GOI ตอนที่ 71 รอยยิ้มนั้นช่างงดงามยิ่งนัก!
มีทั้งหมดห้าร้อยห้องจากศิษย์ใหม่ของสถาบันชิงหลัว ถูกแยกด้วยหมายเลขตั้งแต่หนึ่งถึงห้าร้อย
150 ห้องแรกถูกรับเข้ามาโดยสถาบัน พวกเขาจะอยู่ใน ‘บริเวณคนรวย’ ส่วนอีก 350 ห้องที่เหลือคัดเกณฑ์จากการสอบเข้าโดยรับสมัครทั่วทั้งทวีป
หนึ่งห้องมีจำนวนคร่าวๆ 10-20 คน และศิษย์ใหม่ทุกปีจะมีประมาณ 8000 คน แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถกลายเป็นศิษย์อย่างเป็นทางการของสถาบันได้ มีศิษย์ใหม่ราวๆ สามในสิบส่วนที่ถูกคัดออกทุกครั้ง
วิธีคัดออกคือการประลองระหว่างห้อง ช่วงสุดท้ายของการเรียน!
อย่างไรก็ตามการจะถูกคัดออกไม่ได้เกี่ยวกับชัยชนะแต่เป็นความสามารถที่เผยออกมาในแต่ละรอบ และหากศิษย์ใหม่สมัครเข้าสู่สาขาใดๆ ก็ตามแล้วมีอาจารย์ในสาขานั้นตอบรับ ขอแสดงความยินดีด้วย คนผู้นั้นสอบผ่าน!
ด้วยเหตุนี้เอง ทุกคนจึงพยายามอย่างมากในการแสดงความสามารถระหว่างการประลองระหว่างห้องเรียน
ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ใช่ว่าศิษย์ใหม่จะไม่มีโอกาสแสดงความสามารถก่อนการประลอง หนึ่งในโอกาสคือคาบชุมนุม!
คาบชมุนุมรวบรวมห้องเรียนสิบห้องสร้างเป็นหนึ่งกลุ่ม โดยศิษย์ใหม่จากห้องต่างๆ จะประมือกัน พวกที่เผยความสามารถโดดเด่นออกมาจะถูกแนะนำให้อาจารย์จากสาขาโดยอาจารย์ที่รับผิดชอบสอนคาบชุมนุม
พูดง่ายๆ คือหากได้รับการแนะนำ ไม่ยากเลยที่คนผู้นั้นจะกลายเป็นศิษย์สถาบันชิงหลัวอย่างเป็นทางการ
จึงทำให้การแข่งขันในคาบชุมนุมดุเดือดเป็นอย่างมาก!
โดยเฉพาะใน ‘พื้นที่สามัญ’ พวกเขาแทบจะสู้จนตายในแต่ละคาบ!
เพราะห้องเรียนคนเถื่อนไม่ได้เข้าร่วมในหนึ่งเดือนที่ผ่านมา พวกเขาจึงอดเรียนคาบชุมนุมทั้งหมดสิบคาบ และคาบชุมนุมมีทั้งหมดสิบห้า...
พูดอีกอย่างก็คือไม่มีเวลามากนักสำหรับศิษย์ห้องคนเถื่อนที่จะใช้ประโยชน์จากทางลัด!
“ศิษย์นักเรียนทั้งหลาย ข้าคืออาจารย์จากสาขากระบี่พิฆาต พวกเจ้าสามารถเรียกข้าว่าอาจารย์เฝิง และข้าเป็นอาจารย์รับผิดชอบคาบชุมนุมครั้งนี้”
อาจารย์จากคาบชุมนุมแตกต่างกันไปในแต่ละคาบเพื่อยืนยันว่าทุกสายสามารถมองหาศิษย์ที่มีแวว อย่างไรเสียอาจารย์บางคนเพียงสนใจแต่ศิษย์สายเดียวกับพวกเขา
เป็นข่าวดีสำหรับห้องคนเถื่อน มิเช่นนั้น ไม่ว่าอาจารย์จะใจดีเพียงใดเขามีอันต้องโกรธเกรี้ยวเป็นแน่แท้หากมีคนโดดเรียนสิบคาบซ้อนทั้งห้อง...
ถึงแม้อาจารย์จะเปลี่ยนแต่ไม่ใช่เช่นนั้นกับศิษย์ ห้องเรียนหมายเลข 450-459 เป็นกลุ่มเดียวกัน แน่นอนว่ารวมห้องคนเถื่อนหมายเลข 456 ไปด้วย พวกเขาทุกคนล้วนมองศิษย์ห้องคนเถื่อนด้วยสีหน้าแปลกประหลาด
“ข้าเดาว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเจ้าทุกคนเรียนคาบชุมนุม ข้าจึงไม่เสียเวลากับเรื่องไร้สาระและข้าหวังว่าทุกคนจะทำให้ดีที่สุดตลอดช่วงเช้านี้!”
อาจารย์เฝิงถอยหลังหนึ่งก้าวพลางเอ่ย เขานิ่งเงียบจ้องมองศิษย์ทั้งสิบห้อง สำหรับอาจารย์ประจำห้องคนอื่นๆ พวกเขาถูก ‘แยกตัว’ เพื่อหลีกเลี่ยงการลำเอียง อย่างน้อยพวกเขาจะไม่ปรากฎตัวในคาบชุมนุม
เมื่ออาจารย์เฝิงเอ่ยจบ ศิษย์สองคนเดินออกมาจากห้อง 450 และเพราะทุกคนล้วนสวมชุดเดียวกัน จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะบ่งบอกว่าเขาถนัดสายไหน
“พวกเราคือหวังเย่และจางฮ่าวจากห้อง 450 พวกเราต้องการประลองกับสหายนักเรียนห้อง 456”
ทั้งสองมีสีหน้าเมตตากรุณาเป็นอย่างมาก ไม่ยากเลยที่จะบอกว่าความ ‘เมตตา’ ของพวกเขาแฝงไว้ซึ่งความเหยีดหยามอันลึกล้ำ
อย่างไรเสียห้องเรียนคนเถื่อนก็มีชื่อเสียงเฉพาะตัวอยู่!
ชื่อเสียงในฐานะที่โหล่ในหมู่ศิษย์ใหม่ของสถาบันชิงหลัวไม่ได้เพิ่งแพร่กระจายไปวันสองวัน และการก่อสร้างห้องคนเถื่อนขึ้นใหม่ยังทำให้ศักดิ์ศรีของ ‘บริเวณสามัญ’ ต้องเสื่อมเสียอีก ด้วยเหตุนี้ ห้องอื่นๆ ต่างก็ ‘ตื่นเต้น’ เป็นอย่างมากเมื่อเผชิญหน้ากับ ‘สหายนักเรียน’ ที่เพิ่งกลับมา
ศิษย์จากห้องคนเถื่อนทั้งหมดมีสีหน้าตกตะลึงระคนสับสน ถึงแม้เสวี่ยอิ่งได้รวบรวมนำทางพวกเขามาก่อนที่คาบชุมนุมจะเริ่ม แต่นอกจากเอ่ยเน้นย้ำเรื่องมารยาทแล้วนางก็ไม่ได้พูดสิ่งใดเกี่ยวกับกฎของคาบชุมนุม เป็นเหตุให้พวกเขาไม่รู้ว่าควรทำเช่นไรดีในตอนนี้...
“หมายความว่า...อย่างไร?”
เมื่อได้ยินคำถามของป๋ายเสี่ยวเฟย ศิษย์จากห้องอื่นไม่อาจทนได้อีกต่อไป พวกเขาระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ทั้งสองคนนั้นกระทั่งหัวเราะอย่างเหยียดหยามด้วยซ้ำ
“สหายนักเรียน ข้าได้ยินว่าพวกเจ้าไป ‘ฝึกพิเศษ’ มา สมองของพวกเจ้าเน่าเปื่อยในระหว่างฝึกหรือ?”
มีศิษย์คนหนึ่งตัวสูงผอมในหมู่คนดูพูดออกมา ทุกคนหัวเราะดังลั่นอีกครั้ง
“ศิษย์ของพวกเจ้าควรส่งสองคนมาประลองกับพวกเขา และข้าจะตัดสินตามความสามารถที่เจ้าแสดง”
เสียงของอาจารย์เฝิงดังขึ้น กล่าวได้ว่าเขาเอาใส่ใจต่อการสอนไม่น้อย
“ต้องเป็นสองคนด้วยหรือ?”
ป๋ายเสี่ยวเฟยถาม เขาอดไม่ได้ที่จะมุ่นคิ้วเข้าหากันพลางมองไปที่หวังเย่และจางฮ่าว
“สหายนักเรียน อย่าบอกนะว่าเจ้าอยากส่งคนมาเพิ่ม?”
คำถามเหยียดยันดังออกมาจากฝูงชนอีกครา มีคนตอบโดยทันที
“เข้าใจพวกเขาหน่อย อย่างไรเสียก็เป็นครั้งแรกสำหรับพวกเขาที่มาเรียนคาบชุมนุม และเจ้าได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับห้องคนเถื่อนแล้ว จะสองหรือสี่ก็ไม่ต่างกันเท่าใดนัก”
คำตอบนั้นได้รับการยอมรับจากผู้คนด้วยเสียงหัวเราะที่ดังกว่าเดิม
“นักเรียน เพื่อความเท่าเทียมแล้ว ห้องของเจ้าไม่อาจส่งคนมากกว่านี้ได้”
อาจารย์เฝิงยังคงพยายามอย่างมากเพื่อควบคุมน้ำเสียง แต่เขามีความประทับใจที่แย่กับห้องคนเถื่อนเพราะจะมีเมล็ดพันธุ์ล้ำค่าในห้องที่ไม่กล้าต่อสู้ได้อย่างไร?
“อาจารย์ ท่าน..”
โม่ข่าอยากอธิบาย แต่ป๋ายเสี่ยวเฟยรั้งเขาไว้ เขาเผยรอยยิ้มจางพลางมองไปยังทั้งสองที่หัวเราะไม่หยุด
“ใครจะไป?”
เมื่อป๋ายเสี่ยวเฟยเอ่ยจบ ห้องคนเถื่อนทั้งหมดก้าวขาออกมาหนึ่งก้าวโดยพร้อมเพรียง เสียงของฝีเท้าที่ดังพร้อมกันราวกับฝึกซ้อมมาทำให้คนอื่นตะลึงเล็กน้อย
‘ใครจะไป?’
‘หมายความว่าเช่นใด?’
‘อย่าบอกนะว่าพวกเขาจะส่งมาแค่คนเดียว!?’
การคาดคะเนของทุกคนได้รับการยืนยันเพราะฉิงหนานเป็นคนโชคดีที่ถูกป๋ายเสี่ยวเฟยเลือก
“ฉิงหนาน นักเชิดหุ่นสายจู่โจมระยะไกล”
ฉิงหนานเอ่ยพลางหยิบธนูไร้สายออกมา พวกป๋ายเสี่ยวเฟยอดไม่ได้ที่จะเผยสีหน้าเหยียดหยามใส่ฉิงหนานเมื่อเห็นเช่นนี้
‘ไอ้หมอนี่กำลังเล่นละคร!’
‘เจ้าต้องใช้หุ่นเชิดด้วยหรือ? บัดซบเอ๊ย!’
“แค่เจ้าคนเดียว?”
ทั้งสองไม่อาจทำใจเชื่อสายตาตัวเองได้ลงเพราะสำหรับพวกเขาแล้ว นักเชิดหุ่นสายจู่โจมระยะไกลคนเดียวไม่ต่างอะไรไปจาก ‘อาหาร’...
“ช่วยไม่ได้ พวกเขาล้วนไม่มีใครกล้าออกมา อย่าไปหลงเชื่อการแสดง พวกเขาทั้งหมดล้วนปอดแหกขี้ขลาด และมีเพียงข้าที่สามารถแบกรับความรับผิดชอบนี้ได้!”
ฉิงหนานเผยสีหน้าช่วยไม่ได้ ทุกคนในห้องคนเถื่อนจดจำคำพูดพวกนี้ไว้ในใจ
‘พูดได้ดีไอ้หนู ขอดูหน่อยเถิดว่าเจ้าจะแบกรับความรับผิดชอบได้หรือไม่เมื่อเจ้ากลับมา!’
‘อย่าคุกเข่าขอร้องเสียล่ะ ข้าไม่อยากฟังน้ำเสียงเจ้าตอนร้องโอดครวญเมื่อโดนสั่งสอน!’
“ถ้าเป็นเช่นนั้น พวกข้าก็จะไม่ออมมือ”
ทั้งคู่จ้องตากันพลางเผยรอยยิ้ม ในขณะเดียวกันพวกเขานำหุ่นเชิดของตนออกมา หนึ่งคือขวานขนาดใหญ่ อีกหนึ่งคือท่อนไม้!
ทั้งหมดเป็นสายพิฆาต พวกเขาเป็นฝ่ายท้าประลองเพียงเพื่อสร้างความประทับใจให้อาจารย์เฝิง!
“เดี๋ยว! เดี๋ยว! เดี๋ยว! สายธนูข้าขาด!!”
เมื่อทั้งสองกระโจนเข้ามา ฉิงหนานเผยสีหน้า ‘หวาดกลัว’ เขาปาธนูลงพื้นเพราะความตื่นตระหนก
แต่หวังเย่และจางฮ่าวไม่มีทีท่าจะหยุดลงแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาที่พวกเขาเข้ามาภายในระยะจู่โจมของฉิงหนาน พวกมันเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ และรอยยิ้มนั้นช่างงดงามยิ่งนัก...