บทที่ 5 ช่วยสุนัขจิ้งจอกตัวน้อย
บทที่ 5 ช่วยสุนัขจิ้งจอกตัวน้อย
“แม่ครับนี่เป็นยาที่ผมได้มาจากอาจารย์ เชื่อผมดื่มเข้าไปแล้วแม่จะรู้” จางปินมอบแก้วให้กับแม่ของเขา
เขารู้ดีว่าจะให้น้ำจิตวิญญาณแก่พ่อของเขา ต้องได้รับความร่วมมือจากแม่ของเขา
แม่จางปิน หันซ้ายหันขวาครู่หนึ่งจากนั้นก็จิบน้ำและกลืนกินลงไปอย่างช้าๆ
จากนั้นก็มีความประหลาดใจปรากฏบนใบหน้าของเธอแล้วเธอก็พูดว่า
“น้ำนี้ดื่มได้เหมือนจะทำให้ร่างกายผ่อนคลายด้วย แต่มันสามารถรักษาโรคหลอดเลือดสมองได้จริงเหรอ?”
“แน่นอนว่ามันเป็นความจริง ผู้เฒ่าที่ให้ผมมามีอายุมากกว่า 150 ปีเขาเป็นผู้นับถือลัทธิเต๋าที่แท้จริง เขาน่าทึ่งมากเลยละ” จางปินกล่าวอย่างกังวลใจ
“งั้นคุณลองนี่สิ?” แม่จางปินเชื่อว่าคำโกหกของจางปินและให้น้ำแก่พ่อของจางปิน
"อ่า………" ทันทีที่พ่อจางปินดื่มเสร็จเขาก็เปล่งเสียงออกมาอย่างตกใจ
“น้ำนี้พิเศษจริงๆมันทำให้ฉันรู้สึกสบายตัวมากๆเลยละ”
“ดีจังเลย.” แม่จางปินตะโกนด้วยความดีใจ “งั้นหลังจากนี้พวกเราจะดื่มแต่น้ำนี้” จางปินก็มีความสุขมากเมื่อเห็นรอยยิ้มที่สดใสบนใบหน้าของพ่อกับแม่ของเขา
“แต่ลูกจะได้รับน้ำนี้ทุกวันเลยเหรอ” พ่อจางปินถามอย่างเป็นกังวลใจจากสัญชาตญาณของเขา เขารู้สึกว่าถ้าเขาดื่มยานี้ทุกวัน เขาจะหายได้จริงๆร่างกายของเขา เขารู้ดียิ่งกว่าใคร
ตราบใดที่เขาหายจากอาการเจ็บป่วย ครอบครัวก็จะต้องดีขึ้นแน่ๆ
“จริงสิ ยานี้ต้องเป็นของมีค่า จะกินได้ทุกวันจริงๆเหรอ” แม่จางปินมองจางปินแล้วถามอย่างกังวล
“ใช่ครับ เขาจะให้เขาเรื่อยๆเพราะผู้เฒ่านั้นเป็นอาจารย์ของผม เขาบอกว่าผมเป็นอัจฉริยะด้านวรยุทธ์ ดังนั้นเขาจึงยอมรับผมในฐานะลูกศิษย์” จางปินโกหกคำโตออกมา
เขามั่นใจว่า ถ้าเขาบอกว่าได้รับของจากดาวตกและทำทุกอย่างขึ้นมาเองคงไม่มีใครเชื่อเขาเพราะงั้นเขาเลยต้องโกหกออกมาแบบนี้
“ลูกแม่ ลูกล้อแม่เล่นใช่ไหม” แม่จางปินตกใจมาลูกชายของเธอปกติแล้วเอาชนะเด็กในวัยเดียวยังไม่ได้เลย เขาจะเป็นอัจฉริยะด้านวรยุทธ์ได้ยังไง?
"มันเป็นความจริง. ฉันจะแสดงให้แม่เห็นเอง." เมื่อจางปินพูดจบเสร็จเขาก็เดินออกไปและหยิบเครื่องบดหินในบ้านยกมันขึ้นเหนือหัวของเขา
"พระเจ้า! ฉันฝันไปหรือเปล่าเนี้ย?” พ่อและแม่ตกตะลึงอย่างไม่เชื่อสายตา พวกเขารู้ดีว่าเครื่องบดหินหนักขนาดไหน คนธรรมดาไม่สามารถยกมันได้อย่างแน่นอน
จางปินวางเครื่องบดหินบนพื้นและหัวเราะเบาๆ “ตอนนี้เชื่อผมแล้วสินะ? อาจารย์ของผมเป็นปรมาจารย์จริงๆและเขามีวิธีรักษาอาการเจ็บป่วยของพ่ออย่างแน่นอน”
“ดี…..ดีมาก.” นี่เป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยประกายแห่งความหวัง
จางปินช่วยพ่อของเขาลุกจากเตียงแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “อาจารย์ของผมบอกว่าหลังจากดื่มยา พ่อควรจะขยับร่ายกายให้มากกว่านี้เพื่อที่พ่อจะได้หายเร็วๆ”
จางปินและแม่ช่วยพ่อเดินไปทางซ้ายและขวาผ่านสวน
ยิ่งพ่อเขาเดินมากเท่าไหร่พ่อก็ยิ่งผ่อนคลายมากขึ้นรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเขาและเขาก็พูดออกมาว่ายานั้นช่างเหลือเชื่อจริงๆ
“ต้องขอบคุณลูกจริงๆนะหากไม่มีลูก พ่อคงอยู่บนเตียงตลอดชีวิต”
แม่ของเขาน้ำตาคลอ
“ฮ่าๆๆๆ.........ฉันช่างโชคดีอะไรอย่างนี้ ลูกฉันเก่งจริงๆ” พ่อเริ่มหัวเราะ
ทั้งสามพูดคุยและเริ่มหัวเราะออกมาตอนนี้ชีวิตของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวัง
จางปินเมื่อเห็นครอบครัวกลับมามีความสุขอีกครั้งก็คิดในใจถึงเรื่องต่อจากนี้ “ฉันต้องฝึกฝนให้มากขึ้น แข็งแก่รงขึ้น ฉันต้องเรียนรู้วิชาแพทย์ของเกาส์และทำให้ครอบครัวมีสุขภาพดี มีแต่ความสุข ฉันยังหาเงินเยอะๆเพื่อมาพัฒนาคุณภาพชีวิตครอบครัว ฉันจะแต่งงานกับเสี่ยงฟาง จากนั้น…”
วันรุ่งขึ้นจางปินไปที่ บริษัท เมล็ดพันธุ์และซื้อเมล็ดโสมกลับมา
เขาปลูกเพียง 20 เมล็ดบนหน้าผาที่ด้านล่างของภูเขาเป็นที่ๆคนธรรมดาไม่สามารถเข้ามาได้ หลังจากรดน้ำจิตวิญญาณจนเมล็ดงอกออกมาแล้วมันก็เติบโตช้ากว่าต้นพริกไทยมาก
“เราต้องมาโรยน้ำจิตวิญญาณทุกๆสามวันและอีก 2 ปีต่อมาแม้ว่ามันจะยังไม่เป็นโสมหนึ่งร้อยปี แต่มันน่าจะเป็นโสมหลายสิบปีถ้าแบบนั้นไม่ยากเลยที่จะขายมัน 15 ล้าน” ใบหน้าของจางปินเต็มไปด้วยความหวังเขารู้ถึงคุณค่าของโสมป่าซึ่งโสมป่าที่เติบโตมาเป็นร้อยปีจะมีน้ำหนักมากกว่า
30 กรัมและมีมูลค่ามากกว่า 3 ล้านหยวน
หากเขาสามารถปลูกโสมเหล่านี้ให้อายุ 100 ปีมันจะทรงคุณค่าจนทำให้ผู้คนต้องตกใจเป็นแน่แท้ ตอนนี้เหมือนเขากำลังปลูกทองคำ
น่าเสียดายที่ความสามารถในการสะสมพลังจิตวิญญาณของเขายังอ่อนแอ ตอนนี้หลังจากรดน้ำเสร็จเขาก็เริ่มหมดแรง ดังนั้นเขาจึงปลูกมันได้สูงสุดที่ 20 ต้น นี้คือข้อจำกัดในตอนนี้
“ถ้าฉันสามารถฝึกได้จนถึงขั้นที่ 2 ของวิชาต้นไม้สีเขียวอมตะ ก็คงจะดี”
จางปินบ่นออกมา “ความสามารถในการสะสมพลังวิญญาณของเรายังมีช่องว่างให้พัฒนาขึ้นอีกเยอะ เราต้องเก่งให้มากกว่านี้” เขาปีนหน้าผาและกลับมาด้วยความหวัง
ทันใดนั้นจางปินก็เห็นสุนัขจิ้งจอกตัวเล็กๆเดินโซเซออกมาจากป่าทึบและคุกเข่าตรงหน้าจางปิน มันมองเขาพร้อมน้ำตาคลอ
สุนัขจิ้งจอกตัวน้อยนี้มีขนาดเท่าลูกแมวตัวมันเป็นสีชมพูและแต่นี้ก็เข้าใจได้แล้วว่ามันน่ารักขนาดไหน
จางปินไม่เคยเห็นสุนัขจิ้งจอกที่คล่องแคล่วว่องไวและฉลาดขนาดนี้มาก่อนเขาคุกเข่าลงและอุ้มสุนัขจิ้งจอกตัวเล็กๆนี้เอาไว้แล้วถามออกมา
"มีอะไรผิดปกติ? ไม่สบายงั้นเหรอ?"
“เมี้ยว.........” สุนัขจิ้งจอกตัวน้อยส่งเสียงคร่ำครวญและยกเท้าขึ้นหนึ่งข้าง
เท้าของเธอดำคล้ำและมีกลิ่นเหมือนปลา “อ้อ งูพิษกัดสินะ”
จางปินขมวดคิ้วและมองมันระมัดระวังเขาดึงมีดรอบเอวของเขาออกมาและกรีดสร้างรอยแผลเล็กๆที่สุนัขจิ้งจอกเพื่อไล่พิษออกมา
สุนัขจิ้งจอกตัวน้อยไม่ได้ต่อสู้อะไรและมองหน้าจางปินด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความขอบคุณ
“เรายังไม่ได้เป็นหมอและไม่เหลือพลังอะไรแล้ว เราจะช่วยสุนัขจิ้งจอกตัวน้อยนี้ได้ยังไง” จางปินบ่นและคิดเล็กๆก่อนที่จะเริ่มรวบรวมพลังวิญญาณพร้อมอัดพลังวิญญาณเข้าไปในปากของสุนัขจิ้งจอก
ความประหลาดใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของสุนัขจิ้งจอกตัวน้อย
“สุนัขจิ้งจอกตัวน้อยนี้คงมาหาเราเพื่อขอความช่วยเหลือเพราะมันเห็นว่าเรามีความสามารถในการรวบรวมพลังวิญญาณ”
สีหน้าแปลกๆปรากฏบนใบหน้าของจางปิน เป็นครั้งแรกที่เขาสงสัยว่าอาจมีปีศาจในโลกนี้ เมื่อจางปินหมดแรงเขาก็หยุดส่งพลังวิญญาณให้อีกฝ่าย
สุนัขจิ้งจอกตัวน้อยยังคงมีชีวิตอยู่และดีมากแผลก็หายไปแล้วเธอชี้ไปที่หน้าผาและส่งเสียงแหลมๆออกมา
จางปินมองเธอด้วยความสับสน
หวือ...........
สุนัขจิ้งจอกตัวน้อยกระโดดไปอย่างเร็วเธอพุ่งไปไกลกว่า 100 เมตรและพริบตาเดียวก็ไปโผล่ตรงหน้าผาที่จางปินปลูกโสมเอาไว้
มันมองไปที่โสมของเขา จากนั้นดวงตาของมันก็มองตรงไปที่จางปิน
“เธอหมายถึงในอนาคตเธอจะดูแลโสมให้ฉันสินะ” จางปินถามด้วยความประหลาดใจ จิ้งจอกน้อยพยักหน้าซ้ำๆ
“พระเจ้า นี่ต้องเป็นเทพจิ้งจอกแน่ๆ เธอเข้าใจฉัน” จางปินตะโกนอย่างตกใจ