บทที่ 342 - เดม่อนลอร์ด (5) [18-03-2021]
บทที่ 342 - เดม่อนลอร์ด (5)
”
"เดม่อนลอร์ดอยู่ในนั้นอย่างแน่นอน"
หลังจากบินไปที่น่านฟ้าดันเจี้ยนแล้ว ฉันก็สัมผัสได้ถึงพลังงานด้านในทันที
ฉันเคยได้เจอกับเดม่อนลอร์ดมาแล้วในทวีปลูก้า สิ่งที่ฉันรู้สึกได้ในตอนนั้นตรงกับพลังที่ฉันรู้สึกได้จากในดันเจี้ยน
"แต่ว่าชินนายจะทำยังไงล่ะ? การเคลื่อนย้ายดินแดนยังไม่จบเลย"
"หืม"
ฉันได้มองลงไปบนพื้น ถึงแม้ว่าทุกๆคนจะบ้ากันไปจากความเสียหายอย่างต่อเนื่อง แต่ว่าฉันก็จะปล่อยให้พวกเขาตายไปไม่ได้
จริงๆแล้วฉันก็ไม่ได้สนใจเลยว่าคนพวกนั้นจะทำอะไรหรือเรียกฉันยังไง ที่ฉันไม่พอใจนั่นก็เพราะว่าพวกเขามาเล็งเป้าหมายที่สมาชิกของรีไววอร์ลคนอื่นๆ
ฉันกำลังปกป้องมนุษยชาติก็เพราะว่าฉันทำได้ หากว่าคนสำคัญของฉันต้องบาดเจ็บหรือถูกฆ่า ฉันก็จะทอดทิ้งมนุษยชาติไปโดยไม่ลังเล นี่คือความคิดของฉันที่ไม่เคยเปลื่ยนไปแม้แต่นิดเดียว
เพราะงั้นนับจากนี้ไปพวกเราจะไม่แยกกันอีก แน่นอนว่ามีสมาชิกที่แข็งแกร่งไม่กี่คนเท่านั้นที่จะเข้าไปในดันเจี้ยนของเดม่อนลอรืด เพราะงั้นฉันจะต้องคิดหาวิธีแก้ปัญหาสำหรับสมาชิกที่ถูกทิ้งไว้ด้านหลังเผื่อว่าจะมีปีศาจทรงพลังหลงเหลืออยู่ในทวีปลูก้าที่กำลังเคลื่อนย้ายมาอีก
"... ใช่แล้ว ฉันก็แค่ไปจัดการพวกมันก่อนก็ได้นี่"
ฉันได้ปรบมือขึ้นมาทันทีที่นึกขึ้นได้
"ฮวาหยาช่วยบอกฉันถึงพื้นที่ที่ยังไม่เกิดการเคลื่อนย้ายดินแดนขึ้นหน่อยสิ?"
"ได้เลย"
พื้นที่ที่ยังไม่เกิดการเคลื่อนย้ายดินแดนขึ้น หรือก็คือพื้นที่ที่ปีศาจกำลังจะมานับต่อจากนี้ ฉันได้หยักหน้าพร้อมกับจินตนาการภูมิประเทศทวีปลูก้าภายในหัว
"เอาล่ะ ฉันต้องการเวลาหนึ่งชั่วโมงขึ้นเผื่อว่าสถานการณ์จะเลวร้ายที่สุด แต่นี่ก็น่าจะเร็วพอแล้วล่ะ"
"ชิน นี่นายกำลังคิดอะไรอยู่"
"เดี๋ยวนะฮวาหยา ไอน่าอยู่ในบียอนด์หรอ?"
"ไม่ เธอน่าจะอยู่ในดันเจี้ยนที่หนึ่ง ทำไมงั้นหรอ?"
"ฉันอยากจะให้ไอน่ากับเธอช่วยสนับสนุนมานาให้กับฉัน ฉันมีเรื่องที่อยากจะทำก่อนเข้าไปในดันเจี้ยนของเดม่อนลอร์ด"
"...ทั้งๆที่มีมานาจำนวนมหาศาลอยู่แล้ว นายยังจะต้องการมากกว่านี้อีกหรอ?"
"ใช่แล้ว ตอนนี้ฉันจะใช้มานาของฉันไปทั้งหมดไม่ได้ เพราะงั้นฉันก็เลยอยากจะให้เธอช่วย"
ฮวาหยาได้แสดงสีหน้าสงสัยออกมา แต่แล้วเมื่อเธอรู้ถึงความตั้งใจของฉัน เธอก็หยักหน้าส่งข้อความไปหาไอน่า
ไอน่าได้ออกมาจากดันเจี้ยนและบินมาหาเราอย่างรวดเร็ว ในหนึ่งเดือนนี้ไอน่าได้โตขึ้นมาอย่างมาก ทันทีที่เธอออกมาจากดันเจี้ยน ฉันสามารถจะรู้สึกมานาปริมาณมหาศาลที่เธอครอบครองได้เลย
แน่นอนว่าฉันก็คิดเอาไว้แล้วว่าเธอจะต้องพัฒนาขึ้นมากแบบนี้ แต่มันก็ยังน่าตกใจอยู่ดี ในแง่ของปริมาณมานาแล้วเธออาจจะเหนือกว่าฮวาหยากับเดซี่ไปแล้ว นี่มันคือเรื่องที่น่าตกใจจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเธอยังอายุแค่สิบขวบเท่านั้นเอง
"พ่อคะ!"
"พ่อกลับมาแล้วไอน่า"
"พ่อ!"
ไอน่าได้ยิ้มหวานพุ่งเข้าใส่ฉัน แรงพุ่งนี้ของเธอแรงมากพอที่จะสร้างบาดแผลให้กับราชาสรรพสัตว์ได้เลย แต่ว่าฉันก็ได้รับเธอไว้ในอ้อมกอดได้อย่างง่ายดาย
ไอน่าได้ดมกลิ่นของฉันเหมือนกับสุนัขก่อนที่จะซุกหัวเข้าไปในอกของฉัน
"เป็นพ่อจริงๆด้วย! พ่อไปอยู่ไหนมา? ไอน่าคิดถึงพ่อมากเลย"
"นี่พ่อเอง ขอโทษนะที่พอมาสายไอน่า"
เมื่อได้เห็นไอน่าทำตัวขี้อ้อนเหมือนกับฮวาหยา ฉันก็ได้ยิ้มออกมาพร้อมๆกับลูกหัวของเธอ ฮวาหยาได้มองมาที่พวกเราด้วยสีหน้าซับซ้อนก่อนจะถามกับไอน่า
"แล้วไอน่าชอบใครมากกว่านั้นหรอ ระหว่างพ่อกับแม่?"
"พ่อคะ!"
"เข้าใจแล้ว..."
ถ้าเธอมาถามในตอนนี้คำตอบก็แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องเป็นฉัน...
หลังจากตามใจไอน่าพอแล้ว ฉันก็ได้ขอให้เธอช่วย
"ไอน่า พ่อมีอะไรอยากจะให้หนูช่วยหน่อยนะ หนูช่วยให้พ่อยืมมานาหน่อยนะ?"
"อื้อ! หนูมีมนาอยู่เยอะเลย! หนูจะให้พ่อเยอะๆเลย!"
ไอน่าดูจะมีความสุขมากที่ได้ช่วยฉัน เธอได้ตะโกนออกมาอย่างดีใจพร้อมกับบินวนไปบนท้องฟ้า เมื่อได้เห็นเธอเต็มไปด้วยชีวิตชีวาหลังจากต้องผ่านช่วงหนึ่งเดือนก่อนมาก็ทำให้ฉันยิ้มขึ้น
"แล้วเราจะเริ่มกันตอนนี้เลยไหม?"
"ตอนนี้แหละ"
ไอน่ากับฮวาหยาได้วางมือของพวกเธอไว้บนมือฉัน เนื่องจากว่าฉันได้รับมานาของพวกเธอที่มีความร้อนกับความเย็นมา ฉันก็ได้ปล่อยมานาตัวเองออกมาและหลอมรวมเข้ากับมานาพวกนี้จนกลายเป็นลูกบอลลูกหนึ่ง ในเวลาแค่ไม่กี่วินาทีก็มีมานาเกือบจะสองล้านรวมตัวกันอยู่แล้ว
"นี่พอแล้วล่ะ"
ฉันได้ถือลูกบอลมานาเอาไว้บนมือ ในเวลาต่อมาวงแหวนที่อยู่บนเขาทั้งสองอันของฉันก็ได้เริ่มหมุนขึ้นมาทันที ฉันได้ถือบอลมานาเอาไว้และโยนมันไปที่ดันเจี้ยนตรงหน้าฉัน
"อยู่แบบนี้ไปซักสองชั่วโมงแล้วกันนะ!"
คำพูดของฉันได้กลายเป็นสวิตการทำงานของเวทมนต์ จากบอลมานาที่ฉันโยนออกไปได้กลายไปเป็นโซ่สีแพลตตินัมพุ่งไปรัดพันรอบๆดันเจี้ยนขนาดใหญ่ ฮวาหยาก็ดูจะรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างจากเวทย์นี้้ของฉัน
"ชิน..."
"สองชั่วโมงต่อจากนี้ต่อให้เป็นเชอร์ราฟิน่าก็ไม่อาจจะทำลายโซ่นี้ไปได้ แน่นอนว่านั่นก็หมายความว่าเดม่อนลอร์ดก็ทำไม่ได้เช่นกัน"
"...นี่นายไปอยู่ไหนมาเมื่อเดือนก่อน?"
"ก็เหมือนกับศัตรูของฉันที่รู้เรื่องดันเจี้ยนนั่นแหละ ฉันก็แค่ไปศึกษามานิดหน่อยเท่านั้นเอง"
ฉันได้ตอบกลับไปนิ่มๆในขณะที่มองดูโซ่รัดทั่วทั้งดันเจี้ยน ในตอนนี้เองได้มีคลื่นสีดำกระจายออกมาตามโซ่แล้วมีเสียงน่าขนลุกดังออกมา
[หุหุ... ฮีโร่ นาย...]
"หุบปาก"
ฉันได้โบกมือและเพิ่มมานาเข้าไปอีก เสียงได้ถูกตัดไปและดันเจี้ยนก็เงียบลงไป ในตอนนี้ไม่มีใครจะสามารถเข้าออกดันจี้ยนได้อีกแล้ว
เดม่อนลอร์ดได้ใช้พลังดันเจี้ยนกับตัวเองเพื่อใช้วิธีน่ารักๆแบบนี้ นี่ก็คือสิ่งที่เราจะได้รับที่ไม่คิดว่าจะมีใครทำแบบเขาได้
แต่ว่านะชิน หากว่าเดม่อนลอร์ดสามารถจะออกมาได้ตามต้องการล่ะ... ทำไมเขาถึงไม่ออกมาในตอนนายไม่อยู่ที่นี่ล่ะ?"
"ในตอนนี้เคนได้อยู่บนโลก ถึงเคนจะไม่อาจเอาชนะเดม่อนลอร์ดได้ แต่ว่าเดม่อนลอร์ดก็ไม่รู้เหมือนกันว่าฉันจะกลับมาเมื่อไหร่ เพราะงั้นเขาถึงได้ใช้ลูกน้องเขามาทดสอบดูก่อนไงล่ะ"
ฉันมั่นใจได้เลย เดม่อนลอร์ดรู้ว่าบนโลกมีคนที่มีระดับเดียวกับตัวฉันคนเก่าอยู่ ไม่เช่นนั้นเขาก็คงไม่ขังตัวเองอยู่ในดันเจี้ยนแน่
"อ่า... นายจะบอกว่า..."
"เหตุผลเดียวที่เขามาพร้อมกับดันเจี้ยนเมื่อบุกผ่านเข้ามาที่โลกเรานั่นก็เพราะว่าเขาไม่อยากจะสู้กับฉันและเคนพร้อมๆกัน ดันเจี้ยนที่เขาได้อยู่ในตอนนี้สามารถจะเข้าไปได้จำกัด เคนกับฉันจะไม่มีวันเข้าไปพร้อมๆกันได้ อย่างดีที่สุดก็จะมีแค่ฉันกับสมาชิกรีไววอร์ลแค่อีกสองคนเท่านั้นที่จะเข้าไปได้ คนที่สร้างดันเจี้ยนนี้ไม่ใช่เชอร์ราฟิน่า แต่ว่าเป็นตัวเดม่อนลอร์ดเอง เดม่อนลอร์ดได้ค้นพบกลไกการทำงานของดันเจี้ยนแล้ว"
"...ถ้างั้นแล้วเราจะปืนดันเจี้ยนไปทำไมล่ะ?"
"หากเราไม่ทำเราก็คงจะมาไม่ถึงตรงนี้"
ฉันได้ตอบกลับไปตรงๆ ฮวาหยาได้หยักหน้ายอมรับมันในทันที
"ใช่แล้ว หากว่าไม่ปืนดันเจี้ยนฉันก็คงไม่ได้มายืนอยู่ข้างๆชิน หุหุ พอมาคิดดูแล้วฉันนี่โชคดีจังเลยเนอะ"
"นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันจะบอกหรอกนะ..."
ฉันได้ถอนหายใจตอบกลับไป แต่แน่นอนว่าฉันก็รู้ว่าฮวาหยาก็เข้าใจสิ่งที่ฉันอยากจะบอกเหมือนกัน
"ยังไงก็ตามเมื่อฉันกำลังทำตามแผนที่ฉันวางเอาไว้ เดม่อนลอร์ดก็รู้ตัวและพยายามจะออกมาจากดันเจี้ยน จนกระทั่งก่อนหน้านี้เขาไม่ได้รู้ตัวเลยว่าฉันกลับมา แต่ในตอนนี้เขารู้ตัวแล้วอย่างแน่นอน"
"แผนอะไรงั้นหรอ?"
"ฉันกำลังคิดว่าจะไปทวีปลูก้า"
ฮวาหยาได้เข้าใจถึงสิ่งที่ฉันจะบอกในทันที
"และปีศาจในทวีปลูก้าก็จะสามารถติดต่อกับเดม่อนลอร์ดได้"
"ใช่แล้ว เมื่อไหร่ที่เดม่อนลอร์ดรู้ว่าฉันไม่ได้กลับมาโลก เขาก็จะพยายามฆ่าเคน แต่ว่าในเมื่อฉันปิดดันเจี้ยนไปแล้วทำให้เดม่อนลอร์ดจะไม่สามารถออกมาได้เป็นเวลาสองชั่วโมง"
"ชิน นี่นายกำลังจะทำในสิ่งที่ฉันกำลังคิดอยู่ใช่ไหม?"
ฉันได้ตอบกลับไป
"ฉันกำลังจะไปกวาดล้างทวีปลูก้า"
"..คนเดียวหรอ?"
"คนเดียว"
"ฉันกำลังจะโกรธแล้วนะ"
"ไม่เป็นไรหรอก เดม่อนลอร์ดอยู่ที่นี่ เพราะงั้นไม่มีใครในทวีปลูก้าที่จะเป็นคู่ต่อสู้กับฉันได้อีก"
ฮวาหยาได้พูดไม่ออกกับน้ำเสียงที่มั่นใจของฉัน ระหว่างที่ฉันคิดว่าเธอจะเงียบไป เธอก็พูดขึ้นมา
"ชิน ตอนนี้นายโครตจะอวดดีเลยล่ะ"
"ฉันรู้"
"แต่ว่านี่ก็เท่ห์มาก"
"อันนี้ฉันก็รู้"
ฉันได้ยิ้มให้กับเธอและพูดต่อไป
"ทวีปมอนสเตอร์ก็น่าจะเคลื่อนไหวเหมือนกัน เพราะงั้นฉันถึงได้ให้เธออยู่ที่โลกไงล่ะ พวกเราเสียหายมามากจากการถูกหลอกมาแล้ว เราไม่รู้เลยว่าในระหว่างที่เรามัวแต่สนใจปีศาจ พวกมอนสเตอร์จะทำอะไรบ้าง เพราะงั้นต้องระวังเอาไว้"
"แต่ไม่ใช่ว่าห้าราชาตายไปแล้วหรอกหรอ?"
"แต่ว่ายังมีมอนสเตอร์ที่เหนือกว่าพวกนั้นอยู่ พวกเราไม่รู้เกี่ยวกับมันเลย เพราะงั้นฉันรู้สึกว่าจะต้องมีอะไรบางอย่างแน่"
"... นายจะไม่เป็นอะไรนะ"
"แน่นอนสิ"
หลังจากยืนยันได้ว่าดันเจี้ยนถูกผนึกไปอย่างแน่นหนาแล้ว ฉันก็ติดต่อไปหาเคน
"นี่คังชินนะ เคน ฉันกำลังจะไปจากโลกซักพักหนึ่ง ฝากเฝ้าประจำการทีนะ"
[นายกลับมาแล้ว แข็งแกร่งขึ้นด้วย?]
"ใช่แล้ว... ฉันจะจบทุกๆอย่างภายในวันนี้แหละ"
[หุหุ ตรงไปตรงมาดี ฉันชอบ เยี่ยมมา ฉันกำลังจะไปหานะ]
ไม่นานนักหลังจากเคนตอบกลับมาก็ได้มีพลังจำนวนมหาศาลมาอยู่เหนือบ้านกิลด์เรา นี่ก็คือเคน ฉันได้หยักหน้าอย่างพอใจเมื่อสัมผัสถึงมานาของเขา และติดต่อไปหาคนอื่น
"ลีออน"
[เฮ้! นายปลอดภัยนี่!]
"ตอนนี้นายอยู่ไหน?"
[ในดันเจี้ยนที่หนึ่ง! ฉันอยู่บนนชั้นที่ 91]
"นายไม่ต้องปีนดันเจี้ยนอีกแล้ว กลับมาที่โลก มีเรื่องที่นายต้องมาทำ"
[บอกมาได้เลย!]
ฉันได้บอกคำขอไปกับลีออน
[จะไม่เป็นไรแน่นะ?]
"ทำมันเถอะ อย่างห่วงผลที่จะตามมาเลย นายทำมันได้ใช่ไหม?"
[ฉันทำได้ แต่...]
"ฉันจะให้ซัคคิวบิช่วยนายเอง"
[เข้าใจแล้ว]
ลีออนก็ยังได้เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว เยี่ยม ถ้าแบบนั้นฉันก็ได้เตรียมทุกอย่างที่ทำได้แล้ว
ก่อนที่จะไป ฉันได้เข้าไปในดันเจี้ยนเป็นครั้งสุดท้ายและไปในที่พักผ่อนแห่งเหล่านางฟ้า ฉันได้ไปหาพลีน แต่ว่าน่าแปลกใจที่ล็อทเต้กับลิโคไรท์ก็อยู่ที่นี่ด้วย
"ล็อทเต้ ลิโคไรท์!"
"ฮะ ฮีโร่ ฉันคิดอยู่แล้วว่านายปลอดภัย"
ล็อทเต้ได้ลูบดวงตาสีแดงของเธอในทันทีที่เห็นฉันและทักทายฉันอย่างดีใจ ฉันได้ยิ้มและลูบหัวเธอ
จากนั้นก็หันไปหาลิโคไรท์ เพราะอะไรบางอย่างทำให้ฉันไม่รู้สึกเหมือนว่าไม่ได้เจอเธอมานานเลย
"สามีที่รัก มารับพลีนไปงั้นหรอ?"
"ใช่แล้ว ลิโคไรท์ ฉันจะฝากโลกไว้กับเธอ ไปช่วยลีออนนะ"
"เข้าใจแล้ว ฉันรู้ทุกๆอย่างแล้ว"
แน่นอน ลิโคไรท์เธอรู้ทุกๆอย่างที่ฉันคิด ฉันไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง แต่ว่าลิโคไรท์กับฉันได้แบ่งปันความรู้สึกกันเหมือนที่เธอทำกับซัคคิวบิคนอื่นๆ
มันเกิดขึ้นในช่วงที่ฉันดูดพลังมังกรมาจนเสร็จ จู่ๆฉันก็รู้ว่าลิโคไรท์ได้ปลุกพลังจักรพรรดินีขึ้นสำเร็จ และรู้ถึงการเชื่อมต่อใหม่ระหว่างเราที่เกิดขึ้นมา เป็นการเชื่อมต่อที่ไม่อาจจะขวางกั้นหรือตัดขาดได้ไม่ว่าจะถูกอะไรหรือใครแทรกแซงก็ตาม
ลิโคไรท์แกร่งขึ้น และเนื่องจากว่าเราสามารถแชร์ความคิดกันได้ทำให้เธอคือคนที่เข้าใจในสิ่งที่ฉันต้องการ
"เจ้าค้างคาวจิ๋ว..."
"ฮึ่ม นี่แหละคือความแตกต่างระหว่างเรา"
ถึงแม้ว่าล็อทเต้จะแกร่งขึ้น แต่พวกเธอก็ยังเป็นเหมือนเดิม ฉันได้ยิ้มออกมาอีกครั้งหนึ่งก่อนจะลูบหัวล็อทเต้อีกครั้ง
"ขอล่ะนะล็อทเต้ ช่วยอยู่กับลิโคไรท์ซักสองชั่วโมงทีนะ อีกเดี๋ยวฉันจะกลับมา"
"เข้าใจแล้ว"
"ไปกันเถอะพลีน ฉันต้องให้เธอช่วย"
"อื้อ!"
ฉันได้พาพลีนไปและใช้สกิลท่องมิติในเวอร์ชั่นของฉัน
เมื่อท่องมิติทำงานเสร็จสิ้น ฉันกับพลีนก็ได้พบกับสถานที่ที่เราเคยใช้ย้อนกลับกลับไปที่โลกเมื่อคราวก่อน
และในที่แห่งนี้ได้ถูกล้อมรอบไปด้วยปีศาจ ราวกับมีใครบางคนมาบอกพวกเขาแล้วว่าฉันกำลังจะมา เมื่อพวกปีศาจเห็นฉัน พวกปีศาจก็ดูจะตกใจกลัว นี่มันน่าตลกดีนะ
"ซวยแล้ว เป็นฮีโร่...!"
"วิ่ง! เราต้องมีชีวิตรอด!"
"พวกเราทั้งหมดตายแน่ พวกเราชิบหายแล้ว!"
"ไม่ ได้โปรด...!"
พวกเขาได้ทำเหมือนกับวันสิ้นโลกได้มาถึงแล้ว ฉันไม่อาจจะดูถูกพวกเขาได้เลย มันไม่มีทางที่พวกเขาจะไม่รู้สึกถึงพลังเวทย์ของฉัน
ฉันได้พูดออกไป
"พวกนายอาจจะฆ่าคนธรรมดาได้ แต่ว่าพวกนายฆ่าฉันไม่ได้หรอกนะ พวกนายสามารถจะใช้ชีวิตสงบสุขไปกับทวีปลูก้าโดยไม่ต้องรุกรานคนอื่นก็ได้ แต่พวกนายกลับไม่ทำ ฉันจะไม่ปล่อยพวกนายไปอีกแล้ว"
ฉันได้ยกมือขึ้นไปบนท้องฟ้า
[ข้าดอร์ตู กำลังสร้างกระจก]
พลังดอร์ตูได้ถูกเปิดใช้งานและกระจกโลหะขนาดยักษ์ได้ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า ฉันได้มองขึ้นไป พลังนัยน์ตาของฉันได้อาบย้อมกระจกและแสงสะท้อนจากกระจกได้ปกคลุมทั้งทวีปไปมากกว่า 10% ในทันที
"ฉันมาแล้ว"