69 ต้นไม้ความทรงจำ
69 ต้นไม้ความทรงจำ
ลึกเข้าไปในส่วนสมองของหลี่เย้า ภายในท้องทะเลแห่งความทรงจำและห้วงลึกไร้ที่สิ้นสุด
เศษเสี้ยวความทรงจำนับไม่ถ้วนรวมตัวเป็นพายุหมุนอันบ้าคลั่ง มันฉีกทึ้งจิตวิญญาณของหลี่เย้าไม่จบไม่สิ้น!
“นามของข้าคือ โอเย่หมิง ข้าจะกลายเป็นผู้นำนิกายป่ายเลี่ยน!”
“ข้า โอเย่หมิง ขอสาบานต่อหน้าเทพพระเจ้าทุกพระองค์และจักรวาล ว่าข้าจะจัดการปั่นศีรษะของนิกายปีศาจทั้งเก้าและถอนรากถอนโคนพวกมันให้สิ้น แม้แต่สุนัขกับไก่ของพวกก็จะฆ่าไม่ให้เหลือแม้แต่ตัวเดียว!”
“ดาบเทพจิ่งหง, กระบี่สังหารมังกร, หอกกลืนวิญญาณ ด้วยอาวุธวิเศษทั้งสาม ข้าก็จะสามารถสังหารสัตว์ประหลาดระดับเทพพวกนั้นได้!”
“ศิษย์พี่โอเย่ ศิษย์พี่โอเย่ ได้โปรดสร้างอาร์ติเฟ็กซ์ให้ข้าด้วย ข้ายินดีมอบเกาะลอยฟ้า 10 เกาะเป็นการตอบแทน!”
“บูม!”
ช่วงเวลาไหลผ่านไปอย่างพล่ามัว หลี่เย้าไม่รู้เลยว่า เขาติดอยู่ภายในคลื่นความทรงจำมานานแค่ไหน แล้วอยู่ๆภายในหัวของเขาก็เกิดการสั่นสะเทือน จนทำให้พายุหมุนความทรงจำแตกออก
ลึกเข้าไปในจิตใจของเขา มีต้นไม้ขนาดยักษ์ที่ก่อร่างขึ้นมาจากกระจกส่องประกายระยิบระยับ
สิ่งนี้ “ต้นไม้ความทรงจำ” ถูกสร้างขึ้นมาจากกระจกคริสตัลแห่งความทรงจำ กระจกแต่ละบานมีความทรงจำปรากฏอยู่ในนั้นอย่างชัดเจน และพวกมันทั้งหมดก็คือ ความทรงจำทั้งหมดในชีวิตของโอเย่หมิง!
เริ่มจากส่วนยอดของต้นไม้ คือช่วงเวลาที่โอเย่หมิงได้เข้าสู่นิกายป่ายเลี่ยน และกลายเป็นชนชั้นแรงงานระดับล่างสุด ความทรงจำมากมายที่เขาถูกทรมานโดยไททัน
เมื่อเวลาไหลผ่านไป ความทรงจำก็แยกลงไปด้านล่าง ค่อยๆเปลี่ยนเป็นช่วงเวลาที่โอเย่หมิงกลายเป็นคนตีเหล็ก ความทรงจำเมื่อเขาถือค้อนและตีเหล็กอยู่ภายในห้องตีเหล็กในแต่ละวัน
ไหลลงไปด้านล่าง เป็นความทรงจำของโอเย่หมิงในตอนที่เขาสร้างดาบบินธรรมดาออกมา
ภาพความทรงจำต่อมาก็คือการรุกรานของอสูร เป็นความทรงจำที่เต็มไปด้วยการนองเลือด
ความทรงจำเหล่านี้ปรากฏอยู่ตั้งแต่บนยอดไหลลงไปจนถึงฐานของต้นไม้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่โอเย่หมิงได้กลายมาเป็นผู้นำนิกายป่ายเลี่ยนที่ประสบความสำเร็จและเป็นที่จดจำของผ็คนจำนวนมาก มันเป็นภาพของเขาที่สามารถทำให้โลกทั้งใบต้องสั่นสะเทือน
กระจกความทรงจำแต่ละบานกระจายอยู่ทั่วต้นไม้ พร้อมกับสีสันที่หลากหลาย
ความทรงจำในตอนแรกเริ่ม ที่โอเย่หมิงได้เข้าสู่นิกายและกลายเป็นชนชั้นแรงงานระดับล่าง ภายในความทรงจำเหล่านั้นมีประกายแสงที่เต็มไปด้วยสีสันไหลเวียนอยู่ พวกมันส่องประกายสดใสและดูมีชีวิชีวา
ความทรงจำเมื่อเขากลายเป็นคนตีเหล็กอยู่ภายในห้องตีเหล็ก นั้นขาดประกายแสงและความมีชีวิตชีวา แต่พวกมันก็เต็มไปด้วยสีสันมากมาย
ความทรงจำทั้งสองช่วงนี้ ใช้พื้นที่เกือบหนึ่งในสิบของเศษเสี้ยวความทรงจำทั้งหมด
ส่วนความทรงจำที่เหลืออีกแปดในสิบ มีอยู่แค่สองสีเท่านั้น คือสีดำและสีขาว
ความทรงจำส่วนสุดท้ายเป็นหมอกควันสีดำที่พล่ามัว
“นี่มันอะไรกัน?”
หลี่เยาล่องลอยไปอยู่ตรงหน้าต้นไม้ความทรงจำขนาดใหญ่ เขาได้แต่ตกตะลึงกับภาพที่เห็นตรงหน้า
เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ความทรงจำทั้งหมดของโอเย่หมิงจะแผ่ออกมาอยู่ตรงหน้าเขา และปล่อยให้เขาสามารถมองดูได้ทุกซอกมุมแบบนี้
“ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้ว...ถึงแม้ว่าโอเย่หมิงจะล้มเหลวในการยึดร่างของฉัน แต่วิญญาณของเขาจะต้องแข็งแกร่งมากแน่ๆ เพราะในตอนนั้นเขายังคงไม่สลายหายไป และได้หลบซ่อนอยู่ในความมืดมิดของจิตใจฉัน เพื่อรอเวลาที่เหมาะสมและค้วาโอกาสเข้าครอบงำอีกครั้ง!”
“ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่การที่ลิงตายักษ์กลายพันธุ์โจมตีเข้าไปในส่วนลึกของจิตใจฉัน และทำลายวิญญาณของโอเย่หมิง จนทำให้เขาแตกสลายกลายเป็นกระจกความทรงจำนับไม่ถ้วนแบบนี้ได้!”
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว ความฉลาดของลิงตายักษ์กลายพันธุ์นั้นสูงมาก หลังจากที่ฉันตัดหัวมันแล้ว มันก็เต็มไปด้วยความเกลียดชัง และได้เก็บพลังที่เหลือทั้งหมดเอาไว้ เพื่อโจมตีจิตใจของฉัน เห็นได้ชัดว่า มันตั้งใจที่จะทำให้ฉันตาย หรืออย่างน้อยก็ทำลายจิตใจของฉัน!”
“ฉันไม้คิดเลยว่า มันจะเข้าไปทำลายวิญญาณของโอเย่หมิงแทน ท้ายที่สุด สัตว์ประหลาดทั้งสองก็ถูกจัดการลงไป และฉันก็กลายเป็นคนหยิบชิ้นปลามัน!”
“แต่ปัญหาก็คือ ฉันจะใช้ประโยชน์จากความทรงจำของโอเย่หมิงได้ยังไง?”
จิตใจของหลี่เย้าสั่นไหว เขาลอยขึ้นไปยังยอดบนสุดของต้นไม้ความทรงจำ และค่อยๆค้นดูความทรงจำเหล่านั้น
ไม่นาน เขาก็พบกับความทรงจำหนึ่ง มันเป็นวันที่ไททันได้ใช้ท่าเทคนิคค้อน 108 ฝ่ามือพัวพันกับโอเย่หมิง
หลี่เย้าจ้องมองความทรงจำนั้นอย่างใจจดใจจ่อ
แล้วอยู่ๆจิตใจของเขาก็ถูกแรงบางอย่างดึงดูดเข้าไป การมองเห็นของเขาดับลงและเขาก็ปรากฏตัวอยู่ภายในลานฝึกของนิกายป่ายเลี่ยน
มันคือภาพเหตุการณ์เดียวกับที่เกิดขึ้นภายในกระจกความทรงจำที่เขาเพิ่งจะได้ดูไปเมื่อกี้!
ไททันที่ดูดุร้ายยืนอยู่ตรงหน้าเขา ในมือของไททันถือค้อนเหล็กเอาไว้ และพูดออกมาด้วยเสียงคำรามว่า “เจ้ามันก็แค่พวกโง่! จงฟังผู้อาวุโสของพวกเจ้าให้ดี! วันนี้ ข้าจะสอนท่าค้อนลำดับที่ 47 ค้อนแทงใจ! สิ่งสำคัญของท่านี้ก็คือ ‘การแทง’ และพุ่งเป้าไปที่ร่างกายของเป้าหมาย!”
“ยกตัวอย่างเช่น หากศัตรูของพวกเจ้ายืนอยู่ห่างออกไปครึ่งก้าว พวกเจ้าก็ต้องทำให้เขายืนห่างจากพวกเจ้าไปหนึ่งก้าวให้ได้ จากนั้น จงเล็งเป้าและส่งแรงออกไป! ปลดปล่อยพลังทั้งหมดของพวกเจ้าและระเบิดพลังเข้าใส่ร่างกายของพวกเขา! ทำลายภายในร่างกายของพวกเขาในสิ้น! มา มา มา มาดูนี่ทุกคน จงดูว่ากล้ามเนื้อของข้าขยับยังไง!”
หลี่เย้าสังเกตดูการสาธิตของไททันด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
ค้อนแทงใจคือหนึ่งในท่าที่มีการเคลื่อนไหวที่ซับซ้อนมากใน 108ท่าค้อนฝ่ามือพัวพัน
การฝึกฝนภายในความฝันอันยิ่งใหญ่ในครั้งก่อนเป็นเพียงแค่ภาพที่พล่าเลือนเท่านั้น เมื่อเขาลืมตาตื่นขึ้นมา ภาพเหล่านั้นก็หายไปจนหมด
หลี่เย้าไม่มีทางพลาดโอกาสที่จะได้ดูมันอีกครั้งในวันนี้
ไททันอยู่ในท่าขี่ม้า เขาคำรามออกมาและปลดปล่อยพลังสายฟ้าออกมาจากร่างใหญ่ยักษ์ของเขา เขาเหยียบย้ำลงไปบนพื้น จนจมลึกลงไปในพื้นหินแกรนิต!
ในขณะเดียวกัน กล้ามเนื้อทั่วทั้งร่างกายของเขาก็ปูดออกมา ราวกับพิษร้ายที่กระจายตัวออกมา ความแข็งแกร่งทั้งหมดถูกส่งเข้าไปในแขนขวาของเขา กำปั้นของเขาพุ่งออกไปและเกิดเสียงระเบิดในอากาศถึงเจ็ดครั้ง “ปังปังปังปังปังปังปัง!” เป็นชุด!
เมื่อกำปั้นพุ่งออกไป ก็เกิดการระเบิดภายในอากาศถึงเจ็ดครั้งด้วยกัน!
“เมื่อฝึกฝนจนถึงจุดหนึ่ง ท่าค้อนแทงใจสามารถฉีกอากาศออกได้ และทำให้เกิดเสียงระเบิดดังขึ้น ข้าสามารถฉีกอากาศได้เพียงเจ็ดครั้งเท่านั้น ส่วนผู้เชี่ยวชาญของนิกายเราสามารถฉีกอากาศได้ถึง 17-18 ครั้งต่อหนึ่งกำปั้น พลังของพวกเขาสามารถทะลวงได้แม้กระทั่งหินก้อนยักษ์ และทำลายภายในของก้อนหินด้วยพลังที่ส่งออกไป!”
ไททันพูดออกมาด้วยความพึงพอใจอย่างถึงที่สุด เขาลืมตาขึ้นมาและส่งเสียงคำรามไปยังหลี่เย้า “โอเย่หมิง มานี่! ศิษย์พี่คนนี้จะสั่งสอนเจ้าเอง!”
ใจของหลี่เย้าเกิดอาการกระตุก จิตวิญญาณของเขาเกิดการกระตุกและเขารู้สึกว่าร่างกายเบาขึ้นโดยไร้สาเหตุ วิญญาณของเขาแยกออกจากร่างของโอเย่หมิงและหลุดลอยออกมา กลายเป็นร่างโปร่งแสงที่ลอยอยู่ในอากาศ เขาเฝ้ามองโอเย่หมิงที่เดินตรงเข้าไปหาไททัน และรับการกลั่นแกล้งอย่างทารุณ
“สรุปแล้วมันเป็นแบบนี้นี่เอง! กระจกความทรงจำเหล่านี้ ฉันสามารถใช้มันได้อย่างที่ใจฉันต้องการ! ฉันสามารถจุติเป็นโอเย่หมิงและเข้าไปอยู่ในความทรงจำของเขาได้ แล้วฉันก็ยังสามารถเป็นผู้สังเกตและเฝ้าดูชีวิตของเขาได้ด้วย!”
การค้นพบในครั้งนี้ ทำให้หลี่เย้าตื่นเต้นยินดีเป็นอย่างมาก
ด้านล่างของเขา ไททันได้ระเบิดกำปั้นออกมาอย่างรวดเร็ว นี่ไม่ใช่การฝึก แต่เป็นข้ออ้างที่เอาไว้ใช้กลั่นแกล้งโอเย่หมิงต่างหาก
หลี่เย้าเฝ้ามองด้วยคิ้วที่ขมวดมุ่นและพูดอยู่ภายในใจว่า “กำปั้นนี้เร็วมาก ฉันมองเห็นมันไม่ชัดเลย แล้วฉันจะเรียนมันได้ยังไงกันล่ะ? ถ้าฉันย้อนภาพกลับไปและทำให้มันช้าลงได้ก็คงจะดี”
ที่ตอนที่เขาคิดอยู่นั้น เขาก็รู้สึกว่าภาพตรงหน้าเขาเปลี่ยนไป เวลาได้ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ครึ่งนาที เป็นตอนที่ไททันกำลังเรียกให้โอเย่หมิงออกไป
และการเคลื่อนไหวของไททันและโอเย่หมิงก็ช้าลงกว่าเดิม ทุกการระเบิดของกำปั้น ทุกการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ หลี่เย้าสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
“นี่แหละ กล้ามเนื้อขาทั้งสองข้างหมุนตามร่าง
กายและสร้างแรงขึ้นมา นี่คือจุดสำคัญของท่านี้สินะ ไททันไม่ยอมอธิบายให้ชัดเจน และยังเก็บเอาไว้กับตัวเองอีก!”
หลี่เย้าอดไม่ได้ที่จะผิวปากออกมา เขาพบว่า เขาสามารถควบคุมความทรงจำภายในกระจกได้ตามต้องการ เขาสามารถปรับความเร็วของเวลาและช่วงเวลาที่ต้องการดูได้
หลี่เย้าเฝ้ามองภาพช้าซ้ำๆอยู่7-8ครั้ง สุดท้าย เขาถึงขนาดเข้าไปอยู่ภายในร่างกายของโอเย่หมิง และรับประสบการณ์ตรงของโอเย่หมิงอยู่ 3-4 ครั้ง ในที่สุด จากการเรียนรู้อย่างละเอียด เขาก็เชี่ยวชาญท่าค้อนแทงใจแล้ว เขาสามารถดูดซับท่าเทคนิคนี้อย่างลึกซึ้งไปถึงไขกระดูก!
“กระจกความทรงจำแผ่นนี้ถูกย่อยและดูดกลืนจนหมดแล้ว ฉันจะไม่มีทางลืมมันอีก แต่ฉันจะออกไปจากกระจกบานนี้ได้ยังไงกันล่ะ?”
เมื่อความคิดนี้ปรากฏขึ้นมาในจิตใจของเขา ภาพเหตุการณ์รอบกายของเขาก็เกิดการระเบิดจนแหลกละเอียด จิตของหลี่เย้ากลับออกมาอยู่ตรงหน้าต้นไม้ความทรงจำอีกครั้ง
“หรือว่าจะเป็น? ฉันสามารถเข้าไปดูความทรงจำทั้งหมดได้ตามที่ฉันต้องการเลยเหรอ? ฉันสามารถเรียนรู้จากความทรงจำเหล่านั้นได้? และสามารถย่อยสลายและดูดกลืนมันได้อย่างนั้นเหรอ?”
จิตของหลี่เย้าสั่นไหวอย่างบ้างคลั่ง หลี่เย้าที่ผิวปากออกมา เขาได้พุ่งตัวเข้าไปในความทรงจำช่วงกลางของโอเย่หมิงด้วยความสุขล้น...มันเป็นความทรงจำเมื่อครั้งที่โอเย่หมิงกำลังสร้างดาบเทพจิ่งหง!
“ขอแค่ฉันสามารถสร้างอาวุธวิเศษชิ้นนี้ออกมาได้ ฉันก็สามารถเดินวางท่าไปทั่วมหพันธรัฐได้...ไม่สิ ทั่วทั้งดาวเทียนหยวนต่างหาก!”
หลี่เย้าตะโกนออกมาและโหมงศีรษะเข้าไปในกระจกความทรงจำ และ ได้เกิดเสียงดัง “แกร๊ง” ออกมา เงาดำได้โผล่ออกมาจากกระจกความทรงจำ จิตของเขาเกือบจะถูกทำลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และตัวเข้าก็กลิ้งหลุนๆกลับออกมา
“เกิดอะไรขึ้นกันน่ะ?”
การพุ่งชนทำให้หลี่เย้ารู้สึกสับสนและไม่เข้าใจ จิตวิญญาณของเขารู้สึกเจ็บปวด เขานวดศีรษธและตะโกนออกมาด้วยความไม่เข้าใจ “ทำไมฉันถึงเข้าไปในความทรงจำนี้ไม่ได้?”
เขาไม่ยินดีที่จะยอมแพ้ ดังนั้น เขาจึงเข้าไปในกระจกความทรงจำที่อยู่ข้างๆ เขาลองพยายามเข้าไปอยู่หลายครั้ง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลย
เขาได้ลองพยายามเข้าไปในกระจกความทรงจำกว่าร้อยบาน ก่อนที่จะพบว่า พวกมันเป็นแค่ความทรงจำทั่วๆไปเท่านั้น
ความทรงจำเหล่านี้ เป็นความทรงจำในช่วงกลางและช่วงท้ายของโอเย่หมิง ซึ่งใช้พื้นที่ความทรงจำไปถึงเก้าในสิบของทั้งหมด และภายในความทรงจำเหล่านั้น ก็มีเพียงแค่สีดำและสีขาวเท่านั้น
ความทรงจำเหล่านั้นมีเศษเสี้ยวความทรงจำที่เหลืออยู่ของโอเย่หมิงแฝงอยู่ด้วย เขาจึงไม่สามารถเข้าไปดูได้ง่ายๆ
มีเพียงกระจกความทรงจำที่มีสีสันสว่างไสวและสีสันมากมายเท่านั้น ถึงสามารถเข้าไปดูได้
แต่ความทรงจำทั้งสองแบบนี้ก็มีความแตกต่างกันอยู่...ความทรงจำที่เปล่งประกายสามารถอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาได้อย่างสมบูรณ์ เขาสามารถเข้าไปอยู่ในร่างของโอเย่หมิงและเป็นผู้เฝ้ามองได้ตามต้องการ เขาสามารถเพิ่มหรือลดความเร็ว และยังสามารถย้อนดูความทรงจำเหล่านั้นซ้ำไปซ้ำมาได้
และกระจกความทรงจำหลากสีนั้น เขาสามารถเป็นผู้เฝ้ามองความทรงจำของโอเย่หมิงที่ไหลผ่านไปอย่างช้าๆได้เท่านั้น และเขาไม่สามารถควบคุมอะไรได้มากนัก
หลี่เย้าครุ่นคิดอยู่นาน จนกระทั่งดูเหมือนว่า เขาจะคิดหาเหตุผลที่อยู่เบื้งหลังเรื่องนี้ออก
“ในช่วงชีวิตช่วงแรกของการบ่มเพาะ โอเย่หมิงเป็นเพียงแค่คนธรรมดาเท่านั้น จิตวิญญาณของเขาจึงไม่ได้แข็งแกร่งอะไร ดังนั้น ฉันจึงสามารถเข้าไปทำอะไรภายในความทรงจำเหล่านั้นก็ได้ แต่หลังจากนั้น ความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มมากขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงจิตวิญญาณของเขาที่แข็งแกร่งขึ้นตามไปด้วย จนกระทั่งเขาได้กลายมาเป็นระดับแกรน์มาสเตอร์ ความทรงจำในช่วงเวลานั้นเต็มไปด้วยพลังงานจำนวนมาก มันเป็นสิ่งที่ฉันในปัจจุบันไม่สามารถเข้าไปยุ่มย่ามได้อย่างที่ใจอยาก!”
“แต่ความแข็งแกร่งของฉันก็ค่อยๆเติบโตขึ้น จิตวิญญาณของฉันก็มีพลังมากยิ่งขึ้นตามไปด้วย มันจะต้องมีสักวันหนึ่ง ที่ฉันสามารถรับเอาความทรงจำทั้งหมดของโอเย่หมิงมาได้ ฉันจะกลืนกินทุกหยาดหยดความทรงจำ จนกระทั่งพวกมันทั้งหมดกลายเป็นความทรงจำของฉันเอง!”