บทที่ 122
บทที่ 122
ผู้แปล loop
การต่อสู้ของดงซูบินกับคนขับรถใช้เวลาเพียง 20 วินาทีเท่านั้น
เร็วมาก!
มันเร็วเกินไปแล้ว!
หลายคนที่อยู่ในบริเวณนั้นยังไม่ได้ทันได้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น แต่รู้อีกทีคนขับรถก็ไปนอนกองอยู่ที่พื้นแล้ว เขาถูกก้อนหินกระแทกและลุกขึ้นมาไม่ได้
“พี่เจิ้ง!” ไกด์นำเที่ยวหญิงผิวคล้ำมองไปที่คนขับรถคนนั้น เธอไม่อยากจะเชื่อสายตาว่าคนขับรถของเธอจะถูกทำร้ายได้ขนาดนี้ ในฐานะไกด์นำเที่ยวผิดกฎหมายพวกเขาต้องผ่านการต่อสู้มามากมาย พี่เจิ้งของเธอเองก็ไม่เคยทำให้เธอผิดหวังเลยย เขาเคยเห็นคนขับรถของเขาโดนรุมหนึ่งต่อสามแต่ก็ยังสามารถชนะมาได้ มีอะไรผิดปกติกับเขาในวันนี้ พี่เจิ้งของเธอกับผ่ายแพร่ให้กับหนุ่มร่างผอมคนนี้
เมื่อทุกคนกำลังตกใจอยู่ พี่เฉาเป็นคนแรกที่ตะโกนว่า“ดี! เอามันให้ตายเลย!”
ดงซูบินไม่หยุด เขาวิ่งไปข้างหน้าและเตะอย่างแรงบนขาที่บาดเจ็บของคนขับคนนั้น
คนขับรถตะโกนด้วยความเจ็บปวดบนพื้นและพยายามที่จะเตะดงซูบินกลับด้วยขาอีกข้างของเขา
ดงซูบินได้ก้าวถอยหลังและกระทืบที่ข้อเท้าของของคนขับอย่างแรง ‘แตก!’ เขาเกือบจะหักข้อเท้าของคนขับรถคนนี้ได้แล้ว
“อ้า !!!!” คนขับตะโกนด้วยเสียงของเขา
เตะหนึ่งครั้ง!
เตะสองครั้ง!
เตะสามครั้ง!
ในตอนนี้นั้นดงซูบินก็กำลังสบถและสบถในขณะที่เขาเตะคนขับ:“แกคิดว่าแกเก่งที่สุดอย่างงั้นเหรอ? แกคิดว่าแกสามารถทำกับฉูหยวนอย่างงี้ได้หรอ! ขอร้องฉันสิ! แกกล้าที่จะจ้องมาที่ฉันหรอเวรเอ๋ย แก! ฉันจะฆ่าแก!” ดงซูบินปลดปล่อยความโกรธทั้งหมดของเขาผ่านการเตะไปที่คนขับ มือของเขาซึ่งจับฉูหยวนไว้ก่อนหน้านี้ หลังจากกระทืบสองสามครั้งเขาก็เหยียบมือซ้ายของคนขับไว้กับพื้น
นิ้วโป้งของคนขับงออยู่ในมุมที่แปลก เหมือว่านิ้วของเขาจะหัก
ฉูหยวนที่กำลังอยู่ในอาการวิตกกังวลก็กล่าวว่า:“ซูบินพอแล้ว แค่สั่งสอนก็พออย่าฆ่าเขาเลย”
ดงซูบินไม่ฟังและเตะต่อไปและกระทืบคนขับด้วยแรงทั้งหมดของเขา
“พี่เจิ้ง!” ไกด์นำเที่ยวคนนั้นเริ่มตื่นตระหนก เธอรู้ว่าเมื่อเธอและคนขับของเธอมีเรื่องกับนักข่าวทั้งสองคนหนึ่งในนั้นน่าจะโทรเรียกตำรวจ ถ้าเขายังช้าอยู่อย่างงี้เขาจะหนีไม่พ้น นี่คือสาเหตุที่ไกด์นำเที่ยววิ่งขึ้นไปหาดงซูบิน และพยายามผลักดงซูบินเพราะ เธอต้องการช่วยชีวิตพี่เจิ้งของเธอ
“ระวัง!” ฉูหยวน ตะโกน
ดงซูบินเห็นไกด์นำเที่ยวจากมุมหนึ่งของเขา ไกด์นำเที่ยวนี้ได้ตีไปที่ฉูหยวนและเพื่อนร่วมงานของเธอด้วย เขาไม่สนใจว่าเธอจะเป็นผู้หญิงหรือไม่ เขาหันหลังกลับและโยนของใส่เธอ มันตกลงบนใบหน้าของไกด์นำเที่ยวและเธอก็กระเด็นออกไปหนึ่งเมตร
ไกด์นำเที่ยวผิดกฎหมายเป็นลมในทันที
คนขับตะโกนว่า:“เซียวฮอง !!!!!”
พี่เฉารู้สึกดีขึ้นหลังจากเห็นดงซูบินทุบสองคนนี้ เธอลุกขึ้นและวิ่งไปหา ฉูหยวน “ฉูหยวนเธอโอเคไหม?เธอเจ็บตรงไหนรึเปล่า?” เธอเห็น ฉูหยวนนั้นสบายดียกเว้นผมยุ่งเหยิงของเธอและรู้สึกโล่งใจ “เพื่อนของเธอสู้ได้เก่งจริงๆ! เขาฝึกศิลปะการต่อสู้มาก่อนหรอ? แม้แต่คนขับตัวใหญ่ขนาดนั้นก็ไม่สามารถล้มเขาได้!”
ฉูหยวนเองก็ไม่รู้มาก่อนว่าดงซูบินจะทำได้ดีขนาดนี้
ทันใดนั้นมีเสียงไซเรนตำรวจก็เข้ามาใกล้
ฉูหยวนรีบวิ่งไปหยุดดงซูบินไว้ “ซูบิน หยุดก่อน. ตำรวจมาถึงแล้ว”
ดงซูบินมองกลับไปและสบถออกมา เขาเตะไปใส่คนขับอีกครั้งและหยุดเตะอย่างไม่เต็มใจ เขายังไม่ได้ระบายความโกรธของเขา เขาจะต้องระมัดระวังเมื่อเขาแตะนิ้วมือของฉูหยวน แต่ไอ้นี่กล้าที่จะกระฉากผมเธอ! ไอ้เลวนี้จะถูกกำจัดได้อย่างไร
ประมาณหนึ่งนาทีต่อมารถตำรวจสองคันจอดข้างมินิบัส
ตำรวจ 3 คนลงมาและเห็นคนสองคนนอนอยู่บนพื้น พวกเขาตกใจ:“ใครเรียกตำรวจ”
“ผมเป็นคนโทรเรียกเอง” ดงซูบินก้าวไปข้างหน้าและชี้ไปที่คนสองคนนอนอยู่บนพื้น:“สองคนนี้ดำเนินงาน บริษัท ทัวร์ที่ผิดกฎหมาย ไม่เพียง แต่พวกเขาบังคับให้นักท่องเที่ยวซื้อของ แต่พวกเขาก็ทำลายกล้องของเพื่อผมด้วยร่วมไปถึงพวกเขายังตีเพื่อนของผม มี! ทุกคนในมินิบัสเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด หากผมมาถึงช้ากว่านี้เพื่อนของผมก็ไม่รู้จะอาการสาหัสขนาดไหน ผมแค่พยายามปกป้องตัวเองเท่านั้น” ดงซูบินผลักความผิดทั้งหมดไปที่ไกด์และคนขับรถ
ตำรวจมองผู้คนขับบนพื้นจากนั้นมองดูดงซูบิน:“คุณเป็นคนตีเขาใช่ไหม?”
“ครับ”
นี่มันช่างโหดเหี้ยมเกินไป ตำรวจขมวดคิ้วและต้องการดงซูบินมากขึ้นเกี่ยวกับเหตุการณ์
แต่คนขับรถที่รู้ว่าเขาหนีไม่พ้นเริ่มด่าว่า “ไอ้! แกไม่ต้องการที่จะเอาชนะหรอ แต่แกอยากจะให้ฉันตายไม่ใช่หรอ? มาเลย! แกกำลังรออะไรอยู่? มาหาฉันสิ!” คนขับรู้ว่าชายหนุ่มไม่สามารถทำอะไรกับเขาหลังจากที่ตำรวจมาถึงได้จึงพูดเย้ยหยันออกไป
“เวรเอ๋ย! แกอยากโดนอีกใช่ไหม!” ดงซูบินนั้นยังโกรธอยู่และหลังจากได้ยินสิ่งที่คนขับพูดเขาก็ระเบิดอารมณ์ออกมาอีกครั้ง
"เดี๋ยว! คุณกำลังพยายามทำอะไร“ตำรวจในวัย 40 ของเขาคว้าแขนของดงซูบินไว้” หยุดและทำตามที่เราสั่ง”
คนขับเช็ดเลือดที่มุมริมฝีปากของเขาแล้วหัวเราะ:“เอาเลย! ฉันกำลังรอให้แกมาตีฉัน!”
“แกอยากโดนอีกใช่ไหม” ดงซูบินหยิบกระเป๋าของเขาออกมา เขาหันไปหาตำรวจที่อาวุโสกว่าและพูดว่า:“ขอเวลา 30 วินาทีให้ฉันเถอะ”
ตำรวจจ้องไปที่ดงซูบินและถึงกับตกตะลึง
ดงซูบินมองเขาและพูดซ้ำอีกครั้ง “แค่ครึ่งนาทีก็ได้”
ตำรวจอาวุโสคนนั้นคิดสักพักแล้วปล่อยแขนของดงซูบินเขาโบกมือให้ตำรวจอายุน้อยสองคนขึ้นไปแล้วแจกบุหรี่ให้พวกเขา
คนขับตกตะลึง “อ้า?” เกิดอะไรขึ้น ทำไมตำรวจถึงปล่อยชายหนุ่มคนนั้นไป
ตำรวจทหนุ่มสองคนก็ตกใจเช่นกัน “ท่านเจ้านี่…….”
ตำรวจอาวุโสกระซิบเบา ๆ “เขาเป็นหัวหน้าที่อยู่หน่วยงานเดียวกันกับเรา”
เจ้าหน้าที่หนุ่มคนหนึ่งถามว่า:“เขามาจากความมั่นคงสาธารณะด้วยหรือไม่ป่าว”
“ความมั่นคงของรัฐ” ตำรวจที่มีอาวุโสหยุดพูดไปพักหนึ่งและพูดเพิ่มเติมว่า:“เขาเป็นรองหัวหน้าสำนักงานภายใต้ ความมั่นคงของรัฐ”
ตำรวจหนุ่มสองคนรู้สึกประหลาดใจ พวกเขาดูที่หลังของดงซูบิน "เขาอายุเท่าไหร่? ทำไมเขาถึงเป็นเจ้าหน้าที่ตั้งแต่อายุยังน้อย? ใช่มั้ย? ฉันจำได้ว่าสำนักงานภายใต้ความมั่นคงของรัฐนั้นเป็นตำแหน่ง "ฝ่ายบริหาร" ทั้งหมด พวกเขาไม่ได้มีส่วนร่วมในการสอบสวนคดีอาญา แม้แต่ฉันและเซียวจ้าวก็ไม่สามารถเอาชนะชายร่างใหญ่คนนั้นได้ เขาจะเอาชนะเขาได้อย่างไร เป็นไปได้อย่างไรที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรการจะเก่งในการต่อสู้?”
เจ้าหน้าที่ตำรวจอาวุโสก็ยังงงงวย "ใครจะรู้? ว่าเขาคนนี้อาจมีผลต่อการประเมินการทำงานของเราก็ได้” กรมตำรวจและสำนักความมั่นคงแห่งรัฐเป็นหน่วยงานในกระทรวงเดียวกัน ทั้งสองมักจะถูกพิจารณาการทำงานร่วมกันถึงแม้จะไม่ค่อยได้ทำงานร่วมกันเท่าไร แต่ผู้บริหารระดับสูงของกรมตำนวจและความมั่นคงของรัฐมักจะมีการถ่ายโอนสับเปลี่ยนกัน เมื่อเทียบกับหน่วยงานราชการอื่น ๆ แล้วสองหน่วยงานนี้ใกล้ชิดกันมากในด้านความสัมพันธ์ นอกจากนี้ผลงานที่ผ่านมาของ ดงซูบิน บ่งบอกว่าเขามาจากสาขาปักกิ่งและนี่คือสาเหตุที่เจ้าหน้าที่อาวุโสตัดสินใจปิดตาข้างหนึ่ง
ดงซูบินเดินเข้าไปใกล้คนขับรถนั้น
ตอนนี้คนขับรถเริ่มตื่นตัว "ตำรวจ! หยุดเขา! เขากำลังจะตีฉัน!”
เจ้าหน้าที่ตำรวจสองสามคนยืนอยู่ที่นั่นสูบบุหรี่และเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า พวกเขาแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินหรือไม่เห็นอะไรเลย
“แกเป็นคนขอให้ฉันเขาไปหาคนแกเอง” ดงซูบินเดินขึ้นไปหาคนขับแล้วนั่งลง เขากระฉากผมของคนขับคล้ายกับที่คนขับทำกับฉูหยวน ก่อนหน้านี้ แม้ว่าคนขับมีผมจะสั้นแต่ดงซูบินก็ยังสามารถเดึงผมขึ้นมาได้!
“โอ้ยๆ” …… ..
ดงซูบินคว้าและดึงอย่างแรง คนขับรู้สึกว่าหัวขอเขาเหมือนจะหลุดจากการดึงของดงซูบิน
“อ้า !!!!!!”
…….
ส่วนใหญ่คนปักกิ่งจะเรียกกรมตำรวจว่า“จูจี่”
ดงซูบิน, ฉูหยวน และ พี่สาวเฉา นั้นใช้เวลารอเกือบสองชั่วโมงในการเดินทางไปที่สถาณีตำรวจโชคดีที่ดงซูบินนั้นเป็นหัวหน้าแผนกและตำรวจก็ปฏิบัติต่อพวกเขาได้ดี พวกเขายังปิดตาข้างหนึ่งสำหรับเรื่องไกด์ผิดกฏหมายที่โดนทำร้ายอยู่ ถ้าเพราะไม่ใช่ดงซูบินทำงานในหน่วยงานความมั่นคงแห่งรัฐ การทำร้ายคนขับรถด้วยวิธีรุนแรงเช่นนี้ไม่ถือเป็นการป้องกันตัว
ณ ด้านนอกสถานี
“ฉูหยวนเธอเจ็บตรงไหนไหม บอกฉันได้นะ”
“ฉันสบายดี มันเป็นเพียงรอยฟกช้ำเดียวสักสองสามวันมันก็หายแล้ว”
“ฮ่ะๆ ……ไหนฉันขอดูหน่อย เราควรไปเอ็กซ์เรย์ที่โรงพยาบาล” ดงซูบินยังไม่มีโอกาสที่จะได้พูดคุยใดๆกับฉูหยวนก่อนหน้านี้และเขาจับมือเธอตรวจรอยฟกช้ำ ดงซูบินรู้สึกถึงความเจ็บปวดของเธอได้และไม่สนใจเกี่ยวกับภาพลักษณ์ของเขาต่อ ดงซูบินพูดด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน:“สองคนนั้นถูกจับตัวแล้ว และเขาจะโดนดำเนินการทางกฏหมายและมีการคณะกรรมการจะจัดการเรื่องนี้”
ฉูหยวนยิ้มอย่างไพเราะ:“ใช่แล้ว มันเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว”
ดงซูบินพยักหน้าเห็นด้วยและจับมือเธอเบา ๆ “มันยังเจ็บอยู่รึเปล่า?”
“ไม่แล้ว…….”
“ถ้าเธอไม่อยากไปโรงพยาบาล เดียวฉันซื้อยาให้”
“ไม่ต้องก็ได้ นี่เป็นเพียงรอยฟกช้ำ”
พี่เฉาที่กำลังมองทั้งคู่ก็ไอเสียงดัง
ฉูหยวนเขินและดึงมือเธออย่างรวดเร็วจากดงซูบิน
พี่เฉาหัวเราะและมองดู ฉูหยวน “ฉูหยวน, พี่สาวฉู, หัวหน้าทีมฉู เกิดอะไรขึ้นกับเธอทั้งสองมาก่อน”
ดงซูบินคิดกับตัวเอง ‘แน่นอนเรามีบางอย่างเกิดขึ้น เราเคยจูบกันมาก่อน’
ฉูหยวนจ้องไปที่พี่สาวเฉา “ อย่าพูดไร้สาระ โอ้ฉันยังไม่ได้แนะนำ นี่คือดงซูบิน ฉัน ...... เพื่อนบ้าน. เขาทำงานให้กับรัฐบาล นี่คือเพื่อนร่วมงานของฉันเฉาปิง เธอเป็นนักข่าว:
ดงซูบินจับมือของเธอ:“พี่เฉาคุณบาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า”
“ฉันสบายดี” เฉาปิงจับมือของเขาและขอบคุณเขา “ขอบคุณพระเจ้าที่คุณมาถึงทันเวลา หากคุณมาช้ากว่าเราต้องแย่แน่ๆเลย นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้รับอันตรายขนาดนี้หลังจากทำงานเป็นนักข่าวเป็นเวลา 2 ปี”
ฉูหยวนถอนหายใจ "มันเป็นความผิดของฉันทั้งหมด. ถ้าไม่ใช่สำหรับฉันเธอก็ไม่จำเป็นต้องไปที่มณฑลเจ้อเจียงและจะไม่……”
เฉาปิงปลอบใจเธอว่า“อย่าพูดอย่างงั้นเลย เราเป็นเพื่อนกัน”
ดงซูบินบอกได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องจากการสนทนาของพวกเขา“ฉูหยวนเมื่อวานนี้เธอไม่ยอมบอกฉันทางโทรศัพท์ เธอทำให้หัวหน้าไม่พอใจเรื่องอะไรและนี่คือเหตุผลที่เธอได้รับมอบหมายให้ทำภารกิจที่อันตรายอย่างงี่หรอ”
ฉูหยวน ไม่ตอบกลับ
“บอกฉันเร็ว ๆ นี้”
ฉูหยวน ตอบอย่างไม่เต็มใจ:“ฉันจะบอกนายหลังจากกลับไปที่ปักกิ่ง”
เฉาปิงเปลี่ยนเรื่อง “โอ้ซูบิน นายเป็นข้าราชการหรอ? ไม่น่าแปลกใจที่ตำรวจพวกนั้นปฏิบัติกับนายอย่างเป็นมิตรเช่นนี้ นายอยู่ในระดับหัวหน้าแผนกหรอ?”
ดงซูบินหยุดถามฉูหยวนและตอบเฉาปิงอย่างตั้งใจ:“ผมเป็นแค่รองหัวหน้าที่สำนักงานเล็ก ๆ ผมไม่ได้เป็นผู้บริหารระดับสูงใดๆ”
เฉาปิงแค่อยากจะพูดให้มันดูดีและไม่เคยคาดหวังว่าดงซูบินจะเป็นผู้นำ เธอประหลาดใจและถามว่า:“คุณ……คุณไม่น่าจะแก่กว่าฉัน……รองหัวหน้า? อ่า……คุณนั้นมีความสามารถจริงๆ”
ทั้ง 3 คนกำลังพูดคุยกันเมื่อรถตู้จอดอยู่ข้างหน้าพวกเขา
ผู้ชาย 4 คนลงจากรถตู้:“รถเสียระหว่างทางที่นี่ ขออภัยเรามาสาย หัวหน้าทีมฉู, เฉาปิงคุณทั้งสองบาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า?” คนเหล่านี้มาจากสำนักข่าวหนังสือพิมพ์และเคยไปทำงานที่จังหวัดอื่น พวกเขาน่าจะพาฉูหยวน และ เฉาปิงกลับไปปักกิ่ง พวกเขาได้รับโทรศัพท์จากเฉาปิง เมื่อสองชั่วโมงก่อนและรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เฉาปิงตอบว่า:“เราสบายดี โชคดีที่เพื่อนของฉุหยวนมาช่วยพวกเรา”
พวกเขาคุยกันซักพักหนึ่งแลฉูหยวนมองดูดงซูบิน ก่อนที่จะหันไปหาชายวัยกลางคน:“พี่เจียงมีที่ว่างในรถตู้ไหม? ขอให้เพื่อนของฉันนั่งไปด้วยได้ไหม?”
พี่เจียงมองไปที่รถตู้:“อ่า……ฉันกลัวว่าจะไม่มีที่ว่างอีกแล้ว เราทำได้แค่พาคุณทั้งคู่กลับเท่านั้น” ด้านหลังของรถตู้นั้นเต็มไปด้วยอุปกรณ์และพื้นที่ก็แน่นแม้กระทั่งสำหรับคนสองคน
“ถ้าอย่างนั้น……”
ดงซูบินไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้และพูดว่า:“พวกเธอกลับไปก่อนเถอะ เดียวฉันจะขึ้นรถไฟกลับ”
ฉูหยวน คิดอยู่พักหนึ่ง:“เฮ้อ……จากนั้น……อย่างงั้นต้องระวังทางกลับ” ดงซูบินพยักหน้าและ ฉูหยวนดูกล่องเงินที่ล็อคไว้ที่เขาถืออยู่ “ฉันอยากรู้จริงๆว่าในกล่องนั้นมีอะไร”
ดงซูบินไม่ตอบเธอ “เดียวฉัยจะบอกเธอวันอื่น มันต้องเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นแน่” เขาวางแผนที่จะบอกฉูหยวน หลังจากเขาขายสร้อยคอไข่มุกได้ “โอ้……หลังจากเธอกลับไปที่ปักกิ่งกลับไปที่อพาทเมนท์ อย่าปิดบังเรื่องนี้จากแม่เธอนะ เธอยังต้องบอกฉันว่าเกิดอะไรขึ้นกับงานของเธอ”
ฉูหยวนพยักหน้า:“โอเค ฉันจะเล่าให้นายฟังวันพรุ่งนี้”
ดงซูบินยืนมองไปที่ฉูหยวนและเพื่อนร่วมงานของเธอนั่งรถตู้ ก่อนที่พวกเขาจะปิดประตูเขายังคงได้ยินเฉาปิงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างตื่นเต้น
“พวกนายทุกคนไม่ได้อยู่ที่นั่น เพื่อนของฉูหยวน สามารถต่อสู้ได้ดีจริงๆ การเตะของเขานั้นสุดยอด……”
ดงซูบินหัวเราะแล้วส่ายหัว ‘เขาคิดเอาเองว่า ฉันเป็นปรมจารย์ด้านการต่อสู้ จริงแล้วเรื่องอย่างงี้นมันน่ากลัวมากถ้าหากดงซูบินไม่ได้ใช้พัลงพิเศษ ดังนั้นการใช้พลังย้อนกลับก็สามารถใช้วิธีนี้ได้เช่นกัน? เขาได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ในอนาคตเขาสามารถทำนายได้ว่าฝ่ายตรงข้ามของเขาจะทำร้ายเขาอย่างไรและไม่กลัวที่จะต่อสู้
หมายเหตุนักแปล: ‘จู้จี้’ เป็นรูปแบบคำย่อของจีนสำหรับสถานีตำรวจ มันเป็นคำสแลงท้องถิ่นในปักกิ่ง