GOI ตอนที่ 67 หลินหลีระเบิดโทสะ!
กลุ่มทั้งห้าของฉินหลิงหยานอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงไม่รู้จะทำอย่างไรดีเมื่อเห็นป๋ายเสี่ยวเฟยและพวกเข้าสู่สภาวะพร้อมรบ
ท่วงท่าของพวกเขาทำให้พวกฉินหลิงหยานเหม่อมองอยู่นาน พวกนางคิดหลายสิ่งเรียบง่ายเกินไป ถึงกระทั่งมั่นใจว่าสามารถเผชิญหน้ากับเล่ห์กลเป็นสิบเป็นร้อยของป๋ายเสี่ยวเฟยได้โดยไม่ต้องเตรียมตัว
แต่ทั้งห้ายังปลุกใจตอนเข้าประจำที่ ที่พึ่งพิงของพวกเขาไม่ใช่สิ่งใดอื่นนอกจากศักดิ์ศรีและพลังระดับสูง!
เป็นเวลาเดียวกับที่ป๋ายเสี่ยวเฟยบีบลูกบอลสีขาวปนเทาสองลูก หมอกหนาทึบสีขาวกระจายไปทั่วบริเวณปกคลุมทั้งสิบหก
“ระมัดระวังให้ดี!”
ฉินหลิงหยานเพิ่งเอ่ยจบก็เป็นฉิงหนานและฟางเย่ที่จู่โจมมาจากภายในหมอก!
เป้าหมายของพวกเขาคือเหอเมิ่ง!
“ปกป้อง!”
อย่างไรเสียเหอเมิ่งก็เป็นมือสังหารที่มีประสบการณ์ ปฏิกิริยาตอบสนองของเขารวดเร็วกว่าคนธรรมดาไปมาก ก่อนที่เขาจะถูกโจมตี แสงสีม่วงปรากฎขึ้นจากกำไลข้อมือบนแขนข้างขวา โล่ป้องกันสีทองเปิดใช้งานป้องกันหนึ่งกระสุนหนึ่งศรได้ทันท่วงที
หุ่นเชิดระดับม่วง กำไลแห่งพรพิทักษ์ มันสามารถดูดซึมปราณกำเนิดจากผู้ใช้งานเพื่อสร้างโล่ป้องกันสองวินาทีและป้องกันการโจมตีที่ไม่มากไปกว่าปราณกำเนิดที่ใส่เข้าไปสองเท่าได้
แต่เหอเมิ่งที่คิดว่าใส่ปราณกำเนิดเพียงพอแล้วกลับต้องตกใจเมื่อเห็นโล่แตกเป็นเสี่ยงๆ หลังจากรับการโจมตีของฟางเย่!
“ระวังนักเชิดหุ่นจู่โจมระยะไกลพวกนั้น เป็นไปได้สูงว่าจะมีหุ่นเชิดปืน!”
เหอเมิ่งเอ่ยเตือนทุกคนสำหรับสิ่งที่เขาค้นพบ ทั้งหมดรีบเปลี่ยนตำแหน่งเพื่อไม่ให้ตกเป็นเป้า
“ดาบกาฬวาต! ผ่านภา!”
ศิษย์พี่ที่เย่อหยิ่งจากเมื่อครู่ในมือถือดาบสีเขียวกว้างใหญ่ สายลมรุนแรงพัดผ่านไปยังหมอกที่พวกป๋ายเสี่ยวเฟยซ่อนตัว
หมอกหนาทึบถูกพัดปลิวอันตรธานหายไปจากแรงลม เผยให้เห็นผู้คนที่ยังอยู่ในนั้น
ข้างหน้าคือโล่ที่ใหญ่ยิ่งกว่าประตู แน่นอนว่าเป็นฝีมือของฝาแฝดตระกูลหมิง ส่วนคนที่ยังหลบอยู่ข้างหลังโล่ ทั้งห้าไม่มีวิธีล่วงรู้ได้
แต่มันไม่ทำให้พวกฉินหลิงหยานหยุดโจมตี!
เป็นฉินหลิงหยานที่กระโจนเข้าไปคนแรก ป๋ายเย่กับศิษย์พี่อีกคนที่ไม่รู้ชื่อติดตามไปอย่างใกล้ชิด ในอีกด้าน เหอเมิ่งเปิดใช้งานหุ่นเชิดตัวที่สามของเขา ร่างกายของเหอเมิ่งจางลงเรื่อยๆ เป้าหมายคือฟางเย่!
ฉินหลิงหยานมีกระบี่คริมสันเพลิงในมือ หากไม่มองให้ละเอียดมันดูคล้ายกับกระบี่เพลิงผลาญของสือเฉินอยู่บ้าง แต่แสงสีม่วงที่ห่อหุ้มไม่ใช่หุ่นเชิดระดับแดงของสือเฉินจะเทียบเคียงได้
“ตัดเพลิง!”
ฉินหลิงหยานไม่มีทีท่าจะหลบเลี่ยงโล่ นางใช้ท่วงท่าจู่โจมที่รุนแรงที่สุดของนาง น่าตกใจว่านางต้องการจะฟันโล่ให้ขาด!
แต่โล่ข้างหน้านางกลับแยกตัวออกอย่างเหนือความคาดหมายหลบเลี่ยงการจู่โจม ฉินหลิงหยานไม่อาจหยุดการโจมตีได้ทันเวลา นางได้แต่เพียงปล่อยให้กระบี่ของนางฟาดฟันอากาศว่างเปล่า
ในวินาทีที่ร่างของฉินหลิงหยานลงมาจากฟ้า ต้าหมิงและเสี่ยวหมิงขยับตัวไปด้านข้างก่อนจะเขวี้ยงโล่ขึ้นไป ในกลางอากาศโล่ทั้งสองพลันประสาน เวลานี้เองที่มันแปรเปลี่ยนเป็นโดมขนาดยักษ์ปกคลุมทุกคนที่อยู่เบื้องล่างโดม รวมทั้งฉินหลิงหยาน!
รวมประสานเป็นเพียงหนึ่งในความสามารถพื้นฐาน แต่ความสามารถที่แท้จริงของโล่รวมประสานของฝาแฝดหมิงคือทักษะโล่เต่าทมิฬ!
ป๋ายเย่และศิษย์พี่ที่ตามมาก่นด่าอยู่ในใจพลางปลดปล่อยท่วงท่าที่รุนแรงที่สุดใส่โล่เต่าทมิฬ
หุ่นเชิดของป๋ายเย่คือถุงมือหนึ่งคู่ที่ห่อหุ้มด้วยสายลมอ่อนโยนระดับม่วง เมื่อเขาปลดปล่อยท่วงท่าจู่โจมออกมา กระแสน้ำวนขนาดเล็กควบแน่นอยู่บนหมัด กระแทกเข้าใส่โล่อย่างดุดัน!
ในอีกด้าน หุ่นเชิดของศิษย์พี่อีกคนคือค้อนขนาดใหญ่ หลังจากรวบรวมพลังได้เพียงพอ ค้อนนั้นทุบลงด้วยแรงมหาศาล
แต่ในเวลานี้เอง มีแสงแพรวพราวแนบตัวติดกับโล่เต่าทมิฬ สนับสนุนโล่ให้ป้องกันการจู่โจมของทั้งคู่
เป็นต้วนอีอีกับคฑาจรรโลงของนาง!
แต่พวกเขาไม่อาจต่อต้านได้อีก โล่เต่าทมิฬมีรอยร้าวก่อนจะแยกจากกัน ฝาแฝดต้าหมิงปลิวกระเด็นกระอักเลือดอึกใหญ่ออกมากลางอากาศ ในขณะที่ป๋ายเย่และศิษย์พี่อีกคนเตรียมตัวปลดปล่อยการโจมตีอีกครา
ในเวลาเดียวกัน ศิษย์พี่ผู้เย่อหยิ่งกวัดแกว่งดาบกาฬวาตในมือไปยังต้าหมิงและเสี่ยวหมิงที่กระเด็นลอยออกไป ความโหดเหี้ยมอำมหิตของเขาชัดเจนเป็นอย่างมาก!
“พวกเจ้าทั้งหมดหยุดเดี๋ยวนี้!”
ป๋ายเสี่ยวเฟยตะโกนอย่างกราดเกรี้ยวดึงความสนใจของทุกคนมาสู่ตน ในเวลานี้มือของเขาจับกุมลำคอขาวเนียนของฉินหลิงหยานไว้ ถึงแม้ใบหน้าของนางจะเต็มไปด้วยความอัปยศอดสูและไม่พอใจ แต่นางไม่อาจทำอันใดได้
เมื่ออยู่ภายใต้โล่เต่าทมิฬฉินหลิงหยานไม่ม้แต่จะมีเวลาได้ตอบสนองก่อนที่พวกป๋ายเสี่ยวเฟยจะจับกุมนางไว้
หลังจากฝาแฝดตระกูลหมิงลงสู่พื้นอย่างปลอดภัยและพยายามยืนหยัดอย่างยากลำบาก พวกเขารอคอยอย่างนิ่งเงียบถึงสถานการณ์ที่กำลังจะเปลี่ยน
“ระวัง!!!”
ก่อนที่ไพ่ในมือของป๋ายเสี่ยวเฟยจะทันได้ใช้ เสียงตะโกนอย่างตกใจของหลินหลีก็ดังขึ้นมา ความเย็นเยียบไหลผ่านแผ่นหลังของป๋ายเสี่ยวเฟย
“ป้องกัน!”
ผลของโล่ป้องกันเพิ่งปรากฎได้ไม่ถึงครึ่งวินาทีก็ถูกมีดแหลมคมแทงทะลวงฝ่าเข้าไปถึงตัวป๋ายเสี่ยวเฟย
แต่ครึ่งวินาทีก็พอให้เขารอดชีวิตไปได้แล้ว!
ป๋ายเสี่ยวเฟยกลิ้งหลบได้ทันท่วงที แผ่นหลังชุ่มโชกไปด้วยเลือด เหอเมิ่งยืนเผยสีหน้าโหดเหี้ยมอยู่ตรงจุดที่ป๋ายเสี่ยวเฟยอยู่เมื่อครู่!
แต่ความพึงพอใจของเหอเมิ่งอยู่ไม่ถึงครึ่งวิก่อนที่เสียงเย็นเยียบดังมาจากข้างหลัง
“ตาย!!!”
คนที่บันดาลโทสะออกมาเมื่อเห็นป๋ายเสี่ยวเฟยบาดเจ็บสาหัสไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหลินหลี!
จากแผนที่วางไว้ หลินหลีจะไม่ขยับตัวหากไม่จำเป็น แต่ในหัวของนางไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะคิดเรื่องพวกนี้
อาภรณ์ปีกฟีนิกส์เทวะปรากฎบนร่างของนาง ปราณกำเนิดพวยพุ่งออกมายกเหอเมิ่งขึ้นไปบนฟ้าพยายามดึงแขนขาทั้งสี่ออกจากร่าง เหอเมิ่งไม่อาจต่อกรได้แม้แต่น้อยในขณะที่แรงดึงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ!
“ขออภัย!”
ฉินหลิงหยานสัมผัสได้ถึงสถานการณ์ล่อแหลมของเหอเมิ่ง นางกวัดแกว่งกระบี่ในมือหมายป้องจะขัดขวางหลินหลี แต่นางร้อยไม่คิดพันไม่คิดว่าหลินหลีที่ควบคุมหุ่นเชิดอาภรณ์ปีกพญาฟีนิกส์เทวะอยู่จะยังสามารถใช้มือทั้งคู่ได้!
กระบี่คริมสันเพลิงไม่อาจเข้าสู่ระยะจู่โจม เป็นหลินหลีที่เคลื่อนย้ายตัวมาอยู่ข้างหลังฉินหลิงหยานก่อนจะใช้มือเรียวงามปานหยกจับกุมคอของฉินหลิงหยาน ขาซ้ายของนางเตะเข้าไปที่ข้างหลังขาของฉินหลิงหยานส่งนางปลิวลอยไปราวกับลูกศร
ฉากน่าตกตะลึงนี้ทำให้ป๋ายเย่และศิษย์พี่อีกคนยืนเหม่อมองอย่างโง่งมอยู่นานเมื่อเห็นอาภรณ์ปีกฟีนิกส์เทวะเพราะพวกเขาทั้งสองรู้จักหุ่นเชิดตนนี้
แตกต่างจากศิษย์ห้องคนเถื่อนที่ไม่ได้แปลกใจอันใด!