GOI ตอนที่ 75 โอกาสทางธุรกิจมาเคาะถึงหน้าประตู !
“แต่พวกเราไม่มีวิธีหาเงิน!”
หวู่จื๋อเอ่ยปัญหาอย่างตรงไปตรงมาไม่มีความคิดจะหลบเลี่ยง
“วิธีคือสิ่งที่คนเป็นผู้คิดค้น หากเจ้าพึ่งพาคนอื่นเมื่อเผชิญหน้ากับปัญหา เจ้าจะต่างอันใดกับขยะ? ห้องคนเถื่อนไม่สรรสร้างขยะ!”
ท่าทีของป๋ายเสี่ยวเฟยเด็ดเดี่ยว ถึงแม้วิธีหาเงินจะยังไม่ได้ถูกคิดขึ้นมาอย่างเป็นรูปธรรม
“เช่นนั้นเราจะทำตามแผนเดิมหรือ?”
ต้วนอีอีถามเสียงเบา โดยส่วนใหญ่นางจะนั่งอยู่มุมห้องและถึงแม้นางจะไม่ได้เขินอายแบบเมื่อก่อน เสียงของนางก็ยังไม่เปลี่ยนไป
แต่นางประสบความสำเร็จในความดึงความสนใจของทุกคน
แผนที่นางเอ่ยถึงเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ป๋ายเสี่ยวเฟยทำเมื่อเช้า ห้องพวกนั้นเป็นเพียงก้าวแรก แต่เป้าหมายที่แท้จริงของป๋ายเสี่ยวเฟยคือทั้งหมดของ ‘บริเวณสามัญชน’ !
ด้วยความขัดแย้งที่เขาประสบพบเจอ ป๋ายเสี่ยวเฟยค้นพบว่าผู้คนที่มาหาเรื่องเขาคือคนที่มีชื่อเสียงเป็นรากฐาน พูดอีกอย่างก็คือพวกเขาสามารถหาหลายคนหลายกลุ่มมาจัดการเขา
ยิ่งกว่านั้นสำหรับป๋ายเสี่ยวเฟยแล้ว เหตุการณ์เช่นนี้จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อหลบเลี่ยงการเป็นคนที่ถูกฝูงชนทุบตี เขาตัดสินใจจะเป็นฝ่ายทุบตีผู้อื่นด้วยฝูงชนแทน!
ก้าวแรกคือการหาลูกสมุน!
แต่ป๋ายเสี่ยวเฟยทำได้เพียงมีลูกสมุนเป็นศิษย์ใหม่ เขาจึงวางแผนที่น่าตื่นตะลึง
แผนที่จะสยบศิษย์ใหม่ทุกคนใน “บริเวณสามัญชน” ! และเขาถึงกับไม่ปล่อยให้พวกที่ถูกสถาบันรับเป็นศิษย์ผ่านไปหากมีโอกาส!
“แน่นอน เพราะสิ่งนี้จะช่วยเรื่องเงินได้!”
ขณะที่ป๋ายเสี่ยวเฟยเอ่ย เขาพลันนึกถึงสิ่งที่โม่ข่าและพวกได้บ่นกับเขาตอนเจอกันครั้งแรก
การกดขี่ข่มเหงของศิษย์พี่!
หากป๋ายเสี่ยวเฟยสามารถจัดการกับมันได้ ค่าคุ้มครองจาก 8000 คน ต่อให้เขารับแค่ครึ่งหนึ่งของเงินปกติ อย่างน้อยเขาก็จะมีถังที่เต็มไปด้วยทอง!
เมื่อมีเงินเข้ามาเกี่ยว ทุกคนพลันเต็มไปด้วยพลัง พวกเขาทั้งหมดลุกขึ้นยืน
“เช่นนั้นพวกเราจะรออันใดอยู่? เริ่มเลย!!!”
สือเฉินสมแล้วที่เป็นนักเชิดหุ่นสายพิฆาตเพราะความกระตือรือร้นของนางเมื่อจัดการกับอะไรบางอย่างไม่ใช่สิ่งที่คนอื่นในห้องคนเถื่อนเปรียบเทียบได้
“ไม่ต้องรีบ และพวกเราต้องยืนยันให้แน่ใจก่อนว่าพวกเรามีคุณสมบัติมากพอ! เป็นไปไม่ได้ที่จะทำแผนนี้ให้สำเร็จถ้าพวกเราจัดการแค่คนที่อยู่ในระดับเดียวกับเรา!”
ป๋ายเสี่ยวเฟยเอ่ย สายตาเจิดจรัสด้วยแสงจ้า
เป็นครั้งแรกที่เขาคาดหวังต่อการมาถึงของพวกศิษย์พี่โง่เขลาพวกนั้น!
ราวกับสวรรค์ได้ยินคำปรารถนาของเขา เมื่อป๋ายเสี่ยวเฟยและพวกเดินผ่านทางเข้าของบ้านร้อยรส มีสหายเก่าผู้หนึ่งวิ่งเข้ามาด้วยความตื่นเต้น
ป๋ายเย่!
“น้องเฟย!!!”
เพราะเหตุผลอันใดไม่ทราบ ป๋ายเย่ที่พ่ายแพ้ให้กับป๋ายเสี่ยวเฟยทำตัวราวกับคนในครอบครัวเดียวกันเมื่อเขาเห็นป๋ายเสี่ยวเฟย นี่ทำให้ป๋ายเสี่ยวเฟยเหม่อมองประหลาดใจอยู่บ้าง
“โอ้ พวกเจ้าทั้งหมดอยู่ที่นี่ด้วยหรือ? กินมาหรือยัง? ให้ข้าเลี้ยงถ้าพวกเจ้ายังไม่ได้กิน!”
ป๋ายเย่ลูบอกพลางเอ่ย สีหน้าเจ้าเล่ห์ปรากฎบนใบหน้าของเขา ศิษย์ห้องคนเถื่อนทุกคนมองเขาอย่างเหยียดหยาม
‘พวกเราเพิ่งออกมาจากบ้านร้อยรส เจ้าคิดว่าเรายังไม่ได้กิน?’
“ถ้าเจ้าเป็นคนเลี้ยง ข้าสามารถพิจารณาเรื่องนี้ได้”
ทั้งสีหน้าทั้งเสียงเต้นหัวใจของป๋ายเสี่ยวเฟยสงบราบเรียบเมื่อเอ่ยคำเหล่านี้ แตกต่างจากเสี่ยวเอ้อที่เห่าด้วยความตื่นเต้น และป๋ายเย่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาเหงื่อไหลออกมาทันที
‘สวรรค์! ใครจะไปเลี้ยงพวกเจ้าสองคนไหว!?’
“ไม่ต้อง ไม่ต้อง! กินเยอะเกินไปไม่ดีต่อร่างกาย...”
ป๋ายเย่ปาดเหงื่อเย็นเยียบจากหน้าผากก่อนจะรีบขัดขวางไม่ให้ป๋ายเสี่ยวเฟยเดินกลับเข้าไปในบ้านร้อยรส มิเช่นนั้นค่าอาหารการกินของเขาอีกหลายเดือนต้องหมดไปแน่...
“เจ้าคงไม่มาหาข้าหากไม่มีเรื่องจะเอ่ย พูดมา มีปัญหาอะไร? โม่ข่าจับเวลาไว้”
ป๋ายเสี่ยวเฟยเอ่ยเสียงเรียบ ส่วนป๋ายเย่ตะลึง
“จับเวลา?”
“ใช่ ทุกนาทีที่เจ้าทำให้ข้าเสียเวลาจะต้องจ่ายหินชิงหลัวสิบก้อน หากไม่ถึงนาทีก็ตีเป็นหนึ่งนาทีเช่นกัน”
ป๋ายเสี่ยวเฟยเผยรอยยิ้มน่ารังเกียจของพ่อค้าออกมา
“สิบหินชิงหลัวต่อนาที!? ทำไมเจ้าไม่ไปปล้นคนอื่นเล่า!?”
ป๋ายเย่โกรธเกรี้ยวขึ้นมาทันที ชี้นิ้วไปยังหน้าป๋ายเสี่ยวเฟย ก่อนที่เขาจะทันได้บันดาลโทสะ ใจเขาเย็นเยียบลงเมื่อสังเกตเห็นหลินหลี เขาทำได้เพียงมองป๋ายเสี่ยวเฟยด้วยสีหน้าเกลียดแค้นชิงชัง
“จะคิดว่าปล้นก็ตามใจ ยี่สิบวินาทีผ่านไปแล้ว”
ป๋ายเสี่ยวเฟยเอ่ยอย่างไม่เร่งรีบพลางนวดคอตัวเอง สีหน้าของเขามีคำว่า ‘เจ้าโดนแน่หากไม่จ่าย...’
“หลังจากนางกลับมา ฉินหลิงหยานบอกศิษย์ชายทุกคนที่รังควานนางว่าพวกเขาต้องได้รับการยินยอมจากป๋ายเสี่ยวเฟยก่อนหากทำไม่ได้ไม่ต้องมาหานาง มิเช่นนั้นนางจะไม่พิจารณาพวกเขาไม่ว่าพวกเขาจะโดดเด่นเพียงใด”
ป๋ายเย่เปลี่ยนร่างเป็นปืนกล พูดหลายอย่างในหนึ่งชั่วลมหายใจ
สีหน้าของศิษย์ห้องคนเถื่อนได้แต่สลดลง
‘ไม่ใช่ว่านางบอกว่าจะไม่หาเรื่องพวกเราแล้วหรอกหรือ?’
‘อะไรวะ!?’
‘กลับคำพูดไวปานนี้เชียว!?’
ทุกคนล้วนมีความคิด่างๆ นานาอยู่ในใจ มีเพียงป๋ายเสี่ยวเฟยที่เผยรอยยิ้มครึ่งวิต่อมา...
หากลองวิเคราะห์ดูดีๆ แล้ว คนพวกนั้นไม่ได้ต้องสั่งสอนป๋ายเสี่ยวเฟยแต่ต้องได้รับการยอมรับต่างหาก ซึ่งหมายความว่าป๋ายเสี่ยวเฟยสามารถกำหนดท่าทีของคนที่มาหาเขาได้!
เมื่อเขารับรู้ถึงแผนของฉินหลิงหยาน ไม่เพียงป๋ายเสี่ยวเฟยไม่โกรธ เขากลับยินดีอยู่ลึกๆ ในใจ
หมอนจะปรากฎให้กับผู้ที่ง่วงนอน และเส้นทางสู่การเงินจะเปิดขึ้นเมื่อมีใครคิดถึงมัน!
“เฮ้? ป๋ายเสี่ยวเฟย? เวลาที่เจ้าครุ่นคิดไม่นับใช่หรือไม่?”
ป๋ายเย่เป็นกังวลถึงขั้นกระทืบเท้า อย่างไรเสียเวลาคือหินชิงหลัวสำหรับเขา!!!
“ข้าจะไม่เก็บสักก้อนหากเจ้าจากไปตอนนี้”
ป๋ายเสี่ยวเฟยเอ่ยพลางมองไปยังป๋ายเย่
“เอาล่ะ! บอกข้า! ข้าต้องทำอย่างไรถึงเจ้าจะยอมรับข้า!”
ป๋ายเย่กัดฟันกรอดเผยความตั้งใจของเขาเพราะหินชิงหลัวสิบก้อนต่อหนึ่งนาทีก็ยังดีกว่าเลี้ยงอาหารป๋ายเสี่ยวเฟย!
“หาได้ยากที่ศิษย์พี่หญิงหลิงหยานจะเชื่อใจข้า ข้าจึงต้องคิดให้ดีๆ มาหาข้าอีกทีตอนค่ำ และข้าจะให้คำตอบ”
ป๋ายเสี่ยวเฟยพูดอย่างไม่เร่งรีบ ป๋ายเย่แทบจะระเบิดโทสะออกมา แต่เขาข่มกลั้นมันเอาไว้
‘บัดซบ! ข้าจะทำอะไรได้อีกในเมื่อข้าเอาชนะพวกมันไม่ได้!?’
“ก็ได้! เอาตามที่เจ้าบอก!”
ป๋ายเย่รีบหันหลังกลับเดินจากไป แต่เสียงของป๋ายเสี่ยวเฟยดังมาอย่างเหมาะเจาะ
“สองนาทียี่สิบวินาที สามสิบก้อน”
เมื่อป๋ายเสี่ยวเฟยเอ่ยจบ ฟางเย่ก้าวออกมาในมือมีตราหยก
“เจ้าอย่าให้ข้าผิดหวังก็แล้วกัน!”
หลังจากเค้นคำพูดดุดันอย่างยากลำบาก ป๋ายเย่ยอมมอบหินชิงหลัวแต่โดยดีก่อนจะจากไปราวกับวิ่งหนีอสูรร้ายที่ชื่อป๋ายเสี่ยวเฟย
“พี่ใหญ่เฟย ท่านมหัศจรรย์เหลือเกิน! ไม่นานท่านก็หาหินชิงหลัวได้สามสิบก้อนแล้ว!”
ฟางเย่ยิ้มอย่างชอบอกชอบใจ นิสัยบ้าเงินของเขาค่อยๆ พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ
“นี่แค่สามสิบ จะมีมากกว่านี้ในอนาคต!”
ป๋ายเสี่ยวเฟยยิ้ม แผนยิ่งใหญ่เพื่อหาเงินก่อตัวขึ้นในใจเขา!