บทที่ 7 : ผมจะดูแลคุณอย่างดี (2)
บทที่ 7 : ผมจะดูแลคุณอย่างดี2)
ซินเจียรู้อยู่แล้วว่าคนที่บอกให้คุณปู่ทราบเรื่องของกู่หยูเซิงคือพ่อบ้าน แต่นั่นมันก็ไม่ใช่ความผิดของเขาคุณปู่ไม่ใช่เด็กเล็กที่จะสามารถหลอกได้ง่ายๆด้วยแค่ละครฉากเดียวของเธอ ท่านคงเห็นความผิดปกติบางอย่างแล้วก็ไปซักถามกับพ่อบ้านต่อเป็นการส่วนตัวแน่ๆ และเธอเองก็เชื่อว่าถึงแม้พ่อบ้านจะพยายามปกปิดแค่ไหนก็คงไม่สามารถที่จะต้านทานอำนาจของคุณปู่ได้แน่
“เรื่องมันผ่านไปแล้วช่างมันเถอะค่ะ คุณไม่จำเป็นต้องพูดถึงเรื่องนี้อีกนี้ก็ดึกมากแล้วคุณไปพักผ่อนเถอะ”
“คุณ...... คุณก็ควรรีบพักผ่อนไวๆนะครับ” พ่อบ้านพูดด้วยเสียงสั่นๆก่อนจะเงียบไปสักพัก และพูดขึ้นมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่ยังรู้สึกผิดอยู่ “ผมขอโทษจริงๆครับ”
ซินเจียนิ่งเงียบไม่ได้ตอบอะไรพ่อบ้านกลับไปอีก ส่วนพ่อบ้านเองก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
และไม่กี่นาทีต่อจากนั้นเธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของเขาเริ่มเดินห่างออกไป
ก่อนบริเวณชั้นสองของบ้านจะก็กลับมาเงียบสงบตามเดิม
ซินเจียรู้สึกเหนื่อยล้ามาก เธอพยายามข่มตานอนแต่ก็นอนไม่หลับ เธอค่อยๆดึงผ้าห่มที่ร่นอยู่ข้อเท้าขึ้นกอดและนอนเหม่ออยู่แบบนั้นสักพักก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงและเดินตรงไปยังห้องน้ำ
ทุกๆย่างก้าวที่เดินเธอรู้สึกราวกับว่าร่างกายจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ กว่าจะเดินไปถึงห้องน้ำเธอก็แทบจะเป็นลมล้มพับลงไป
ตอนที่กู่หยูเซิงเข้ามาอาบน้ำเขาคงจะไม่ได้ใช้อ่างอาบน้ำ เพราะสภาพของทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมเหมือนดังก่อนที่กู่หยูเซิงจะเข้ามาน้ำร้อนจากก๊อกที่เธอเปิดไว้ก่อนหน้ายังคงไหลอยู่อย่างนั้นจนเอ่อล้นออกมาจากขอบอ่างทั่วทั้งห้องน้ำเริ่มอบอวลไปด้วยไอร้อน
ซินเจียเดินไปปิดก๊อกน้ำก่อนจะค่อยๆหย่อนตัวลงไปในอ่างอาบน้ำอย่างช้าๆเ ธอเริ่มชโลมสบู่ไปตามร่างกายเพื่อทำความสะอาดอย่างยากลำบาก แล้วก็แช่ตัวอยู่อย่างนั้นครู่ใหญ่เพื่อบรรเทาความเจ็บปวด และความเมื่อยล้าจนกระทั่งเมื่อน้ำในอ่างเริ่มเย็นเธอถึงค่อยๆลุกขึ้นจากอ่าง
เธอเช็ดผมให้พอหมาดๆด้วยผ้าเช็ดตัว ก่อนจะสวมเสื้อคลุมอาบน้ำและเดินออกไปเอาไดร์เป่าผมที่อยู่ในห้อง เธอเดินกลับเข้ามาในห้องน้ำอีกครั้งพร้อมไดร์เป่าผม ซินเจียยืนจ้องมองใบหน้าที่สะอาดหมดจดของตัวเองในกระจกพลางครุ่นคิดถึงคำพูดของกู่หยูเซิง “เหลียงดูโขว่อย่าหาว่าฉันไม่เตือน! ถ้ายังมีครั้งต่อไปอีกเธอจะไม่โชคดีเหมือนครั้งนี้แน่ ฉันยังมีอีกหลายวิธีที่จะดูแลเธอถ้าไม่เชื่อก็ลองดู!”
เธอหมกมุ่นอยู่กับความคิดของตัวเองครู่หนึ่งจนลืมแม้กระทั่งเป่าผมให้แห้ง
----
เธอคือซินเจีย แต่ในสายตาของทุกคนๆตอนนี้เธอคือเหลียงดูโข่วที่มีชื่อเสียง
เหลียงดูโข่วเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงมากจากละครแนวแฟนตาซีโบราณเรื่องหนึ่ง เธอโด่งดังภายในชั่วข้ามคืนหลังจากที่ละครเรื่องนั้นเริ่มออนแอร์ เรียกได้ว่าแทบไม่มีใครในประเทศจีนที่ไม่รู้จักเธอ
ตรงกันข้าม ซินเจียนั้นเธอเป็นเพียงแค่ผู้หญิงธรรมดาๆคนหนึ่งที่ไม่ได้มีชื่อเสียงอะไร แต่ด้วยว่าเธอดันมีรูปร่างหน้าตาที่ไปละหม้ายคล้ายคลึงกับเหลียงดูโข่วมาก จึงทำให้เธอได้รับการคัดเลือกจากผู้จัดการของเหลียงดูโข่วให้ไปทำหน้าที่เป็นแสตนอินให้เหลียงดูโข่ว
เหลียงดูโข่วเป็นคนที่ค่อนข้างถือตัวและเข้าถึงยาก สำหรับเธอแล้วซินเจียแทบจะไม่เคยมีตัวตนอะไรเลย เธอเป็นเหมือนมนุษย์ล่องหนที่ไม่ได้มีค่าอะไรให้พูดถึง และแม้ว่าซินเจียจะเป็นแสตนอินให้เหลียงดูโข่วมานานนับปีแล้วแต่เขาทั้งคู่พูดกันแทบจะนับคำได้
แต่เหมือนพระเจ้าคงเห็นว่าชีวิตของเหลียงดูโข่วราบรื่นจนเกินไป จึงได้ตัดสินใจส่งแบบทดสอบครั้งใหญ่มาให้กับเธอเมื่อราวๆหนึ่งเดือนก่อนเหลียงดูโข่วก็ตรวจพบว่าเธอมีเนื้องอกอยู่ตรงช่วงอก
ใช่...เธอเป็นมะเร็ง แต่เนื้อร้ายยังไม่ได้ลุกลามไปมากนัก แพทย์วินิจฉัยและลงความเห็นว่ายังพอที่จะรักษาให้หายขาดได้ด้วยการผ่าตัด แต่การพักฟื้นเพื่อให้ร่างกายกลับมาแข็งแรงตามเดิมต้องใช้เวลาพอสมควร
แทบไม่ต้องนึกเลยว่าเหลียงดูโข่วที่กำลังโด่งดังอย่างมากจะช็อกแค่ไหนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบไม่คาดฝันนี้
วงการบันเทิงนั้นก็เปรียบเสมือนสังเวียนดีๆนี้เอง สนามที่มักจะมีดาราหน้าใหม่ๆผุดขึ้นมาประชันกันอยู่เสมอ เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรการันตีได้เลยว่าถ้าเธอเลือกที่จะไปพักรักษาตัวซึ่งอาจจะใช้เวลาเป็นปีๆ และเมื่อกลับมาแล้วเธอยังจะได้กลับไปยืนอยู่ตรงจุดเดิม
หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้วเหลียงดูโข่วตัดสินใจที่จะใช้นักแสดงแทนอย่างซินเจีย แต่ถ้าจะว่ากันจริงๆแล้วความคิดเรื่องนี้ไม่ได้มาจากเหลียงดูโข่วซะทีเดียว จริงๆแล้วมันเป็นความคิดที่มาจากผู้จัดการส่วนตัวของเธอ
เบื้องหลังความสำเร็จของเหลียงดูโข่วแน่นอนว่ามาจากผู้จัดการส่วนตัวและบริษัทของเธอที่ทุ่มเม็ดเงินจำนวนมหาศาล เพื่อปั้นเธอให้โด่งดังและในเมื่อตอนนี้เธอมีชื่อเสียงแล้วก็ถึงเวลาที่บริษัทจะใช้เธอกอบโกยรายได้เข้าบริษัท แต่ทว่าจู่ๆเธอก็มาล้มป่วยกะทันหัน ทางบริษัทจึงไม่สามารถที่จะนิ่งเฉยได้ พวกเขาต้องทำทุกวิธีทางเพื่อให้ไม่เสียผลประโยชน์
ยิ่งไปกว่านั้นเหลียงดูโข่วเองก็พึ่งจะเซ็นสัญญารับแสดงละครเรื่องหนึ่ง ซึ่งมีราคาค่าตัวกว่า100 ล้านหยวนไป
ในความเป็นจริง แม้ว่าซินเจียและเหลียงดูโข่วจะดูคล้ายคลึงกันมากแต่ถ้าหากเช็ดเครื่องสำอางออกและลองพิจารณาดีๆแล้ว ก็จะสามารถแยกแยะได้ไม่ยากว่า ทั้งคู่เป็นคนละคนกัน
แต่ถ้ามองผ่านหน้าจอก็แทบจะแยกไม่ออกเลยว่าใครเป็นใคร อาจเป็นเพราะบรรดาเครื่องสำอางที่แต่งแต้มลงไป เทียบได้เหมือนกับการทำศัลยกรรมความงามทำให้ใบหน้าของซินเจียและเหลียงดูโข่วยิ่งดูเหมือนกันอย่างกับแกะ
โดยเฉพาะจมูกและริมฝีปากที่จะเหมือนกันมากเป็นพิเศษเรียกได้ว่าเหมือนยังกับเป็นคนๆเดียวกัน บางครั้งเมื่อพวกเธอแต่งหน้าเสร็จแล้ว ซินเจียเองก็ยังแทบจะแยกไม่ออกเลยว่าใครเป็นใคร
แต่อย่างน้อยก็มีสิ่งที่แตกต่างกันระหว่างซินเจียกับเหลียงดูโข่วนั่นก็คือดวงตา ซินเจียนั้นมีตาสองชั้นที่สวยตามธรรมชาติส่วนตาของเหลียงดูโขว่นั้นสวยมาจากการทำศัลยกรรมดังนั้นมันจึงไม่ได้เปล่งประกายสวยงามเท่าของซินเจีย
แต่นั่นก็ถือว่าเป็นโชคดีที่ส่วนที่ต่างกันมีแค่ดวงตาเท่านั้น เพราะเมื่อแต่งหน้าเข้าไปแล้วก็แทบจะสังเกตไม่เห็นความแตกต่างเลย และอาจจะด้วยเหตุนี้ด้วยเหมือนกัน เลยไม่มีใครเอ๊ะใจอะไรเลยเมื่อเธอต้องมาอยู่ใต้เงาของเหลียงดูโข่ว
ในตอนแรกที่ผู้จัดการของเหลียงดูโข่วยื่นข้อเสนอเรื่องนี้ให้กับเธอ เธอคร้านหัวชนฝาแต่ต่อมาจู่ๆเธอก็ยอมรับข้อเสนอขึ้นมาซะดื้อๆ ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร ก่อนเธอจะขอคุยเป็นการส่วนตัวกับซินเจีย
ไม่ได้มีใครอยากจะใช้ชีวิตอยู่ใต้เงาของคนอื่น ซินเจียเองก็เหมือนกันแต่เธอไม่มีทางเลือกและเหตุผลข้อเดียวที่เธอยอมรับงานนี้ก็เพราะเธอจำเป็นต้องใช้เงิน
บางคนอาจจะมองว่านี่เป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้น แต่ก็นั้นแหล่ะทุกคนบนโลกใบนี้ก็ล้วนแต่จำเป็นต้องใช้เงินกันทั้งนั้น ซินเจียเองก็แค่เป็นหนึ่งในนั้นถ้าเธอไม่ทำเธอก็จะไม่มีโอกาสได้เรียนต่อมหาวิทยาลัยอีก และที่สำคัญเธอก็คงต้องไปรับทำงานเสี่ยงตายอย่างการเป็นสตั๊นท์แมนแทน ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจรับงานนี้
ย้อนไปเมื่อสองปีก่อนพ่อของเธอติดการพนันอย่างหนัก เขาเอาทรัพย์สินของมีค่าทั้งหมดไปจำนำเพื่อเล่นพนัน และสุดท้ายเขาก็ตายบนโต๊ะพนัน พร้อมกับทิ้งหนี้สินจำนวนมากไว้ให้ครอบครัว
ทั้งเธอแม่และน้องชายไม่เคยมีชีวิตที่สงบสุขอีกเลยนับตั้งแต่วันนั้น เพราะต้องถูกตามรังควาญจากบรรดาเจ้าหนี้ในฐานะลูกสาวคนโตเธอจึงจำใจที่จะต้องลาออกจากโรงเรียนเพื่อออกมาทำงานหาเงินใช้หนี้
ก่อนที่เหลียงดูโขว่จะติดต่อขอพบกับซินเจีย เธอก็ได้ไปสืบเรื่องราวครอบของซินเจียมาบ้างแล้ว
คำแรกที่เหลียงดูโข่วพูดเมื่อพบหน้าซินเจียคือ “ฉันสามารถจ่ายหนี้ทั้งหมดที่ครอบครัวของคุณเป็นอยู่ตอนนี้ได้ แต่ต้องแลกกับการที่คุณต้องทำอะไรให้ฉันอย่างหนึ่ง ซึ่งมันเป็นเรื่องที่นอกเหนือจากสิ่งที่ผู้จัดการส่วนตัวของฉันสั่งให้คุณทำ ฉันต้องการให้คุณแต่งงานแทนฉัน”
เงื่อนไขของเหลียงดูโขว่ช่างน่าดึงดูดใจ เพราะนั้นมันจะทำให้เธอและครอบครัวเป็นอิสระจากเจ้าหนี้ทั้งหมดในทันที
หลังจากเหลียงดูโข่วพูดจบเธอก็ยื่นรูปถ่ายใบหนึ่งให้ซินเจีย “คนที่คุณจะต้องแต่งงานด้วยกู่หยูเซิงผู้สืบทอดเพียงคนเดียวของกู่เอนเตอร์ไพรส์”
กู่หยูเซิง..............
กู่หยูเซิง คนที่เธอต้องการที่จะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ด้วยตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ
เมื่อสองปีก่อน เขาและเธอกันโดยบังเอิญในวันหนึ่งเธอหันไปถามเขาด้วยน้ำร้อนรนว่า ทำไมในวันนั้นเมื่อปีก่อนเขาถึงไม่ไปพบเธอในวันนัดเดทของเรา เขามองหน้าเธอด้วยความสงสัยก่อนจะหันไปถามคนข้างๆว่า เธอคือใคร? ใช่...เขาจำเธอไม่ได้
กู่หยูเซิงผู้ชายที่เธอไม่คาดคิดว่าในชีวิตนี้จะได้กลับมาพบกับเขาอีก