GOI ตอนที่ 68 บดขยี้ระดับสูง?
หวู่จื๋อและสือเฉินเป็นคนแรกที่กระโจนเข้าไป ป๋ายเย่และศิษย์พี่อีกคนฟื้นสติกลับมาเปลี่ยนเป็นฝ่ายป้องกัน ทั้งสองไม่อาจทำอันตรายต่อหวู่จื๋อและสือเฉินได้และแทบจะถูกอัดในวินาทีแรกที่เข้าปะทะ
ในขณะเดียวกัน หวังหางและจู๋ซือซือขยับตัว เป้าหมายของพวกเขาคือศิษย์พี่ที่ถือดาบกาฬวาต ทั้งคู่เข้าจู่โจมจากทั้งซ้ายขวา หลินหลีเพิ่งเตะฉินหลิงหยานออกไปก็เป็นสือขุยและชีเว่ยที่ไล่ตามนาง
ทั้งห้องคนเถื่อนราวกับเสพติดยา การจู่โจมของพวกเขาไหลลงมาใส่ทั้งห้าดั่งน้ำตก ไม่ให้โอกาสพวกศิษย์พี่ได้โต้กลับ
เหอเมิ่งที่ยังลอยอยู่กลางอากาศแทบจะถึงขีดจำกัดของเขาแล้วเพราะการโจมตีจากอาภรณ์ปีกฟีนิกส์เทวะยังคงต่อเนื่องไม่หยุดแม้ชั่วครู่!
ในขณะเดียวกันฟางเย่พลันรู้สึกได้ถึงโอกาสและยิงออกมา!
เป้าหมายคือเหอเมิ่ง!
การทำความเสียหายให้นิ้วมือทั้งสิบไม่อาจเทียบเท่าได้กับตัดเพียงหนึ่งนิ้ว คนอื่นอาจจะป้องกันได้ แต่ไม่ใช่กับเหอเมิ่งที่เป็นดั่งเนื้อบนเขียง!
แต่เนื้อชิ้นนี้กลับไม่ได้แล่ง่ายอย่างที่ทุกคนคิด!
หุ่นเชิดตัวที่สี่ของเหอเมิ่ง โซ่ชำระล้าง!
ด้วยปราณกำเนิด มันสามารถลบล้างผลจากการควบคุมของหุ่นเชิดได้!
หลังจากชำระตนเสร็จ ทักษะที่ใช้ต่อไปของเขาคือเคลื่อนย้ายมิติ!
เป้าหมาย ฟางเย่!
ในเวลาเดียวกัน คนอื่นที่ถูกลุมโจมตีเรียกหุ่นเชิดตัวที่สองและสามออกมา ในชั่วพริบตา หวู่จื๋อและพวกเปลี่ยนจากผู้กดดันเป็นผู้ถูกกดดัน!
เป้าหมายหลักของทั้งห้าเป็นฟางเย่ตั้งแต่วินาทีแรกที่เขายิงกระสูนปืนออกมา นักเชิดหุ่นสายจู่โจมระยะไกลที่สามารถโจมตีทะลวงเกราะป้องกันของระดับสูงได้ไม่ต่างไปจากก้างปลาที่ติดอยู่ในลำคอ หากไม่เอาออกอาจเป็นอันตรายได้ทุกเมื่อ!
และอันตรายก็ถูกกำจัดไปแล้ว!
อย่างน้อยทั้งห้าก็คิดเช่นนั้น เพราะนักเชิดหุ่นสายจู่โจมระยะไกลจะต้านทานสายลอบสังหารระดับสูงในระยะประชิดได้อย่างไร?
แต่ความจริงเหนือความคาดหมายของพวกเขาไปมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหอเมิ่ง
เขาเหม่ออยู่ชั่วครู่เพราะสถานการณ์เบื้องหน้าแตกต่างจากที่เขาคิดไว้!
เฉินฮุยและโม่ข่าอยู่ด้านข้างฟางเย่ พวกเขากระโจนเข้าใส่เหอเมิ่งทันทีที่เขาปรากฎกาย!
ปฏิกิริยาแรกของเหอเมิ่งคือศิษย์ใหม่สองคนที่ไม่ใช่ระดับสูงจะสู้กับเขาในระยะประชิดได้อย่างไร? แต่เขาก็ต้องเปลี่ยนความคิดใหม่เมื่อทั้งสองฝ่ายเริ่มประมือกัน!
เขาคิดผิดไปมาก!
เมื่อเทียบกับเฉินฮุยและโม่ข่า วิชาต่อสู้ระยะประชิดที่เขามีต่างกันราวมือสมัครเล่นและมืออาชีพ!
วิธีต่อสู้ของโม่ข่าที่ชอบใช้ประโยชน์จากทุกช่องโหว่ของเหอเมิ่งยิ่งยืนยันข้อสันนิษฐาน เฉินฮุยรับหน้าที่ดึงดูดความสนใจ โม่ข่าจู่โจมแค่จุดอ่อนของเขา!
ตลอดเวลาที่ทั้งสามต่อสู ฟางเย่ไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง นัยน์ตาจับจ้องรอคอยโอกาส นิ่งเงียบดุจรูปปั้นโพธิสัตว์ และในทันใดนั้นเองที่เขาเหนี่ยวไกปืน!
ลูกกระสุนพลังงานถูกยิงออกไป ป๋ายเย่ที่กำลังต่อสู้พัวพันกับหวู่จื๋อและสือเฉินไม่ได้เตรียมตัวรับมือแม้แต่น้อย เมื่อเขารู้ตัวมันก็สายเกินไปแล้ว!
“กำแพงมั่น!”
ป๋ายเย่ใช้หุ่นเชิดตนที่สี่ สร้อยคอกำแพงมั่น และรับการโจมตีของฟางเย่ตรงๆ ในขณะเดียวกันมีพายุโหมกระหน่ำอยู่ในใจเขา
เหอเมิ่งไม่ได้จัดการเจ้านักเชิดหุ่นปืนนั่นหรอกหรือ!?
อย่าบอกนะว่ายังมีนักเชิดหุ่นระดับสูงอยู่อีกคน?
ความคิดมากมายนับไม่ถ้วนผุดขึ้นมาในหัว ป๋ายเย่เลิกดูถูกห้องเรียนคนเถื่อนในเวลานี้เอง เขาระมัดระวังการโจมตีของฟางเย่พลางรับมือกับหวู่จื๋อ
ฉินหลิงหยานและคนอื่นรับรู้ถึงสถานการณ์ของป๋ายเย่ ทุกคนอดไม่ได้ที่จะส่งสายตาสงสัยไปยังบริเวณที่ฟางเย่อยู่
ไม่ใช่แค่ป๋ายเย่ที่ไม่เข้าใจ ทั้งสี่ที่ยังอยู่ในสนามรบหลักล้วนไม่อาจทำความเข้าใจว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้น!
“สู้สุดกำลัง!”
ฉินหลิงหยานที่มีสีหน้าหมองลงเอ่ยคำที่ทุกคนคิดอยู่ในใจ
ก่อนที่พวกเขาจะมาที่นี่ ฉินหลิงหยานได้ชี้นำทุกคนให้แค่สั่งสอนป๋ายเสี่ยวเฟยและคนอื่นโดยไม่ต้องทำร้ายหนักหรือทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ แต่ดูเหมือนว่าถ้าพวกเขาไม่เอาจริง พวกเขาอาจจะไม่ได้กลับไปแบบไร้บาดแผล ไม่ต้องพูดถึงสั่งสอนป๋ายเสี่ยวเฟย!
ดังนั้น คำพูดของฉินหลิงหยานไม่ต่างอันใดไปจากการปลดผนึก!
ในวินาทีต่อมา ความผันผวนของปราณกำเนิดที่เหนือล้ำกว่าคนจากห้องเรียนคนเถื่อนพวยพุ่งออกมาและในชั่วพริบตา ทั้งสี่เป็นฝ่ายบุก!
ในเมื่อพวกเขาถูกฉินหลิงหยานเชิญมา ไม่มีใครที่อ่อนแอ และคนที่อ่อนแอที่สุดอยู่ในด่านควบคุมปราณกำเนิดของระดับสูง! ปัจจุบันพวกเขาใช้ปราณกำเนิดของระดับนี้!
“ถอย!”
ป๋ายเสี่ยวเฟยที่ถูกช่วยเหลืออย่างฉิวเฉียดสังเหตุเห็นทั้งหมด ถึงแม้จะยุ่งยากอยู่บ้างแต่ก็ยังอยู่ในความคาดหมายของเขาเพราะมีนักเชิดหุ่นระดับสูงมากมายนับไม่ถ้วนในหุบเขาวีรบุรุษ แล้วเขาจะไม่รู้ถึงความสามารถของพวกเขาได้อย่างไร!?
ด้วยคำสั่งของป๋ายเสี่ยวเฟย ทั้งหมดยกเว้นหลินหลีไม่ได้สู้ต่อ พวกเขาบีบระเบิดหมอกที่ป๋ายเสี่ยวเฟยใช้เมื่อครู่แลกกับเวลาหายใจพักสักประเดี๋ยว
“หลินหลี ข้าไม่เป็นไร! สงบใจลงก่อน!”
เสียงของป๋ายเสี่ยวเฟยดังขึ้นอีกครา และหลินหลีที่เต็มไปด้วยโทสะค่อยๆ สงบลง นางรีบวิ่งมาข้างกายป๋ายเสี่ยวเฟยสำรวจบาดแผลของเขา
“ข้าจะสังหารพวกมัน!”
น้ำเสียงของนางเย็นชาเป็นอย่างมาก สีหน้าจริงจังไม่มีร่องรอยเสแสร้งแม้แต่น้อย
“ไม่มีความจำเป็นต้องทำเช่นนั้น พวกเราไม่ใช่ศัตรูคู่แค้น อีกอย่าง เจ้าไม่เชื่อข้าหรือ?”
ป๋ายเสี่ยวเฟยพยายามอย่างหนักเพื่อทำให้เสียงของเขานุ่มนวลอ่อนโยนขณะที่ปลอบประโลมหลินหลีเพราะเขามีประสบการณ์มาก่อน เป็นตอนที่ทั้งกลุ่มเผชิญหน้ากับหมีทลายพสุธาคราแรก
หลินหลีมองไปยังมือที่วางอยู่บนไหล่ของนาง ความผันผวนของปราณกำเนิดสงบลง ปัจจุบัน หลินหลีอยู่ห่างจากระดับควบคุมปราณกำเนิดไปมาก จึงทำให้การใช้งานหุ่นเชิดระดับทองคำเหนือขีดจำกัดและเป็นผลร้ายต่อนาง
“ผ่านภา!”
ศิษย์พี่ที่ถือดาบกาฬวาตใช้ท่วงท่านี้อีกครา แรงกดดันจากการฟันในยามนี้รุนแรงกว่ากาลก่อนอย่างน้อยสองระดับ ปัดเป่าหมอกหนาทึบให้หายไปจากสนามรบ
ในขณะเดียวกัน เหอเมิ่งที่รู้ว่าตนไม่อาจบรรลุเป้าหมายได้ เขาเคลื่อนย้ายมิติไปอยู่รวมกับอีกทั้งสี่
ข้อแตกต่างที่ใหญ่ที่สุดระหว่างหุ่นเชิดและยุทธภัณฑ์ทั่วไปคือความถี่(คูลดาวน์)ของการใช้งาน โดยปกติแล้วยุทธภัณฑ์จะมีคูลดาวน์ที่นานมากเพราะมันต้องการเวลาเพื่อเติมพลังงานใหม่ แต่หุ่นเชิดต่างออกไป หากเจ้ามีปราณกำเนิดที่มากพอเจ้าสามารถใช้งานเมื่อไหร่ก็ได้ตามที่ต้องการ!
โดยทั่วไป ยิ่งทักษะนั้นพิเศษมากเท่าใดก็ยิ่งต้องใช้ปราณกำเนิดมากขึ้นในการใช้งาน อย่างเช่นหุ่นเชิดเคลื่อนย้ายมิติของเหอเมิ่ง!
“ป๋ายเสี่ยวเฟย ข้ามองเจ้าผิดไปจริงๆ เจ้าในยามนี้ช่างต่างจากป๋ายเสี่ยวเฟยที่ข้าคิดไว้นัก แต่ยังมีสิ่งหนึ่งที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้”
ฉินหลิงหยานหยุดชั่วครู่ก่อนที่ความผันผวนของปราณกำเนิดจะยกระดับขึ้น!
“คนที่แพ้คือเจ้า!”
เสียงของนางยังไม่หายดังก้องไปทั่วอากาศ ทั้งห้าก็เคลื่อนที่เข้าสู่ตำแหน่งของตนพลางมุ่งหน้ามายังป๋ายเสี่ยวเฟย ในตอนแรก พวกเขาตั้งใจจะบดขยี้ห้องเรียนคนเถื่อนให้ราบคาบ แต่ตอนนี้พวกเขาอยากจับกุมตัวผู้บัญชาของอีกฝ่ายก่อน!
แต่ป๋ายเสี่ยวเฟยกลับยิ้มออกมา ยิ้มที่เปิดเผยว่าทุกอย่างพร้อมแล้ว
“ศิษย์พี่หญิงหลิงหยาน ข้าคงไม่อาจโต้แย้งได้หากท่านพูดสองนาทีก่อน”
ป๋ายเสี่ยวเฟยเอ่ยท่าทีผ่อนคลายราวกับไม่แยแสต่อพวกฉินหลิงหยานที่กำลังรุดหน้ามาหาเขา
“แต่ตอนนี้ท่านไม่มีโอกาส!”