บทที่ 338 - เดม่อนลอร์ด (1) [10-03-2021]
บทที่ 338 - เดม่อนลอร์ด (1)
”
"ฉันคิดว่าฉันคงหาใครที่มีมานามากกว่าฉันไม่ได้แล้ว"
แต่ว่าฉันคิดผิดไป มังกรตรงหน้ามีมีมานามากกว่าฉัน 1.5 ล้าน มังกรได้พูดขึ้นมาอย่างไม่ใส่ใจ
[ระวังตัวอย่าตกตายไปล่ะ]
ในตอนที่ฉันกำกลังคิดว่าเขาหมายถึงอะไร พื้นดินก็ได้เริ่มสั่นและพังทลายลงไป ฉันไม่อาจจะรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวของมานามังกรตรงห้าได้เลย แต่แน่นอนว่าในตอนนี้ฉันก็สามารถจะใช้พลังของฉันบินได้อยู่แล้ว เพราะงั้นการที่พื้นดินหายไปไม่ได้มีผลอะไรกับฉัน แต่ฉันก็ยังมองเห็นร่องรอยของเวทย์คลื่นกระแทกของเขา
ฉันที่ลอยตัวอยู่บนอากาศได้เอื้อมมือออกไปคว้าเศษดินที่กำลังร่วงลงไปข้างล่าง
"ดอร์ตู!"
[ข้าดอร์ตู กำลังทำตามคำสั่งนายท่าน]
เศษดินส่วนหนึ่งได้หยุดค้างอยู่บนอากาศและเริ่มเปลื่ยนเป็นเงิน มังกรได้มองมาด้วยสีหน้าที่ดูสนใจเป็นอย่างมาก
[เปลื่ยนแปลงสิ่งต่างๆ น่าสนใจ!]
"นี่คือพลังผู้ใช้ธาตุของฉัน แต่ว่า... หืม?"
ในระหว่างที่กำลังเปลื่ยนแปลงเศษดินอยู่ ฉันได้รู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ผิดปกติ ในเวลาเดียวกันนี้ฉันก็ได้เห็นบางอย่างที่อยู่ใจกลางของพื้นดินที่กำลังพังทลายลง
"ทะเลโลหิตจำนวนมหาศาล"
เลือดนี้ไม่ได้เป็นของมังกร
ในทันทีที่ฉันสังเกตเห็นมัน ฉันก็ได้หันหน้าไปที่ทางเข้าชั้นที่ 95 แต่ว่าทางเข้าได้หายไปแล้ว ฉันน่าจะรู้ตัวตั้งแต่ที่ทั้งชั้นเป็นห้องบอสแล้วนะ!
[นายสังเกตเห็นแล้วสินะ?]
มังกรได้พูดออกมาและเอื้อมเท้าหน้าของมันออกมาราวกับจะเลียนแบบที่ฉันทำ ดวยการกระทำเพียงอย่างเดียวนี้ได้ทำให้เศษดินส่วนใหญ่ที่กำลังร่วงลงไปเปลื่ยนทิศทางพุ่งเข้าใสฉัน ดอร์ตูได้ใช้พลังของเขาเปลื่ยนเศษดินให้กลายเป็นกระบองและหมุนอยู่รอบๆตัวฉัน
เสียงปะทะกันได้ดังขึ้นมา กระบองโลหะของดอร์ตูกับเศษดินของมังกรได้ปะทะกันอย่างรุนแรง
[ใช่แล้ว ฉันไม่ได้ถูกผูกติดอยู่กับดันเจี้ยน]
"..."
เพราะว่าฉันชินกับการเสียพลังของดันเจี้ยนไปเมื่อเร็วๆนี้แล้วทำให้ฉันไม่ได้สังเกตเลยว่าพลังของดันเจี้ยนได้หายไป ฉันได้ตกตะลึงขึ้นมา
"แล้วนี่นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน"
[ก็ไม่ได้ยากหรอกนะ พลังของเธอแกร่งยิ่งกว่าฉัน แต่ว่าหากเป็นการหลอกเธอมันก็ไม่ได้ยากอะไร]
"เอ๊ะ หลอกเธอ"
[ในตอนนี้เธอก็น่าจะเห็นเป็นมนุษย์กำลังสู้กับยักษ์อยู่]
"ฮ่าห์"
นี่คือสิ่งที่มังกรได้พูดออกมา เขาได้ฆ่าบอสประจำชั้นที่ 95 ไปและใช้เวทย์ลวงตาหลอกเชอร์ราฟิน่าอยู่
ในฐานะของคนที่เคยสัมผัสกับพลังเชอร์ราฟิน่ามาก่อนทำให้ฉันสามารถพูดได้ว่านี่มันต่างไปจากพลังของดันเจี้ยน
พลังดันเจี้ยนคือพลังเชอร์ราฟิน่าซึ่งได้ถูกกลั่นสกัดเพื่อส่งต่อให้นักสำรวจ ความสามารถในลบล้างพลังดันเจี้ยนที่เรสพิน่าไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นเลย แค่การแยกตัวนักสำรวจออกมาจากพลังของดันเจี้ยนก็เพียงพอที่จะตัดการเชื่อมต่อระหว่างเชอร์ราฟิน่ากับนักสำรวจแล้ว
ยังไงก็ตามนั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่ใครๆจะทำกันได้ ความแตกต่างมันใหญ่ถึงขนาดสวรรค์กับโลก การจะหลอกเชอร์ราฟิน่าจะต้องใช้มานาในปริมาณที่ไม่ธรรมดาแน่นอน พูดอีกอย่างก็คือมังกรนี่ไม่ได้มีพลังอยู่สมบูรณ์พร้อม
ฉันได้ถามออกไปอย่างตกตะลึง
"ทำไมนายถึงได้มาอยู่ในดันเจี้ยนล่ะ?"
[เพื่อที่ฉันจะได้พิสูจน์ถึงระดับพลังของนายไง]
เพราะกองทัพกระบองโลหะกำลังต่อสู้กับเศษพื้นดินจำนวนนับไม่ถ้วนได้ทำให้ฉันมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้ไม่ชัด ยังไงก็ตามฉันก็รู้สึกได้ชัดเจนถึงพลังงานจำนวนมหาศาลจนน่ากลั่วที่รวมอยู่ใกล้ๆจุดที่ฉันมองเห็นมังกรอยู่รางๆ
ฉันรู้ได้ทันทีว่านี่คือสัญลักษณ์ของมังกร ลมหายใจมังกร!
ฉันได้รีบใช้เสียงคำรามเยือกแข็ง แต่ว่าเสียงคำรามเยือกแข็งได้แค่ทำให้ลมหายใจอ่อนแอลงได้เพียงเสี้ยวเดียวเท่านั้น ในขณะเดียวกันลมหายใจของมังกรก็ได้ขยายขนาดใหญ่ขึ้น
เพื่อจะต้องสู้กับมังกร ฉันก็อยากที่จะเรียกให้ไพก้ามาช่วยใช้สายฟ้าสนับสนุนฉัน แต่ว่าเพราะลมหายใจมังกรนี้ทำให้การอัญเชิญริยูออกมาป้องกันจะเป็นการฉลาดกว่า ฉันได้เดาะลิ้นออกมา
"ไม่มีทางเลือกแล้ว ริยู"
[เข้าใจแล้ว! ไว้ใจได้เลย!]
นี่ไม่ใช่เวลามาเก็บรักษาพลังเอาไว้แล้ว ริยูได้ปรากฏตัวเป็นรูปร่างขึ้นมาและสร้างบาเรียน้ำแข็งหลายสิบชั้นขึ้นมาในทันที จากจุดที่ฉันยืนอยู่ได้มีดอกไม้น้ำแข็งเบ่งบานออกไปทางลมหายใจมังกร
[กรรรรรรรรรรรรรรรร]
ในที่สุดมังกรก็ได้ปล่อยลมหายใจมังกรออกมา ฉันได้นึกไปถึงหลินที่บอกว่าเพลิงระดับ EX ที่เดม่อนลอร์ดจะต้องสละแขนไปเพื่อสร้างมันนึ้มา แต่ตอนนี้พอมาคิดดูแล้วที่เป็นแบบนั้นก็เพราะเดิมทีเดม่อนลอร์ดไม่ได้ใช้พลังเพลิงก็ได้! แต่ไม่ว่าจะยังไงลมหายใจเพลิงนี่ก็ไม่น่าจะถึงระดับ EX เช่นกัน
ริยูจะต้องรู้สึกได้ถึงพลังของเพลิงนี้ทำให้เธอหันหน้ามาหาฉันด้วยความสับสน
[ชิน ฉันไม่คิดว่าฉันจะป้องกันมันได้นะ]
"อย่ามาบอกเอาตอนนี้สิริยู!"
แม้กระทั่งในตอนนี้ก็ยังมีเศษดินบินปลิวว่อนไปทั่ว ฉันไม่อาจจะขยับไปไหนได้ในตอนนี้เพราะฉันถูกเศษดินปิดล้อมอยู่ แต่ว่าหากอยู่ตรงนี้ฉันก็ไม่มีทางจะป้องกันลมหายใจมังกรได้เช่นกัน
ในเมื่อเป็นแบบนี้ฉันได้ตัดสินใจที่จะใช้สกิลที่ใช้ได้วันล่ะครั้งของฉัน เงาพริบตา...!
[ข้าดอร์ตู นายท่านที่นี่ไม่ใช่ดันเจี้ยน]
"ฉันรู้แล้ว! ... อ่า"
ฉันโง่เองแหละ!
[ข้าดอร์ตู ใช่แล้ว นายท่านโง่]
"เงียบไปเลย! ชาราน่า!"
[ค่ะ นายท่าน!]
ถึงแม้ว่าในทางเทคนิคที่นี่จะเป็นดันเจี้ยน แต่ว่ามันก็เป็นโลกที่ถูกแยกไปจากพลังของเชอร์ราฟิน่าโดยสมบูรณ์แล้ว ในเมื่อพลังของดันเจี้ยนไม่อาจจะใช้ที่นี่ได้ ถ้างั้นก็ไม่มีทางที่กฏของดันเจี้ยนจะใช้ได้ในที่แห่งนี้
ฉันได้อัญเชิญชาราน่าออกมาในทันที เธอได้ปรากฏตัวออกมาและเพิ่มพลังให้กับกำแพงน้ำแข็งในทันที
กลีบดอกไม้น้ำแข็งของริยูได้ส่องประกายออกมาในทันที จากนั้นลมหายใจมังกรก็ได้ปะทะเข้ากับบาเรีย
ชั้นน้ำแข็งไม่อาจจะทนต่อแรงปะทะได้ทำให้มีบาเรียน้ำแข็งได้แตกกระจายไปนับร้อยในทันที และแต่ล่ะชั้นของบาเรียน้ำแข็งที่เหลือก็ยื้อเอาไว้ได้แค่ไม่กี่เสี้ยววินาทีเท่านั้น ถึงแม้ว่าลมหายใจจะอยู่ไกลไปจากเรา แต่ฉันก็รู้สึกได้ถึงพลังความร้อนที่ทรงพลังของมัน
"เอามานามากให้ฉันอีก!"
[ฉันจะไม่แพ้!]
[เราจะหยุดเขากันนายท่าน!]
[ข้าดอร์ตู ดอร์ตูก็จะช่วยด้วย]
"ดอร์ตู!?"
พลังมานาของฉันได้เริ่มลดลงมา ริยูได้ใชพลังของเธอเพิ่มพลังให้กับกลีบดอกน้ำแข็ง และชาราน่าก็เพิ่มพลังให้กับกลีบดอกพวกนั้นอีก
ในเวลาเดียวกันดอร์ตูก็ได้เพิ่มพลังของเขาจัดการกับเศษดินที่พุ่งเข้าใส่ฉันอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าจนถึงตอนนี้กระบองโลหะของดอร์ตูจะฟาดเศษดินไปแบบง่ายๆ แต่ในตอนนี้กระบองโลหะได้เริ่มเปลื่ยนไปเป็นโลหะสีแดง
[ข้าดอร์ตู ยิงได้]
จากนั้นโลหะสีแดงก็ได้พุ่งทะลวงทะเลเศษดินพุ่งออกไป ชัดเจนว่าโลหะสีดงนี้มีเป้าหมายอยู่ที่ลมหายใจที่กำลังเข้ามาปะทะกับเรา
[ข้าดอร์ตู โลหะนี่จะดูดซับความร้อนและเปลื่ยนมันไปเป็นพลังงานเยือกแข็ง]
"นี่นายสามารถจะสร้างโลหะอะไรก็ได้ตามต้องการสินะ"
[ข้าดอร์ตู ไม่ใช่โลหะอะไรก็ได้ ได้แค่โลหะที่ดอร์ตูรู้จักเพียงเท่านั้น]
อย่างแรกเศษดินจำนวนหนึ่งได้ถูกละลายไปในทันที แต่ก็ยังมีเศษดินอีกจำนวนมากที่ติดมากับลมหายใจ ลมหายใจที่ทรงพลังได้เริ่มอ่อนแอลงไปเรื่อยๆ
ด้วยพลังบาเรียน้ำแข็งของริยูได้ทำให้ลมหายใจอ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด ดูเหมือนมังกรก็จะสังเหตเห็นเรื่องนี้เหมือนกันทำให้มันได้ดึงพลังมานาออกมาจากส่วนขึ้นมาขึ้น
[กรรรรรรรรรรรร!]
[ปกป้องชิน!]
[เขาคือคนที่ใส่ใจภูติธาตุทั้งหมด ฉันจะไม่ยอมปล่อยให้เขาต้องกลายมาเป็นอาหารกิ้งก่าแน่นอน!]
[ข้าดอร์ตู!]
พลังภูติธาตุได้พุ่งขึ้นจนถึงขีดสุด เพื่อที่จะรับมือกับการสูญเสียมานา ฉันได้ดึงพลังวงจรเพรูต้า วิญญาณสัมบูรณ์ เหล็กกล้า และพลังของนรกสีชาดออกมาจนถึงขีดสุดเพื่อด้วยเอามานาทั้งหมดเข้ามาให้มากเท่าที่ทำได้
ถึงแม้ว่าฉันจะเคยมีประสบการณ์ใช้พลังมานาจำนวน แต่ฉันก็ไม่เคยมีประสบการณ์การใช้มานาจำนวนมากอย่างต่อเนื่องรวมไปถึงไม่เคยดูดซับมานาจำนวนมหาศาลแบบนี้เข้ามาด้วย
[เราทำได้ เราชนะได้!]
เมื่อได้ยินเสียงให้กำลังใจจากริยู ฉันก็ได้รวบรวมสมาธิเข้ามา ในตอนนี้ไม่มีอะไรอยู่รอบๆตัวเรา ลมหายใจมังกรและชั้นบาเรียนับแข็งนับไม่ถ้วนของริยูได้หายไปแล้ว
มีบาเรียของริยูเหลือเพียงชั้นเดียวเท่านั้นที่ซึ่งเป็นอันที่หนาเป็นพิเศษ หรือก็คือตอนนี้ฉันมีเพียงบาเรียชั้นเดียวเท่านั้นหลังจากกันเราจากเพลิงสีแดงที่น่ากลัว
แน่นอนว่าเพราะลมหายใจได้ใกล้เข้ามามากขึ้นได้ทำให้เศษดินรอบๆถูกละลายไปจนหมดแล้ว จากนั้นดอร์ตูก็ได้ทำลายกระบองโลหะของเขาทิ้งไป และในที่สุดมังกรก็เปิดปากออกมา
[นายป้องกันมันได้จริงๆ นานแค่ไหนแล้วนะที่ฉันไม่ได้เห็นมนุษย์หยุดลมหายใจของฉันได้? น่าประทับใจจริงๆ]
"ฉันก็ดีใจนะที่นายประทับใจเจ้ากิ้งก่าสารเลว"
ไอ้สารเลวนี่ คำก็ประทับใจสองคำก็ประทับใจ! ถึงแม้ว่าฉันจะบ่นออกไปแต่ว่ามังกรก็ยังคงรักษาน้ำเสียงประทับใจออกมา
[ถ้างั้นก็ตามสัญญา ฉันจะบอกนายว่าทำไมฉันถึงได้มาอยู่ในสถานที่ที่มีชื่อว่าดันเจี้ยน]
มังกรได้สร้างบอลเพลิงขึ้นมาจำนวนนับไม่ถ้วนบนท้องฟ้า
[ฉันรู้สึกไม่พอใจกับดันเจี้ยนและเป้าหมายของเธอมากๆ มันน่ารังเกียจและหยิ่งผยอง]
"อะไรล่ะนั่น?"
[แต่ว่าโลกของฉันและเผ่าพันธ์ของฉันได้เผชิญเข้ากับหายนะ และฉันก็รู้ว่าสิ่งที่เธอตั้งเป้าไว้จะกลายมาเป็นเป้าหมายของฉันได้ นอกจากนี้ฉันก็กำลังรอผลลัพธ์อยู่ที่ชั้นสูงสุดของดันเจี้ยน]
"เป้าหมายที่นายกำลังพูดถึงคือฉันงั้นหรอ?"
[ถูกต้องแล้ว]
ริยูก็ยังสร้างบอลน้ำแข็งจำนวนนับไม่ถ้วนขึ้นมาซึ่งได้ปะทะเข้ากับบอลเพลิงของมังกรจนเกิดเป็นไอน้ำจำนวนมหาศาลออกมา
[ฉันจะไม่ยอมให้นายเดินเข้าปากเธอ ฉันจะต้องได้ตัวนายมาเอง หรือ...]
ไอน้ำที่เกิดขึ้นจากการปะทะกันของบอลเพลิงและบอลน้ำแข็ง จู่ๆก็พุ่งเข้ามาใส่ฉัน ยังไม่ใช่แค่นั้นแต่มานามากมายในโลกใบนี้ก็ยังได้หายไป มังกรคือสิ่งมีชีวิตที่ควบคุมมานา คำอธิบายนี่เหมาะกับมังกรตนนี้อย่างแม้จริง
ในขณะที่ฉันกำลังตกตะลึงกับมานาที่หายไปอย่างเฉียบพลัน ฉันก็รู้สึกสงบจนน่าแปลกใจ มีบางสิ่งที่ฉันได้สัมผัสได้เฉพาะหลังจากมานาหายไปเท่านั้น
[เข้ามาผู้กอบกู้]
"ฟู่..."
ฉันได้หลับตาลงสูดหายใจลึก จากนั้นก็ลืมตาขึ้นมา
วงแหวนแสงที่หมุนอยู่บนเขาของฉันได้เปล่งแสงออกมาและจากนั้นมานาสีดำเข้มก็ได้เริ่มปกคลุมร่างฉัน นี่คือมานาที่ถูกเรียกว่าอินิกม่า
"เยี่ยม ในที่สุดฉันก็เข้าใจแล้ว"
ฉันได้ยิ้มออกมา จากนั้นฉันได้พุ่งเข้าใส่มังกรโดยไม่ลังเล