บทที่ 11 ดินแดนลึกลับ
บทที่ 11 ดินแดนลึกลับ
ในป่าต้าชิง ณ ภูเขาใกล้หมู่บ้าน จางปินกำลังดิ้นรนหาต้นไม้ดวงตาสดใส
เขาจำได้ว่าเขาเคยเห็นมันที่ในป่าแห่งนี้ แต่ว่าเขาจำไม่ได้ว่ามันอยู่ที่ไหน
แม้ว่าเขาจะพยายามอย่างหนักหลายชั่วโมงเขาก็ยังหามันไม่เจอ
"หาแบบนี้ไม่เจอแน่ ป่าต้าชิง มันกว้างใหญ่เกินไป" จางปินหยุดและคิดอยู่ครู่หนึ่งทันใดนั้นดวงตาของเขาก็สว่างขึ้นเขาคิดออกว่าจะต้องทำยังไงแล้ว
เขารีบไปที่ที่เขาปลูกโสมเอาไว้ทันที
"เมี้ยวว... "
จิ้งจอกตัวเล็กพุ่งใส่เขาเหมือนแสงสีแดงเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของจางปินจากนั้นก็ยื่นลิ้นออกมาเล็กน้อยเพื่อเลียใบหน้าของจางปิน
“เสี่ยวเชียน เธอเป็นจิ้งจอกไม่ใช่ลูกหมานะ เธอห้ามไปเลียคนอื่นนะเธอเลียได้แต่ฉันเข้าใจไหม” จางปิน กล่าวอย่างไร้ยางอาย
จิ้งจอกตัวน้อยเข้าใจมันดูเขินอายและพยักหน้าเบาๆ
“เสี่ยวเชียนของฉันเป็นจิ้งจอกที่น่ารักจริงๆ ฉันไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ฉันจะทำให้เธอกลายเป็นสาวงามได้กันนะ?” จางปินพึมพำในใจแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาและรูปต้นสมุนไพรบนหน้าจอให้เธอดู
จากนั้นเขาก็ถามอย่างคาดหวัง "เสี่ยวเชียน เจ้านี้เรียกว่าต้นดวงตาสดใส เธอเคยเห็นมันมาก่อนไหม"
จิ้งจอกตัวน้อยมองแล้วคิดอยู่นานก่อนที่จะพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
"ดีมาก." จางปินดีใจมากเขาให้เสี่ยวเชียนเป็นผู้นำ
"ไปเลยย ... "
เสี่ยวเชียนกระโดดออกจากแขนของจางปินแล้ววิ่งไปทางส่วนลึกของไม้เหมือนลูกศร
โชคดีที่จางปินฝึกฝนตัวเองจนถึงขั้นที่ 2 แล้วทำให้เขาสามารถตามความเร็วของเธอทัน เขาตาม เสี่ยวเชียน นานถึง 3 ชั่วโมงและไม่มีทีท่าว่าเธอจะหยุดวิ่งเลย
เมื่อพวกเขาเข้ามาลึกขึ้นเรื่อยๆแน่นอนมันเป็นของเขตหวงห้ามไม่มีร่อยรอยของมนุษย์อยู่ที่นี่เลย
ตอนนี้จางปินเห็นเพียงป่าปกคลุมท้องฟ้าและบางครั้งเขาก็เห็นงูเหลือมตัวหนาๆเท่าลูกโบลิ่งลูกใหญ่ แถมยังมีหมาป่าสีฟ้าหลายตัวให้เห็นพวกมันตัวสูงมาก แม้แต่ผู้แข็งแกร่งอย่างจางปินยังมีอาการชาที่หนังศีรษะเมื่อเห็นพวกมัน
อย่างไรก็ตาม เสี่ยวเชียน ดูเหมือนจะไม่ใช่จิ้งจอกธรรมดา สัตว์ทุกตัวที่เจอต่างก็หลีกทางให้กับเธออย่างเร่งรีบแม้แต่หมาป่าก็ไม่เว้น
ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงภูเขาสูงตระหง่านมีหมอกสีขาวที่เชิงเขาและเห็นเมฆสีขาวพันกันด้านบนของภูเขาซึ่งดูสวยงามมาก
เสี่ยวเชียนชะลอความเร็วลงและพาจางปินขึ้นไปบนหน้าผาพวกเขาเหมือนเป็นปรมาจารย์ที่พุ่งไต่หน้าผาเหมือนกับผู้อาวุโสในหนังจีนเมื่อขึ้นมาใบหน้าของจางปินก็เต็มไปด้วยความดีใจเพราะเขารู้ว่าต้นดวงตาสดใสที่เขามองหาอยู่ในหุบเขาด้านล่าง
เขาค้นหาเถาวัลย์ภูเขาที่หนาๆแล้วใช้มันแทนเชือกเพื่อไต่ลงจากเข้าไปอย่างรวดเร็วพอๆกับเสี่ยวเชี่ยนที่กระโดดไต่เขาลงไปก่อนหน้านี้
หุบเขาลึกมากเขาลงมากว่า 10 นาทีก็ยังไม่ถึงด้านล่างที่ยังไม่มีใครเจอที่นี่เนื่องจากมีหมอกสีขาวปกคลุมทุกอย่างเอาไว้ทำให้ไม่มีใครมองเห็นสภาพข้างในหุบเขาความลึกเช่นนี้
เมื่อจางปินลงถึงก้นเหวเขาแทบอดใจรอไม่ไหว หุบเขานี้แตกต่างจากพื้นที่ที่เห็นด้านบน ดูเหมือนว่าพื้นที่นี้มีขนาดใหญ่มาก เขามองไม่เห็นยอดเขาด้านบนเลยแม้แต่น้อย
แต่ในหุบเขาแห่งนี้กลับมีถนนที่สร้างจากหินสีน้ำเงินปรากฏขึ้นซึ่งเห็นได้ชัดว่ามีคนสร้างมันขึ้นมา
"เป็นไปได้ยังไง? ความตกใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของจางปินและเขาก็เดินไปบนถนนที่ทำจากหินสีน้ำเงิน เขาวิ่งเร็วขึ้นเพราะเขาอยากจะเห็นว่ามีใครอยู่ที่นี่บ้าง
แต่เขาก็หยุดอย่างรวดเร็วเพราะมีเหวอยู่ข้างหน้าเขาและมีสะพานข้ามไปอีกฝั่งเหนือเหวแห่งนี้ สะพานดูด้วยตาก็รู้ว่ามันพังแล้ว
ส่วนที่บางที่สุดของเชือกมีความหนาแค่ข้อมือเท่านั้นเอง ดังนั้นสะพานนี้จึงไม่สามารถรองรับน้ำหนักของเขาได้อย่างแน่นอน
เขาทำได้เพียงแค่จ้องมองไปที่ฝั่งตรงข้าม เขาเห็นว่าฝั่งตรงข้ามกว้างใหญ่มีต้นไม้และดอกไม้แปลกๆมากมาย แม้แต่บนหน้าผาก็มีถ้ำลึก
เขามองลงไปที่ก้นเหว เขาแต่ทุกอย่างถูกปิดกั้นด้วยหมอกสีขาวจนเขามองไม่เห็นทิวทัศน์ข้างล่างเลยแม้แต่น้อย
เหวลึกนั้นส่งความเยือกเย็นออกมาอย่างช้าๆ
โครกกกกกก......
ในก้นเหวมีเสียงร้องของสัตว์ร้ายที่แค่ได้ยินก็รู้ว่าตัวใหญ่ ดุร้ายและน่ากลัว
“พระเจ้า มีเสืออยู่ข้างล่างนี้งั้นเหรอ” จางปินตะโกนด้วยความตกใจ
ในอดีตเขาไม่เคยรู้เลยว่ามีสถานที่เช่นนี้อยู่ในส่วนลึกของภูเขาต้าชิง?
"เมี้ยววว... "
เสี่ยวเชียน กระโดดขึ้นไปบนสะพานไม้และเดินไปเรื่อยๆมันหันไปรอบๆ ในขณะที่เดินกลับไปกลับมา ซึ่งหมายความว่าให้จางปินเดินผ่านสะพานไปกับมัน
"ไม่นะ ต้นดวงตาสดใส อยู่ข้างในนั้นงั้นเหรอ" จางปินพูดแบบไม่สบายใจและพูดทันที "เสี่ยวเชียน ฉันไปไม่ได้ผ่านพวกเราไปหาต้นดวงตาสดใจที่อื่นกันเถอะ"
เหวลึกมากและแม้แต่เขายังมองเห็นแค่ในระยะ 20 เมตรรอบตัวเท่านั้นเพราะหมอกสีขาวเขาไม่รู้ว่าฝั่งตรงข้ามมีอะไรบ้างแบบนี้อันตรายเกินไป!
แถมสะพานไม้มีแค่อันเดียว เดินไปแบบนี้ไม่มีทางผ่านไปได้เลย
เมี้ยววว...
เสี่ยวเชียนวิ่งกลับมาอย่างรวดเร็วและกระโดดเข้าอ้อมแขนของจางปินดูเหมือนว่าเธอจะอ้อนเอาอะไรสักอย่าง
“อ้อ เธออยากได้พลังจิตวิญญาณสินะ” จางปินเติมเต็มความต้องการของจิ้งจอกตัวน้อยเขามอบพลังจิตวิญญาณให้กับเธอ
จิ้งจอกตัวเล็กหายใจอย่างตื่นเต้นดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความสุข
จางปินไม่ขอให้เสี่ยวเชียนพาเขาไปที่อื่นเพื่อค้นหาต้นดวงตาสดใสตอนนี้เพราะเขาอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้มาก
เขาต้องสังเกตและศึกษาอย่างรอบคอบ
"อะไรกัน……" จางปินส่งเสียงแปลกๆออกมาเพราะเขารู้สึกว่ามีพลังอยู่ในเหวราวกับว่ามันมาจากสะพาน
ในตอนที่เขาได้อ่านข้อมูลจำนวนมากที่ส่งโดย เกาส์ เขาได้ทำความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับพลังจิตวิญญาณ
มีพลังจิตวิญญาณในพืช แต่พลังจิตวิญญาณในพืชที่ต่างกันพลังจิตวิญญาณก็จะแตกต่างกันออกไป ถ้าเป็นโสมอายุ 100 ปีพลังจิตวิญญาณนั้นจะมีมากกว่าพืชธรรมดามาก
ดังนั้นใน ซวนหวู่ จึงมียาบางชนิดที่ช่วยเพิ่มพลังจิตวิญญาณอย่างรวดเร็วจนสามารถทะลวงผ่านขอบเขตต่อไปได้อย่างง่ายดาย
ยาดังกล่าวเรียกว่าน้ำอมฤต หรือจะเรียกยาอายุวัฒนะก็ได้ยิ่งกว่านั้นปกติแล้วมีพลังจิตวิญญาณในพืชไม่มากสำหรับโลกซวนหวู่
แต่ในโลกใบนี้พลังจิตวิญญาณนั้นได้มีการกระจายไปทั่วทั้งโลกแตกต่างกันมีพลังจิตวิญญาณมากหรือน้อย เขารู้สึกได้ว่าที่นี่มีพลังจิตวิญญาณมากมายแม้แต่ในใต้ดิน
หากพลังจิตวิญญาณสูงมากมันสามารถกลายเป็นหินจิตวิญญาณ หินนี้นับว่ามีพลังจิตวิญญาณเป็นจำนวนมาก
สถานที่ดังกล่าวเหมาะสมมากสำหรับการฝึกวิชาและเก็บสมบัติโดยแท้
"จะมีต้นไม้ที่มีพลังจิตวิญญาณในนี้งั้นเหรอ" หัวใจของจางปินเต็มแรง