เล่ม1 : บทที่ 24 – ความโกรธ
กำเนิดดาบปีศาจ(BDS) เล่ม1 : บทที่ 24 – ความโกรธ
เสียงของเหล็กกระทบกับหินดังสนั่นไปทั่วทางเดิน
โนอาห์ลืมตาขึ้นมาและเกือบจะหัวใจวายเมื่อเห็นซากศพที่อยู่ด้านข้าง แต่เมื่อความเจ็บปวดจากร่างกายของเขาคืบคลานเข้ามา ก็ทำให้เขาระลึกได้ว่าตอนนี้เขาอยู่ในสถานการณ์ใด
‘ในร่างกายไม่เหลือ “ลมหายใจ” แล้ว จุดฝังเข็มที่ทำหน้าที่ในการดูดซับก็ถูกใช้เพื่อรักษาบาดแผล เชื่อว่าตอนนี้แม้แต่อันดับหนึ่งก็ฆ่าไม่ได้ ส่วนอันดับสองก็คงไม่ต้องพูดถึง’
เขาพยายามลุกขึ้นโดยเริ่มจากคุกเข่าและใช้ศอกค้ำพื้น เขาอยู่ในท่าคุกเข่ามาพักหนึ่งแล้ว เริ่มได้ยินเสียงจากแมงมุมตัวอื่นๆ ใกล้เข้ามามากขึ้น
‘ซากศพของอันดับสามอาจดึงดูดพวกมัน ต้องรีบหนี ได้โปรดเถอะร่างกาย ขยับหน่อย!’
เขาลุกขึ้นและยันกำแพงเอาไว้ เขายัดรูนคีเซอร์ใส่เสื้อและขยับไปช้าๆ เพื่อหยิบดาบที่สภาพยังพอใช้งานได้ขึ้นมา
เขาเดินกระเผลกช้าๆ ไปตามทางเดินทางด้านซ้ายมือเพียงเพราะได้ยินเสียงที่มาจากปลายสุดทางเดิน
‘เวร! อย่าบอกนะว่าถึงฆ่าอันดับสามไปแล้วแต่สุดท้ายก็ต้องตายอยู่ดี!’
เขาคิดไม่ออกเลยว่าต้องทำอะไร เขาต้องการเวลาพักแต่ไม่มีทั้งอาหารหรือน้ำติดมาด้วยเลยเนื่องจากเขาทิ้งกระเป๋าไว้ที่กองไฟเมื่อคืน
‘น้ำ! น้ำ! บางทีน่าจะแอบย่องเข้าไปที่ทะเลสาบขณะที่พวกแมงมุมมัวยุงอยู่กับการกินซากหัวหน้าของมัน’
เขามองไปยังทิศทางที่มีแสงสีฟ้าประกายออกมาและเดินตรงไปยังจุดนั้น เขาเดินด้วยความเร็วที่ช้าและใช้กำแพงหินเพื่อพยุงร่างกาย เขาใช้เวลาเดินกว่าชั่วโมงจนไปถึงแอ่งน้ำ
สภาพแวดล้อมเงียบสงัด อาจเป็นเพราะพวกแมงมุมกำลังมุ่นอยู่กับการกินอันดับสาม หรือไม่ก็เพราะสติปัญญาอันน้อยนิดไม่ได้ทำให้พวกมันตระหนักรู้ว่าตอนนี้พวกมันควรมาที่ริมทะเลสาบ
เนื่องจากไม่มีกำแพงให้ค้ำยันร่างกายแล้ว โนอาห์จึงเลือกที่จะคลานไปยังจุดกึ่งกลางของห้องโถงถ้ำ
‘โชคดีที่สติปัญญาของมันต่ำ ถ้าเป็นหมาป่าสี่ตาอันดับสามล่ะก็ รูนคงไม่ส่งอิทธิพลใดๆ ต่อทะเลแห่งสติของมันแน่ๆ’
เขาคลานมาถึงทะเลสาบและดื่มน้ำอย่างคนกระหาย น้ำช่วยบรรเทาร่างกายของเขาจากความเหนื่อยล้าและทั้งยังเติม “ลมหายใจ” ให้เล็กน้อยด้วย
‘ใช่ อาศิรของลมหายใจจริงๆ ด้วย! น้ำที่นี่ถูกเติมด้วย “ลมหายใจ” มันช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็วมาก!’
แมงมุมเริ่มคลานออกมาจากรูในห้องใต้ดินและตรงมาที่เขาและภาพต่อสายตาของพวกมันก็คือ โนอาห์กำลังยืนยิ้มมุมปากให้
‘อันตรายอีกด้านจะมาถึงหลังจากที่ฉันพบกับความหวังเล็กๆ’
เขาทิ้งตัวลงทะเลสาบและปล่อยให้ลอยไปตรงกลาง ‘นี่แหละที่คิดไว้ เป็นครั้งแรกเลยที่ได้ว่ายน้ำด้วยร่างกายนี้ แม้แต่อันดับสามก็อยู่ได้แค่บนบกที่ซึ่งมีความหนาแน่นของ “ลมหายใจ” ในน้ำ หรือจะพูดให้ถูกก็คือ พวกมันว่ายน้ำไม่เป็น’
สมมติฐานของเขาถูกต้องเพราะบรรดาแมงมุมทั้งหลายเอาแต่เดินรอบทะเลสาบไม่ยอมลงมาในน้ำ เรื่องราวที่แปลกประหลาดกำลังถูกตีแผ่
เด็กคนหนึ่งกำลังลอยอยู่บนผืนน้ำในทะเลสาบตรงไปยังจุดกึ่งกลางพร้อมด้วยรอยยิ้มในขณะที่แมงมุมอีกหกสิบตัวหรือมากกว่านั้นกำลังรอเขาอยู่บนฝั่ง
‘รู้สึกดีสุดๆ ไปเลย! ร่างกายกำลังได้รับการรักษาด้วยความเร็วสูงสุด แผลที่ไหล่ และจุดอื่นๆ ก็เกือบจะกลับมาสู่สภาพปกติแล้ว และความหนาแน่นของ “ลมหายใจ” ก็ยังคงเพิ่มขึ้นอยู่เรื่อยๆ’
เมื่อเขาลอยมาถึงจุดกึ่งกลาง แผลบนไหล่ก็แสดงให้เห็นสัญญาณของสภาพที่ดีขึ้นแล้ว โนอาห์อยู่เช่นนี้ครู่หนึ่งเพื่อรอให้บาดแผลทั่วร่างกายทั้งหมดได้รับการฟื้นฟู
‘ถ้าลงไปก้นทะเลสาบ ร่างกายคงฟื้นฟูเร็วกว่านี้’
เมื่อมีความคิดเช่นนั้น เขาก็เลือกทำตามใจนึกในทันที เขาแหวกว่ายลึกลงไปราวสิบเมตรและพบกับหินรูปไข่สีน้ำเงิน มันทอประกายออกมาจากผิวของมันและช่างงดงามเมื่อได้เห็น
เมื่อโนอาห์เข้าไปใกล้ ความเข้มข้นของ “ลมหายใจ” ก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลและเมื่อเขาอยู่ตรงหน้ามันพอดี เขาก็รู้สึกได้ว่าร่างกายของเขากำลังแข็งแกร่งขึ้นอย่างทันตา
เขาไม่คิดให้มากจากนั้นก็คว้าหินที่มีขนาดใหญ่เท่าใบหน้าคนและว่ายขึ้นมาเหนือผิวน้ำเพื่อหายใจ
อาศิรของลมหายใจช่างเป็นอะไรที่วิเศษ มันดึงดูด “ลมหายใจ” ที่มีคุณภาพอย่างต่อเนื่องทำให้บาดแผลของเขากำลังสมานและจุดฝังเข็มก็กลับมาสู่วัฏจักรที่สองของนรกเจ็ดขั้น
หลังจากนั้นครึ่งวัน โนอาห์พบว่าตัวเองหัวเราะอย่างมีความสุข ความรู้สึกของความสมบูรณ์แบบได้เติมเต็มอยู่ในร่างกายของเขา
‘นี่มันสุดยอดมาก! ไม่ใช่แค่รักษาแผลได้ แต่ยังช่วยเติมวัฏจักรที่สองให้เต็มอีก! ไม่เคยรู้สึกแข็งแรงแบบนี้มาก่อนเลย! จะเก็บไว้ดีไหม?’
เขาคิดครู่หนึ่งแต่จากนั้นก็ส่ายหน้า
‘สมบัติจะยังคงอยู่ถ้าฉันใช้ความแข็งแกร่งเพื่อปกป้องมัน ถ้าฉันอ่อนแอมันก็จะเป็นเพียงแค่ภัยพิบัติ ดีกว่าเอาไปให้พวกเขตในแล้วรับรางวัล’
จุดฝังเข็ใของเขาหยุดทำงานเนื่องจากวัฏจักรกลับมาสมบูรณ์ และบาดแผลได้รับการฟื้นฟูเรียบร้อย ไม่มีเหตุผลที่เขาต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป เขามัดก้อนหินกับเสื้อผ้าและมองแมงมุมที่ยังคงรอเขาอยู่ที่ชายฝั่ง
‘มาดูกันว่าร่างกายฉันตอนนี้จะทำอะไรได้บ้าง!’
* * * * *
ย้อนกลับไปถึงตอนที่ผู้พิทักษ์ทั้งสี่หนีรอดออกมา พวกเขากำลังจ้องมองปากทางเข้าถ้ำ จากนั้นร่างของคนที่ห้าก็ปรากฏให้เห็น เขาคือเบเลอร์ ทุกคนส่วนใหญ่ไม่เป็นอะไร พวกเขามีแค่บาดแผลเล็กน้อยที่ต้องได้รับการรักษา
เมื่อเบเลอร์ออกมาเขาก็พบว่าอีกสี่คนกำลังมองเขาด้วยสายตารังเกียจและการขับไล่ เมสันไม่พูดพร่ำให้เสียเวลา เขาเดินเข้ามาหาเบเลอร์และต่อยหน้าเขาอย่างแรง
เบเลอร์ล้มลงกับพื้นด้วยความรู้สึกสับสน
“หะ-หัวหน้า ท่านทำอะไร?”
เมสันไม่อาจความคุมความโกรธได้และเตะเจ้าหมูตอนที่นอนอยู่บนพื้น
“ข้าทำอะไรน่ะรึ? แล้วเจ้าล่ะทำอะไรลงไป นี่สิคำถาม! เราทุกคนได้ยินเสียงโนอาห์สาปแช่งเจ้า นอกจากเจ้าจะเป็นคนที่น่าขยะแขยงแล้ว เจ้าคิดเจ้าคิดเจ้าแค้นกับเด็ก เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้าจะทำให้พวกเราทุกคนเจอเรื่องวุ่นวายมากเพียงใด?!”
เบเลอร์รับคำพูดดูถูกดูแคลนแต่ยังคงรู้สึกผิด ไม่ใช่เพราะโนอาห์เป็นเพียงแค่บุตรนอกสมรสของหญิงงามเมืองงั้นรึ?
แต่เมสันไม่สนใจว่าเขาจะสับสนหรือไม่และเตะใส่อย่างต่อเนื่องด้วยความโกรธ
“ตอนที่ข้าพูดว่าท่านรองสารวัตรส่งเด็กคนนั้นมา ข้ายังไม่ได้พูดความจริงทั้งหมด เด็กนั่นเป็นศิษย์เพียงคนเดียวของ วิลเลียม แชลลี เพลงดาบแห่งรอยยิ้ม! เจ้ารู้หรือไม่ว่าเขาจะทำอะไรกับเราเมื่อไปถึง?”
การตระหนักรู้เกิดขึ้นในจิตในที่สั่นด้วยความกลัวของเบเลอร์
“ถะ-ถ้าเช่นนั้น ก็บอกว่าเด็กนั่นถูกแมงมุมอันดับสามฆ่าตายสิขอรับเพราะเราเองก็ทำอะไรไม่ได้ เช่นนี้เขาก็ทำอะไรเราไม่ได้แล้ว?”
แต่เมสันเพียงส่ายหน้า
“ข้าติดต่อเขาผ่านเครื่องรางพิเศษที่เขาได้มอบให้ข้าเพื่อรายงานสถานการณ์ไปเรียบร้อยแล้ว ข้าจะขอไม่เสี่ยงชีวิตปกป้อิงเศษสวะเช่นเจ้า มัดตัวเขา!”
ทุกคนช่วยกันมัดเบเลอร์ขณะกำลังรอคำตัดสินจากรองสารวัตรของผู้พิทักษ์ต่อชายผู้นี้
หนึ่งวันครึ่งให้หลัง ร่างของผู้ชายคนหนึ่งปรากฏให้เห็นจากระยะไกล เขารวดเร็วราวกับกระสุนที่สิ่งอยู่บนพื้น และจากขาทั้งสองข้างก็แทบจะมองไม่เห็นว่าตอนนี้วิ่งเร็วแค่ไหน จู่ๆ เขาก็หยุดที่กองไฟที่ซึ่งผู้พิทักษ์คนอื่นๆ กำลังรออยู่ พระอาทิตย์กำลังตกดินและแสงรำไรยามสนธยาได้เผยให้เห็นร่างของชายผู้นั้น
วิลเลียมกำลังยืนหายใจหอบจากความเหนื่อยล้าที่เร่งรีบมาที่นี่เกินไปเพียงเพราะความโกรธที่หนึ่งในผู้อยู่อาณัติหักหลังต่อลูกศิษย์ของเขา
“เขาอยู่ที่ใด! จงบอกข้าว่าศิษย์ของข้าอยู่ที่ใด!”