บทที่ 341 - เดม่อนลอร์ด (4) [16-03-2021]
บทที่ 341 - เดม่อนลอร์ด (4)
”
ฉันมองเห็นดันเจี้ยนได้ในทันทีที่กลับมาที่โลก เพราะขนาดของมันที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าทำให้เป็นเรื่องยากมากเลยที่จะมองผ่านไป ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนบนโลกก็น่าจะมองเห็นได้
"นี่มัน..."
ฉันได้ปวดหัวขึ้นมาในทันที เมื่อตอนแรกที่ฉันได้ปลุกพลังในฐานะผู้ใช้ธาตุขึ้นมาได้ ฉันเห็นความฝันหนึ่ง นี่คือดันเจี้ยนที่ฉันมองเห็นในตอนนั้น
ในความฝันนั้นท้องฟ้าได้ถูกย้อมไปด้วยสีแดงดำ ดวงอาทิตย์ไม่อาจจะสาดแสงลงมาบนโลกได้อีกต่อไป... และมีผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนตายไปในดันเจี้ยน หากว่าฉันจำไม่ผิด พ่อกับฉันได้คุยกันก่อนที่จะเข้าไปในดันเจี้ยนด้วย
"พะ พี่คะ"
ฉันได้หันไปมองและเห็นยุยกำลังเดินผ่านประตูเข้ามา
"ยุย"
"พี่จริงๆด้วย..."
ยุยได้พึมพัมออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ ในตอนนี้ลูน่าไม่ได้อยู่กับเธอแล้ว
"ลูน่าไปไหนแล้วล่ะ?"
"ลูน่าเธอโตแล้วค่ะ หนูพาเธอแบกพาเธอไปทุกที่ด้วยไม่ได้อีกแล้ว"
"ในเวลาแค่เดือนเดียวเนี้ยนะ?"
"มีเรื่องเกิดขึ้นมามากมาย ตามหนูมาค่ะ คนอื่นๆกำลังเป็นห่วงพี่ชายอยู่เลย"
พวกเราได้พบกันครั้งแรกในรอบเดือน แต่ว่ายุยได้ทำท่าทางเงียบขรึมแปลกๆ ฉันคิดว่ามันผ่านไปแค่เดือนเดียวเท่านั้น แต่ทำไมมันถึงเหมือนผ่านไปสิบปีเลยล่ะ? ฉันได้เต็มไปด้วยความคิดพวกนี้ แต่ในเมื่อยุยยังปลอดภัยดีสุดท้ายฉันก็ไม่สนใจอีก
ในขณะที่เราได้เดินผ่านประตูเข้าไป ยุยก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
"หนูดีใจนะคะที่พี่ปล่อยภัย หนูเป็นห่วงพี่มากๆเลย"
"พี่ขอโทษนะ มันจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว"
"จริงๆนะคะ?"
"แน่นอนสิ มันใกล้จะจบแล้วอีกด้วย"
ฉันได้ยิ้มออกมาแห้งๆ ยุยดูจะประหลาดใจนิดๆ แต่ในไม่ช้าเธอก็หยักหน้ายิ้มออกมา
"หนูเชื่อพี่ค่ะ"
"ดีมาก"
"แต่ว่าความมั่นใจของพี่นี่มาจากเขารูปร่างแปลกๆนั่นหรอคะ? อ่า ตอนนี้มีสองเขาแล้วด้วย"
"ไม่ต้องสนใจเขาหรอกนะ ฮ่าฮ่าฮ่า"
ฉันได้ลูบเขาทั้งสองบนหัวและยิ้มออกมา
"ชิน! นายไปอยู่ไหนมาจนถึงตอนนี้..."
ฮวาหยาที่กำลังมองไปที่จอบนกำลังได้ตะโกนขึ้นในทันทที่เธอเห็นฉันเดินเข้ามากับยุยก่อนที่เธอจะนั่งลงไปบนที่นั่งของเธอ
เธอได้จ้องมาที่ฉันด้วยสายตาที่สั่นไหวและเต็มไปด้วยน้ำตา
"เพราะเป็นห่วงนายทำให้ฉันรู้สึกเหมือนฉันเสียอายุขัยไปสามสิบปีเลยนะ"
"ขอโทษนะ มันช่วยไม่ได้น่ะ"
"...แล้วตอนนี้เป็นไงบ้างล่ะ? นายสบายดีนะ?"
"แน่นอนสิ"
"ฟู่... ฮิค"
เมื่อได้เห็นฮวาหยาร้องออกมา ฉันก็ได้ลูบหัวของเธอ จากนั้นฮวาหยาก็ได้ระเบิดสิ่งที่เธอเก็บไว้ตลอดทั้งเดือนที่ผ่านไปออกมา
"มันลำบากมากเลยนะ ทุกๆคนฟังแต่นาย นี่มันทั้งน่าเศร้าแล้วก็น่ารำคาญไปพร้อมๆกันเลย ฉัน..."
"เธอทำได้ดีแล้ว ฉันจะไม่หายไปแบบกระทันหันอีกแล้ว เพราะงั้นไม่ต้องห่วงนะ"
ฮวาหยาได้ค้านขึ้นทันที
"นายบอกว่านายจะอยู่ข้างๆฉันเสมอก่อนที่นายจะหายตัวไป"
"แต่ครั้งนี้เป็นเรื่องจริงนะ!"
"จริงๆหรอ?"
"ฉันสาบานเลย"
ถึงแม้ว่าฉันจะไม่มีทางเลือกมากนัก แต่ในเมื่อฉันทิ้งทุกๆอย่างไว้กับฮวาหยาทั้งเดือน เธอก็สมควรจะได้รับคำชมและความสบายใจแล้ว แค่มองไปที่เธอ ฉันก็เห็นเธอเหมือนจะล้มลงไปได้ตลอดเวลาแล้ว
สำหรับคนอื่นๆแล้วเธออาจจะไม่เป็นไร แต่ว่าฉันรู้ดีถึงปัญหาที่เธอต้องเผชิญ
"ขอบคุณนะฮวาหยา ตอนนี้ฉันจะจัดการทุกอย่างเอง ไม่ต้องห่วงแล้วนะ"
"อื้อ..."
"อ่าา ฉะ ฉันต้องทนไว้..."
ดูเหมือนยุยจะรู้สึกเจ็บปวดมากๆจากความใกล้ชิดของฉันกับฮวาหยา มีหลายอย่างที่ฉันอยากจะพูด แต่ว่าฉันตัดสินใจที่จะเอาไว้ทีหลัง
ฉันได้เงยหน้าขึ้นมามองไปที่จอที่ฮวาหยามองอยู่
จากนั้นฉันก็ตัวแข็งทื่อไป
"นี่มันอะไร?"
"นี่คือพื้นที่ที่อยู่ใต้การเคลื่อนย้ายดินแดน ดูที่พื้นที่สีแดงสิ"
"แต่นี่คือ.."
"ใช่แล้ว... มันเป็นแบบนี้แหละ"
ฮวาหยาได้ตอบกลับมาอย่างสงบ ฉันได้ชี้ไปที่จงโรที่ที่บ้านกิลด์เราตั้งอยู่และถามออกไป
"ไม่ใช่ว่าที่นี่เคยเกิดเหตุการณ์ดันเจี้ยนมาก่อนแล้วหรอกหรอ?"
"ใช่แล้ว แต่ว่าเหตุการณ์ดันเจี้ยนนั่นเป็นของมอนสเตอร์ ไม่ใช่ของปีศาจ"
ฉันรู้สึกหนาวไปถึงสันหลังในทันที ฉันเข้าใจถึงสิ่งที่เธอจะบอกแล้ว
"ถ้างั้น..."
"ไม่ต้องห่วงหรอกชิน นี่ไม่ใช่ความผิดนาย พวกเราทุกๆคนถูกหลอก"
ถึงแม้ว่าฮวาหยาจะดูใจเย็นในเรื่องนี้ แต่ว่าฉันใจเย็นไม่ลงแล้ว พวกเราได้ทำพลาดไปอย่างรุนแรง
เมื่อคิดดูแล้วการเคลื่อนย้ายดินแดนเกิดขึ้นระหว่างทวีปลูก้ากับโลก แต่ว่าพวกเราได้เหมารวมพื้นที่ดันเจี้ยนจากโลกของมอนสเตอร์เข้าไปด้วย พวกเราไม่ได้ฉุกคิดเลยสักนิด
ทำไมกันล่ะ ทำไมฉันถึงไม่คิดถึงมัน ทำไมฉันถึงได้คิดไปว่าทวีปลูก้ากับทวีปของมอนสเตอร์อยู่ใต้กฏเดียวกันล่ะ?
ฉันรู้คำตอบแล้ว นั่นมันก็เพราะเหตุการณ์ดันเจี้ยนของปีศาจไม่เคยซ้อนทับกับเหตุการณ์ดันเจี้ยนของมอนสเตอร์มาก่อนไงล่ะ เพราะแบบนั้นทำให้เราสรุปไปว่าการเคลื่อนย้ายดินแดนอยู่ภายใต้กฏเดียวกัน
แต่นี่มันคือกับดัก ปีศาจน่าจะคิดแผนการบุกรุกนี้มานานแล้วก็ได้ เมื่อคิดได้แบบนี้ขนทั่วร่างฉันก็ตั้งชันขึ้นมา
พวกเราถูกหลอกเหมือนกับคนโง่ พวกเราคิดว่าเราเตรียมพร้อมแล้ว แต่ว่านั่นมันเป็นการหยิ่งผยองคิดไปเอง เดม่อนลอร์ดกับปีศาจได้หลอกพวกเขา
ฉันได้ถามออกไปอย่างเคร่งขรึม
"...มีคนตายไปมากแค่ไหน?"
"2.3 พันล้านคน"
เมื่อได้เห็นสีหน้าที่แข็งทื่อของฉัน ฮวาหยาก็เสริมขึ้นมา
"ทั้งหมดนี่เกิดขึ้นในทันที การเคลื่อนย้ายดินแนในพื้นที่ที่เราเชื่อว่าเป็นพื้นที่ปลอดภัย... เมื่อได้ยินข่าวหัวใจฉันหล่นลงไปทันที"
"แล้วตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?"
"ถูกจัดการแล้ว มันได้เกิดขึ้นในเวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์หลังจากนายหายตัวไป แทบจะเหมือนกับว่าพวกนั้นรู้ว่านายไม่อยู่"
สีหน้าฮวาหยาได้มืดมนลงไปราวกับว่าเธอนึกไปถึงเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน
"ไม่มีสมาชิกของรีไววอร์ลที่ตายไป อิเลด้ากับรูเดียได้ทำให้ทุกๆคนรอดชีวิตมาได้.... เพราะแบบนั้นทำให้ผู้คนได้ยิ่งไม่พอใจเรามากขึ้น"
"ไม่พอใจเนี้ยนะ? มันไม่ใช่ว่าพวกเราอยากจะให้คนอื่นตายซักหน่อยนี่! พวกเขาไม่พอใจเราแค่เพราะไม่มีสมาชิกของรีไววอร์ลตายเนี้ยนะ!?"
ฉันได้นึกภาพไปถึงสมาชิกรีไววอร์ลที่ได้พยายามอย่างหนักปกป้องคนอื่นๆ แต่ว่าผู้คนก็ไม่พอใจเราแค่เพราะไม่มีพวกเราที่ตายไป? สถานการณ์มันบ้ามากจนทำให้ฉันพูดไม่ออกแล้ว
ในตอนนี้เองประตูก็ถูกเปิดขึ้น รูเดียได้เดินเข้ามา
"ขอโทษนะ ฉันคิดว่าอยากจะรอฟัง... แต่ว่าฉันสงบใจตัวเองไม่ได้เลยจนกว่าจะได้เห็นนายด้วยตาตัวเอง"
รูเดียเธอดูเหนื่อยล้าเหมือนกันกับฮวาหยา จากนั้นฉันก็นึกได้ว่าพวกเธออยู่ในกะเดียวกัน รูเดียวได้เข้ามาหาฉันอย่างรวดเร็วและหลับตาลงขณะที่จับฉันไว้ หลังจากเธอได้ปล่อยพลังมาครอบคลุมฉันแล้ว เธอก็ถอยออกมาพร้อมแสดงสีหน้าพึงพอใจ
"เยี่ยมมาก นายไม่บาดเจ็บ..."
"ขอโทษนะ ฉันคิดว่าจะไปหาทุกๆคนหลังจากคุยกับฮวาหยาแล้ว..."
"ไม่เป็นไรหรอก ฉันเข้าใจ"
รูเดียเธอดูจะไม่คิดอะไรมากนัก เธอได้หันหน้าไปหาฮวาหยาและพูดออกมา
"เธอลืมเรื่องสำคัญไปนะ"
"เรื่องสำคัญ?"
รูเดียได้หยักหน้าออกมา
"นั่นก็คือชินดูจะถูกแยกออกจากรีไววอร์ล"
"เธอหมายความว่ายังไง? ฉันคือหัวหน้าของรีไววอร์ลนะ"
"หายนะได้เกิดขึ้นในตอนชินหายตัวไป ผู้คนบอกว่ามันจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นหากชินอยู่ที่นี่"
ฉันเข้าใจในสิ่งที่เธอพูดออกมา แต่ว่าก็ยังตกตะลึงอยู่ดี
"นี่มันเรื่องไร้สาระอะไรกัน? ต่อให้ฉันอยู่มันก็ไม่มีอะไรเปลื่ยนอยู่ดี"
รูเดียได้เปิดภาพวิดีโอขึ้นมาโดยไม่ตอบกลับมา นี่คือภาพของข่าวถ่ายทอดสด
[คำกล่าวประนามต่อรีไววอร์ลได้ดังมากยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีผู้คนจำนวนมากเห็นด้วยกับทฤษฏีที่ว่าสมาชิกรีไววอร์ลได้ปองร้ายกับคังชิน ผู้ที่ไม่ปรากฏตัวออกมาเป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้ว โฆษกของรีไววอร์ล ฮวาหยา มัสติฟอร์ด]
ฮวาหยาได้ถอนหายใจออกมา
"เพราะแบบนี้แหละฉันถึงไม่พูดออกมา ฉันกลัวว่านายจะโกรธ"
"ฉันกำลังโกรธ"
"อื้อ"
"แล้วเธอกลายไปเป็นโฆษกตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? เธอเป็นรองหัวหน้ากิลด์นะ"
"ผู้คนไม่ได้สนใจเรื่องนั้นเลย"
ฮวาหยาได้พูดออกมาตรงๆ
"สำหรับพวกเขาแล้ว รีไววอร์ลก็คือคังชิน และคังชินก็คือรีไววอร์ลเช่นกัน หากไม่มีนาย รีไววอร์ลก็ไม่มีอะไรมากไปกว่ากลุ่มกองกำลังทหารที่ไม่อาจจะควบคุมได้"
"...จังหวะมันพอเหมาะพอเจาะเกินไป"
รูเดียได้หยักไหล่พูดออกมา
"ในตอนแรกเราไม่ได้สนใจและปล่อยผ่านความคิดพวกนี้ไป แต่ว่าเสียงพวกนี้ก็ได้ดังขึ้นด้วยความเร็วที่เราไม่เข้าใจเลย"
"สำหรับผู้คนแล้ว นายไม่ต่างไปจากพระเจ้า ในหนึ่งเดือนที่ผ่านมามันแย่ลงเรื่อยๆ จนถึงจุดที่พวกเขาศรัทธาจนตามืดบอด... และพวกเราก็คือปีศาจที่ได้ฆ่าพระเจ้าของพวกเขาไป"
ฉันได้ก่ายหน้าผากตัวเอง ตอนนี้ฉันเริ่มเข้าใจท่าทางแปลกๆของยุยกับความอึดอัดใจของฮวาหยาแล้ว แม้แต่ฉันก็ยังอยากจะร้องออกมา
"บ้าเอ้ย ทำไมถึงเป็นตอนนี้..."
ฉันได้นึกไปถึงหนึ่งเดือนที่ฉันได้ใช้เวลาดูดซับพลังของมังกร นี่เป็นจังหวะจำเป็นที่จะพัฒนาพลังของฉันขึ้นไปและเรียนรู้เกี่ยวกับวงแหวนและพลังอินิกม่าของฉัน
แต่ในระหว่างเวลานั้น ปีศาจก็ได้เปิดฉากโจมตีออกมาราวกับรู้ถึงสถานการณ์ของฉัน สมาชิกของรีไววอร์ลได้จัดการกับพวกมันโดยไม่หยุดพัก แต่ว่านี่ก็ไม่อาจจะพูดได้ว่าเป็นความสำเร็จเลย
หนึ่งในสามของมนุษยชาติได้ตายจากไป มันคงเป็นเรื่องยากแล้วที่จะบอกว่าโลกจะเป็นไปตามเดิม
"ปีศาจได้สร้างความเสียหายขึ้นอย่างรุนแรง ภารกิจของพวกมันไม่ใช่การบุกรุก แต่เป็นภารกิจฆ่าตัวตาย!"
หรือบางทีพวกมันก็ไม่ได้สนใจจำนวนผู้บาดเจ็บล้มตายเลย
หลังจากคิดมาถึงขนาดนี้แล้วฉันก็เงยหน้าขึ้นมา
ฉันได้มองไปที่ทางเข้าดันเจี้ยนบนท้องฟ้า
"มีใครได้เข้าไปในดันเจี้ยนนั่นไหม?"
"หากนายอยู่ที่นี่ ก็ไม่มีใครเข้าไปแล้วชิน"
เมื่อได้ยินคำพูดของฮวาหยาฉันก็หลับตาลงไป รูเดียได้อธิบายเพิ่มขึ้นมา
"มันไม่สำคัญว่าพวกเราได้ฆ่าปีศาจไปมากแค่ไหน ผู้คนยังคงไม่เชื่อเราอยู่ดี มันแทบจะเหมือนกับว่าพวกเขากำลังถูกควบคุมอยู่ พวกเขาเกลียดชังเราและร้องตะโกนแต่ชื่อนาย พวกเรามั่นใจว่าเดม่อนลอร์ดอยู่ภายในดันเจี้ยนนั่น แต่ว่าหากไม่มีนายพวกเราก็ไม่มั่นใจที่จะเข้าไปข้างใน"
"ดีแล้วล่ะ หากพวกเธอเข้าไปโดยไม่มีฉัน ฉันโกรธพวกเธอแน่"
"...แต่ว่าคนอื่นๆไม่ฟังเราเลย"
ฉันได้กำหมัดทุบลงไปบนโต๊ะ
คำพยากรณ์ของเคียร่ากำลังเป็นจริง
แม้ว่าดันเจี้ยนบนท้องฟ้าจะได้กลืนกินโลหิตของผู้ใช้พลังจำนวนนับไม่ถ้วนไปแล้ว แต่มันก็ดูจะยิ่งหิวมากขึ้นจนกระจายแสงสีแดงเลือดออกไปทั่วทั้งโลก