Chapter 23 - 24: ถูกนักเลงดักกลางทาง! (อ่านฟรี)
Chapter 23: เจ็บปวด
หยูหมิงซีงุนงง เธอไม่เข้าใจว่าพวกเขาพูดเรื่องอะไรกัน
“เอ่อ จริงๆแล้วเมื่อวานฉันก็ไม่ได้ทำอะไรมาก นายไม่กลัวว่าฉันจะแค่แกล้งทำเหรอ? และฉันเองก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการต่อสู้ด้วย”
กู้หนิงตอบคำถามมู่เค่อทันทีและถามเขากลับ
“ถึงฉันจะคิดผิด แต่เธอก็สู้เก่งกว่าฉัน ถ้าเธอเต็มใจรับฉันเป็นลูกศิษย์จะดีมาก! มู่เค่อมองกู้หนิงอย่างจริงใจ
ถ้ากู้หนิงเป็นเพียงเด็กสาวธรรมดาๆ เธอคงไม่สามารถล้มผู้ชายตัวโตได้ถึงสามคนง่ายๆ
เธอต้องเป็นเจ้าแม่แห่งวงการต่อสู้แน่!
มู่เค่อกังวลว่ากู้หนิงจะปฏิเสธเขา ดังนั้นจึงเอ่ยสำทับขึ้นมาอีกว่า “ฉันจะไม่รบกวนเวลาเรียนเธอ เอาไว้เธอว่างค่อยมาสอนฉันและฉันจะจ่ายค่าเรียนให้เธอหรืออะไรก็ได้ที่เธออยากจะให้ฉันทำ”
มู่เค่อกล่าวอย่างจริงใจเพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นของเขา
กู้หนิงลังเลในตอนแรกแต่ตอนนี้เธอรู้สึกประทับใจ
เธอนึกถึงอันเฉียน
กู้หนิงมีเพื่อนน้อยมากขณะที่มู่เค่อมาจากครอบครัวที่มีอำนาจ เธออาจจะได้ขอความช่วยเหลือจากเขาในอนาคตก็ได้
กู้หนิงยอมรับว่าเธอทำแบบนี้เพื่อตัวเธอเองและยังเป็นเพราะมู่เค่อเป็นเด็กหนุ่มนิสัยดีและอาจจะเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่งก็ได้
ดังนั้นกู้หนิงจึงเอ่ยตอบกลับไปว่า “ฉันสอนนายได้ถ้านายต้องการ แต่นายไม่จำเป็นต้องลูกศิษย์ฉัน เงินนายฉันก็ไม่ต้องการเหมือนกัน สิ่งที่ฉันต้องการคือความช่วยเหลือและการสนับสนุนจากนาย”
“จะ..จริงเหรอ?” มู่เค่อตื่นเต้นดีใจที่กู้หนิงยอมตกลง
“หลังเลิกเรียนฉันว่างแล้วจะมาสอนนาย” กู้หนิงเอ่ย
“จะ..จริงเหรอ?” มู่เค่อเอ่ยถามอีกครั้งด้วยความตื่นเต้น มันดีมากสำหรับเขา “ดะ ได้ ได้” เขาเอ่ยละล่ำละลัก
มู่เค่อพูดตะกุกตะกักบ่งบอกว่าเขากำลังดีใจสุดสุด ถ้ากู้หนิงไม่ได้อยู่ที่นี่เขาคงกระโดดตัวลอยไปแล้ว
จากนั้นมู่เค่อชวนกู้หนิงกินข้าวกับเขา กู้หนิงตกลง เธอและหยูหมิงซีเดินตามมู่เค่อไปยังโรงอาหารชั้นสอง
(*ความคิดเห็นของผู้แปล ไม่แน่ใจว่าทางโรงเรียนของจีนมีแบ่งเวลาทานอาหารช่วงบ่ายด้วยมั้ย อันนี้แปลตามฉบับแปลอังกฤษค่ะ)
หยูหมิงซีอยากรู้ว่าพวกเขาพูดอะไรกันแต่ไม่รู้ว่าจะถามอย่างไรดี
แม้ว่ากู้หนิงไม่ต้องการให้มู่เค่อเป็นลูกศิษย์ แต่มู่เค่อยืนกรานที่จะเรียกกู้หนิงว่า ‘บอส’ เพื่อสร้างความสนิทสนมกับเธอ
กู้หนิงไม่เต็มใจในตอนแรก เธอไม่ชอบถูกเรียกว่า ‘บอส’
ถึงอย่างนั้นมู่เค่อก็ยังยืนยันที่จะเรียกเธอว่า ‘บอสหรืออาจารย์’
เปรียบเทียบกับ ‘อาจารย์’ แล้ว คำว่า ‘บอส’ ยังฟังดูเข้าท่ากว่า
ระหว่างมื้ออาหารมู่เค่อเรียกกู้หนิงว่าบอสตลอดเวลา เขารับใช้กู้หนิงอย่างแข็งขันซึ่งเรียกความสนใจจากนักเรียนที่อยู่แถวนั้น
กู้หนิงอายและสั่งให้มู่เค่อหยุด
ถ้าหยูหมิงซีไม่ได้รับรู้บทสนทนาระหว่างพวกเขา เธออาจจะคิดว่ามู่เค่อตกหลุมรักกู้หนิงและพยายามตามตื้อเธออยู่
เมื่อหยูหมิงซีรู้ว่ากู้หนิงล้มนักเลงได้ด้วยหมัดเดียว เธอประหลาดใจมากยิ่งขึ้น
แต่เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้านี้ระหว่างกู้หนิงและจ้าวเฟยเฟย เธอรู้โดยทันทีว่ากู้หนิงนั้นทรงพลังจริงๆ
หยูหมิงซีปลื้มกู้หนิงมากกว่าเดิม
“กู้หนิง เธอช่วยสอนฉันบ้างได้ไหม?” หยูหมิงซีเอ่ยขอร้อง
“ได้สิ” กู้หนิงตอบกลับอย่างรวดเร็ว
กู้หนิงหวังว่าอย่างน้อยหยูหมิงซีจะสามารถเรียนต่อสู้ไว้ป้องกันตัวเองได้
แต่เธอจะไม่บังคับหยูหมิงซีเรียน ทั้งหมดล้วนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของตัวหยูหมิงซีเอง
ถ้าหยูหมิงซีมีความสนใจเพียงช่วงเวลาสั้นๆแล้วยกธงขาว กู้หนิงก็ไม่สนใจที่จะสอนเธอต่อเช่นกัน แต่ถ้าหยูหมิงซีปรารถนาที่จะเรียนต่อด้วยปณิธานที่แรงกล้า กู้หนิงก็พร้อมที่จะฝึกให้เธอเป็นนักสู้มืออาชีพ
หลังจากมื้ออาหาร ทั้งสามต่างพากันเดินไปยังป่าเล็กๆ มีคนอยู่ไม่กี่คน พวกเขาไม่อยากไปรบกวนคนอื่น
เนื่องจากกู้หนิงสัญญาว่าจะสอนพวกเขา เธอต้องแสดงความสามารถที่แท้จริงของตัวเธอเอง เธอต้องการให้พวกเขาเชื่อว่าเธอเชี่ยวชาญการต่อสู้จริงๆ
ดังนั้นกู้หนิงจึงไม่ลังเล เธอล้มมู่เค่อลงไปกองกับพื้นเพียงท่าเดียว
มู่เค่อนิ่งเป็นคนโง่แต่ไม่ใช่เพราะความเจ็บปวดแต่เป็นเพราะกำลังช็อค
ถึงแม้กู้หนิงลงมือโดยไม่ลังเล แต่ร่างกายของเธอยังไม่ค่อยดีนัก ความแข็งแรงของเธอจึงมีจำกัด มู่เค่อรู้สึกเจ็บแต่ยังปลอดภัย
นักสู้จะต้องเรียนรู้และเติบโตจากความเจ็บปวดของเขา
หยูหมิงซีที่ยืนอยู่ข้างๆอ้าปากค้างด้วยความทึ่ง เธอชื่มชมกู้หนิงมากขึ้นกว่าเดิมอย่างมาก
ประทับใจ! นี่มันน่าประทับใจเกินไปแล้ว
“ลุกขึ้นมา!” กู้หนิงสั่งให้มู่เค่อที่ยังนอนกองกับพื้นให้ลุกขึ้น
ในเมื่อกู้หนิงตัดสินใจที่จะสอนพวกเขาแล้ว เธอจำเป็นต้องเป็นครูที่เข้มงวด
นักเรียนที่เปล่งประกายโดดเด่นล้วนถูกฝึกจากครูที่เข้มงวด
กู้หนิงให้ความสำคัญกับคุณภาพและประสิทธิภาพมากที่สุดดังนั้นเธอจะไม่ยอมให้พวกเขาเสียเวลา
มู่เค่อลุกขึ้นทันทีและตั้งใจกับการฝึก
กู้หนิงตั้งใจจะให้มู่เค่อเข้าใจทักษะได้โดยเร็ว เธอจึงจู่โจมมู่เค่อด้วยแรงทั้งหมดที่มี
แน่นอนว่ากู้หนิงจะไม่ทำร้ายร่างกายมู่เค่อ เธอแค่ปรับการเคลื่อนไหวของเธอตามความสามารถของเขา กู้หนิงต้องการให้เขาได้สัมผัสกับความเจ็บปวดและเรียนรู้ทักษะไปพร้อมกันระหว่างการฝึกซ้อม
หลังจากนั้นไม่นานมู่เค่อก็รู้สึกเจ็บปวดไปทั่วร่างกาย
ถึงแม้เขาจะเจ็บปวด เขาก็ไม่ยอมหยุดหรือยอมแพ้ เขาเผชิญกับความท้าทายด้วยจิตใจที่หึกเหิม
หยูหมิงซีซึมซับการฝึก ทุกครั้งที่มู่เค่อร้องออกมาอย่างเจ็บปวด เธอจะตั่วสั่นไปด้วย อย่างกับว่าเธอเป็นคนที่ถูกต่อยซะเอง
แม้ว่าจะมีคนไม่กี่คนที่อยู่ในป่าแห่งนี้ เสียงตะโกนของมู่เค่อก็ดึงดูดความสนใจของนักเรียนหลายคน
เมื่อเห็นผู้ชายคนหนึ่งถูกผู้หญิงทุบตีพวกเขาต่างก็ประหลาดใจ เด็กหนุ่มบางคนถึงกับเปล่งเสียงออกมา
“อะไรวะนั่น!! ผู้หญิงคนนี้ช่างแข็งแกร่งจริงๆ! ผู้ชายคนนั้นสู้กลับไม่ได้เลยสักนิด!!”
Chapter 24: ถูกนักเลงดักกลางทาง!
“เร็วเข้าสิ รีบถ่ายวิดีโอพวกมันไว้ แล้วก็ไปอัพลงบอร์ดของโรงเรียน ฮ่า ฮ่า”
เด็กหนุ่มคนหนึ่งล้วงหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงเตรียมกดถ่าย
แต่ก่อนที่เขาจะทันกด ‘บันทึก’ กู้หนิงและมู่เค่อก็หยุดซ้อม
“หยุดทำไมล่ะ? ซ้อมต่อสิ ฉันกำลังจะถ่ายแล้วเชียว” เด็กหนุ่มเปล่งเสียงหงุดหงิด
กู้หนิงมองไปทางเด็กหนุ่มอย่างเย็นชา เธอเดินเข้าไปหาพวกเขา
“ทำไมนายไม่ลองมาสู้กับฉันหน่อยล่ะ?”
ถ้าเด็กหนุ่มพวกนี้เอาเธอไปลงบอร์ดของโรงเรียน ทุกคนต้องรู้แน่ กู้หนิงไม่อยากมีปัญหามากไปกว่านี้
เด็กหนุ่มตกใจและรีบปฏิเสธเสียงอ่อน
“มะ ไม่ ฉันไม่ได้คิดจะทำแบบนั้น….”
จากนั้นเขาถอยหลังออกไปให้ห่างจากกู้หนิง เขากลัวว่าเธอจะจับเขาทุ่มเหมือนมู่เค่อ
เมื่อกู้หนิงและมู่เค่อหยุดซ้อม ผู้ชมก็ค่อยๆแยกย้ายพากันเดินหนี
“เฮ้ บอส เธอนี่แข็งแรงกว่าที่ฉันคิดเลยนะ” ตอนนี้มู่เค่อรู้สึกปวดระบมไปทั้งตัวแล้ววิ่งไปหากู้หนิง เขาดูตื่นเต้นอย่างกับว่าตัวเขาเองเป็นปรมาจารย์ด้านต่อสู้ซะเอง แทนที่จะเป็นกู้หนิง
กู้หนิงยิ้มตอบแต่รู้สึกผิดหวังกับตัวเอง
เปรียบเทียบกับคนธรรมดาแล้ว เธอค่อนข้างดีเลยทีเดียวแต่ถ้าเปรียบกับถังอันหนิง กู้หนิงรู้ว่าตอนนี้ตัวเองนั้นยังอ่อนแออยู่มาก
เธออยากจะเก่งให้เท่ากับตัวเองก่อนกลับมาเกิดใหม่
“นายเป็นไงบ้าง?” หยูหมิงซีถามมู่เค่อด้วยความเป็นห่วง
เธอรู้ว่ามู่เค่อเจ็บมากจากการซ้อมต่อสู้กับกู้หนิง แต่ก็ไม่กล้าถามอะไรมากนักเมื่อสีหน้าของเขายังดูปกติ
“อ้อ เจ็บสิ ธรรมดาน่า เธอต้องเรียนรู้และพัฒนาจากความเจ็บปวด!” มู่เค่อตอบกลับ เขาสนุกมาก!
ขณะเดียวกันกู้หนิงก็พูดกับหยูหมิงซีอย่างจริงจัง
“หมิงซีไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเรียนต่อสู้ หากเธอต้องการเป็นนักสู้จริงๆ เธอต้องเตรียมพร้อมสำหรับความเจ็บปวดและบาดเจ็บ นอกจากนี้เธอยังต้องพิสูจน์ตัวเองเหมือนกัน การฝึกฝนนี้อาจช่วยให้เธอปกป้องตัวเองในอนาคตได้ แต่มันก็ขึ้นอยู่กับเธอว่าต้องการเรียนรู้หรือเปล่า”
หยูหมิงซีไม่ได้เกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวย เธอต้องทำงานใช้แรงงานเพื่อช่วยเหลือครอบครัวเมื่อยังเด็ก ความเจ็บปวดนับว่าเป็นเพื่อนของเธอก็ว่าได้
เหมือนที่กู้หนิงพูด มันอาจจะดีสำหรับเธอในอนาคตที่จะฝึกต่อสู้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้หญิง การรู้วิธีป้องกันตัวเองถือเป็นข้อได้เปรียบ ดังนั้นหยูหมิงซีจึงไม่ยอมแพ้ เธอยอมรับการฝึกด้วยความกล้าหาญ
หยูหมิงซีต้องเริ่มเรียนจากศูนย์เพราะเธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการต่อสู้เลย
กู้หนิงไม่ต้องการให้หมิงซีวิ่งจากบ้านมาโรงเรียนทุกเช้า มันอันตรายเกินไป เธอจึงขอให้หมิงซีมาถึงโรงเรียนเช้าหน่อยจะได้ซ้อมวิ่งก่อนเข้าเรียน
ในช่วงเริ่มต้นกู้หนิงไม่อยากเข้มงวดกับหมิงซีมากนัก เธออนุญาตให้หมิงซีฝึกซ้อมตามความสามารถของเธอไปก่อน
…
ฉินเจิ้งได้ยินข่าวว่ามู่เค่อชวนกู้หนิงไปกินข้าวด้วยกัน คาบเรียนช่วงเย็นฉินเจิ้งจึงถามเรื่องนี้กับมู่เค่อ
“ฉันได้ยินมาว่านายเลี้ยงข้าวกู้หนิง ทำไม?”
ฉินเจิ้งไม่รู้จริงๆว่าทำไมเขาต้องถามมู่เค่อในเมื่อเขาเลิกกับกู้หนิงแล้ว และนี่ก็ไม่ใช่เรื่องของเขาที่กู้หนิงจะไปทานข้าวกับใคร
แต่ฉินเจิ้งควบคุมตัวเองไม่ได้
“ไม่มีอะไรนี่ ฉันแค่เจอเธอที่ทางเดินแล้วชวนกินข้าวด้วยกันเท่านั้น” มู่เค่อไม่ได้บอกฉินเจิ้งทั้งหมด
ฉินเจิ้งไม่พอใจกับคำตอบที่ได้รับ
“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่นายสนิทกับกู้หนิงและไม่ได้บอกฉัน”
มู่เค่อหงุดหงิดที่ถูกฉินเจิ้งจี้ถาม “ฉินเจิ้ง นายเป็นอะไร? เธอไม่ใช่แฟนนายแล้ว ทำไมฉันจะชวนเธอกินข้าวไม่ได้?”
ถึงแม้ว่ามู่เค่อและฉินเจิ้งจะไปไหนด้วยกันบ่อยๆ พวกเขาก็ไม่ได้สนิทกัน มู่เค่อไม่สนถ้าต้องทะเลาะกับฉินเจิ้ง
นอกจากนี้กู้หนิงยังมีความสำคัญกับเขา เขายืนอยู่ข้างเธอโดยไม่ลังเล
“แก…” ฉินเจิ้งเริ่มโกรธแต่ยักนึกได้ว่านี่ไม่ใช่ธุระของเขา ดังนั้นจึงไม่พูดอะไรต่อ
ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มครึ่ง คาบเรียนช่วงเย็นจึงจบลง
นักเรียนที่มีฐานะดีจะมีรถที่บ้านมารับ ขณะส่วนที่เหลือเดินทางกลับโดยแท็กซี่ไม่ก็รถประจำทาง
กู้หนิงกลับตรงกันข้าม เธอไม่ได้กลับโดยแท็กซี่หรือรถประจำทาง เธอวิ่งกลับบ้าน!
แม้ว่าเขตที่กู้หนิงอาศัยอยู่นั้นกำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างและไม่ปลอดภัยแต่กู้หนิงไม่กลัวเลยสักนิด ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอกลับบ้านคนเดียวในเวลากลางคืน เธอไม่เคยตกอยู่ในอันตรายมาก่อน
แต่คืนนี้กลับต่างออกไป
รถตู้สีดำหยุดอยู่หน้ากู้หนิง ชายหนุ่มสามคนลงจากรถแล้วตรงไปที่เธอ
พวกเขามีรอยสักที่แขนดูเหมือนว่าจะเป็นพวกนักเลง
“เธอคือกู้หนิงใช่ไหม?” ชายที่เป็นหัวหน้าเอ่ยถามขึ้น
“ใครส่งแกมา?” กู้หนิงไม่กลัว เธอถามอย่างใจเย็น
ถึงแม้เธอจะไม่รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง แต่สันนิษฐานได้ว่าต้องเป็นจ้าวเฟยเฟยไม่ก็เฉินจื่อเหยา
“แล้วเธอไปก่อเรื่องกับใครไว้บ้างล่ะ?” ชายอีกคนเยาะเย้ย
“เยอะแยะ จำไม่ได้หรอก”
ตอนนี้นักเลงทั้งสามคนสังเกตว่ากู้หนิงยังคงสงบตลอดเวลา เธอไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย
พวกเขารู้สึกเหมือนถูกสบประมาทและสงสัยในเวลาเดียวกัน
“อุ๊บ๊ะ ช่างเป็นเด็กสาวที่กล้าอะไรอย่างนี้! ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าทำไมเธอถึงกล้ามีเรื่องกับลูกสาวตระกูลจ้าว” เวลานี้พวกนักเลงก็ได้เผยว่าใครที่อยู่เบื้องหลัง
จ้าวเฟยเฟยนั่นเอง ไม่แปลกใจเลย
“งั้นเหรอ แล้วไงต่อล่ะ?” กู้หนิงถาม
“พวกเราถูกสั่งให้รุมโทรมเธอน่ะสิสาวน้อยจากนั้นก็โพสลงอินเตอร์เน็ต ฮ่าฮ่า” พวกนักเลงบอกกู้หนิงหมดทุกอย่าง ไม่สนว่ากู้หนิงจะรู้หรือไม่เพราะพวกเขาก็จะทำอย่างนั้นอยู่ดี
--------------------------------------------------------------------------------------------
ฝากกดไลค์และติดตามเพจด้วยนะคะ ในกลุ่มจะแปลเร็วกว่าค่ะ
https://www.facebook.com/BuaElla-Translation-World-113119973697579/