GOI ตอนที่ 74 หุ่นเชิดตัวที่สอง!
“ข้าไม่สนว่าพวกเจ้าคิดเช่นไร แต่ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะจดจำทุกคำพูดที่ข้ากำลังจะเอ่ยเพราะมันเกี่ยวโยงกับการที่พวกเจ้าจะสามารถได้รับการแนะนำจากอาจารย์ในอีกสองเดือนของคาบชุมนุม!”
เสียงของป๋ายเสี่ยวเฟยเปลี่ยนเป็นเย็นชา ทุกคนอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายอึกใหญ่
“ห้องไหนไม่ทำตามที่ข้าพูด ข้าจะไปหามันยามว่าง และข้าจะเลือกมันเป็นเป้าหมายประลองในคาบชุมนุม!”
เป็นการข่มขู่ที่เรียบง่าย แต่กลับได้ผลยิ่งนัก!
แต่ยังมีบางคนที่ใบหน้าปรากฎความเหยียดหยัน ถึงแม้พวกมันจะไม่ได้พูดออกมาสักคำ แต่พวกมันได้วางแผนว่าจะทำเช่นไรแล้ว
“อา ใช่ บางคนในหมู่พวกเจ้าอาจจะมีเส้นสายกับศิษย์ปีหนึ่งหรือปีสอง และพวกเจ้าวางแผนจะขอร้องให้พวกมันสั่งสอนข้าสักครา”
ป๋ายเสี่ยวเฟยเอ่ยใบหน้ามีรอยยิ้ม และผู้คนที่เหยียดหยันเขาเมื่อครู่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยิน
“อยากจะเรียกพวกมันก็เชิญ! แต่จำไว้ว่าให้พวกมันเอาหินชิงหลัวมาเยอะๆ ด้วย มิเช่นนั้นถ้าพวกมันมีหินชิงหลัวไม่พอให้ข้าเปลืองเวลา ข้าจะเรียกร้องความเสียหายกับพวกเจ้า!”
ป๋ายเสี่ยวเฟยแค่นเสียงเย็นชา รังสีไร้รูปของการยกตนข่มท่านแผ่กระจายออกมา เขาไม่ได้กล่าวอันใดอีกและก้าวขาเดินออกไป
เมื่อเขาเดินผ่านห้องหนึ่ง คนสิบกว่าคนของห้องนั้นแยกตัวออกเปิดทางให้ทันที ศิษย์ห้องคนเถื่อนที่เหลือเดินมาล้อมรอบป๋ายเสี่ยวเฟยอย่างช้าๆ
ในตลอดเวลา ไม่มีใครสักคนจากอีกเก้าห้องที่กล้าหายใจแรง!
“ไม่จำเป็นต้องมาหาข้าวันนี้ แต่จำไว้ว่าให้เจ้ามาหาข้าที่ห้องหรือหอพักตั้งแต่วันพรุ่งนี้ตอนเที่ยงภายในเวลาสิบนาทีหลังเรียนจบ ข้าไม่มีนิสัยรอใครได้นานนัก”
เมื่อเขาเอ่ยจบ สิบกว่าคนจากห้องคนเถื่อนหายไปจากครรลองสายตาของทุกคน พวกมันทั้งหมดถอนหายใจยาวเหยียดออกมา ทั้งบริเวณตกอยู่ในความเงียบสงบไร้เสียง
ไม่มีใครก่นด่า ไม่มีใครบ่น มีเพียงความเงียบ!
ทุกห้องค่อยๆ จากไปทีละห้องๆ ไม่นานนักทั้งสนามฝึกฝนก็ว่างเปล่า
“พี่ใหญ่เฟย เมื่อครู่ท่านเท่เหลือเกิน!”
เมื่อออกจากสถานการณ์ที่ต้องสวมหน้ากากแสดงท่าที โม่ข่าเป็นคนแรกที่ตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้น คนที่เหลือไม่ต่างกันมากนัก ขนาดศิษย์หญิงยังเป็นเช่นนี้
“ใช่! ใช่! ใช่! เห็นไอ้ศิษย์คนนั้นที่ตัวสั่นพั่บๆ หรือไม่!?”
ฉิงหนานเลียนแบบท่าทางของคนที่เขาพูดถึง เขาลืมไปเสียแล้วว่าเขายังอยู่ในสถานการณ์ ‘อันตราย’
“ใช่ ช่างเหมือนกันจริงๆ”
หวู่จื๋อกำหมัดแน่นพลางกล่าว แววตาของคนที่เหลือแฝงรอยยิ้มขณะมองมาที่ฉิงหนาน
ฉิงหนานกลืนน้ำลายก่อนจะมองไปยังจู๋ซือซือที่ยืนอยู่ในกลุ่มของศิษย์หญิง
“เมียจ๋า เจ้าต้อง...”
“อย่าทำลายส่วนสำคัญก็พอ ข้ายังต้องใช้มัน”
ฉิงหนานพูดไม่ทันจบก็เป็นเสียงเย็นเยียบของจู๋ซือซือที่ดังออกมา หัวใจของฉิงหนานดิ่งวูบ
“พี่ใหญ่เฟย ถึงแม้ที่ข้าทำจะไม่ยิ่งใหญ่อะไรนัก แต่ข้าก็ยังช่วยงานท่าน!”
ฉิงหนานพึ่งพาฟางเส้นสุดท้ายที่ชื่อป๋ายเสี่ยวเฟย เพราะเขาไม่เหลือทางเลือกใดอีกแล้ว
“ไม่ต้องห่วง ข้าจดจำทุกอย่างที่เจ้าทำได้ เพราะงั้น...”
ป๋ายเสี่ยวเฟยหยุดชั่วครู่พลางตบบ่าฉิงหนาน แต่ก่อนที่รอยยิ้มของฉิงหนานจะทันได้เบ่งบานเต็มที่ คำต่อไปของป๋ายเสี่ยวเฟยทำใจเขาเย็นเยียบทันที
“ข้าจะไม่ทุบตีเจ้าแรงเกินไป!”
ในวินาทีต่อมา เสียงร้อยโหยหวนที่ไม่อาจมีสิ่งใดเทียบดังออกมา ฉิงหนานตกอยู่ในวัฏจักรของ ‘ยิ่งเจ้าร้องมากเท่าใด ข้ายิ่งพอใจมากเท่านั้น’
หลังจากสนุกสนานเฮฮา ห้องคนเถื่อนมาถึงสถานที่ที่พวกเขาฝันถึงตลอดทั้งเดือน บ้านรอยรส!
อาหารในบ้านร้อยรสมีราคาแพงก็จริง แต่เมื่อผู้ใดได้ลิ้มลองแล้วไม่มีทางที่คนผู้นั้นจะลืมเลือนรสชาติของมัน อีกอย่างเงินที่ห้องคนเถื่อนสะสมได้จากการปล้น ทำให้การใช้เงินส่วนนี้นิดหน่อยไม่เกิดอุปสรรคทางด้านจิตวิทยา...
หลังจากสวาปามอาหารทั้งหมด ทุกคนนั่งลงบนเก้าอี้มีสีหน้าอิ่มเอมใจ
“พี่ใหญ่เฟย พวกเราควรเก็บเงินไว้เผื่ออนาคตหรือไม่?”
เป็นเวลานี้เองที่ผู้จัดการด้านการเงินที่เพิ่งได้ผ่อนคลายเพียงชั่วครู่กล่าวออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย คนที่เหลือส่งสายตาฉงนสงสัยให้เขา
“พวกเราเพิ่งได้เหรียญอเมทิสต์จำนวนมากมานี่? ใช้หมดแล้วหรือ?”
ชีเว่ยเอ่ยคำที่ทุกคนคิดในใจ
“แน่นอนว่าไม่ แต่ข้าว่าพวกเราควรคิดเรื่องหุ่นเชิดตัวที่สองบ้าง”
เมื่อฟางเย่กล่าวจบ ทุกคนเงียบลงทันที
‘พวกเราต้องคิดจริงๆ! ’
ในการประลองกับพวกฉินหลิงหยาน ทุกคนได้สัมผัสถึงความบกพร่องในด้านหุ่นเชิด หากคนทั้งหมดในห้องคนเถื่อนมีหุ่นเชิดตัวที่สอง พวกเขาคงสู้ได้ดีกว่าแน่!
อย่างไรเสียฉินหลิงหยานและคนอื่นก็ถูกบังคับให้ใช้งานหุ่นเชิดตนที่สองและสาม!
ศิษย์ห้องคนเถื่อนบางคนได้เข้าสู่ระดับกลางมาแล้ว และถึงแม้ว่าการควบคุมหุ่นเชิดตัวเดียวของพวกเขาจะเรียกว่าสมบูรณ์แบบได้ไม่เต็มปาก แต่ไม่มีปัญหากับหุ่นเชิดอีกตัว!
เมื่อเอ่ยถึงหุ่นเชิดตัวที่สอง ปัญหาที่ฟางเย่ชี้แจงเป็นอุปสรรคอันยากลำบากดั่งขุนเขาสูงใหญ่
พวกเขาไม่มีเงิน!
ไม่ว่าจะเป็นหุ่นเชิดมีชีวิตหรือหุ่นเชิดไร้ชีวิต ในเมื่อมันเป็นสิ่งที่นักเชิดหุ่นใช้ ไม่มีสิ่งใดที่ราคาถูก และอีกอย่าง ยิ่งหุ่นเชิดระดับสูงมากเพียงใด ราคายิ่งมากขึ้นเพียงนั้น!
ไม่มีใครอยากให้หุ่นเชิดตัวที่สองมีระดับต่ำกว่าตนแรก ทำให้พวกที่กระเป๋าไม่ตุงต้องกระเสือกกระสนอยู่นานนมกว่าจะได้หุ่นเชิดอย่างที่สมใจ!
ส่วนสถานการณ์ของห้องคนเถื่อนคือ นอกจากหลินหลีและฟางเย่แล้ว ไม่มีใครอื่นได้เงินสนับสนุนจากครอบครัวหรือตระกูล...
“ข้าสามารถขอท่านพ่อเพื่อหุ่นเชิดของข้าและหวังหางได้ และอาจจะมากกว่านั้นได้นิดหน่อย แต่มันมีขีดจำกัด ข้าไม่อาจช่วยทุกคนได้”
เสียงของฟางเย่อดไม่ได้ที่จะเบาลงราวกับเขาได้กระทำผิด
“ข้ามีบางส่วนเช่นกัน”
หลินหลีที่นั่งข้างป๋ายเสี่ยวเฟยยกมือขึ้น ในขณะเดียวกันนางนำบัตรอเมทิสต์ออกมา ทุกคนหันสายตาไปมอง เสียงกลืนน้ำลายอึกใหญ่ดังขึ้นทั่วทุกที่
ไม่จำเป็นต้องเอ่ยว่าเงินของหลินหลีได้มาจากหลินหนีฉาง และหลินหนีฉางคือหนึ่งในสามตำนานผู้ยิ่งใหญ่! จำนวนที่นางให้หลินหลีไม่มีทางน้อย!
“หลินหลี เก็บไป”
ก่อนที่ทุกคนจะทันได้ดีใจ ป๋ายเสี่ยวเฟยเอ่ยเสียงต่ำ ทุกคนเผยสีหน้าประหลาดใจออกมา
“เจ้าด้วยฟางเย่ ไม่ต้องขอเงินพ่อเจ้า ข้าจำได้ว่าเจ้ามีพี่น้องหลายคนที่บ้าน ถึงข้าจะไม่รู้สถานะของเจ้าในตระกูล แต่การขอเงินหลายคราย่อมมีผลลบต่อเจ้า?”
เมื่อป๋ายเสี่ยวเฟยเอ่ย หัวใจของฟางเย่อดไม่ได้ที่จะเต้นแรงขึ้นมาก หมัดที่กำแน่นใต้โต๊ะเผยให้เห็นว่าเขาปั่นป่วนอยู่ในใจเพียงใด
ครึ่งนึงมาจากความเข้าใจของป๋ายเสี่ยวเฟย และอีกครึ่งเป็นสถานการณ์ภายในตระกูล...
“เช่นนั้นเรา...”
โม่ข่าถามเสียงอ่อนด้วยความลังเลบนใบหน้า
“ใครบอกว่าเราไม่อาจซื้อหุ่นเชิดด้วยกำลังของตัวเอง?”
ป๋ายเสี่ยวเฟยยิ้มอย่างมั่นใจที่ทำให้ทุกคนรู้สึกค่อยยังชั่ว!