาอาบน้ำเขาคงจะไม่ได้ใช้อ่างอาบน้ำ  เพราะสภาพของทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมเหมือนดังก่อนที่กู่หยูเซิงจะเข้ามาน้ำร้อนจากก๊อกที่เธอเปิดไว้ก่อนหน้ายังคงไหลอยู่อย่างนั้นจนเอ่อล้นออกมาจากขอบอ่างทั่วทั้งห้องน้ำเริ่มอบอวลไปด้วยไอร้อน

ซินเจียเดินไปปิดก๊อกน้ำก่อนจะค่อยๆหย่อนตัวลงไปในอ่างอาบน้ำอย่างช้าๆเ  ธอเริ่มชโลมสบู่ไปตามร่างกายเพื่อทำความสะอาดอย่างยากลำบาก  แล้วก็แช่ตัวอยู่อย่างนั้นครู่ใหญ่เพื่อบรรเทาความเจ็บปวด  และความเมื่อยล้าจนกระทั่งเมื่อน้ำในอ่างเริ่มเย็นเธอถึงค่อยๆลุกขึ้นจากอ่าง

เธอเช็ดผมให้พอหมาดๆด้วยผ้าเช็ดตัว  ก่อนจะสวมเสื้อคลุมอาบน้ำและเดินออกไปเอาไดร์เป่าผมที่อยู่ในห้อง  เธอเดินกลับเข้ามาในห้องน้ำอีกครั้งพร้อมไดร์เป่าผม   ซินเจียยืนจ้องมองใบหน้าที่สะอาดหมดจดของตัวเองในกระจกพลางครุ่นคิดถึงคำพูดของกู่หยูเซิง  “เหลียงดูโขว่อย่าหาว่าฉันไม่เตือน!  ถ้ายังมีครั้งต่อไปอีกเธอจะไม่โชคดีเหมือนครั้งนี้แน่   ฉันยังมีอีกหลายวิธีที่จะดูแลเธอถ้าไม่เชื่อก็ลองดู!”

เธอหมกมุ่นอยู่กับความคิดของตัวเองครู่หนึ่งจนลืมแม้กระทั่งเป่าผมให้แห้ง

----

เธอคือซินเจีย  แต่ในสายตาของทุกคนๆตอนนี้เธอคือเหลียงดูโข่วที่มีชื่อเสียง

เหลียงดูโข่วเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงมากจากละครแนวแฟนตาซีโบราณเรื่องหนึ่ง  เธอโด่งดังภายในชั่วข้ามคืนหลังจากที่ละครเรื่องนั้นเริ่มออนแอร์  เรียกได้ว่าแทบไม่มีใครในประเทศจีนที่ไม่รู้จักเธอ

ตรงกันข้าม  ซินเจียนั้นเธอเป็นเพียงแค่ผู้หญิงธรรมดาๆคนหนึ่งที่ไม่ได้มีชื่อเสียงอะไร  แต่ด้วยว่าเธอดันมีรูปร่างหน้าตาที่ไปละหม้ายคล้ายคลึงกับเหลียงดูโข่วมาก   จึงทำให้เธอได้รับการคัดเลือกจากผู้จัดการของเหลียงดูโข่วให้ไปทำหน้าที่เป็นแสตนอินให้เหลียงดูโข่ว

เหลียงดูโข่วเป็นคนที่ค่อนข้างถือตัวและเข้าถึงยาก   สำหรับเธอแล้วซินเจียแทบจะไม่เคยมีตัวตนอะไรเลย  เธอเป็นเหมือนมนุษย์ล่องหนที่ไม่ได้มีค่าอะไรให้พูดถึง  และแม้ว่าซินเจียจะเป็นแสตนอินให้เหลียงดูโข่วมานานนับปีแล้วแต่เขาทั้งคู่พูดกันแทบจะนับคำได้

แต่เหมือนพระเจ้าคงเห็นว่าชีวิตของเหลียงดูโข่วราบรื่นจนเกินไป  จึงได้ตัดสินใจส่งแบบทดสอบครั้งใหญ่มาให้กับเธอเมื่อราวๆหนึ่งเดือนก่อนเหลียงดูโข่วก็ตรวจพบว่าเธอมีเนื้องอกอยู่ตรงช่วงอก

ใช่...เธอเป็นมะเร็ง   แต่เนื้อร้ายยังไม่ได้ลุกลามไปมากนัก  แพทย์วินิจฉัยและลงความเห็นว่ายังพอที่จะรักษาให้หายขาดได้ด้วยการผ่าตัด  แต่การพักฟื้นเพื่อให้ร่างกายกลับมาแข็งแรงตามเดิมต้องใช้เวลาพอสมควร

แทบไม่ต้องนึกเลยว่าเหลียงดูโข่วที่กำลังโด่งดังอย่างมากจะช็อกแค่ไหนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบไม่คาดฝันนี้

วงการบันเทิงนั้นก็เปรียบเสมือนสังเวียนดีๆนี้เอง  สนามที่มักจะมีดาราหน้าใหม่ๆผุดขึ้นมาประชันกันอยู่เสมอ  เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรการันตีได้เลยว่าถ้าเธอเลือกที่จะไปพักรักษาตัวซึ่งอาจจะใช้เวลาเป็นปีๆ  และเมื่อกลับมาแล้วเธอยังจะได้กลับไปยืนอยู่ตรงจุดเดิม

หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้วเหลียงดูโข่วตัดสินใจที่จะใช้นักแสดงแทนอย่างซินเจีย   แต่ถ้าจะว่ากันจริงๆแล้วความคิดเรื่องนี้ไม่ได้มาจากเหลียงดูโข่วซะทีเดียว   จริงๆแล้วมันเป็นความคิดที่มาจากผู้จัดการส่วนตัวของเธอ

เบื้องหลังความสำเร็จของเหลียงดูโข่วแน่นอนว่ามาจากผู้จัดการส่วนตัวและบริษัทของเธอที่ทุ่มเม็ดเงินจำนวนมหาศาล   เพื่อปั้นเธอให้โด่งดังและในเมื่อตอนนี้เธอมีชื่อเสียงแล้วก็ถึงเวลาที่บริษัทจะใช้เธอกอบโกยรายได้เข้าบริษัท   แต่ทว่าจู่ๆเธอก็มาล้มป่วยกะทันหัน ทางบริษัทจึงไม่สามารถที่จะนิ่งเฉยได้  พวกเขาต้องทำทุกวิธีทางเพื่อให้ไม่เสียผลประโยชน์

ยิ่งไปกว่านั้นเหลียงดูโข่วเองก็พึ่งจะเซ็นสัญญารับแสดงละครเรื่องหนึ่ง  ซึ่งมีราคาค่าตัวกว่า100 ล้านหยวนไป

ในความเป็นจริง  แม้ว่าซินเจียและเหลียงดูโข่วจะดูคล้ายคลึงกันมากแต่ถ้าหากเช็ดเครื่องสำอางออกและลองพิจารณาดีๆแล้ว  ก็จะสามารถแยกแยะได้ไม่ยากว่า  ทั้งคู่เป็นคนละคนกัน

แต่ถ้ามองผ่านหน้าจอก็แทบจะแยกไม่ออกเลยว่าใครเป็นใคร  อาจเป็นเพราะบรรดาเครื่องสำอางที่แต่งแต้มลงไป  เทียบได้เหมือนกับการทำศัลยกรรมความงามทำให้ใบหน้าของซินเจียและเหลียงดูโข่วยิ่งดูเหมือนกันอย่างกับแกะ

โดยเฉพาะจมูกและริมฝีปากที่จะเหมือนกันมากเป็นพิเศษเรียกได้ว่าเหมือนยังกับเป็นคนๆเดียวกัน  บางครั้งเมื่อพวกเธอแต่งหน้าเสร็จแล้ว  ซินเจียเองก็ยังแทบจะแยกไม่ออกเลยว่าใครเป็นใคร

แต่อย่างน้อยก็มีสิ่งที่แตกต่างกันระหว่างซินเจียกับเหลียงดูโข่วนั่นก็คือดวงตา    ซินเจียนั้นมีตาสองชั้นที่สวยตามธรรมชาติส่วนตาของเหลียงดูโขว่นั้นสวยมาจากการทำศัลยกรรมดังนั้นมันจึงไม่ได้เปล่งประกายสวยงามเท่าของซินเจีย

แต่นั่นก็ถือว่าเป็นโชคดีที่ส่วนที่ต่างกันมีแค่ดวงตาเท่านั้น  เพราะเมื่อแต่งหน้าเข้าไปแล้วก็แทบจะสังเกตไม่เห็นความแตกต่างเลย  และอาจจะด้วยเหตุนี้ด้วยเหมือนกัน  เลยไม่มีใครเอ๊ะใจอะไรเลยเมื่อเธอต้องมาอยู่ใต้เงาของเหลียงดูโข่ว

ในตอนแรกที่ผู้จัดการของเหลียงดูโข่วยื่นข้อเสนอเรื่องนี้ให้กับเธอ  เธอคร้านหัวชนฝาแต่ต่อมาจู่ๆเธอก็ยอมรับข้อเสนอขึ้นมาซะดื้อๆ  ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร ก่อนเธอจะขอคุยเป็นการส่วนตัวกับซินเจีย

ไม่ได้มีใครอยากจะใช้ชีวิตอยู่ใต้เงาของคนอื่น   ซินเจียเองก็เหมือนกันแต่เธอไม่มีทางเลือกและเหตุผลข้อเดียวที่เธอยอมรับงานนี้ก็เพราะเธอจำเป็นต้องใช้เงิน

บางคนอาจจะมองว่านี่เป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้น  แต่ก็นั้นแหล่ะทุกคนบนโลกใบนี้ก็ล้วนแต่จำเป็นต้องใช้เงินกันทั้งนั้น  ซินเจียเองก็แค่เป็นหนึ่งในนั้นถ้าเธอไม่ทำเธอก็จะไม่มีโอกาสได้เรียนต่อมหาวิทยาลัยอีก  และที่สำคัญเธอก็คงต้องไปรับทำงานเสี่ยงตายอย่างการเป็นสตั๊นท์แมนแทน  ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจรับงานนี้

ย้อนไปเมื่อสองปีก่อนพ่อของเธอติดการพนันอย่างหนัก   เขาเอาทรัพย์สินของมีค่าทั้งหมดไปจำนำเพื่อเล่นพนัน  และสุดท้ายเขาก็ตายบนโต๊ะพนัน พร้อมกับทิ้งหนี้สินจำนวนมากไว้ให้ครอบครัว

ทั้งเธอแม่และน้องชายไม่เคยมีชีวิตที่สงบสุขอีกเลยนับตั้งแต่วันนั้น  เพราะต้องถูกตามรังควาญจากบรรดาเจ้าหนี้ในฐานะลูกสาวคนโตเธอจึงจำใจที่จะต้องลาออกจากโรงเรียนเพื่อออกมาทำงานหาเงินใช้หนี้

ก่อนที่เหลียงดูโขว่จะติดต่อขอพบกับซินเจีย  เธอก็ได้ไปสืบเรื่องราวครอบของซินเจียมาบ้างแล้ว

คำแรกที่เหลียงดูโข่วพูดเมื่อพบหน้าซินเจียคือ  “ฉันสามารถจ่ายหนี้ทั้งหมดที่ครอบครัวของคุณเป็นอยู่ตอนนี้ได้  แต่ต้องแลกกับการที่คุณต้องทำอะไรให้ฉันอย่างหนึ่ง   ซึ่งมันเป็นเรื่องที่นอกเหนือจากสิ่งที่ผู้จัดการส่วนตัวของฉันสั่งให้คุณทำ  ฉันต้องการให้คุณแต่งงานแทนฉัน”

เงื่อนไขของเหลียงดูโขว่ช่างน่าดึงดูดใจ  เพราะนั้นมันจะทำให้เธอและครอบครัวเป็นอิสระจากเจ้าหนี้ทั้งหมดในทันที

หลังจากเหลียงดูโข่วพูดจบเธอก็ยื่นรูปถ่ายใบหนึ่งให้ซินเจีย  “คนที่คุณจะต้องแต่งงานด้วยกู่หยูเซิงผู้สืบทอดเพียงคนเดียวของกู่เอนเตอร์ไพรส์”

กู่หยูเซิง..............

กู่หยูเซิง  คนที่เธอต้องการที่จะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ด้วยตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ

เมื่อสองปีก่อน  เขาและเธอกันโดยบังเอิญในวันหนึ่งเธอหันไปถามเขาด้วยน้ำร้อนรนว่า  ทำไมในวันนั้นเมื่อปีก่อนเขาถึงไม่ไปพบเธอในวันนัดเดทของเรา  เขามองหน้าเธอด้วยความสงสัยก่อนจะหันไปถามคนข้างๆว่า  เธอคือใคร?  ใช่...เขาจำเธอไม่ได้

กู่หยูเซิงผู้ชายที่เธอไม่คาดคิดว่าในชีวิตนี้จะได้กลับมาพบกับเขาอีก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด