ตอนที่แล้วบทที่ 335 - คลื่นลูกสุดท้าย (5) [04-03-2021]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 337 - คลื่นลูกสุดท้าย (7) [08-03-2021]

บทที่ 336 - คลื่นลูกสุดท้าย (6) [06-03-2021]


บทที่ 336 - คลื่นลูกสุดท้าย (6)

[นี่คือแผนที่ที่หัวหน้ากิลด์รีไววอร์ล คังชิน จัดทำขึ้นมา เขาได้คาดเดาเอาไว้ว่าโลกกว่า 60% จะกลายเป็นเป้าหมายการเคลื่อนย้ายพื้นที่ฝั่งศัตรู พื้นที่เหล่านี้คือพื้นที่ที่ยังไม่ได้รับผลกระทบจากประตูมิติ]

[รัฐบาลทั่วทั้งโลกได้กำลังเตรียมการเคลื่อนย้ายประชาชนของพวกเขาไปยัง 'พื้นที่ปลอดภัย' รัฐบาลเกาหลีได้ส่งคำร้องขอไปทางหัวหน้ากิลด์รีไววอร์ลแล้ว แต่ทางนั้นได้ปฏิเสธในคำขอและตอนนี้ก็กำลังดำเนินการกวาดร้างถิ่นฐานมอนสเตอร์ที่เหลืออยู่ในปัจจุบัน]

หลังจากคำประกาศของฉันก็ผ่านไปแล้วสองสัปดาห์ ตอนนี้มีแต่เรื่องพวกนี้ให้ฉันเห็นตามสื่อต่างๆ

60% ของโลกได้กลายเป็นพื้นที่อันตราย เรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่บ้ามากๆแม้แต่กับตัวฉันเอง แต่ว่าทุกๆคนก็พูดถึงคำพูดของฉันราวกับเป็นเรื่องจริงอย่างแน่นอน ฉันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่านี่มันน่ากลัวมากๆ

[นี่คือภาพของหัวหน้ากิลด์รีไววอร์ลที่กำลังทำการกวาดล้างพื้นที่ที่กลายเป็นถิ่นฐานของมอนสเตอร์ไปแล้ว ผมก็ยังได้ดูแล้วเช่นกัน ผมพูดได้เพียงแค่ว่านี่มันน่าทึ่งมาก พวกเราได้เชิญแขกพิเศษมาทำการวิเคราะห์วิดีโอในครั้งนี้ด้วยครับ เขาคือผู้ที่ได้กลายเป็นนักสำรวจดันเจี้ยนจากตัวคุณคังชินเอง ผู้ใช้พลังชาวเกาหลี ชอย ยู]

[สวัสดีครับ ผมดีใจมากครับที่ได้มาที่นี่ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันจะได้ทำการวิเคราะห์ ไม่มีผู้ใช้พลังพิเศษบนโลกนี้คนไหนเลยที่น่าจะมีศักยภาพในการวิเคราะห์ถึงพลังของเขา]

ถัดจากพิธีกรก็คือหนึ่งในผู้ใช้พลังชุดแรกที่ได้กลายมาเป็นนักสำรวจ แทนที่จะไปปืนดันเจี้ยนเขาได้ยอมรับข้อเสนอของสำนักข่าวแทน เขาได้เริ่มชี้ไปที่วิดีโอที่กำลังเล่นอยู่ตรงมุมจอและอธิบายออกมา

[พวกคุณเห็นสิ่งพวกนี้ไหมครับ! พวกเศษโลหะที่ลอยอยู่บนท้องฟ้านี่เป็นไปได้มากว่าคือหนึ่งในความสามารถพิเศษของเขา เหมือนกันกับทองที่เขาได้สร้างขึ้นทองที่เขาเคยสร้างในวาติกันนั่นแหละครับ เขาดูเหมือนจะมีความสามารถในการเปลื่ยนแปลงอะไรก็ได้ไปเป็นโลหะหรือสร้างโลหะขึ้นมาจากความว่างเปล่า แค่ความสามารถนี้เพียงอย่างเดียวก็ทำให้คนๆหนึ่งกลายเป็นหนึ่งในผู้ใช้พลังที่ทรงพลังบนโลกแล้ว]

[คุณหมายถึงถนนวีรชนที่วาติกัน ถ้างั้นพลัง 'การสร้างโลหะ' ก็นับเป็นหนึ่งในพลังของคุณคังชินสินะครับ?]

[ไม่ใช่แค่ในโลกเรานะครับ แต่ว่าในดันเจี้ยนที่ผมเข้าไปได้เต็มไปด้วยผู้คนจากโลกต่างๆ แต่ว่าไม่มีใครเลยที่มีความสามารถในการสร้างโลหะแบบคุณคังชิน พลังนี้ของเขาเป็นพลังพิเศษที่เป็นของเขาเพียงคนเดียว แต่ไม่ว่ายังไงเรื่องสำคัญก็คือโลหะนั่นเป็นแค่สื่อกลางสำหรับพลังที่แท้จริงของเขาเท่านั้นเองครับ]

น่าทึ่งมากที่ชายคนนี้ได้คาดเดาถึงนัยน์ตาปีศาจของฉัน และรู้ถึงวิธีทำงานร่วมกันกับพลังดอร์ตู เขาอธิบายสิ่งต่างๆได้ดีจนน่าทึ่งเลย

"เสร็จแล้ว คังชินไม่มีมอนสเตอร์บนโลกอีกแล้ว ปีศาจก็เช่นกัน"

หลังจากฉันปิดจอลงไป เดซี่ก็พูดขึ้นมาพร้อมๆลอยมาอยู่ข้างๆฉัน ข้างๆเธอก็คือเมริ

ฉันได้มองลงไปที่ทะเลอาร์คติค อย่างที่เธอบอกว่า ฉันไม่อาจจะรู้สึกถึงสิ่งมีชีวิตได้เลย

"นี่มันรวดเร็วมาก"

"คังชินฆ่าทุกๆสิ่งที่มองเห็นไปแล้ว"

เดซี่ได้เสริมขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม

"ชื่อเล่นคังชิน เทพแห่งความยุติธรรม"

"อย่ามาตั้งชื่อเล่นให้ฉันสิ นี่มีแต่จะทำให้เธอเหนื่อยนะ"

ฉันได้ตอบกลับไปขำๆและเก็บโทรศัพท์ในมือลงไป จากนั้นเดซี่ก็บิดตัวไปมาก่อนจะเก็บเมริลงไปในช่องเก็บของของเธอ ฉันได้มองเธอและถามออกมา

"นี่เธอไม่ใช่เวทย์มิติหรอ?"

"ยังไม่คุ้น"

"ฉันจะสอนเธอเอง เพราะงั้นเรียนเอาไว้นะเผื่อว่าจู่ๆพลังดันเจี้ยนได้ถูกจำกัดไป"

"...คังชินจะสอนฉัน"

"ใช่แล้ว"

"ฟู่ คังชินมักจะโจมตีฉันเสมอ ในบางครั้งก็น่าเศร้า"

เดซี่ได้หยักไหล่ออกมาโดยไม่เปลื่ยนสีหน้าเลย ฉันได้หยักหน้าและพูดเสริมขึ้นมา

"งั้นก็ไม่เรียนนะ"

"คำพูดของลูกผู้ชายมีค่าดั่งทองคำพันแท่ง"

"นี่เธอไปเรียนรู้คำพูดพวกนี้มาจากไหน..."

หลังจากถอนหายใจออกมา ฉันก็ได้กลับไปที่บ้านกิลด์พร้อมๆกันกับเดซี่ ในระหว่างที่ประเทศต่างๆกำลังดำเนินการอพยพกันอย่างวุ่นวาย พื้นที่รอบๆกิลด์ของเราได้เงียบเป็นพิเศษ ย่านจงโรที่เป็นจุดที่บ้านกิลด์เราตั้งอยู่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ 'พื้นที่สีแดง' และเพราะบ้านกิลด์ของเราได้ตั้งอยู่ที่นี่ ทำให้ย่านนี้ได้ถูกวางแผนที่จะทำเป็นฐานทัพของผู้ใช้พลังอีกด้วย

ในตอนนี้ฮวาหยากับซัคคิวบิคนอื่นๆกำลังมองกันไปที่หน้าจอบนกำแพงที่กำลังฉายอยู่ซึ่งได้แสดงการเปลื่ยนแปลงของโลกเราตลอดเวลา นับตั้งแต่ที่เราประชุมกันในครั้งก่อน เธอยังทำงานโดยไม่หยุดพักเลย

"มีการสูญเสียไปอย่างมากมาย พวกเราไม่อาจจะสามารถช่วยชีวิตทุกๆคนได้ และเมื่อเกิดการเคลื่อนย้ายของดินแดนขึ้นมา จะมีทรัพสินสาธารณะและทรัพสินส่วนบุคคลที่จะสูญหายไป ฟู่... นี่ผลจากการที่เราทำการเตรียมการเรื่องนี้"

"แค่มองไปที่หน้าจอก็ไม่ได้เปลื่ยนอะไรหรอกนะฮวาหยา ไปพักเถอะ"

เธอได้ส่ายหัวออกมา

"ไม่ว่ายังไงฉันก็อยู่ที่นี่ไปตลอดไม่ได้อยู่แล้ว ซัคคิวบิได้บอกว่าอีกไม่นานลิคอไรซ์ก็จะออกมาแล้ว เพราะงั้นฉันจะรออยู่ที่นี่จนกว่าเธอจะกลับมา"

"ไม่ เรื่องนี้ปล่อยให้ซัคคิวบิจัดการแล้วไปพักซะ พวกเราได้ทำทุกๆอย่างที่ทำได้ไปแล้ว"

พวกเราได้สังเกตเห็นว่าโลกกำลังตกอยู่ในอันตรายและได้ฆ่ามอนสเตอร์ทุกๆตัวบนโลกไปแล้ว พวกเรายังมีอะไรที่จะทำได้อีกล่ะ? ใช้ความสามารถพวกเราเพื่อช่วยเหลือการอพยพงั้นหรอ? ไม่นั่นมันไร้ประสิทธิภาพเกินไป

"ร่างกายของเธอคือสิ่งสำคัญนะ ไปพักและทำให้ร่างกายอยู่ในสภาพที่ดีที่สุดซะ"

"แต่..."

"ไปพัก"

ฉันได้ถอนหายใจลากเธอออกไป เดซี่ที่กำลังมองเราจากไกลๆได้ถามออกมาเสียงดัง

"ทั้งสองคนกำลังไปที่เตียงกันหน่อย"

"ฉันจะพาเธอไปนอน เธอก็เตรียมตัวเรียนเวทย์ด้วย"

"อื้อ"

"คะ แค่สองคนหรอ? ไม่ ให้ฉันไปด้วยสิชิน"

"พวกเราไม่ได้จะไปทำอะไรแปลกๆกัน เพราะงั้นเธอแค่สนใจกับการนอนพักผ่อนก็พอ"

"ไม่"

ดูเหมือนว่าฮวาหยาจะไม่คิดจะขยับไปไหนเลยเว้นแต่ฉันจะพาเธอไปด้วย ฉันได้ถอนหายใจยกเธอขึ้นมา ฮวาหยาได้พยายามดิ้นรนให้เป็นอิสระ

ในตอนนี้เองจู่ๆภาพบนกำแพงก็เริ่มกระพริบ นี่ชัดเจนว่าคือสัญญาณบางอย่าง

การเคลื่อนย้าย

ฮวาหยาที่กำลังดิ้นอยู่และเดซี่ที่กำลังยื่นมองได้ตัวแข็งทื่อไปทั้งคู่

[การเคลื่อนย้ายได้เริ่มขึ้นแล้ว]

ซัคคิวบิได้รายงานขึ้นมา

[พื้นที่คือญี่ปุ่น พื้นที่ก็คือในเกาะฮนชูทั้งหมด พื้นที่ทั้งหมดเป็นส่วนที่ยังไม่ได้รับผลจากประตูมิติครั้งก่อนๆ!]

"...ไม่ใช่ว่าเรามีเวลาสองเดือนหรอ?"

ฮวาหยาได้ถามออกมาเบาๆ ฉันได้หยักไหล่ตอบกลับไป

"เคียร่าบอกว่าต้องใช้เวลาสองเดือนการเคลื่อนย้ายจะเสร็จสมบูรณ์... แต่ฉันเคยไม่คิดว่ามันจะเริ่มแล้วในตอนนี้"

"อ่า"

ฮวาหยาได้กระโดดออกมาจากแขนของฉันอย่างง่ายดาย ซึ่งต่างไปจากการกระทำก่อนหน้านี้

"ไปกันเถอะชิน ฉันพร้อมแล้ว"

ฉันได้จ้องมองไปที่แผนที่ญี่ปุ่นแล้วหยักหน้าออกมา ถึงแม้ว่าการเคลื่อนย้ายจะเกิดขึ้นมาในตอนที่เราเตรียมทุกๆอย่างไว้แล้ว ฉันก็ยังรู้สึกเหมือนจะบ้าอยู่ดี แต่ไม่ว่ายังไงพวกเราต้องจัดการมันให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แค่วินาทีเดียวก็มีค่าแล้ว

ไม่ต้องสงสัยว่าที่ญี่ปุ่นเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น

"เอาล่ะไปกันเถอะ"

ฉันได้เรียกสมาชิกทุกๆคนมาและมุ่งหน้าไปที่ญูี่ปุ่นในทันท

ในเวลาเดียวกันญี่ปุ่นก็ยังคงทำการอพยพทั่วทั้งประเทศอยู่ เวลาสองสัปดาห์มันน้อยจนเกินไป ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าหากปีศาจที่กำลังเริ่มปรากฏตัวในญี่ปุ่นได้รู้ถึงสิ่งที่พวกเขากำลังทำกันมันก็คงเริ่มการสังหารหมู่ในทันทีแน่นอน

หากว่าตัวตนของมอนสเตอร์เป็นเหมือนภัยธรรมชาติ ตัวตนของปีศาจก็คงหมายถึงผู้ประกาศสงครามอย่างชัดเจน พวกมันมีเป้าหมายที่ชัดเจนและจะทำเต็มกำลังเพื่อบรรลุเป้าหมายให้ได้

หลังจากมีสมาชิกหลายๆคนได้มารวบรวมกัน พวกเราก็ได้เทเลพอตไปที่โตเกียวโดยใช้สกิลหวนคืนที่ฉันได้ตั้งตำแหน่งเอาไว้ที่โตเกียว นับตั้งแต่เหตุการณ์เริ่มขึ้นเพิ่งจะผ่านมา 5 นาทีเท่านั้น

ในระหว่างช่วงเจ็ดนาทีนี้ได้มีผู้เสียชีวิตไปมากกว่า 7.5 ล้านคน

[โอ้! ไม่ใช่ที่โลกนี้เป็นที่ที่ไม่พัฒนาไม่ใช่หรอ? แล้วทำไมถึงได้มีสิ่งน่าสนใจมากมายแบบนี้ล่ะ?]

[เทียบกันแล้วที่ทวีปลูก้าน่าเบื่อเกินไป]

[แต่ทำไมมนุษย์ที่นี่ถึงได้อ่อนแอกันจังล่ะ?]

"กรี๊ดดดดดดด!"

"มะ มอนสเตอร์!"

[ใครมันเรียกเราว่ามอนสเตอร์!?]

ไม่จำเป็นต้องมองไปรอบๆเลย การสังหารได้มีอยู่ทั่วทุกจุดของเมืองและตึกอาคารสูงจำนวนนับไม่ถ้วนได้พังทลายลงมาเหมือนกับกำลังมีการแข่งทำลายตึกกัน ไม่มีทางไหนเลยที่ไม่มีเสียงกรีดร้องดังออกมา

"ทุกๆคนกระจายกันออกไป ฉันจะจัดการที่นี่เอง"

ฉันได้บอกกับฮวาหยา เดซี่ ลีออน ยุย พ่อ และเคนก่อนที่จะถีบตัวออกไปและปล่อยพลังออกไปอย่างเต็มกำลัง ฉันจะต้องแสดงตัวออกไปให้ปีศาจทั้งหมดได้เห็น

[นั่นมันอะไร?]

[นั่นฮีโร่!]

[ฮีโร่? อย่าตลกหน่อยเลย]

เสียงแหลมของปีศาจได้ดังเข้ามาในหูของฉัน ฉันได้เมินพวกมันและพุ่งไปบนท้องฟ้า เริ่มสร้างเศษโลหะและเศษน้ำแข็งขึ้นมา ฉันยังได้อัญเชิญดอร์ตูกับริยูขึ้นมาเพื่อช่วยเพิ่มจำนวนเศษชิ้นส่วนด้วย

[เป็นไปได้ยังไงกัน? เขามาถึงที่นี่ในเวลาแค่ไม่กี่วินาทีที่เราได้มาถึง! ฮีโร่มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน? ในทวีปลูกก้าฮีโร่ต้องใช้เวลามาที่นี่อย่างน้อยกสองวันเชียวนะ!]

[นี่มันฮีโร่ประเภทไหนกัน?]

เศษชิ้นส่วนต่างๆได้เริ่มลงไปอยู่ในระดับพื้นดิน ปีศาจส่วนใหญ่ได้ถูกทำลายไปในทันทีที่เหม่อมองมา แต่ว่าพวกที่ฉลาดก็ได้ถอยออกไปอย่างช้าๆในขณะที่ยังจับตามองฉันอยู่

[ฉันไม่รู้ว่าเขามาได้ยังไง แต่ว่ามานาของเขามันมหาศาลมาก!]

[ในเมื่อเขามาแล้วไม่ใช่ว่าเราต้องถอยทัพกลับหรอ?]

"สายไปแล้ว"

ฉันได้พึมพัมเบาๆและเปิดตากว้างขึ้น

ชิ้นส่วนโลหะและน้ำแข็งได้รับพลังจากดวงตาฉันไปและสะท้อนพลังนี้ไปทั่วทิศทาง ต่อให้พวกมันจะเริ่มหนีในทันทีที่ฉันมาถึง แต่นี่ก็สายเกินไปแล้ว ด้วยความช่วยเหลือจากเศษชิ้นส่วนต่างๆที่ทำเป็นกระจกได้ทำให้พลังของนัยน์ตาปีศาจของฉันครอบคลุมไปทั่วทั้งเมืองนี้

ปีศาจทั้งหมดได้กลายเป็นหินก่อนที่จะกระจายเป็นชิ้นๆในทันที

"กรี๊ดดด!?"

"ฮึก ฮึกกก... นี่มันอะไร..."

"ฉะ ฉันยังไม่ตาย!"

ปีศาจได้กระจายไปอย่างง่ายดาย ฉันได้ใช้พลังของเหล็กกล้าผ่านกระจกดูดซับมานาของปีศาจที่ตายไปทั้งหมดกลับคืนมา

ฉันได้สร้างกระจกเพิ่มขึ้นด้วยมานาที่ดูดมา และกระจายกระจกออกไปรอบๆอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่ามันจะยากที่จะครอบคลุมทั้งเกาะฮนชู แต่ฉันก็รู้ว่าสมาชิกที่เหลือจะจัดการเรื่องนั้นได้

"นั่นใครกัน?"

"คังชิน"

"ต้องเป็นเขาแน่!"

"ขอบคุณพระเจ้า พวกเราปลอดภัยแล้ว"

หลังจากยืนยันได้ว่าไม่มีปีศาจเหลืออีกแล้ว ฉันก็นำกลุ่มกระจกเคลื่อนย้ายไปสู่ที่ถัดไปต่อ

[ฮีโร่กำลังมาแล้ว!]

[ฉันได้ยินแล้ว หนีไปจาก...]

[พลังแบบนี้... อ๊ากกก!]

เมื่อพวกมันได้เห็นฉันก็สายเกินกว่าจะหนีแล้ว ปีศาจนับหมื่นได้ตายลงไปในทันที มีแค่ปีศาจจำนวนน้อยเท่านั้นที่จะทนต่อนัยน์ตาปีศาจฉันได แต่ก็ไม่อาจจะทนต่อกระจกที่ถูกยิงเป็นกระสุนได้อยู่ดี

"มอนสเตอร์จำนวนขนาดนี้ได้ตายไปทั้งหมดในทันที..."

"ทั้งหมดคือเรื่องจริง"

"เขา มาที่นี่แล้ว..."

ฉันอยากที่จะช่วยคนเจ็บ แต่ว่าฉันมีเวลาเหลือไม่มากแล้ว

เพราะแบบนั้นฉันได้เมินคนข้างล่างที่กำลังพูดออกมา ไม่ว่าจะเป็นคนที่ขอความช่วยเหลือ คำขอบคุณ หรือคำแสดงความไม่พอใจก็ตาม ฉันได้ไปต่อเพื่อฆ่าปีศาจ

สำหรับสมาชิกคนอื่นก็เป็นเช่นเดียวกัน หลังจากแยกไปตามทิศทางต่างๆ พวกเขาก็ได้ต่อสู้กับปีศาจในที่ที่พลังฉันส่งไปไม่ถึง ในเวลา 30 นาทีต่อมาฉันก็มั่นใจได้ว่าปีศาจทั้งหมดในฮนชูได้ถูกกวาดล้างไปแล้ว ยังไงก็ตามก่อนที่เราจะกวาดล้างฮนชูได้เสร็จ เกาะอื่นของญี่ปุ่นก็ตกอยู่ใต้การเคลื่อนย้ายของพวกปีศาจ เพราะแบบนั้นฉันก็เลยยังไม่ได้หยุดสู้กับปีศาจเลย

[ฮีโร่!]

[แด่เกียรติยศท่านเดม่อนลอร์ด!]

"ช่วยเราด้วย!"

"คุณชิน คุณชินมาแล้ว!"

สามชั่วโมง ทั้งหมดใช้เวลาสามชั่วโมง ฉันได้ฆ่าเป้าหมายที่ไม่ใช่มนุษย์โดยไม่หยุดพัก และขโมยมานาของพวกมันมาตลอดการฆ่าครั้งนี้

โชคดีที่ไม่มีปีศาจตัวไหนที่ปรากฏมาในญี่ปุ่นที่แข็งแกร่งพอจะสร้างปัญหาได้ แต่ว่าในระหว่างสามชั่วโมงที่ฉันได้ใช้ในการฆ่าปีศาจทั้งหมดได้ทำให้ประชากรของญี่ปุ่นกว่า 30% ต้องตายไป

ในเวลาเดียวกัน พวกเราก็สูญเสียทรัพสินไปอย่างมหาศาลเช่นกัน แต่ว่าแทนที่จะห่วงเรื่องทรัพสิน ผู้คนส่วนมากได้ยินดีที่ยังมีชีวิตรอดมากกว่า

เมื่อพวกเขาได้เห็นฉัน พวกเขาก็จะส่งเสียงร้องและเสียงให้กำลังใจทุรูปแบบมา ซึ่งฉันไม่ได้สนใจเลยสักนิดเดียว

"ชิน!"

"ฮวาหยาเสร็จแล้วหรอ?"

"ชะ ใช่แล้ว พวกเราจัดการเสร็จ... ชิน?"

"อะไรงั้นหรอ?"

"นาย... กำลังใส่อะไรอยู่?"

เราได้กลับมารวมตัวกันในจุดแรกที่เราได้มาถึง ในระหว่างที่ผู้รอดชีวิตได้พึมพัมกับตัวเองจากระยะไกลพร้อมมองมาที่เรา ฮวาหยาก็ได้ตะโกนออกมาในทันทีที่มองเห็นฉัน

"ฉันกำลังใส่อะไรอยู่? ฉันก็ใส่แค่หมวกไง แต่ตอนนี้ฉันก็ไม่ได้ใส่แล้วนะ"

"บนเขาของนาย"

"เขา?"

ดอร์ตูได้สร้างกระจกขึ้นตรงหน้าฉันทันที ฉันได้มองภาพสะท้อนใบหน้าตัวเองด้วยความมึนงง

[ในทันทีที่การเคลื่อนย้ายเกิดขึ้นที่ญี่ปุ่น คังชินได้ปรากฏตัวในทันทีที่เกิดเหตุการณ์สังหารขึ้น เขาได้เปลื่ยนมอนสเตอร์ทั้งหมดให้กลายเป็นหินในทันทีก่อนที่จะดำเนินการกำจัดพวกมันทั้งหมดไป]

[ทุกๆอย่างได้กลับมาสู่ความสงบแล้ว เขาได้ทำการช่วยมนุษยชาติเอาไว้ได้ มีบางคนได้บอกเอาไว้ว่าเขาคือเทพที่ถูกสร้างขึ้นมาในเหตุการณ์พระจันทร์แฝดเพื่อช่วยมนุษยชาติ...]

เหนือเขาของฉันได้มีวงแหวนแสงเล็กๆหมุนอยู่รอบๆ ฉันได้เอื้อมมือขึ้นไปแตะดู แต่ว่ามันให้แค่ความรู้สึกอบอุ่น นอกจากนั้นก็ไม่มีความรู้สึกถึงสัมผัสใดๆเลย

"นี่มันอะไร?"

ฉันได้พึมพัมออกมาโดยที่ไม่มีใครจะตอบฉันได้

ไม่มีใครรู้เลยว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกับฉันกันแน่

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด