68 จะเงียบปากหรือไม่?
68 จะเงียบปากหรือไม่?
“ฉันไม่ได้เป็นผู้ฝึกตนปีศาจนะ! นายก็น่าจะเรียนเรื่องนี้มาจากในโรงเรียนแล้วนี่ ‘การเข้ากับปีศาจ ก็คือการเป็นปีศาจไปชั่วชีวิต’ เมื่อตกลงไปบนเส้นทางของปีศาจแล้ว เมื่อจมลงสู่ความมืดมิดแล้ว พวกเขาก็จะสูญเสียจิตใจไปและกลายเป็นหุ่นเชิดให้กับมารร้าย ทั่วทั้งร่างกายของพวกเขาจะมีพลังงานความมืดไหลเวียนอยู่ พวกเขาไม่เหมือนกับฉันในตอนนี้เลยแม้แต่นิดเดียวนะ!”
เจิ้งตงหมิงพูดออกมาอย่างเร่งรีบ “ดูสิ! นอกจากตอนที่ฉันยิงปืนใหญ่ปีศาจโลหิตออกไป มันก็ไม่มีพลังความมืดอยู่รอบๆตัวฉันเลย สติสัมปชัญญะของฉันยังคงชัดเจน และไม่ได้เหมือนกับคนตกอยู่ในความบ้าคลั่งเลย! ฉันก็แค่...โชคดีที่สามารถบ่มเพาะได้ทั้งพลังจิตวิญญาณและพลังความมืดก็เท่านั้น!”
“โอ้?”
สีหน้าของหลี่เย้ายังคงไม่เปลี่ยนแปลง และได้พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณชายเจิ้ง นายเข้าใจผิดแล้วล่ะ...ฉันไม่ได้จะฆ่านาย เพราะนายเป็นผู้ฝึกตนปีศาจ แต่ที่ฉันจะฆ่านายก็เพราะ...ฉันดันบังเอิญได้เห็นความลับของนายเข้าต่างหาก เมื่อไหร่ที่นายหายดี นายก็จะมาฆ่าปิดปากฉัน เพื่อปกปิดตัวตนและป้องกันไม่ให้ความลับของนายถูกเปิดเผยออกไป ฉันต้องปกป้องตัวเอง ดังนั้น ฉันก็ควรที่จะลงมือก่อนและคว้าโอกาสนี้เอาไว้!”
หลี่เย้าถอนหายใจออกมา “ฉันหวังว่านายจะเข้าใจ ระหว่างเราไม่เคยมีเรื่องบาดหมางอะไรกัน จริงแล้ว เราก็อาจจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ แต่ตอนนี้...”
หลี่เย้าส่ายหัวและยกขวานเบิร์นนิ่งสกายขึ้น
สีหน้าของเจิ้งตงหมิงเปลี่ยนไป พร้อมกับที่เขารีบพูดออกมาว่า “ถ้านายอยากจะปกป้องชีวิตของนายจริงๆ ถ้าอย่างนั้น นายก็ไม่ควรฆ่าฉัน นายพอจะให้เวลาฉันสักหนึ่งนาที เพื่ออธิบายว่าเป็นเหตุผลสักหน่อยจะได้ไหม?”
หลี่เย้าหรี่ตาลงพร้อมกับดวงตาที่เป็นประกาย การประมวลผลความคิดของเขาหมุนวน ด้วยความเร็วสูงสุด หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ตอบกลับไป “30 วินาที!”
เจิ้งตงหมิงเปิดปากพูดออกมารัวเร็ว โดยไม่รีรอแม้แต่วินาทีเดียว “เรื่องแรก เหตุผลที่นายอยากจะฆ่าฉัน ก็เพราะนายกลัวว่าฉันจะฆ่าเพื่อปิดปากนาย! แต่เมื่อนายได้ฆ่าลิงตายักษ์ไป นายก็ถือเป็นผู้มีพระคุณของฉันไปแล้ว ฉัน เจิ้งตงหมิง อาจจะเป็นคนเสเพลคนหนึ่ง แต่ฉันจะลงมือจัดการคนที่ช่วยชีวิตของฉันได้ยังไงกัน?”
“โกหก! นายยังเหลืออีก 25 วินาที!”
“เรื่องที่สอง นายคิดว่า ฉันจะฆ่านายเพื่อปกปิดความลับที่ฉันเป็นผู้ฝึกตนแห่งความมืด และเพื่อปิดปากนายไม่ให้เปิดเผยเรื่องนี้ออกไป! แต่การฆ่านายมันก็ไม่ได้อะไรเลย ก็ในเมื่อเพื่อนักเรียนหลี่เย้าเป็นอันดับหนึ่งในตาราง และสร้างชื่อเสียงกลายเป็นดาวแห่งความหวัง ทั้งเก้ามหาวิทยาลัยชั้นนำก็จะต้องจับตามองมาที่นาย! และนายก็จะต้องได้พบเจอโชค จนทำให้นายมีความแข็งแกร่งมากกว่าฉันได้ มันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะปิดปากนาย ฉันคงจะต้องใช้ทั้งอำนาจและทรัพยากรจำนวนมาก!”
“ตระกูลเจิ้งของนาย...ไม่ใช่ว่ามีทั้งอำนาจและทรัพยากรหรอกเหรอ?” หลี่เย้าพูดเสียงเย็น
เจิ้งตงหมิงหัวเราะออกมาอย่างขมขื่นและพูดว่า “การใช้ทรัพยากรจำนวนมากเพื่อฆ่านายไม่ใช่เรื่องยากอะไรก็จริง แต่ปัญหาก็คือข้ออ้างที่จะใช้ต่างหาก รู้อะไรไหม? นายพูดถูก ตระกูลเจิ้งของฉันมีผู้ฝึกตนระดับกลั่นวิญญาณจำนวนมาก และเรายังมีผู้ฝึกตนระดับรากฐานวิญญาณที่แข็งแกร่งอีกสองคน แต่ผู้ฝึกตนทั้งหมดที่พูดมา ล้วนแล้วแต่เป็นคนของอาหรือไม่ก็คนของปู่ฉัน! ถ้าฉันขอให้พวกเขามาฆ่านาย พวกเขาก็จะต้องถามหาเหตุผลจากฉันก่อน แล้วจะให้ฉันตอบพวกเขาว่ายังไง? หรือฉันควรจะบอกพวกเขาไปว่า นายได้เห็นความลับของฉันเข้าล่ะ? ถ้าฉันบอกไปแบบนั้น ไม่เพียงแต่พวกเขาจะไม่ให้คนมาทำงานให้ฉันเท่านั้น ญาติๆและปู่ของฉันก็ยังจะไล่ฉันออกจากบ้านด้วย! พวกเขาจะจัดการฉัน!”
“ก็ฟังดูมีเหตุผลอยู่บ้าง คำพูดของนาย ทำให้นายได้เวลาเพิ่มอีกสิบวินาที พูดต่อไป!” หลี่เย้าจับด้ามขวานเบิร์นนิ่งสกายเอาไว้แน่น และไม่ยอมผ่อนคลายเลยแม้แต่นิดเดียว
“ถึงแม้ว่าฉันจะสามารถคะยั้นคะยอญาติของฉันให้มาจัดการกับนายได้ มันก็คงจะเป็นเรื่องยากที่จะหนีออกมาโดยไม่ทิ้งร่องรอยและเงื่อนงำเอาไว้ได้ ทุกคนต่างก็รู้จักหน่วยสืบสวนพิเศษของสหพันธรัฐดี พวกเขามีความเชี่ยวชาญในการรับมือกับอาชญากรที่เป็นผู้ฝึกตน เจ้าหน้าที่ของหน่วยพิเศษจำนวนหนึ่งยังมีความสามารถในการประมวลผลในระดับสูง มันเป็นเรื่องยากมากที่อาชญากรจะสามารถหลบหนีการจับกุมของพวกเขาไปได้ แล้วถ้าเกิดพวกเขาสืบตามมาจนถึงต้นเรื่องอย่างฉันได้ล่ะ? แล้วฉันจะไม่ซวยเอาเหรอ?”
เจิ้งตงหมิงพูดจบในลมหายใจเดียว แล้วเขาก็พูดสรุปออกมาว่า “แล้วการฆ่าคนที่ร้ายกาจแบบนายก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แล้วถึงฉันจะทำสำเร็จ มันก็มีโอกาสสูงถึง 99% ที่จะถูกค้นพบ แทนที่ฉันจะเลือกเดินทางนั้น ฉันก็เลือกพนันข้างนาย แล้วยอมให้นายเก็บรักษาความลับของฉันต่อไปมากกว่า!”
“คำพูดของนายพอมีเหตุผลอยู่บ้าง แต่มันก็ยังไม่มากพอที่จะโน้มน้าวใจฉันได้ นายยังมีเหตุผลอะไรอีกไหม? ฉันจะให้เวลานายอีกยี่สิบวินาทีก็แล้วกัน” หลี่เย้าพูดออกมาโดยไม่มีการผ่อนคลายแม้แต่นิด
“มีสิ!”
ใบหน้าที่ซีดเซียวของเจิ้งตงหมิงขึ้นสี เมื่อเขาตะโกนออกมาด้วยเสียงอันแหบแห้ง “นายอยากจะฆ่าฉัน ก็เพราะนายกลัวว่าหลังจากที่ฉันหายดีแล้ว ฉันก็มาจัดการปิดปากนาย นายก็เลยตัดสินใจที่จะลงมือก่อนและคว้าโอกาสนี้เอาไว้ นายแค่ปกป้องชีวิตของนาย! แต่นายเคยคิดถึงเรื่องนี้บ้างไหม? ว่าหลังจากที่นายฆ่าฉัน นายก็อาจจะทิ้งร่องรอยและเงื่อนงำเอาไว้ แล้วถ้าหากตระกูลเจิ้งของฉันพบว่านายคือคนที่ฆ่าฉัน! จากนั้น พวกเขาก็จะตามล่านายและนายก็จะถูกผู้ฝึกตนระดับกลั่นวิญญาณกับระดับรากฐานวิญญาณฆ่าตาย! นายคิดว่า นายจะหนีความตายได้พ้นเหรอ?”
เจิ้งตงหมิงหยุดไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดสรุปออกมา “ถ้านายฆ่าฉัน มีโอกาส 100% ที่ผู้ฝึกตนระดับรากฐานวิญญาณของตระกูลเจิ้งจะตามมาฆ่านาย! แต่ถ้านายไม่ได้ฆ่าฉัน นายก็ยังมีโอกาสอยู่ 1% ที่ฉันจะให้ความสำคัญกับนายในฐานะของผู้มีประคุณ ส่วนโอกาสที่จะเป็นไปได้นั้น นายคงต้องเป็นคนตัดสินเองแล้ว!”
หลี่เย้าคิดใคร่ครวญอย่างลึกซึ้ง ก่อนที่จะพูดออกมาว่า “ไม่ต้องห่วง ฉันไม่มีทางทิ้งหลักฐานเอาไว้อย่างแน่นอน”
เจิ้งตงหมิงกระพริบตา “หน่วยสืบสวนพิเศษเพียงแค่หาความเป็นไปได้เจอ พวกเขาก็จะสามารถเชื่อมโยงทุกอย่างได้ และแค่นั้น มันก็เป็นหลักฐานที่มากพอที่จะทำให้นายกลายเป็นผู้ต้องสงสัยได้แล้ว!”
เปลือกตาของหลี่เย้ากระตุก “ฉันก็จะบอกว่า ฉันกำจัดปีศาจไปน่ะสิ ในเมื่อฉันเป็นคนจัดการผู้ฝึกตนปีศาจ แล้วตระกูลเจิ้งยังจะกล้าแตะต้องฉันอีกเหรอ? พวกเขาอาจจะจัดงานฉลอง แล้วส่งป้ายสำหรับขอบคุณ กับการที่ฉันช่วยพวกเขาทำความสะอาดตระกูลเจิ้งให้ด้วยซ้ำ!”
เจิ้งตงหมิงเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา เขาพูดออกมาว่า “พลังความมืดที่ฉันบ่มเพาะอยู่นั้น มีความพิเศษของมันอยู่...นอกจากตอนที่ฉันใช้งานมันออกมาแล้ว พลังงานความมืดก็จะไม่ทิ้งร่องรอยอะไรเอาไว้เลย แม้แต่ผู้ฝึกตนระดับสูงก็ยังไม่สามารถบอกได้ ถ้านายไม่เชื่อฉัน นายก็ลองไปดูที่ตัวของลิงตายักษ์ดูสิ มันไม่มีพลังงานความมืดอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว!”
หลี่เย้าตกตะลึง เขาจ้องมองเจิ้งตงหมิงด้วยแววตาที่สั่นไหว และเหลือบมองลิงตายักษ์ด้วยหางตาของเขา
และชัดเจนว่า บาดแผลที่เป็นรูกว้างและเต็มไปด้วยเลือดบนร่างกายของลิงตายักษ์ ไม่มีร่องรอยของพลังงานความมืดเลยแม้แต่นิดเดียว มันดูราวกับว่า สิ่งที่ทำให้เกิดหลุมกว้างนั้นก็คือพลังงานวิญญาณ
“เห็นไหม มันไม่มีหลักฐานเลยว่า ฉันบ่มเพาะพลังความมืดอยู่ ดังนั้น นายก็จะไม่มีข้ออ้างอะไรอีกแล้ว แน่นอน ฉันไม่กลัวเลยว่านายจะเผยความลับของฉันออกไป เพราะนายไม่มีหลักฐานอะไรสักอย่าง ดังนั้น ฉันก็ไม่มีเหตุผลจำเป็นอะไรที่จะต้องฆ่าปิดปากนาย เราไม่จำเป็นที่จะต้องทำให้เรื่องมันไปไกลกว่านี้ และเหลือพวกเราแค่คนเดียวที่ชีวิตออกไปน่ะ!” เจิ้งตงหมิงพูดออกมาด้วยความเร็วสูง
ในเวลานี้เอง ก็ได้เกิดเสียงกะเทาะบางอย่างดังขึ้นในอากาศ ในที่สุด เสี่ยวจี่ สัตว์เลี้ยงปุจิของหลี่เย้าสามารถหลุดออกมาจากเสื้อของเจิ้งตงหมิงได้ ดวงตาของมันส่องประกายแสงออกมา และมันก็บินอยู่เหนือศีรษะของคนทั้งสอง
“ฮ่ะ ดูเหมือนว่าสัตว์เลี้ยงปุจิของนายจะแก้ไขสัญญาณการเชื่อมต่อกับเรือธงเหลียวหยวนฮ่าวได้แล้วนะ ในตอนนี้ ทุกการเคลื่อนไหวของนายก็จะถูกผู้ฝึกตนจำนวนมากจับตามอง ตอนนี้ นายคงจะไม่คิดจะลงมือแล้วใช่ไหมล่ะ?” เจิ้งตงหมิงหัวเราะออกมาด้วยท่าทีแจ่มใส
หลี่เย้าเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะหัวเราะออกมา เขาวางขวานเบิร์นนิ่งสกายเอาไว้ด้านข้าง แล้วเดินตรงเข้าไปหาเจิ้งตงหมิง และนั่งลงภายใต้การจับจ้องของเสี่ยวจี่ เขาปิดปากและส่งเสียงกระซิบออกมา “เยี่ยมมาก นายสามารถโน้มน้าวใจฉันได้ก็จริง แต่ถึงยังไง ฉันก็ได้เห็นความลับของนายเข้าแล้ว ถ้าหากวันหนึ่ง ระดับการบ่มเพาะของนายสูงขึ้นจนสามารถจัดการกับฉัน โดยที่ไม่ทิ้งร่องรอยอะไรเอาไว้เลยได้ละก็...ฉันก็ยังเชื่ออยู่ดีว่า นายจะยังลงมือจัดการฉันอยู่!”
“นั่นก็มีโอกาสเป็นไปได้สูงมากทีเดียว”
เจิ้งตงหมิงได้เอามือปิดปากตัวเองเอาไว้เช่นกัน พร้อมกับพูดออกมาอย่างใจเย็นว่า “ไม่ใช่ว่าฉันก็ต้องกังวลเหมือนกันหรือไง? ถ้าเกิดวันหนึ่ง นายสามารถบ่มเพาะขึ้นไปในระดับสูงได้ และไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวตระกูลเจิ้งอีกต่อไปล่ะ? และถ้าหากนายมั่นใจว่า ตัวเองจะสามารถหนีจากการสืบสวนของหน่วยสืบสวนพิเศษได้ล่ะ? แล้วนายยังกลัวว่าฉันจะฆ่าปิดปากนาย ดังนั้น นายก็เลยจะคว้าโอกาสจัดการฉันก่อนขึ้นมาล่ะ?”
หลี่เย้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะหัวเราะออกมา “โอกาสที่จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ก็มีไม่น้อยเลยล่ะ”
เจิ้งตงหมิงใช้แขนทั้งสองข้างหนุนแทนหมอน ด้วยความยากลำบาก เขาพูดอย่างสบายใจ ด้วยดวงตาที่ปิดไปแล้วครึ่งหนึ่งว่า “แต่ถึงยังไง ในตอนนี้พวกเราสองคนก็ยังถือว่าไร้พลังกันอยู่ การที่พวกเราคนใดคนหนึ่งฆ่าอีกฝ่ายตาย มันก็มีโอกาสสูงที่จะถูกเจ้าหน้าที่ของหน่วยสืบสวนพิเศษค้นเจอ ดังนั้น ก่อนที่พวกเราจะเรียนรู้จนมีความสามารถราวกับพระเจ้าได้ เราก็ยังเป็นเพื่อนกันได้อยู่ใช่ไหม? เราอาจจะเป็นเพื่อนที่สามารถรับดาบแทนกันเลยก็ได้นะ!”
“มันไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นเพื่อนที่รับดาบแทนกันได้หรอก เพราะฉันไม่ชอบออกไปแทงใคร” หลี่เย้าพูด “เป็นแค่เพื่อนกินก็พอแล้ว เพราะเวลาถูกหักหลังจะได้ไม่ต้องเจ็บมาก”
“ได้เลย เพื่อนกินที่รักของฉัน ต้องขอบคุณความใจดีของนาย ที่ช่วยชีวิตของฉันเอาไว้ ไว้ฉันจะแนะนำสาวๆสวยๆให้นายรู้จักก็แล้วกันนะ นายชอบแบบไหนล่ะ? ฮี่ฮี่ฮี่ นายคงจะไม่ใช่คนที่ไม่สนใจผู้หญิง แล้วสนใจแต่เรื่องการบ่มเพาะหรอกใช่ไหม?”
เจิ้งตงหมิงถามคำถามทะลึ่งออกมาด้วยรอยยิ้มกว้าง
“แน่นอนว่าไม่ใช่ ฉันชอบผู้หญิงที่มีความกวนอยู่นิดหน่อย และเมื่อได้แกล้ง ก็จะได้เห็นความเขินอายจากตัวเธอ แต่ภายใต้ความอาย เธอกลับชอบที่จะโดนแกล้ง และสิ่งที่เธอต้องการก็คือความหลงใหลและความต้องการที่ผสมปนเปกันอยู่”
หลี่เย้าพูดออกมาอย่างตรงไปตรงมา
“เข้าใจแล้ว นายชอบผู้หญิงที่ดูบริสุทธิ์ แต่ร้อนแรงในเรื่องบนเตียงสินะ สาวๆที่เป็นแบบนั้น ฉันรู้จักเยอะเลยล่ะ ถ้านายมีเวลาเมื่อไหร่ นายก็มาที่โรงเรียนของเรา...”
ในตอนที่เจิ้งตงหมิงพูดอยู่นั้น น้ำเสียงของเขาก็อ่อนแอลงเรื่อยๆ สุดท้าย ศีรษะของเขาก็เอนไปด้านข้าง และเขาก็หมดสติไป
เขาฝืนใช้พลังความมืดออกมา และยังใช้ร่างกายจนเกินขีดจำกัด จากนั้น เขาก็ยังใช้พลังใจเพื่อต่อสู้กับหลี่เย้า พลังของเขาถูกใช้ไปจนเกือบหมด เขาฝืนตัวเองมาจนกระทั่งถึงตอนนี้”
หลี่เย้าพักอยู่ครู่หนึ่ง เพื่อคืนพละกำลังของตัวเอง เขาหยุดจ้องไปที่เส้นเลือดใหญ่ตรงลำคอของเจิ้งตงหมิงอยู่ครู่หนึ่ง
ดวงตาของหลี่เย้าสั่นไหว ก่อนที่เขาจะเลื่อนสายตาออกไป เขาใช้ดาบโซ่เพื่อพยุงตัวให้ลุกขึ้นยืน
เกลียวคลื่นความสงสัยปรากฏขึ้นในจิตใจของเขา เขาเดินเซไปยังส่วนหัวของลิงตายักษ์ และใช้เท้าเตะหัวของลิงตายักษ์ให้พลิกกลับมา
ความสามารถในการต่อสู้ของลิงสามตาไม่ได้สูงมากนัก แม้แต่ลิงตายักษ์กลายพันธุ์ก็ยังต้องจบลงในสภาพที่น่าสมเพช
อะไรที่ทำให้ลิงตายักษ์บ้าคลั่งได้ขนาดนี้?
ใบหน้าของลิงตายักษ์ยังคงอยู่ในสภาพที่น่าเกลียดน่ากลัว มีเพียงปากที่เต็มไปด้วยฟันอันแหลมคมเท่านั้น ที่ไม่ได้เผยออกมาให้เห็นอีกต่อไป ดวงตาขนาดใหญ่ที่ติดอยู่บนหน้าผากของมันปิดสนิท ซึ่งมันน่าดูกว่าก่อนหน้านี้มาก
หลี่เย้าแทงดาบลงไปในปากของลิงตายักษ์ เพื่อให้ดาบยึดศีรษะของมันให้อยู่กับที่ แล้วเขาก็ดึงกริชออกมา จากนั้น เขาจึงสามารถนั่งลงอย่างวางใจและสำรวจมัน
ในตอนที่เขากำลังย่อตัวลงนั้น อยู่ๆดวงตาขนาดใหญ่ของลิงตายักษ์ก็เปิดออก และปลดปล่อยลำแสงสีเลือดอันเข้มข้นออกมา มันคล้ายกับดาบที่คมกริบทิ่มแทงเข้าไปในหน้าผากของหลี่เย้า จนทะลุเข้าไปถึงส่วนลึกในจิตใจของเขา!
วินาทีต่อมา...
“เจ้าหนู ทำไมเธอถึงได้!?”
หลี่เย้ารู้สึกหัวศีรษะอย่างรุนแรง มีเสียงกรีดร้องที่เก่าแก่ดังออกมาจากส่วนลึกในจิตใจของเขา ร่างโปร่งแสงของคนคนหนึ่ง ที่มีอายุและผมสีขาวได้ระเบิดและแตกออกเป็นเสี่ยงๆ กลายเป็นเศษกระจกจำนวนนับไม่ถ้วน เศษกระจกจำนวนมากแตกกระจายไปทั่วทุกตารางนิ้วและทุกมุม ภายในจิตใจของหลี่เย้า และบางส่วนก็หมุนวน ราวกับกระแสน้ำที่บ้าคลั่ง
สติสัมปชัญญะของหลี่เย้าก็ถูกดึงเข้าไปอยู่ในวังวนนั้น และจมลงไปในความมืดมิด!
ก่อนที่หลี่เย้าจะหมดสติไป เขาก็เห็นผู้ฝึกตนสามคนบินอยู่บนดาบบินและร่อนลงไปมาจากท้องฟ้า พวกเขาได้ยิงลำแสงเข้าใส่เขาและเจิ้งตงหมิง!