บทที่ 190 จะสู้หรือถอยหนี?
กลุ่มคนที่กำลังมุ่งหน้ามานั้นมีประมาณสี่สิบถึงห้าสิบคนและยังมีสองคนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยว!
จะสู้หรือถอยหนี?
เจียงอี้ลังเล หากว่าเขาอยู่บนหลังของหมาป่าจันทราสีเงิน เขาจะสามารถหลบเลี่ยงคนเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย
แต่ในทางกลับกัน ด้วยจำนวนของศัตรูที่มีมากขนาดนี้ คะแนนสะสมที่ได้จะต้องมากกว่าหนึ่งร้อยคะแนนเป็นแน่ หากจะทิ้งมันไปก็น่าเสียดายยิ่งนัก
สุดท้ายเจียงอี้ก็ตัดสินใจกลับไปตั้งหลักในถ้ำเพราะถ้าเห็นว่าสถานการณ์เลวร้าย เขาจะหลบหนีอย่างไม่ลังเล
ในเวลานี้เขากำลังบรรจุลูกศรลงไปในหน้าไม้สังหารเทพทั้งสิบชุดอย่างเร่งรีบ จากนั้นเขาก็เดินไปตามอุโมงค์และรีบเก็บสินสงครามทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นเหรียญตรา, สิ่งประดิษฐ์และหน้าไม้เข้าไปในไข่มุกวิญญาณเพลิง
ตึก! ตึก!
ไม่นานนักกลุ่มผู้มาเยือนก็ได้มาถึง พวกเขาไม่ได้ใช้กำลังคนทั้งหมดแต่ส่งตัวแทนมาแค่สี่คนเท่านั้น คราวนี้เจียงอี้ไม่ได้เก็บเหรียญตราของเขาเข้าไปในไข่มุกวิญญาณเพลิงแต่ใช้มันเพื่อจับสัญญาณของฝ่ายศัตรู
เหอะ! แค่สี่คน? นี่พวกเจ้ากำลังดูถูกข้า? เช่นนั้นก็ดี ข้าจะได้ฆ่าพวกเจ้าได้สะดวกๆหน่อย!
เจียงอี้ยืนหยัดอย่างมั่นคงอยู่ภายในถ้ำและรอคอยการมาถึงของศัตรูอย่างใจเย็น ในเวลาเดียวกันเขาก็กำหน้าไม้สีดำทั้งสองซึ่งถูกซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อไว้แน่นราวกับพร้อมที่จะลั่นไกได้ทุกเมื่อหากศัตรูปรากฏตัวอยู่ในระยะสายตาของเขา
ฟึ่บ!
กลุ่มคนทั้งสี่ซึ่งสวมชุดเกราะสีขาววิ่งเข้ามาใกล้ แม้จะต้องพิจารณาแล้วก็ยังไม่ทราบว่าเป็นจอมยุทธจากอาณาจักรใดกันแน่
เมื่อพวกเขาเห็นร่างของเจียงอี้ที่ยืนอยู่ในอุโมงค์ถ้ำ พวกเขาต่างก็ตกใจ แต่พริบตาเดียวก็เผยจิตสังหารออกมาและกระโจนใส่เขาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
ฟึ่บ! ฟึ่บ!
เจียงอี้รอให้พวกมันเข้ามาในระยะสิบเมตรก่อนจะลั่นไก เมื่อมาถึงระยะที่กำหนดแล้วลูกศรเพชฌฆาตก็ถูกปล่อยออกไป
เป็นไปตามคาด!
อุโมงค์นั้นมีขนาดที่แคบมาก ผนวกกับฝ่ายตรงข้ามที่ไม่ชั่งใจและเคลื่อนไหวเร็วเกินไป พริบตาเดียวพวกมันทั้งสี่ก็ถูกสังหารโดยหน้าไม้สังหารเทพที่อยู่ในมือของเจียงอี้
พลังทำลายของหน้าไม้เหล่านี้ยังน่าประทับใจเช่นเดิม! เจียงอี้แอบคิดกับตัวเอง
“หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ ข้าคงขอให้เฉียนว่านก้วนจัดเตรียมมันให้กับข้าสักสามร้อยชุดแล้ว!”
เจียงอี้รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง เขาจิตนการถึงขั้นที่ว่าตัวเองสามารถเผชิญหน้ากับคนนับหมื่นได้ด้วยตัวคนเดียว
เขากระโจนไปข้างหน้าเพื่อเก็บรวบรวมเหรียญตราทั้งหมด, สิ่งประดิษฐ์และลูกศรโดยไม่พลาดเลยแม้แต่อย่างเดียว
คราวนี้เขาไม่ได้เก็บเหรียญตราที่ได้มาใหม่ทั้งสี่เข้าไปในไข่มุกวิญญาณเพลิงทันที แต่เลือกที่จะวางกองไว้บนพื้นแทน จากนั้นก็หันไปบรรจุลูกศรใส่หน้าไม้และกลับไปยืนในตำแหน่งเดิมด้วยท่าทีอหังการเพื่อรอคอยศัตรูกลุ่มใหม่ที่กำลังจะเข้ามา
“หืม?”
ทางด้านนอก เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องอันน่าเวทนา การแสดงออกทางสีหน้าของคนที่เหลือก็เปลี่ยนไป ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวสีหน้ามืดมนและตะโกนออกคำสั่ง
“พวกเจ้าสิบคนเข้าไป! แล้วก็อย่าประมาท!”
คนทั้งสิบลอบสบตากันด้วยความหวาดหวั่น พวกเขาเดาว่าสี่คนที่เข้าไปก่อนหน้านี้คงจะตายไปแล้ว… แต่อะไรกันละที่สังหารคนพวกนั้น?
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวทั้งสองมีมติเป็นเอกฉันท์ทำให้พวกเขาไม่มีทางเลือก คนทั้งสิบจับกลุ่มกันและค่อยๆเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้ปากถ้ำ พวกเขาไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหวเร็วเกินไปและตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา
เมื่อคนทั้งสิบเข้ามาในถ้ำ พวกเขาก็ทำได้เพียงแค่ใช้แสงสลัวๆที่ส่องเข้ามาจากปากถ้ำในการคลำเส้นทาง
เมื่อเดินมาได้สักระยะพวกเขาก็มองเห็นศพของสหายเก่าพร้อมกับศพของคนแปลกหน้าอีกจำนวนหนึ่ง แต่กลับไม่พบผู้ลงมือ
“เอ๊ะ?”
เมื่อคนทั้งสิบเดินผ่านศพเหล่านั้นเข้าไป พวกเขาก็พบกับร่างที่เปียกโชกไปด้วยเลือดของคนผู้หนึ่งซึ่งดูเหมือนว่าจะบาดเจ็บสาหัส
ทันใดนั้นพวกเขาก็ผ่อนลมหายใจด้วยความโล่งอก ดูเหมือนว่าคนร้ายจะบาดเจ็บไม่น้อย? หลังจากนั้นพวกเขาก็เดินเข้าไปใกล้โดยลดความระแวดระวังลง บางคนถึงขั้นเก็บอาวุธกลับไปด้วยความชะล่าใจ
สิบห้าเมตร!
สิบเมตร!
แน่นอนว่าร่างที่เปียกโชกไปด้วยเลือดย่อมต้องเป็นเจียงอี้ เขาเสแสร้งแกล้งทำว่าตัวเองบาดเจ็บเพื่อล่อให้ฝ่ายศัตรูเข้ามาใกล้
เมื่อคนเหล่านี้อยู่ห่างออกไปเพียงแค่สิบเมตร เขาก็กระเด้งตัวขึ้นมาและเหนี่ยวไกหน้าไม้ที่อยู่ในมือทันทีโดยไม่เตือนล่วงหน้า
“อ๊ากก!”
การสังการหมู่เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง! เนื่องจากความคับแคบของสถานที่บวกกับจำนวนคนที่แออัด ทำให้ผู้ที่อยู่แนวหน้าไม่มีโอกาสที่จะหลบลูกศรเลยแม้แต่นิดเดียว
หลังจากที่สับเปลี่ยนหน้าไม้อย่างต่อเนื่องและปลดปล่อยลูกศรนับสิบออกไป เจียงอี้ก็ทะยานไปข้างหน้าพร้อมกับดาบเกล็ดทมิฬในมือและเข้าห้ำหั่นศัตรูที่อยู่แนวหลังซึ่งกำลังวิ่งหนีอย่างอลหม่าน
ฟับบ!
สะเก็ดไฟจากตัวดาบส่องประกายระยิบระยับ ดาบเกล็ดทมิฬของเจียงอี้มีความคมที่น่ากลัวอย่างยิ่งยวด มันเฉือนทำลายศาสตราวุธของชายสองคนที่อยู่ด้านหน้าราวกับตัดกระดาษ จากนั้นก็ผ่าร่างของพวกมันทั้งสองในวินาทีต่อมา
สามคนสุดท้ายที่เหลืออยู่รีบกลับหลังหันและวิ่งตรงไปยังปากถ้ำด้วยความหวาดกลัวถึงขีดสุด
ฟึ่บ!
เจียงอี้ไม่ได้ตามพวกมันไป แต่หันกลับมาปลิดชีพผู้ที่ถูกหน้าไม้สังหารเทพยิงทะลุร่างจนได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยไม่ปล่อยให้เสียเวลาเขาก็ทำการรวบรวมเหรียญตราทั้งหมดและเริ่มบรรจุลูกศรใส่หน้าไม้อีกครั้ง
จากนั้นเขาก็นำเชือกยาวออกมาจากไข่มุกวิญญาณเพลิงและหย่อนมันลงไปทางหน้าผาเพื่อเตรียมทางหนีทีไล่
เจียงอี้เข้าใจดีว่าหลังจากที่สังหารศัตรูไปถึงสิบเอ็ดคนแล้ว ทางฝั่งของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวคงจะไม่ยอมรามือง่ายๆเป็นแน่ ตอนนี้เขาทำได้เพียงเตรียมตัวสำหรับศัตรูระรอกต่อไป
“ฮึ่ม!”
สีหน้าของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวทั้งสองเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวเมื่อรับฟังรายงานจากผู้รอดชีวิตทั้งสาม จากนั้นหนึ่งในพวกมันก็คร่ำครวญออกมา
“มันใช้หน้าไม้สังหารเทพ! เห็นได้ชัดว่ามันเป็นคนของตระกูลใหญ่จากอาณาจักรเสินหวู่ขอรับ… ผู้อาวุโสโปรดพิจารณาแผนขั้นต่อไปด้วย!”
แม้ว่าจะเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยว แต่หากให้เข้าไปทีละคน พวกเขาก็ยังคงรู้สึกหวั่นใจอยู่ดี ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการแยกกันลงมือ หากทำเช่นนั้นก็ไม่ต่างอะไรไปจากการแส่หาความตาย!
ฟึ่บ
โดยไม่สนใจผู้รอดชีวิตที่เพิ่งออกมาจากถ้ำ ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวรีบมุ่งตรงไปยังทางเข้าถ้ำอีกแห่งหนึ่ง แต่ก่อนที่เขาจะไปถึงขอบหน้าผานั้น ร่างเงาปริศนาร่างหนึ่งก็โผล่ออกมา
เมื่อเห็นดังนั้น เขาก็เร่งเร้าแก่นแท้พลังไปที่ฝ่ามือเพื่อที่จะทำให้ปลิดชีพฝ่ายตรงข้าม แต่ทันใดนั้นเอง…!!
“เพลิงโลกา!”
ก่อนที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวคนนั้นจะได้ปลดปล่อยการโจมตี เจียงอี้ก็เรียกเพลิงโลกาออกมาจากไข่มุกวิญญาณเพลิงเร็วกว่าก้าวหนึ่ง
เพียงพริบตาเดียวเปลวเพลิงอันโชติช่วงก็กลืนร่างของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวคนนั้นหายไปเสียแล้ว
“อ๊ากก!”
เสียงกรีดร้องอันน่าสังเวชดังสะท้อนออกมา พลังงานความร้อนที่น่ากลัวของเพลิงโลกาไม่ปล่อยให้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวมีชีวิตรอดและแผดเผาอีกฝ่ายจนเป็นเถ้าถ่าน แม้แต่อาวุธของเขาก็ถูกหลอมไปด้วย
ทันใดนั้นเหรียญตราสีดำเหรียญหนึ่งก็หล่นลงมาจากร่างของเขา แต่ไม่ทราบว่าด้วยเหตุใด มันจึงไม่บุบสลายเลยแม้แต่น้อย?
“นี่…”
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวอีกคนที่เหลืออยู่เข้ามาเห็นเหตุการณ์พอดี โดยไม่ต้องรอให้ใครมาบอก เขารีบหันหลังกลับและหนีหายไปอีกทางในทันที
ควับ!
เจียงอี้ใช้มือคว้าเหรียญดังกล่าวเอาไว้ ในขณะเดียวกันเขาก็พุ่งเข้าไปในเพลิงโลกาที่กำลังลุกไหม้และใช้ไข่มุกวิญญาณเพลิงดูดซับเปลวเพลิงที่เหลือ จากนั้นเขาก็เรียกหมาป่าจันทราสีเงินออกมาเพื่อทำการไล่ล่า
“ไปเลย!”
ในขณะนั้นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวที่เหลืออีกคนก็รีบเหาะทะยานหนีอย่างไม่ลดละ
ฟึ่บ!
ร่างของเจียงอี้โผล่ออกมาจากอุโมงค์อย่างรวดเร็ว เมื่อเขาอยู่กลางอากาศ เครื่องรางสัตว์วิญญาณก็เปล่งแสงและดูดร่างของหมาป่าจันทราสีเงินกลับเข้าไป
วินาทีต่อมา เปลวเพลิงที่น่ากลัวก็ลุกโชนออกมาจากร่างของเขาและกลืนกินผู้คนนับสิบที่เหลืออยู่ในบริเวณนั้น
“อ๊ากกก…”
“ม่ายยยย! ไว้ชีวิตข้าด้วยเถิด!
เสียงกรีดร้องดังระงม ไม่นานนักกลุ่มคนทั้งหมดก็เหลือเพียงแค่เถ้าธุลี เจียงอี้รีบคว้าเหรียญตราที่ร่วงหล่นบนพื้นอย่างรวดเร็วและดูดซับเพลิงโลกากลับเข้าไป จากนั้นเขาก็เรียกหมาป่าจันทราสีเงินออกมาอีกครั้งและเริ่มการไล่ล่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวที่หนีไป
ตั้งแต่ที่เจียงอี้ตัดสินใจฆ่า เขาก็ไม่สามารถหยุดได้ หากผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวคนนั้นหนีรอดไปได้ เขาอาจจะเปิดเผยตำแหน่งของเจียงอี้
เมื่อบวกกับเรื่องที่เขามีหมาป่าจันทราสีเงินเป็นสัตว์วิญญาณ มันจะทำให้ผู้อื่นสามารถเชื่อมโยงมาถึงเขาได้ง่าย หากสุ่ยเชียนโหรวและคนอื่นๆทราบเรื่อง ปัญหามากมายก็จะถาโถมเข้ามาไม่หยุด