GE451 ตุ๊กตาหิมะ [ฟรี]
ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากที่พี่เพิ่งมาถึงเมืองเหมันต์ เห็นเพียงเศษซากของการต่อสู้
รัศมีโดยรอบเมืองเหมันต์แสนลี้กลายเป็นลานกว้าง พื้นดินและภูเขาพังทะลาย ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเรื่องขึ้นในเมืองสำคัญของเผ่าปีศาจยักษ์
ผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นพลาดโอกาสได้ชมการต่อสู้ที่รุนแรง พวกมันสัมผัสได้เพียงความผันผวนของปราณบริเวณนี้
การต่อสู้ของหนิงฝานรุนแรงมาก และได้เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาผู้คนแล้วว่า เขาสังหารผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงขั้นต้นได้จริง
และผู้ที่เขาสังหารนั้น เป็นถึงผู้ครองแคว้นที่ทรงพลัง... ไม่มีผู้ใดกล้าตำหนิที่หนิงฝานสังหารฉือคุณ เพราะตัวเขายืนอยู่เหนือกฏเกณฑ์เหล่านั้น
แม้การที่ฉือคุณคิดทำลายเผ่าปีศาจยักษ์จะเป็นเรื่องผิด แต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงถึงตาย
แต่การที่มันคิดสังหารเขา จึงทำให้โทษของมันถึงตาย
หนิงฝานเป็นตัวตนที่กษัตริย์พิรุณได้ออกคำสั่งว่าห้ามล่วงเกิน แม้เป็นราชาสุสานบุบผายังไม่กล้า นับประสาอะไรกับฉือคุณ
ต่อให้ที่นี่มีกฏ แต่หากผู้ที่ตรวจสอบรู้ว่าฉือคุณคิดสังหารคนของวิหารพิรุณ คนเหล่านั้นก็คงไม่ยอมปล่อยฉือคุณเช่นกัน
หากวันนั้นผู้เชี่ยวชาญของวังสวรรค์แดงลงมือกับหนิงฝาน มันก็ผิดเช่นกัน แม้วังสวรรค์แดงและวังสวรรค์จะไม่ถูกกันก็ตาม
การตายของฉือคุณนับเป็นเรื่องน่าเศร้า แต่ไม่มีผู้ใดตำหนิหนิงฝานตาม เพราะไม่ว่าคนผู้นั้นจะเก่งกาจขนาดไหน มากพรสวรรค์ขนาดไหน สุดท้ายหากพลาดก็ต้องพบกับความตาย
และความตายของฉือคุณ ก็ทำให้ชื่อเสียงของหนิงฝานโด่งดังยิ่งขึ้น กระทั่งกระจายไปทั่วทุกหนแห่งในโลกพิรุณ
หนิงฝานได้รับการยอมรับจากผู้เชี่ยวชาญมากมาย ว่าเขาคือผู้เยาว์ที่มีพรสวรรค์มากที่สุดในวิหารพิรุณ
จากซัวหมิงในวันวาน กลายเป็นซัวหมิงผู้ยิ่งใหญ่ หากซัวหมิงตัวจริงรู้เขา มันคงดีใจจนยิ้มแก้มปริ
หลังจากจบการต่อสู้ หนิงฝานมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ลับของเผ่าพร้อมกับชวี่ฉิงและคนอื่นๆ
การต่อสู้ครั้งนี้หนิงฝานไม่ได้รับบาดเจ็บ เขาเพียงเสียแก่นโลหิตไปบางส่วนจากการฝืนใช้ 7 หยกมังกรเหลือง
สำหรับคนทั่วไปแล้ว การเสียแก่นโลหิตไปนับเป็นเรื่องใหญ่ แต่สำหรับหนิงฝานไม่นับเป็นอันใด เพราะเขามีดาราแก่นชีวิตคอยฟื้นฟูรักษา
เผ่าปีศาจยักษ์ วังปีศาจโศกา...
หนิงฝาน ฉุ่ยหลิง หลิงคง และเฟินซื่อนั่งเก้าที่ถูกจัดไว้เป็นพิเศษ เบื้องหน้ามีคนของเผ่าปีศาจจำนวนมาก ต่อแถวกล่าวขอบคุณหนิงฝาน
พวกมันล้วนกล่าวขอบคุณออกมาจากใจ หากไม่ได้หนิงฝานช่วย เผ่าของพวกมันคงตกอยู่ในอันตราย
โชคดีที่หนิงฝานทรงพลังมากพอที่จะสังหารฉือคุณ ทำให้ไม่ต้องเสียโอสถมิติไป
ฉือคุณเป็นคนแรกที่คิดจะช่วงชิงโอสถมิติ และมันคงจะไม่ใช่คนสุดท้าย
จริงๆแล้วผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงขั้นต้นจำนวนมากจากแคว้นต่างๆในโลกพิรุณ กำลังเคลื่อนมายังเผ่าปีศาจยักษ์เพื่อโอสถมิติ
แต่พวกมันไม่อาจทำพลาดเหมือนฉือคุณ จึงไม่มีใครกล้ายั่วยุเผ่าปีศาจยักษ์
เผ่าหกปีกเองกันเช่นกัน ชื่อเสียงของเขามากพอที่จะทำให้เผ่าเนตรปีศาจ และเขาคู่ไม่กล้าล่วงเกิน
ทุกคนล้วนได้ประจักษ์กับอานุภาพของ 7 หยกมังกรเหลือง มันทรงพลังมากพอที่จะทำให้ผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงขั้นกลางบาดเจ็บสาหัสได้
ในเผ่าเขาคู่ ผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังที่สุดคือขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นกลาง เผ่าเนตรปีศาจก็มีเช่นกัน แต่ทรงพลังกว่าเผ่าเขาคู่ พวกมันก็ยังไม่กล้ายั่วยุหนิงฝาน
การแสดงออกให้เห็นพลัง ทำให้ผู้คนไม่กล้าล่วงเกิน ที่สำคัญ ยังเป็นการแสดงออกถึงสถานะที่ไม่ธรรมดาของเขาที่มีต่อวิหารพิรุณ
หนิงฝานมีกษัตริย์พิรุณหนุนหลัง ต่อให้สังหารผู้ครองแคว้นก็ไม่ผิด
นับเป็นการอาศัยชื่อเสียงและความยิ่งใหญ่ของวิหารพิรุณได้อย่างคุ้มค่า
หนิงฝานไม่ชอบก่อปัญหา และไม่ชอบให้ปัญหามาหาตน ดังนั้นเขาจึงแก้ด้วยการที่ต้องทรงพลังขึ้น
คนของเผ่าปีศาจยักษ์จับตัวบุตรชายของฉือคุณและคนของมันกลับมา หนิงฝานอ่านความทรงจำของพวกมันและสังหารทิ้งเพื่อเลี่ยงปัญหา
หนิงฝานได้ทราบแผนการของฉือคุณทั้งหมด และได้บอกกล่าวต่อเผ่าปีศาจยักษ์
ที่ฉือคุณมาก็เพราะต้องการโอสถมิติจริงๆ นอกจากนี้ มันยังวางแผนชั่วช้ากับฟงฉุ่ยเยวียนด้วย
แผนการของมันคือ มันจะใช้บุตรชายที่จะประทับรอยสักปีศาจเข้าใกล้นาง จากนั้นลักพาตัวนางออกจากเผ่า
ดังนั้น นอกจากมันจะได้โอสถมิติแล้ว มันก็ยังได้ตัวฟงฉุ่ยเยวียนที่เชี่ยวชาญการประทับรอยสักปีศาจมาด้วย
แต่น่าเศร้าที่พวกมันไม่มีโอกาสได้พบนาง นางป่วยและหายตัวไปจากเผ่าอย่างน่าประหลาด
วิชาประทับรอยสักปีศาจของฟงฉุ่ยเยวียนนั้นก้าวหน้ากว่าผู้ใด ใครก็ตามที่ได้ประทับรอยสักกับนาง ล้วนยกระดับร่างกายได้ไม่น้อย
ดังนั้นจึงเข้าทางฉือคุณที่ทะเยอทะยาน มันคิดหวังใช้โอสถมิติทะลวงขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นกลาง และให้นางประทับรอยสักปีศาจเพื่อยกระกับร่างกาย
หากไม่เพราะหนิงฝานสังหารพวกมันก่อน บางทีตอนนี้เผ่าปีศาจยักษ์คงเสียท่าไปแล้ว
ชวี่ฉิงโกรธฉือคุณมาก เผ่าปีศาจยักษ์อยู่อย่างสงบมาโดยตลอด นั่นอาจเป็นเหตุผลให้โดนข่มเหงได้ง่าย
ชวี่ฉิงอยากจะประกาศกับคนในเผ่าว่า ต้องแสดงพลังที่แท้จริงให้ทั้งโลกได้รู้ ว่าเผ่าปีศาจยักษ์นั้นทรงพลังขนาดไหน
แต่น่าเสียดายที่ชวี่ฉิงทำแบบนั้นไม่ได้ มันทำได้เพียงอดทน จนกว่าบรรพบุรุษของมันจะหายดี
“สหายเต๋าซัว ในอดีตฉานน้อยแนะนำเจ้าให้กับข้า บอกว่าเจ้าเก่งกาจไม่ธรรมดา ยามนั้นข้าไม่เชื่อ แต่ตอนนี้ได้เห็นกับตาตัวเองแล้ว... นับว่าฉานน้อยมีสายตาที่เฉียบคม ข้ายินดียิ่งนัก… อีกอย่าง ฉุ่ยหลิงเองก็มีเจ้าอยู่ข้างกายแล้วข้าก็วางใจ… เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ทั้งหมดเป็นความดีความชอบของเจ้า หากเจ้ายอมที่จะดูแลเผ่าปีศาจยักษ์ ข้าก็จะยกเผ่าให้เจ้าปกครอง หรือถ้าหากเจ้าไม่ต้องการ วันใดที่เจ้าลำบาก พวกข้าก็ยินดีช่วยเพื่อตอบแทนเจ้า” ชวี่ฉิงป้องมือกล่าวกับหนิงฝานอย่างจริงจัง
หนิงฝานก็พยักหน้าและป้องมือ หากเทียบกับเผ่าหกปีกแล้ว หนิงฝานชื่นชอบเผ่าปีศาจยักษ์มากกว่า
อย่างน้อยๆ เผ่าปีศาจยักษ์จะไม่หักหลังเขา ที่สำคัญ จะไม่ใช้สตรีเพื่อให้เผ่าของตนรอดพ้นวิกฤตเหมือนอย่างที่เผ่าหกปีกทำ
เผ่าปีศาจยักษ์เป็นเผ่าระดับสูง มีจิตใจสูงส่ง และเปิดเผยมากกว่าเผ่าอื่น
หนิงฝานนั่งมองสตรีทั้ง 3 ของตนเงียบๆ เฟินซื่อนั่งจิบชาอย่างสงบ ฉุ่ยหลิงและหลิงคงพูดคุยกันด้วยสัมผัสเทพ
บรรยากาศระหว่างพวกนางดูประหลาด พวกนางไม่ได้สนิทสนมกัน แต่ก็ไม่ได้ต่อสู้แย่งชิงความสนใจจากหนิงฝาน
ฉุ่ยหลิงกล่าวถามกับหลิงคงในเรื่องของหนิงฝาน ระหว่างที่เขาไม่ได้อยู่กับนาง
หากเป็นคนทั่วไป คนเหล่านั้นจะไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงมากนัก แต่สำหรับหนิงฝาน เขาแข็งแกร่งขึ้นอย่างก้าวกระโดด ฉุ่ยหลิงจึงเป็นห่วงว่าหนิงฝานจะต้องเสี่ยงอันตราย นางรู้ว่าความแข็งแกร่งของหนิงฝานต้องแลกมาด้วยอันตรายที่ถึงแก่ชีวิต
นางรู้ว่าหนิงฝานไม่ได้ฝึกวิชาอย่างสงบเหมือนคนอื่น เขาต้องเข่นฆ่าสังหารคนไปมากเพื่อยกระดับพลัง และไร้ซึ่งผู้ใดปกป้องคุ้มครอง
“เจ้าเป็นสตรีที่พิเศษ เจ้าอิจฉาหรือเปล่าที่ข้าสนิทกับแตงกวาน้อย? บอกตรงๆนะ ข้าอิจฉาเมื่อรู้ว่าเขาสู้เพื่อเจ้า จนทำให้อยากจะเหยียบเท้าเค้าแรงๆ” หลิงคงเป็นคนตรงไปตรงมา นางจึงกล่าวออกมาแบบนั้น
“อิจฉา? พี่เยว่ ข้าไม่เคยคิดแบบนั้น… ข้าแค่อยากให้เขาปลอดภัย ได้ใช้ชีวิตโดยไม่ต้องเข่นฆ่าสังหาร ได้ยืนอยู่บนจุดสูงสุดบนโลก เมื่อถึงตอนนั้น ข้าอาจมีอารมณ์อิจฉาท่าน”
ฉุ่ยหลิงยิ้มเล็กน้อยพลางกล่าว “ตอนนี้ข้าต้องการเพียงอย่างเดียว คือได้ใช้ชีวิตกับเขา… แต่ชีวิตมันช่างยากลำบาก ยากที่จะใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้อย่างมีความสุข เพราะรู้ว่าวันหนึ่งเราต้องตาย… สิ่งที่เฝ้ารอเราอยู่มีเพียงความตายเท่านั้น”
“ที่ข้าได้พบกับเขานับเป็นโชคชะตา เหมือนกับท่านที่ได้พบเขา… บางทีวันหนึ่งข้าอาจจะต้องตาย… บางทีวันหนึ่งเขาอาจจะต้องตายจากศัตรูที่รุมล้อม… ข้าไม่มีโอกาสได้อิจฉา… ไม่มีโอกาสได้ใช้ชีวิตอย่างที่ใจข้าต้องการ… ไม่มีโอกาสได้นอนหลับอย่างผ่อนคลาย มีแต่ต้องก้าวเดินไปข้างหน้าเท่านั้น...”
คำกล่าวของฉุ่ยหลิงทำให้หลิงคงนิ่งเงียบ
หากได้ใช้ชีวิตอย่างที่ใจต้องการ ถึงตายก็ไม่เสียใจ… ไม่รู้ว่าเมื่อคนที่ตนรักจะตาย เหตุใดต้องอิจฉา
เมื่อคิดว่าวันหนึ่งหนิงฝานต้องตาย หัวใจของหลิงคงบีบรัด เจ็บปวดยากจะบรรยาย
เหตุใดเขาต้องออกไปเผชิญหน้ากับความตายอยู่เสมอ? เขาไม่กลัวบ้างหรือ?
เมื่อคิดได้เช่นนั้น หลิงคงรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก นางรู้ตัวแล้วว่าตนเองไม่เข้าใจความรู้สึกลึกๆของหนิงฝาน นางได้รู้แล้วว่าเหตุใดเขาจึงเลือกออกไปเผชิญอันตราย
“แตงกวาน้อย เจ้าต้องระวังตัวให้มาก เจ้าจะตายไม่ได้! ข้าจะปกป้องเจ้าเอง!” บรรยากาศรอบตัวหลิงคงเปลี่ยนไป นางกล่าวขึ้นอย่างอาจหาญต่อหน้าผู้คนมากมาย
“ข้าไม่ตายหรอก...” หนิงฝานไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ที่จู่ๆนางก็โพล่งออกมาแบบนั้น
เขากล่าวถามฉุ่ยหลิงว่าเหตุใดหลิงคงถึงพูดแบบนั้น แต่นางเพียงยิ้มให้ไม่กล่าว เรื่องระหว่างสตรีเหตุใดนางต้องบอก?
หนิงฝานยิ้มเจื่อนพลางส่ายหน้า เขาไม่กล้าใช้วิชาคารมกล่าวถามพวกนาง
แต่เขาเชื่อว่าฉุ่ยหลิงคงไม่อิจฉาหลิงคง... อย่างน้อยๆก็ตอนนี้
ความรู้สึกก็เป็นส่วนหนึ่งของปัญหา
หนิงฝานกล่าวถามชวี่ฉิง “ท่านผู้นำชวี่ ตอนนี้เรื่องฉือคุณก็คลี่คลายไปแล้ว แต่บุตรสาวของท่านยังหายตัวไป พวกเราไม่ต้องตามหาจริงๆเหรอ?”
“ถ้านางอยากจะซ่อน ไม่ว่าผู้ใดก็หาไม่พบ ไว้นางหิวเมื่อไหร่นางก็กลับมาเองนั่นแหละ...” ชวี่ฉิงหัวเราะราวกับไม่ได้เป็นห่วงอะไร
ฟงฉุ่ยเยวียนยามนี้มีระดับพลังเหลือเพียงขอบเขตเปิดเส้นชีพจรที่ 10 ร่างกายอ่อนแอ น่าจะทนอยู่ได้ไม่นาน หากนางหิวเดี๋ยวนางก็กลับมา
“ท่านพี่ ท่านไปตามหานางเถอะ ยามนี้นางอ่อนแอ อย่าปล่อยให้นางหิวเลย...” ฉุ่ยหลิงขอร้องหนิงฝาน นางเป็นเป็นห่วงฉุ่ยเยวียนมาก
“ให้ข้าไป? เจ้ามีวิธีตามหานางบ้างหรือเปล่า? ขนาดคนของเผ่ายังหานางไม่เจอเลย… ก็ได้ เดี๋ยวข้าไปเอง” หนิงฝานอยากจะปฏิเสธ แต่เมื่อเห็นสายตาของฉุ่ยหลิงแล้ว เขาก็ใจอ่อน
“ท่านชวี่มีของใช้ส่วนตัวนางหรือเปล่า? ข้าอาจตามรอยกลิ่นอายของนางได้”
“เห้อ… วิชาอำพรางของนางไม่ธรรมดา นางไม่เผยกลิ่นอายเลยแม้แต่น้อย...” ชวี่ฉิงเองก็อยากให้หนิงฝานลองหานางดู มันจึงนำรองเท้าคู่หนึ่งของนางมาให้ รองเท้าคู่นี้นางได้ถอดเอาไว้ก่อนที่นางจะหายตัวไป นั่นหมายความว่า หากนางจะไป นางจะต้องเดินเท้าเปล่า
หากหนิงฝานพบนางจะได้มอบรองเท้าคู่นี้ให้
หนิงฝานพูดไม่ออก ปีศาจผู้ยิ่งใหญ่อย่างเขากลับต้องเอารองเท้าไปให้สาวน้อยนางหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าต้องทำเรื่องแบบนี้
รองเท้าของนางมีกลิ่นกายอ่อนๆของนางอยู่ ยากจะรับสัมผัสได้ และเมื่อหนิงฝานได้กลิ่น มันก็สลายไปในทันที
หนิงฝานตกตะลึง เขาพยายามจะนึกถึงความรู้สึกได้จากกลิ่นนั่น แต่กลับนึกไม่ออก
กลิ่นนั่นโดนบางอย่างลบไป และสิ่งที่ลบก็เหมือนกับตัวอักษรที่หายไปด้วยพลังแห่งชีวิต
“บางทีวิชาอำพรางตัวของนาง อาจเกี่ยวข้องกับพลังแห่งชีวิต...”
หนิงฝานหลับตา กระตุ้นเจตจำนงค์แห่งความทรงจำ เพื่อใช้พลังสัมผัสถึงกลิ่นของนางอีกครั้ง
เมื่อสัมผัสได้ หนิงฝานก็มุ่งหน้าออกจากวังราวกับพบบางสิ่ง
เมื่อคนของเผ่าเห็นท่าทางของหนิงฝาน พวกมันล้วนตกตะลึง หรือหนิงฝานจะมีวิธีที่สามารถตามตัวนางพบ?
หนิงฝานพุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว จางหายไปราวกับหมอกควัน
เขาติดตามกลิ่นอายที่สัมผัสได้ ตรงไปยังป่าหิมะแห่งหนึ่งที่อยู่ไกลออกไปล้านลี้ แล้วหยุดยืนอยู่กลางนภา
กลิ่นอายของนางอยู่ที่นี่
หนิงฝานพบรอยเท้าของนางที่อยู่บนพื้นหิมะ แต่จู่ๆรอยเท้าพวกนั้นก็หายไป
หนิงฝานสะกดตามรอยนางไปยังส่วนลึกของป่า ภายในนั้นมีตุ๊กตาหิมะ เป็นตุ๊กตาหิมะทั่วไป มีโสมปักอยู่ที่จมูกของมัน ดวงตาทำขึ้นจากหินที่วางอยู่ตามพื้น
แต่เมื่อตุ๊กตาหิมะตัวนั้นมองเห็นหนิงฝาน มันกลับทำท่าหวาดกลัว ราวกับมันมีชีวิตจริงๆ
แต่แล้วจู่ๆปูปั้นหิมะตัวนั้นก็ขยับแล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอย ทั้งกลิ่นอายของมัน ทั้งรอยเท้า ทุกสิ่งถูกลบหายไป
“น่าสนใจจริงๆ… ขอบเขตเปิดเส้นชีพจรที่ 10 แต่กลับเข้าใจการใช้พลังแห่งชีวิต ไม่แปลกที่ออกมาไกลได้ขนาดนี้ สงสัยเจ้าคงอยากเล่นซ่อนแอบกับข้า”...