เซียนเหนือวิถี บาทที่ 131 (ฟรี)
บาทที่ 131
ตกบ่ายผู้อาวุโสหวี่หังและเสือดำมารเซียวหลีได้เดินทางมาหา แต่เพราะว่าหงเซียวได้ทำการสร้างร่างจิตเทียมอยู่ จินหลินจึงได้ทำการต้อนรับแทน
“แม่นางน้อย หงเซียวไปไหนแล้วรึ” ผู้อาวุโสหวี่หังถามจินหลินกับซิ่วจูที่มายืนคารวะต้อนรับ เขาไม่กล้าคิดว่าเธอเป็นเด็กรับใช้ในเมื่ออีกฝ่ายก็มีกลิ่นอายของพลังวิญญาณชัดเจน
“พี่ชายกำลังเตรียมตัวฟักไข่เจ้าค่ะ ถ้าท่านผู้อาวุโสต้องการอะไร ท่านสามารถบอกกล่าวที่ข้าได้เลย” จิตหลินกล่าวอย่างอาจหาญ
“เช่นนั้นรึ ดีดี ข้าได้นำไข่ยี่สิบเจ็ดฟองมาให้แล้ว พร้อมกับเนื้อสัตว์อสูรและแก่นปราณ รับไว้” ผู้อาวุโสหวี่หังโบกมือ พลังลมพลันโบกพัดพาแหวนมิติสองวงไปให้จินหลิน
จินหลินเพียงแบมือออก แหวนสองวงนั้นก็ตกลงบนมือเธออย่างง่ายดาย ในเมื่อการควบคุมวัตถุของเธอนั้นไม่ด้อยไปกว่าใคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องแรงดึงดูด
“ท่านผู้อาวุโส ท่านมีไข่สัตว์อย่างอื่นอีกบ้างหรือไม่ พอนำมาให้ข้าดู บางทีข้าอาจจะฟักได้ก็เป็นไปได้” จินหลินกล่าว หลังจากที่ตรวจสอบสิ่งที่อยู่ภายในแหวนสองวงนั้น จากการฝึกฝนภายใต้หงเซียวมายาวนาน บัดนี้เธอก็เริ่มเชี่ยวชาญสามารถวิเคราะห์และหาคำตอบได้ไม่ยากเย็นนัก
“พวกเจ้าฟักไข่อย่างอื่นได้ด้วยรึ เช่นนั้นข้าก็ไม่เกรงใจละ รอข้าสักครู่” ผู้อาวุโสหวี่หังกล่าว หันกายไปหาเสือดำมารเซียวหลี กล่าวว่า “เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่”
เสือดำมารประสานมือรับคำ ขณะที่ผู้อาวุโสหวี่หังเหินร่างขึ้นฟ้ามุ่งสู่ตึกระฟ้าหลังเดียวที่เห็นลิบลับ ตึกระฟ้าที่จัดสร้างขึ้นจากไม้
จินหลินนำเอาไข่ออกมาจากแหวนมิติทีละลูก เธอใช้พลังปราณเซียนไร้ลักษณ์ตรวจสอบไข่ทีละฟองโดยไม่กลัว เพราะว่าไข่ของมังกรเพลิงสีชาดนั้นจำเป็นต้องมีไฟเสริมเข้าไปด้วยจึงจะเริ่มฟัก
เธอวางไข่ที่ตรวจสอบแล้วลงบนพื้น พวกมันล้วนมีความคล้ายคลึงกัน ต่างเป็นฟองขนาดเท่ากำปั้นและมีสีออกแสดเหลือง มังกรเพลิงสีชาดตัวน้อยที่พันรอบแขนของเธอก็ไม่อยู่เฉย มันเลื้อยออกจากข้อมือของเธอไปขดล้อมไข่เหล่านั้นอย่างรักใคร่ราวกับเป็นพี่น้องของมัน
จากการฟักไข่โจโคโบะมาหลายฟอง จินหลินพบว่าไข่แต่ละฟองมีความสมบูรณ์ มีพลังพร้อมที่จะเจริญเติบโตอย่างแข็งแกร่ง นั่นแสดงว่าสำนักหมื่นอสูรนี้ ดูแลไข่แต่ละฟองด้วยความทะนุถนอมแสดงถึงความรักใคร่ในสรรพสัตว์เป็นอย่างมาก เธอไม่เข้าใจว่าฝ่ายธรรมะอาศัยอะไรในการตัดสินว่าคนเหล่านี้เป็นมาร
ซิ่วจูก็เช่นกันเธอเข้ามาตรวจสอบไข่แต่ละฟอง และโอบอุ้มมันอย่างอบอุ่น สร้างความแปลกใจให้กับเสือดำมารเซียวหลีเป็นอย่างยิ่ง
“มิใช่ว่าห้ามใช้พลังปราณเข้าตรวจสอบไข่มิใช่หรือ พวกเจ้าทำเช่นนี้ไข่ต้องฝ่อไปจนหมดแน่ แย่แล้ว” เสือดำมารได้สติหลังจากสังเกตเห็นการกระทำของจินหลินแล้วตกตะลึงไปพักหนึ่ง
จินหลินพยักหน้าอย่างใจเย็น เธอกล่าวว่า “ใช่ วิชาปราณอื่นๆนั้นทำเช่นนี้ไม่ได้ทั้งสิ้น มีเพียงพวกเราที่มีพลังปราณเฉพาะเท่านั้นจึงจะทำได้”
“อย่างนั้นรึ” เสือดำมารเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
“เจ้าไม่เห็นตัวสีแดงที่เลื้อยอยู่บนกองไข่นั่นรึ ไข่เจ้านั่นถูกพี่ชายตรวจแล้วตรวจอีกก่อนจะฟักมันออกมา เจ้าคิดว่าอย่างไร” จินหลินชี้ไปที่จินปิง มังกรเพลิงสีชาดของเธอที่ไปนอนอยู่บนซอกของไข่ที่กองอยู่รวมกัน
“อึก นั่นก็ใช่” เสือดำมารเซียวหลี เห็นมังกรเพลิงสีชาดก็ได้แต่ยอมรับ
ไม่นานนักผู้อาวุโสหวี่หังก็กลับมาพร้อมกับแหวนมิติอีกหลายวง เขาร่อนลงบนพื้นอย่างแผ่วเบา กล่าวว่า “ถ้าพวกเจ้าสามารถฟักไข่พวกนี้ออกมาได้ พวกเราจะถือว่าพวกเจ้าเป็นผู้อาวุโสระดับสูงของสำนักหมื่นอสูร และยอมให้เจ้าอ่านหนังสือในชั้นคัมภีร์ได้ทุกเล่มโดยไม่มีข้อจำกัด พร้อมทั้งจัดที่พักถาวรไว้ให้พวกเจ้า” ผู้อาวุโสหวี่หังพูดอย่างจริงจัง
“ท่านผู้อาวุโส...” เสือดำมารเซียวหลีตะลึงยิ่งกว่าเดิม
“เจ้ามิต้องพูด นี่เป็นคำสั่งของท่านเจ้าสำนัก” ผู้อาวุโสหวี่หังพูดอย่างเคร่งขรึม
“ข้าตอบรับคำขอของท่านแทนพี่ชาย ในเมื่อท่านมีไข่สัตว์ ท่านคงจะรู้จักตัวเต็มวัยของมันบ้างหรือไม่ ข้าต้องการข้อมูลของพวกมัน เพราะว่านั่นจะทำให้พวกเราฟักไข่ได้ง่ายขึ้น แทนที่จะต้องมาวิเคราะห์หาวิธีเพาะกันโดยไม่รู้เรื่องอะไรเลย” จินหลินกล่าว
“แน่นอน พวกเรามีข้อมูลของไข่สัตว์อสูรเหล่านี้ทั้งหมด” ผู้อาวุโสหวี่หังกล่าว
เขาเอาไข่ขนาดใหญ่เท่าแตงโมออกมาจากแหวนมิติฟองหนึ่ง กล่าวว่า “นี่คือไข่ของสัตว์อสูรนกฟ้าคราม มันบินเร็วเป็นอย่างยิ่ง ผู้คนนิยมจับมันไปเป็นพาหนะ จนในที่สุดมันก็แทบจะสูญพันธุ์ และสี่ฟองนี้เป็นสี่ฟองสุดท้าย”
“ท่านเคยเห็นนกชนิดนี้ฟักไข่ไหม มีอะไรเป็นพิเศษบ้างในรังของมัน” จินหลินรับเอาไข่สีฟ้าใบนั้นไปจากมือของผู้อาวุโสหวี่หัง พร้อมกับส่งพลังปราณเข้าไปในไข่
ผู้อาวุโสหวี่หังตกตะลึงเป็นอย่างมาก ขณะที่กำลังจะตวาดว่านั้น จินหลินพลันกล่าวว่า “โอ๊ะ ฟักแล้ว ซิ่วจูท่านดูแลไข่ใบนี้ มันฟักง่ายเหมือนไข่นกโจโคโบะเลย” จินหลินกล่าวก่อนที่จะส่งต่อไปให้ซิ่วจู ซึ่งอีกฝ่ายก็รับไข่ไปโดยไม่ทำให้พลังปราณที่ถ่ายทอดเข้าไปในไข่ขาดตอน
“ฟ-ฟักแล้ว หมายความว่าอย่างไรกัน” ผู้อาวุโสหวี่หังไม่เข้าใจสถานการณ์โดยสิ้นเชิง ไข่ที่พวกเขาไม่รู้ว่าจะหาวิธีฟักอย่างไรและสูญเสียไข่ไปเป็นจำนวนมากกับการหาวิธีฟักนั้น กลับฟักง่ายๆในมือของเด็กสาวคนหนึ่งนะหรือ เป็นไปได้อย่างไรกัน
“ไข่ที่เหลือก็ฝากไว้ในมือพวกเราก็แล้วกัน” จินหลินแบมือ ผู้อาวุโสหวี่หังจึงยื่นส่งแหวนมิติที่มีไข่อีกสามฟองให้ จินหลินรับแหวนมิติไปแล้วกล่าวต่อว่า “ส่วนที่เหลือนั้นรอให้พี่ชายพร้อมก่อน ท่านค่อยให้แหวนที่เหลือกับเขา”
“ต-ตกลงตามนั้น” ผู้อาวุโสหวี่หังรู้สึกเหมือนกับถูกผีสิง ร่างกายแข็งทื่อ คนพวกนี้เล่นกับไข่แบบหน้าตาเฉยไม่รู้สึกอะไรเลย หรือว่าพวกเธออยู่กับไข่มาโดยตลอด ได้แต่กล่าวตะกุกตะกัก
“ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัวเริ่มฟักไข่นกฟ้าคราม หวังว่าท่านไม่ถือ” จินหลินกล่าว
“น-แน่นอน เช่นนั้นพวกเราก็จะขออำลา และจะมาใหม่ในวันพรุ่งนี้” ผู้อาวุโสหวี่หังกล่าว
“ข้าไม่มั่นใจว่าพี่ชายจะพร้อมเมื่อไหร่ ถ้าอย่างไรถ้าพี่ชายพร้อมข้าจะแจ้งให้คนส่งอาหารไปบอกท่าน ดีกว่าหรือไม่” จินหลินแนะนำ
“ต-ตกลง” ผู้อาวุโสหวี่หังยอมรับก่อนจะชักชวนเสือดำมารเซียวหลีที่ยืนซึมเซานิ่งอยู่ข้างๆกลับไป
เมื่อผู้อาวุโสหวี่หังกลับไปแล้ว จินหลินก็กล่าวกับซิ่วจูที่เดินไปมาบนทุ่งหญ้าขณะที่ถ่ายทอดพลังไปยังไข่ว่า “จูจู ส่งไข่มาให้ข้า ส่วนเจ้านั้นพาทุกคนในบ้านไปฝึกวิชาให้ถึงเขตแก่นปราณก่อนเป็นอันดับแรก และเมื่อถึงตอนนั้นค่อยมาเริ่มฟักไข่กัน”
ซิ่วจูพยักหน้า รับแหวนมิติที่บรรจุเนื้อและแก่นปราณจากจินหลินแล้วส่งไข่คืนให้กับจินหลิน ก่อนที่จะก้าวกลับเข้าไปในบ้านเพื่อแจกจ่ายสิ่งของให้กับคนอื่นๆ ปล่อยให้จินหลินนั่งอยู่ข้างๆ กองไข่ขนาดเท่ากำปั้นที่มีมังกรสีแสดแดงนอนอยู่บนนั้น
เมื่อเย็นลง จินหลินก็เก็บไข่ทั้งหมดเข้าไว้ในแหวนมิติท่ามกลางความอิดออดไม่ยินยอมของจินปิง ยกเว้นไข่ที่กำลังฟักอยู่ในมือของเธอ แล้วก็กลับเข้าไปในบ้าน ตอนนี้ทุกคนล้วนเก็บตัวอยู่ในห้องฝึกวิชาเพื่อเลื่อนระดับยกเว้นจิวหูที่นั่งฝึกวิชาอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ เพราะว่าเขาคิดว่าหากว่าใครต้องการใช้งานเขาจะได้ทำงานทันท่วงที
จินหลินเพียงยิ้มให้ เธอยินดีที่อีกฝ่ายตื่นตัว ดีกว่าที่จะยอมให้อีกฝ่ายกลับเข้าไปในห้องแล้วก็หลงระเริงไปกับความใจดีของพวกเธอ ก่อนที่จะกลับเข้าไปในห้องที่หงเซียวกำลังสร้างร่างจิตเทียมอยู่
ในนั้นสามสาวนั่งคุยกับหงเซียวอยู่ก่อนแล้ว จินหลินจึงเดินเข้าไปหา ร่วมวงสนทนากับพวกเขา
“เอ๋ พี่ชาย ท่านไม่สร้างร่างจิตเทียมแล้วเหรอ แล้วนี่ทำไมข้าจึงไม่เห็นร่างจิตเทียมแม้แต่ตัวเดียว” เธอกล่าวพร้อมกับเปิดใช้งานหมอกวิญญาณชั่วขณะ
“ร่างจิตเทียมมีพลังมากขึ้น จึงไม่เห็นวิญญาณภายในตัวมันอีกต่อไป เช่นเดียวกับที่พวกเราไม่สามารถเห็นวิญญาณในร่างกายของผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ได้” หงเซียวกล่าว
“แล้วพี่ชายสร้างได้กี่ตัวแล้ว” เธอถาม
“ตอนนี้ได้มาทั้งหมดสิบตัว” หงเซียวกล่าว
“พี่ชายให้มันช่วยฟักไข่ในมือข้าด้วยสิ” จินหลินกล่าว
หงเซียวพยักหน้า รับไข่ในมือจินหลินไปก่อนจะนำไปวางไว้บนพื้นด้านล่าง
“พี่ชายจะสร้างร่างจิตเทียมต่อหรือไม่” จินหลินถามขณะที่ถอดเสื้อผ้าออก เผยให้เห็นชุดชั้นในที่เธอสวม
หงเซียวส่ายหน้า “ข้าคงไม่มีสมาธิที่จะสร้างร่างจิตเทียมในตอนนี้” เขากล่าว
จะให้เขาสร้างร่างจิตเทียมได้อย่างไร ในเมื่อเด็กสาวที่เข้ามานั่งคุยกับเขาแต่ละคนนั้นพอเข้ามาในห้องปั๊บก็ถอดเสื้อผ้าออก เดินไปเดินมา พูดคุยกันราวกับว่านี่เป็นเรื่องปกติเหมือนตอนที่อยู่บนชายหาด
นี่พวกเธอยังแยกแยะความแตกต่างระหว่างชุดชั้นในกับชุดว่ายน้ำไม่ออกอีกรึ หรือว่านี่เป็นประเพณีปฏิบัติที่พวกเธอสร้างขึ้นจนเป็นนิสัยไปแล้ว