บทที่ 117 ไข่มุกทองคำ
บทที่ 117 ไข่มุกทองคำ
ผู้แปล loop
ณ เมืองเจ้อเจียงเขต ซูจี
วันนี้มันเป็นวันที่ฝนตกพรำๆ แต่ดูเหมือนว่าฝนก็ใกล้จะหยุดแล้ว
ดงซูบินเดินลงจากสถานีรถไฟ ซูจี พร้อมถุงของฝากขนาดใหญ่ ตอนนี้ดงซูบินเดินเร็วมากพร้อมกับจัดเสื้อผ้าของเขาไปด้วย เพราะเขารู้สึกอึดอัดมากจากความชื้นของเขต ซูจี นั้นสูงและหนาวมาก ซึ่งดงซูบินก็คุ้นเคยกับสภาพอากาศที่หนาวเย็นและแห้งแล้งในเขตหนืออยู่ ในขณะที่เขาเดินตามถนนและพบร้านอาหารเล็ก ๆ ริมถนน
“เจ้าของร้านครับขอเมนูให้ผมหน่อย” ดงซูบินนั่งลงไปที่โต๊ะว่าง
“กำลังมาจ้า” ผู้หญิงวัยกลางคนอ้วนเดินไปพร้อมกับเมนู
ดงซูบินเลือกเมนูอาหารมาสองจานและพูดว่า: "ขอซุปเผ็ดๆนะครับ”
10 นาทีต่อมามีการเสิร์ฟอาหารทั้งหมด
ซุปที่ดงซูบินสั่งนั้นเป็นซุปหอย แม้ว่าคนปักกิ่งจะเรียกสิ่งเหล่านี้ว่าหอย แต่มันเป็นหอยแมลงภู่ หอยมุก นอกเหนือจากหอยแมลงภู่มันมีขนาดเท่าฝ่ามือไม่มีอะไรในน้ำซุป ดงซูบินอยากรู้ว่าภายในหอยนั้นมีอะไรเขาเลยใช้ตะเกียบเปิดหอยแมลงภู่ หอยแมลงภู่ที่แกะออกมานั้นมันมีเสียงกระทบที่ดังออกมา ดงซูบินลองจิ้มหอยแมลงภู่ขึ้นมาทานก่อนที่จะคายออกมา ‘รสชาติห่วยมาก ใครจะทานมันได้ลง’
เจ้าของร้านซึ่งนั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์เมื่อเธอเห็นและหัวเราะ “ใครเขากินหอยแมลงภู่กันล่ะพ่อหนุ่ท เขาซดแค่น้ำซุป”
ใบหน้าของดงซูบินแดงขึ้นด้วยความอาย “แล้วไข่มุกล่ะครับ?”
“พ่อหนุ่มมาเที่ยวหรอ? พ่อหนุ่มสามารถซื้อไข่มุกเอาไปเป็นของที่ระลึกได้นะ”
“ก็แสดงว่ามันคือ การพนันซุปใช่ไหมครับ”
“พ่อหนุ่มสามารถพูดได้ หากพ่อหนุ่มโชคดีพ่อหนุ่มอาเจอไข่มุกที่ดี พ่อหนุ่มอยากได้ซุปอีกสักถ้วย”
“ผมพอแล้วครับ” ดงซูบินรู้ว่าเจ้าของร้านคนนี้กำลังพูดเรื่องไร้สาระอยู่ เขาอ่านข้อมูลเกี่ยวกับการพนันมุกตอนนั่งรถไฟที่นานกว่า 10 ชั่วโมง เขารู้ว่าหอยเหล่านี้เป็นหอยคุณภาพต่ำ ถ้าโชคดีนะก็จะพบไข่มุกมูลค่า 20 หยวน แต่ถ้าเป็นหอยแมลงภู่เหล่านี้ผลิตลูกแพร์ไร้ค่า “เจ้าของร้านครับช่วยอะไรผมหน่อยนะครับ? เจ้าของร้านรู้จักสถานที่พนันไข่มุกหรือไม่ จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเท่าไหร่กับการเสี่ยงโชคไข่มุก?”
เจ้าของร้านมองเขา:" มันมีร้านรถเข็นอยู่แถวนี้ ราคามันอยู่ที่ประมาณ 200 ถึง 300”
ดงซูบินตอบว่า:“มีที่ไหนบ้างที่ขายหอยแมลงภู่ที่ดีกว่านี้? ชอบประเภท 2,000 ถึง 3,000 หยวนเหรอ?”
“โอ้พ่อหนุ่มต้องไปที่ฟาร์มเพาะพันธุ์ไข่มุก แต่พวกเขานั้นไม่รับพนันมุกที่นั่น พวกเขาจะเปิดหอยตัวเองแล้วขายไข่มุกตามเกรด การพนันมุกที่นี่ส่วนใหญ่เป็นแผงลอยริมถนนเล็ก ๆ ราคามันไม่สูงนัก”
ดงซูบินคุยกับเจ้าของร้านอยู่พักหนึ่งและได้เข้าใจการพนันมุกของ ซูจี มากขึ้น
ฝนหยุดและดงซูบินออกจากร้านอาหารและขึ้นแท็กซี่
คนขับถามว่า:“จะไปที่ไหนครับ”
ดงซูบินกล่าว่า:“พาผมไปที่ฟาร์มเพาะพันธุ์ไข่มุกที่ใกล้ที่สุดนะครับ”
คนขับรถที่กำลังขับรถอยู่และถามว่า:“คุณมาจากปักกิ่งหรอ คุณมาพักร้อนไหม?”
“ใช่ ผมมาที่นี่เพื่อซื้อหอยมุกเพื่อลองเสี่ยงโชค”
“โอ้ผมต้องการมาหาซื้อหอย” คนขับรถคิดอยู่พักหนึ่ง “อย่างงั้นเราต้องขับไปทางตะวันตก ฟาร์มไข่มุกสองแห่งในบริเวณใกล้เคียงยังแต่มันยังไม่ถึงฤดูกาลของมันหน้านี้หอยแมลงภู่ไม่พร้อมสำหรับการเก็บเกี่ยว ฟาร์มเพาะพันธุ์ทางฝั่งตะวันตกอาจอยู่ห่างออกไป ผมพักที่ฟาร์มใกล้ ๆ และเห็นพวกเขากำลังเตรียมเก็บเกี่ยวไข่มุกเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา”
ดงซูบินตอบว่า:“โอเคอย่างงั้น ไปทางตะวันตกกันดีกว่า ขอบคุณครับ”
ประมาณ 20 นาทีต่อมาดงซูบินก็มาถึงที่หมาย เขาจ่ายค่าโดยสารและเดินลงอย่างรวดเร็ว เขามองไปรอบ ๆ และถือกระเป๋าของเขาอย่างมุ่งมั่น กระเป๋าของเขาดูธรรมดาและล้าสมัย แต่วัตถุประสงค์ของดงซูบินเลือกกระเป๋าใบนี้ มีกล่องรหัสผ่านซึ่งบรรจุอยู่ในกระเป๋าราคา 440,000 หยวนดงซูบินมุ่งมั่นที่จะเก็บเงินให้ถึง 1 ล้านในการเดินทางครั้งนี้ นี่คือเหตุผลที่เขาถอนเงินออมทั้งหมดของเขาออกมา
มีอาคารสีขาวสองสามแห่งในระยะไกล เมื่อดงซูบินเข้ามาใกล้เขาเห็นฟาร์มเพาะพันธุ์ 5 ถึง 6 แห่ง
ดงซูบินเดินไปที่ประตูโลหะ ไม่มีใครอยู่ที่นั่นแต่ดงซูบินก็เดินเข้าไป
“เฮ้! นายกำลังทำอะไร?” ชายคนหนึ่งที่เต็มไปด้วยโคลนยืนขึ้นมาจากฟาร์มเพาะพันธุ์ เขาตะโกนไปที่ดงซูบิน:“ใครอนุญาตให้นายเข้ามา?”
“ผมมาที่นี่เพื่อซื้อไข่มุก!” ดงซูบินขมวดคิ้วเมื่อเขามองไปหาที่ชายคนนั้น “เจ้าของร้านอยู่ที่ไหน”
“ซื้อไข่มุก?” ชายคนนั้นมองดูดงซูบินตั้งแต่บนจรดเท้า “ฉันเองเป็นเจ้าของร้านที่นี่ คุณต้องการไข่มุกอะไร ผงไข่มุก?”
‘นี้คือเจ้าของฟาร์มไข่มุกจริงๆหรอเนี่ย?’ ดงซูบินรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมากเนื่องมาจากดงซูบินรู้ว่าเจ้าของฟาร์มไข่มุขนั้นมีรายได้เกือบ 1 ล้านหยวนต่อปี พวกเขาน่าจะใส่ชุดสูทผูกเนกไทคหรืออย่างน้อยก็ดูเหมือนเจ้าของธุรกิจ แต่คน ๆ ที่อยู่ด้านหน้าของดงซูบินนั้นดูเนื้อมอมแมม เมื่อเอาไปเทียบกับคนขายอาหารตามถนน คนขายอาหารตามถนนนั้นยังดูดีมากกว่า
ในเวลานี้มีคนงาน 3 คนเดินจากฟาร์มมาจากทางตะวันตกเฉียงเหนือ “หัวหน้าครับทุกอย่างพร้อมแล้ว จะให้เราเปิดร้านหน้าร้านขายหอยแมลงภู่อยู่หรือเปล่า?”
ในตอนนั้น
ดงซูบินจึงสันนิษฐานว่าว่าบุคคลนี้เป็นเจ้านายของฟาร์มอย่างแน่นอน เขาถามว่า:“คุณเป็นคนขายหอยใช่ไหมครับ คุณขายมันเท่าไร?”
เจ้าของร้านพยายามส่ายโคลนออกจากถุงมือของเขา “เราไม่ได้ขายหอย หากนายต้องการซื้อไข่มุกก็กลับมาอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ เรายังไม่มีหอยให้คุณ”
สิ่งที่ฉันต้องการคือหอยแมลงภู่ที่ยังไม่เปิด ดงซูบินเดินติดตามเจ้าของร้านไปและถามว่า:“หอยแมลงภู่ ประเภทนี้มีกี่สี”
เจ้านายคนนั้นตอบอย่างกระวนกระวาย “ฉันบอกไปแล้วว่าเราไม่ขายหอยแมลงภู่ กลับไปส่ะ!”
“ถ้าสีของหอยแมลงภู่ชุดนี้ดี เรื่องเงินก็ไม่ใช่ปัญหานะครับ” ดงซูบินไม่ชอบท่าทีของเจ้าของร้านคนนี้ เจ้าของร้านมองว่าดงซูบินดูเด็กเกินไปและดูไม่เหมือนไม่ใช่คนรวย นั่นเป็นเหตุผลที่เขาได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ ถ้าเป็นชายวัยกลางคนที่มีมีพุ่งนิดหน่อยท่าทางของเจ้าของร้านจะแตกต่างออกไป ดงซูบินมองไปที่เจ้าของร้านและเปิดกระเป๋าเพื่อแสดงให้เจ้าของร้านเห็นบัตรประจำตัวของเขา “แม้ว่าคุณจะไม่ต้องการขาย ก็ไม่เป็นไรแต่ผมขอเข้าไปดูหอยหน่อยได้ไหม? สำหรับราคา……. เราค่อยมาคุยเรื่องนี้ในทีหลังก็ได้”
เจ้าของร้านคนนั้นรู้สึกประหลาดใจและเขาขมวดคิ้ว "ยังงั้นมากับฉัน."
ดงซูบินเดินตามเจ้านาย มีทุ่นจำนวนหนึ่งจากฝั่งยาวถึงกลางของทะเลสาบ ทุ่นอยู่ใกล้กันและครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดและเลียบชายฝั่งมีเรือลำเล็ก ๆ สองลำ บนเรือมีตาข่ายของหอยแมลงภู่ จากกองของหอยบนชายฝั่ง แหและอวนเหล่านั้นน่าจะสามารถเก็บหอยได้อย่างน้อย 100 ตัว มีหอยอย่างน้อย 1,000 ตัว หอยแมลงภู่ตัวใหญ่กว่าที่ร้านอาหารแห่ง เขาสามารถบอกได้ว่าหอยมุกน้ำจืดเหล่านี้เกรดดีกว่า
หลังจากที่พวกเข้าเดินเข้าไปใกล้ไป เจ้าของร้านก็บอกคนงานคนหนึ่งของเขาว่า“เปิดให้เขาดูสิ”
คนงานพยักหน้าและเอาหอยแมลงภู่ตัวเล็ก ๆ ออกจากตาข่าย จากนั้นเขาก็หยิบมีดครัวขึ้นมาจากโคลน เขาสอดมีดเข้าไปในช่องเล็ก ๆ ของหอยแมลงภู่แล้วบิดมัน ‘แตก!’ หอยแมลงภู่ถูกเปิดออกและดงซูบินสามารถมองเห็นเนื้อหอยแมลงภู่และชิ้นส่วนของไข่มุกสีทอง คนงานเอื้อมมือเข้าไปในหอยแล้วขุดออกมา 9 ไข่มุกที่มีรูปร่างและขนาดแตกต่างกัน เขาวางไข่มุกไว้ในถังพลาสติก ไข่มุกน้ำจืดนั้นแตกต่างจากไข่มุกน้ำทะเล หอยแมลงภู่ในทะเลสามารถผลิตไข่มุกเพียงหนึ่งหรือสองเม็ดเท่านั้น
นี่คือการพนันมุก! ดงซูบินตื่นเต้น มันน่าสนใจมาก
เจ้าของร้านคนนั้นเดินไปหยิบไข่มุกที่ใหญ่ที่สุดออกมา เขาใช้อุปกรณ์วัดไปที่หอยแมลงภู่ “อืม……ไม่เลวเลย” อุปกรณ์นี้ออกแบบมาเพื่อวัดเส้นผ่านศูนย์กลางของไข่มุก มีที่จับสำหรับให้ผู้ใช้จับใช่เพียงปุ่มเดียวเพื่อความปลอดภัยและวัดไข่มุก “ครึ่งหนึ่งของไข่มุกสามารถนำมาทำเครื่องประดับได้และส่วนที่เหลือสามารถทำเป็นผงไข่มุกได้”เสี่ยวเอ๋อ เราจะไปเปิดหอยและเสี่ยวหลิวไปเรียงหอยแมลงภู่สิ”
ความแน่นความกลมความสว่างและขนาดจะเป็นตัวกำหนดระดับของไข่มุก ถึงแม้ว่าจะเป็นไข่มุกทองคำก็ถือเป็นไข่มุกชั้นดี แต่ไข่มุกขนาดเล็กหรือไข่มุกที่มีรูปร่างต่างออกไปก็จะไร้ค่า เหมือนหอยแมลงภู่ที่เพิ่งเปิดไปมากกว่าครึ่งหนึ่งของไข่มุกที่อยู่ในนั้นไม่สามารถนำมาทำเครื่องประดับได้
“โอ้” เจ้าของร้านหันมามองที่ดงซูบิน “นายต้องการหอยขนาดไหน?”
ดงซูบินยิ้ม “ผมขอดูก่อน” ถึงแม้ว่าไข่มุกเหล่านี้จะมีค่าแต่ดงซูบินก็ไม่ถูกหลอกง่ายๆ เขาคิดอยู่ในใจ เขาใช้ย้อนกลับไปแปดครั้ง ที่บ้านโจวเกาในวันก่อนและยังเหลืออยู่อีกสองครั้งที่สามารถย้อนกลับได้ และในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเขาก็ได้เก็บสะสมพลังพิเศษไว้ถึง 10 วัน
เจ้าของร้านและลูกจ้างของร้านเริ่มเปิดหอยด้วยเครื่องบด
‘เตาะ!’ หอยแมลงภู่ขนาดเท่าฝ่ามือถูกเปิดออกและมีไข่มุกสีขาว 11 ชิ้นอยู่ในนั้น มูลค่าของหอยแมลงภู่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนไข่มุกแต่มันขึ้นอยู่กับขนาดของไข่มุกที่ใหญ่ที่สุดและไม่ว่าไข่มุกนั้นว่าจะกลมและสว่างหรือไม่ ไข่มุกที่ใหญ่ที่สุดจะดึงราคาได้สูงสุด นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมหอยแมลงภู่ชิ้นนี้จึงกลายเป็นไข่มุขมูลค่าแย่ เพราะไข่มุกที่ใหญ่ที่สุดมีค่าแค่เพียงสิบมิลลิเมตร
‘เตาะ!’ อีกอันหนึ่ง……
อีกอันหนึ่ง…อัน
อันที่ห้า……
ที่แปด……
ผ่านไป 10 นาทีและหอยแมลงภู่จำนวนมากถูกเปิดออก ไม่ใช่ไข่มุกเม็ดเดียวที่มีค่ามากกว่า 10 มิลลิเมตร!
ไม่ใช่เพราะหอยแมลงภู่ชุดนี้ไม่ดี เป็นเพราะหายากที่จะหาไข่มุกที่มีขนาดเกิน 10 มม. มันเหมือนกับการหาลูกแก้วในคริสตัล
หอยแมลงภู่ชิ้นที่เก้า……มันมีขนาดใหญ่ที่สุดอยู่ประมาณ 1.3 ซม.
หอยแมลงภู่ชิ้นที่สิบ……เป็นไข่มุกขนาดเล็ก ๆ ทั้งหมด
ไข่มุกชิ้นที่ 11 ……
“เอ๊ะ! หัวหน้า! ไข่มุกเม็ดนี้มันใหญ่มาก!” คนงานตะโกนออกมา
ดงซูบินและเจ้าของร้านมองดู พวกเขาเห็นคนงานกำลังขุดไข่มุกทองคำก้อนโตขึ้นมา “มุกนี้อย่างน้อยก็ 1.5 ซม. คุณภาพดี” มันไร้ที่ติ มันเป็นไข่มุกทองคำชั้นดี!
เจ้าของร้านคนนั้นยิ้ม "ดี……. ดี……” แค่
นั้นแหละ!
ในที่สุดไข่มุกที่มีค่าก็ปรากฏขึ้น ดงซูบินจึงตะโกนขึ้นมาทันทีว่า “ย้อนกลับ”!