ตอนที่แล้วบทที่ 344 - เดม่อนลอร์ด (7) [22-03-2021]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 346 - เดม่อนลอร์ด (9) [26-03-2021]

บทที่ 345 - เดม่อนลอร์ด (8) [24-03-2021]


บทที่ 345 - เดม่อนลอร์ด (8)

"พลังที่นายใช้มันไม่ใช่สิ่งที่จะได้มาจากการวิเคราะห์พลังดันเจี้ยน"

เพราะขนาดของร่างเดม่อนลอร์ดทำให้ฉันไม่รู้จักเล็งหอกไปที่ไหน ในตอนนี้ฉันจึงเล็งหอกไปที่คอและพูดออกมา

"นี่มันคือพลังดันเจี้ยน"

[...]

เดม่อนลอร์ดไม่ได้พูดอะไรออกมา หรือบางทีฉันอาจจะไม่ได้ยินเสียงเขาก็ได้

ยังไงก็ตามดันเจี้ยนก็ยังคงคุกคามเอาชีวิตของเรา พื้นดินได้พุ่งขึ้นมาและท้องฟ้าได้ถูกแช่แข็ง แม่น้ำโลหิตที่ฉันได้กำจัดไปก่อนหน้านี้ได้ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง เศษเสี้ยวดวงจันทร์ที่ฉันได้ใช้พลังพระศิวะกับพลังซุสทำลายไปก็กำลังร่วงลงมาเป็นอุกกาบาตจำนวนนับไม่ถ้วน

[นายคิดว่าฉันจะเชื่องั้นหรอ? เชื่อว่าฉันกำลังถูกเธอควบคุมอยู่?]

"ฉันก็ไม่ได้มีเหตุผลอะไรให้นายต้องเชื่อนี่"

[เธอได้ควบคุมฉันและมอบพลังดันเจี้ยนมาให้ฉันโดยที่ฉันไม่รู้งั้นหรอ?]

"ใช่แล้ว"

[เพื่อให้ฉันมาสู้กับนายเนี้ยนะ?]

"ฉันก็ไม่รู้ มันอาจจะเป็นไปได้ หรือไม่ก็..."

ฉันได้นึกย้อนกลับไปในตอนแรกที่ฉันได้เป็นนักสำรวจดันเจี้ยน ในตอนนั้นฉันเป็นแค่คนธรรมดาเท่านั้น

ฉันได้ปืนดันเจี้ยนไปและแกร่งขึ้นด้วยการช่วยเหลือจากเธอ ในเวลาหนึ่งปีฉันก็สามารถที่จะเจอหน้าเธอได้

เธอทรงพลังเกินกว่าจินตนาการของฉัน เธอก็ยังชอบฉันมาก หากว่าเธออยากจะได้อะไรจากฉัน เธอก็สามารถจะเอามันไปได้ตามต้องการสิ

ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงได้ทำแบบนี้

เว้นก็แต่ว่าสิ่งที่เธอต้องการไม่อาจจะได้รับจากตัวฉันที่อ่อนแอได้ และจะได้รับก็ต่อเมื่อฉันแข็งแกร่งถึงระดับหนึ่ง ถ้าแบบนี้ก็เป็นไปได้

ฉันก็ยังเดาว่านั่นมันคืออะไร ความสามารถที่คนอื่นไม่มี ไม่ใช่ความสามารถในการใช้ภูติธาตุ ไม่ใช่วิญญาณสัมบูรณ์หรือวงจรเพรูต้า แต่เป็นความสามารถที่เป็นของฉันเพียงคนเดียวเท่านั้น ความสามารถที่ฉันได้ฝึกฝนมาตลอดทุกๆปี

ความสามารถที่ฉันก็ยังไม่เคยได้เห็นปลายทางของมัน

หากว่าฉันคิดถูก ถ้าแบบนั้นเดม่อนลอร์ดก็จะต้องเป็นเครื่องสังเวยสำหรับพัฒนาการของฉัน แน่นอนว่าต่อให้ฉันบอกเขาไป เขาก็ไม่เชื่อฉันแน่

ฉันได้ปล่อยวางความคิดพวกนี้เอาไว้ก่อน และถามกับเดม่อนลอร์ดนิ่มๆ

"แล้วนายจะเอายังไงต่อล่ะ?"

[... ฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!]

จู่ๆเดม่อนลอร์ดก็ได้ระเบิดหัวเราะออกมา เพราะขนาดของเขาได้ทำให้เสียงหัวเราะได้ดังไปทั่วทั้งดันเจี้ยนจนทำให้เขาจบหู บางส่วนของดันเจี้ยนที่ลอยเข้ามาหาเราจู่ๆก็หยุดอยู่กลางอากาศ

[เยี่ยม ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้ว ฉันยอมรับว่าฉันถูกเธอปั่นหัว!]

เดม่อนลอร์ดได้ยกมือที่มีมานาสีชาดถูกรวบรวมเข้ามาขึ้น

[แต่ว่าทั้งนายและเธอต่างก็โอหังกันเกินไป! นายไม่ควรจะบอกเรื่องนี้กับฉัน!]

เดม่อนลอร์ดได้หดตัวลงไปเล็กน้อย ในทางกลับกันมานาที่ถูกรวมอยู่ตรงฝ่ามือของเขาได้มีขนาดใหญ่ขึ้น ฉันรู้สึกคุ้นเคยกับมานานี้เอามากๆ นี่ก็คือมานาดันเจี้ยน มานาของเชอร์ราฟิน่า!

[ตอนนี้ฉันรู้แล้ว ฉันเชื่อว่ามันคือของฉัน แต่จริงๆแล้วกลับไม่ใช่]

เสียงของเขาได้เบาลงไป แต่ว่าพลังที่ฉันรู้สึกได้มีแต่จะเพิ่มขึ้น

ในท้ายที่สุดพลังบนฝ่ามือของเขาได้สาดแสงออกมาและพยายามจะครอบคลุมทั้งตัวเข้า แต่ว่าเดม่อนลอร์ดก็ได้ปล่อยพลังปีศาจสีดำออกมาจากร่างและแยกพลังดันเจี้ยนออกมา

[ไม่มีใครที่จะควบคุมฉันได้!]

หมอนี่บ้าไปแล้ว!

ดันเจี้ยนได้แตกกระจายไปในทันที

พวกเราได้กลับมาที่โลก ภายใต้ท้องฟ้าก็ยังเป็นสีดำสนิท และมีกลุ่มเมฆสีแดง เสียงร้องแห่งความสิ้นหวังก็ดังออกมา มอนสเตอร์จำนวนนับไม่ถ้วนกำลังวิ่งอารวาดไปทั่ว ทวีปมอนสเตอร์ได้เริ่มการโจมตีสุดท้ายอย่างที่ฉันคาดเอาไว้แล้ว

[ฉันคือราชาแห่งปีศาจทั้งมวล ผู้ที่มีพลังแห่งความชั่วร้ายทั้งหมด! ไม่มีใครที่จะเลวร้ายไปกว่าฉันและไม่มีใครที่จะอยู่เหนือฉันได้!]

เดม่อนลอร์ดได้กางแขนของเขาออกมา เขากำลังดูดซับพลังแห่งความตายที่อยู่เต็มในพื้นดินอย่างชัดเจน! ฉันได้รีบเปิดช่องว่างมิติพิเศษและปล่อยชิ้นส่วนโลหะเข้าใส่เขาในทันที

ในเวลาเดียวกันฉันก็พยายามจะดูดซับพลังแห่งความตายก่อนที่เขาจะได้ทำอีกด้วย แต่เหมือนกับว่าเพราะเขาแยกพลังดันเจี้ยนออกมาได้ทำให้เขาแกร่งขึ้น เขาจึงได้เริ่มดูดพลังด้านลบทั้งหมดบนโลกไป

มันไม่ใช่แค่พลังแห่งความตายเท่านั้น เขากำลังใช้พลังที่ฉันไม่เคยเจอมาก่อน เดม่อนลอร์ด ฉายานี้คงไม่ได้มาจากแค่การเป็นหัวหน้าของเผ่าพันธ์ปีศาจเท่านั้นแน่นอน

[เพราะแบบนั้น ฉันจะเอาทุกอย่างมาจากนายและปกครองโลกทั้งหมด!]

"ถึงเวลาหยุดเพ้อฝันได้แล้ว!"

ร่างของเดม่อนลอร์ดได้หดขนาดเล็กลงมาเหลือแค่ครึ่งเดียวจากเดิม ฉันได้มองไปที่มานาที่ถูกบีบอัดบนมือเขาและเดาะลิ้นออกมา

"แค่คำพูดไม่กี่คำก็มีผลกับเขามากขนาดนี้เลย เขามีพรสวรรค์มากกว่าที่ฉันคิดอีกแหะ"

"ลูกประมาทไปแล้วนะ"

"หืม?"

ฉันได้หยักไหล่ออกมา

"พ่อพูดอะไรกัน? ผมตั้งใจจะถ่วงเวลาเพื่อหาวิธีเอาพลังดันเจี้ยนมาจากเขา ที่เรามีปัญหากันเพราะเรื่องนั้นนี่"

"...นี่ลูกจะบอกว่าตั้งใจให้เป็นแบบนี้งั้นหรอ?"

"คุณชินกำลังจะบอกว่าคุณชินได้ควบคุมเดม่อนลอร์ดหรอ? ในที่สุดคุณชินก็อยู่ในระดับเทพเจ้าแล้วสินะ!"

"ไม่หรอก มันไม่ได้น่าทึ่งอะไรเลย อย่าพูดเกินจริงแบบนั้นสิ"

ในขณะที่พ่อกับสุมิเระอดไม่ได้ที่จะปิดปากอย่างตกตะลึง เยอึนที่พร้อมจะใช้โซ่สีทองของเธอเข้าไปหยุดเดม่อนลอร์ดก็หันหน้ามาถามฉัน

"แล้วทำไมชินถึงเดาะลิ้นล่ะ?"

"หากคนเราได้เห็นคนมีพรสวรรค์ก็ต้องอิจฉากันเป็นธรรมดานี่นา สถานการณ์น่ะกำลังเข้าข้างเราอยู่"

"งั้นหรอ?"

"แน่สิ"

ฉันได้ตอบออกไปแบบนี้และยกหอกขึ้นมา จิตสังหารของเดม่อนลอร์ดก็ยังคงพุ่งเป้ามาที่ฉัน

"อย่างแรกเลยนะตอนนี้ดันเจี้ยนคือศัตรูของเรา เพราะงั้นมันจะดีหรอกว่าปล่อยดันเจี้ยนไว้แบบนี้?"

"นี่ลูกกำลังยั่วยุให้เขาทำลายเหตุการณ์ดันเจี้ยนงั้นหรอ?"

"มีเหตุผลอื่นอีกเหมือนกัน"

ในขณะที่เดม่อนลอร์ดได้เอาพลังปีศาจบนโลกมารวมกันในจุดๆเดียว แขนขวาของเขาก็ขาดลง แขนที่ขาดได้พองขึ้นมาครู่หนึ่งก่อนจะสูญเสียพลังและหายไป ในพื้นที่ใกล้ๆนี้ก็มี 'เขา' ปรากฏตัวขึ้นมา

เคน

"ชัดเลยว่าด้วยพลังมากขนาดนี้ เขาก็น่าจะเป็นหนึ่งในคนที่เก่งที่สุดท่ามกลางศัตรูแห่งโลก"

[อ๊าาาาาาาาาาา!?]

"ยอมแพ้เรื่องแขนนั่นไปได้เลย ฉันได้แลกการที่จะใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้อีกกับการโจมตีครั้งนี้ เพราะงั้นมันยากที่จะฟื้นฟูแขนนายกลับมา"

เคนได้สะบัดหอกที่เริ่มสูญเสียแสงของมันไปอย่างช้าๆด้วยน้ำเสียงที่เบาสลาย เคนได้ขี่อยู่บนสเลปนีร์ ม้าที่แสนโด่งดังของโอดินที่พร้อมจะพุ่งไปข้างหน้าตลอดเวลา

[คุ คุคุคุคุ! น่าสมเพช!]

ก่อนหน้านี้เดม่อนลอร์ดได้ร้องออกมาอย่างเจ็บปวด แต่ไม่นานเขาก็เริ่มหัวเราะออกมา สิ่งที่พุ่งออกมาจากบาดแผลเขากลับเป็นพลังปีศาจแทนที่จะเป็นเลือด เขาได้วางมือซ้ายที่บาดเจ็บเอาไว้ที่บริเวณแผลพร้อมทั้งหัวเราะต่อไป

[ใช่แล้ว แบบนี้แหละ! ความเจ็บปวดแบบนี้ และความเกลียดชังมากมาย! นี่คือสิ่งที่ฉันรู้สึกได้ในตอนที่ฉันพิชิตทวีปลูก้า! อ๊า ฉันนี่มันโง่ขนาดไหนกันที่ไปพึ่งในพลังที่ไม่ใช่ของตัวเอง!? หลังจากพิชิตทวีปลูก้าแล้ว ฉันก็เชื่อไปว่าฉันแกร่งขึ้น แต่ไม่เลย! ฉันได้เอาพลังที่ควบคุมไม่ได้มาปิดกั้นตัวเอง!]

"แล้วถ้าแบบนั้นนายก็ล้มเลิกที่จะเอาพลังของฉันไปแล้วด้วยสินะ?"

[ไม่หรอกฮีโร่ นายก็น่าจะรู้คำตอบดีแล้วนะ พลังของนายน่ะแตกต่างไปจากพลังที่ยุ่งเหยิงของดันเจี้ยน! มันคืออำนาจ! ผู้ที่พยายามแย่งชิงพลังจะเป็นผู้ได้รับความนิรันดร์มา! เข้ามาเลย! ฉันจะก้าวข้ามทุกๆอย่างรวมถึงพวกโง่โอหังที่อยู่บนหอคอยบาเบลด้วย!]

พลังปีศาจได้ถูกระเบิดออกมารอบตัวเดม่อนลอร์ดโดยไร้สัญญาณเดือนใดๆ มันทรงพลังมาพอที่จะสร้างบาดแผลร้ายแรงให้กับฉันได้เลย! แต่โชคดีที่ในตอนนี้ฉันยังคงสถานะความเร็วศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ทำให้ฉันตอบโต้ได้เร็วพอ

ฉันได้ควบคุมชิ้นส่วนโลหะที่เอาออกมาก่อนหน้านี้เพื่อไปป้องกันการระเบิดของพลังปีศาจ ชิ้นส่วนโลหะได้ลอยออกไปปกคลุมพลังปีศาจเอาไว้และกำจัดพลังพวกนี้ทิ้งไป

ยังไงก็ตามการโจมตีของเดม่อนลอร์ดก็ไม่ได้ลดน้อยลงไปเลย

[มีแค่นี้เองงั้นหรอ!? แสดงพลังนั่นออกมาให้ฉันดูอีกสิ! พลังที่จะกลายมาเป็นของฉันน่ะ!]

หอกพลังปีศาจได้เริ่มพุ่งเข้ามาหาเรา นอกจากนี้ก็ยังมีเวทย์ที่ทำให้ฉันนึกไปถึงการต่อสู้กับมังกรเต็มอยู่บนท้องฟ้าอีกด้วย

ความต่างเดียวก็คือนี่คือเวทย์ของเดม่อนลอร์ดที่เป็นปีศาจ ไม่ใช่เวทย์ของมังกร เมื่อผ่านไปสักพักฉันก็ได้เต็มบาดแผลเล็กๆเริ่มปรากฏขึ้นตามตัวพรรคพวกของฉันทำให้ฉันต้องถามออกมาด้วยความเป็นห่วง

"สุมิเระ เธอป้องกันมันได้ไหม!?"

"ได้ค่ะคุณชิน!"

"หุหุ น่าตื่นเต้นมาก!"

ในขณะที่สุมิเระตอบกลับมาอย่างเป็นกังวล เยอึนที่กระหายการต่อสู้ก็ดูจะถูกกระตุ้นเข้าให้แล้ว ออร่าสีทองจากตัวเธอได้เปลื่ยนไปเป็นออร่าสีดำน้ำเงินในทันที

"มาเล่นกับฉันนี่! ใช้เวทย์นั่นให้มากกว่านี้!"

[อ๊า ฉันไม่ได้สนใจเธอ!]

เยอึนได้พุ่งเข้าใส่เดม่อนลอร์ดและเริ่มกดดันเขาถอยไปด้วยอาวุธบนมือเธอ ยังไงก็ตามเธอได้ใช้พลังมากกว่าแต่ก่อนมาก ถึงแม้ว่าเธอจะทำให้เดม่อนลอร์ดบาดเจ็บได้ แต่ว่าฉันจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้

"ลีออน!"

เสียงของฉันได้ดังออกไปทั่วทั้งท้องฟ้า เสียงตอบกลับก็ดังกลับมาอย่างรวดเร็ว

[เตรียมการเสร็จแล้วเพื่อ]

"ถ้างั้นก็เริ่มได้เลย!"

เสียงดังสนั่นที่มากพอจะกลบเสียงระเบิดของพลังปีศาจได้ดังกังวานออกมาในทันที เครื่องบินรบหลายพันลำได้บินพุ่งขึ้นมาบนท้องฟ้า นี่เป็นภาพที่น่าจดจำอย่างแท้จริง ฉันจินตนาการได้เลยว่ามันยากแค่ไหนที่จะป้องกันเครื่องบินรบทั้งหมดจากการการอารวาดของมอนสเตอร์

[หืม!? เศษโลหะที่บินได้งั้นหรอ? นี่น่ะหรอพลังของโลก!?]

"ปกติแล้วมันจะไม่ได้ผลกับนายหรอกนะ"

แต่ว่าลีออนเป็นคนควบคุมมันอยู่

[ฉันไม่สามารถควบคุมแบบซับซ้อนได้! ฉันไม่อาจจะดึงพลังทั้งหมดของเครื่องบินออกมาได้!]

เป็นอย่างที่เขาบอก ไม่ว่าเขาจะควบคุมมานาได้น่าทึ่งแค่ไหน มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะควบคุมเครื่องบินรบโจมตีเป้าหมายเดียว แค่เขาควบคุมเครื่องบินรบหลายพันลำบรรทุกระเบิดก็น่าทึ่งพอแล้ว

"ไม่ต้องห่วง แค่นี้ก็พอแล้ว กลับไปเถอะมันอันตรายแล้วก็ส่งลิโคไรท์มา"

"ฉันอยู่นี่แล้วที่รัก"

ลิโคไรท์ได้ปรากฏตัวขึ้นข้างหลังฉันก่อนที่ฉันจะได้สังเกตุเหมือนกับการเทเลพอต

หลังจากเธอวิวัฒนาการขึ้นเป็นจักรพรรดินี ลิโคไรท์ดูจะงดงามขึ้นกว่าเก่า เธอสามารถจะได้รับฉายาของหญิงสาวที่งดงามที่สุดในโลกไปได้เลย เขาทั้งสองข้างที่งอกขึ้นจากหน้าผากเธอยิ่งเป็นเครื่องตกแต่งความงามของเธอขึ้นไปอีก

นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เดเม่อนลอร์ดได้มองสำรวจร่างลิโคไรท์กับร่างฉันอย่างใกล้ชิด

[ฮีโร่... นี่นายกลายเป็นพ่อพันธ์งั้นหรอ!?]

"หยุดความคิดสกปรกนั่นไปได้เลย"

ฉันได้แค่นเสียงกลับไป

[การที่ได้มาเจอผู้หญิงอีกคนที่ตรงกับรสนิยมของฉันนี่ช่างดีจริงๆ เมื่อฮีโร่ตายไป พลังของเขาก็จะเป็นของฉัน แม่พันธ์ที่งดงามนี่ก็จะมาเป็นของฉัน ฉันคือราชาแห่งปีศาจทั้งหมด ราชาแห่งความชั่วร้ายทั้งหมด! ฉันจะปกครองทุกๆอย่าง!]

ลิโคไรท์ได้แสดงสีหน้าตกตะลึงและกระซิบข้างหูฉันอย่างมึนงง

"ที่รัก นี่เขาบ้าไปแล้วหรอ?"

"แค่เห็นเขาเธอกน่าจะรู้แล้วนี่"

ในตอนนี้เองจู่ๆหนึ่งในเครื่องบินรบก็ระเบิดขึ้นมา นี่คือสิ่งที่เดม่อนลอร์ดทำขึ้นมา

[ฮีโร่ ทำไมถึงไม่เคลื่อนไหวอะไรหน่อยล่ะ? นี่นายกลัวฉันงั้นหรอ? หรือว่าเศษโลหะบินได้พวกนี้คือไพ่ตายของนาย!?]

พลังปีศาจได้เริ่มกระจายออกไปเหมือนกับหนวด ในตอนนี้เองลิโคไรท์ก็ได้แตะหลังฉันด้วยรอยยิ้มทำให้มานาไร้ขีดสุดในตัวเธอได้เริ่มถูกส่งมาให้ฉัน

ไม่ใช่แค่มานาของเธอเท่านั้น แต่เธอยังเป็นตัวกลางส่งมานาของซัคคิวบิทั้งหมดมาให้ฉันอีกด้วย

ฉันได้ใชพลังของฉันด้วยมานาของพวกเธอ พลังของเครื่องจักรสังหารที่ฉันได้เปลื่ยนให้มาเป็นพลังของฉันอย่างสมบูรณ์ พลังที่จะเสริมพลังให้กับอาวุธและควบคุมอาวุธทั้งหมด

เครื่องบินรบทั้งพันลำได้พุ่งเข้าใส่เดม่อนลอร์ดซึ่งแต่ล่ะลำต่างก็มีมานาของฉันและกำลังใช้ความเร็วศักดิ์สิทธิ์

การระเบิดครั้งใหญ่ได้ปะทุขึ้น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด