บทที่ 334 - คลื่นลูกสุดท้าย (4) [02-03-2021]
บทที่ 334 - คลื่นลูกสุดท้าย (4)
”
มอนสเตอร์ที่ได้ปรากฏขึ้นมาบนบียอนด์นับตั้งแต่ชั้นที่ 41 ขึ้นไปดูเหมือนกับปีศาจ
พวกเขามีรูปร่างที่เหมือนกับมนุษย์ แต่ว่ามีผิวหนังสีดำสนิท และชื่นชอบความรุนแรง พวกเขาได้ใช้ร่างกายเป็นอาวุธ แถมยังมีมานาอยู่เป็นจำนวนมหาศาลคล้ายๆกันกับปีศาจ แต่ว่าพวกเขาต่างกันก็คือพวกมันสามารถจะฟื้นฟูแขนขาได้หากถูกตัดแขนขาออกไป พวกเขาได้อาศัยในความสามารถทางกายภาพมากกว่าเวทมนต์
มอนสเตอร์พวกนี้ถูกเรียกกันว่าอีรังซึ่งไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนเลยในดันเจี้ยนที่หนึ่ง
[พวกเขาคือมอนสเตอร์ที่เก่าแก่ที่สุดในดันเจี้ยนนี้ พวกเขามีตัวตนอยู่กระทั่งก่อนดันเจี้ยนจะถูกก่อตั้งซะอีก พวกเขาคือมอนสเตอร์โบราณที่น่าจะหายไปตามกาลเวลานานแล้ว]
"แล้วเธอก็ได้ลากพวกเขาเข้ามาในดันเจี้ยน?"
[ใช่แล้ว]
เอรัง ต่อหน้ามอนสเตอร์พวกนี้ไม่ว่าจะเวทมนต์หรือสกิลต่างก็ไร้ผล มันไม่ใช่ว่าพวกเขาสามารถจะลบล้างพลังของดันเจี้ยนได้ แต่มันก็แค่เพราะว่าการโจมตีประเภทที่ทำขึ้นจากการกลั่นสกัดพลังให้ไปอยู่ในรูปแบบอื่นจะไร้ผลต่างหาก มีเพียงแค่ออร่าบริสุทธิ์กับพลังแห่งธาตุเท่านั้นที่สร้างบาดแผลให้กับพวกเขาได้ มันดูเหมือนว่านี่จะเกี่ยวข้องกับพลังของพวกเขา
[เขากำลังมาแล้ว]
[พัฒนาการของเขาดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด แต่มันก็เหมือนจะมาถึงจุดจบแล้ว]
พวกเขาดูจะมีวิธีการพูดแปลกๆ ในขณะที่พวกเขากำลังพยายามจะทะลวงท้องฉันด้วยหมัดออร่าสีขาว พวกเขาก็พูดกันอย่างสุภาพจนทำให้ฉันรำคาญ
[เขาแข็งแกร่ง]
[เกราะของเขาพิเศษมากๆ หากว่าเราไม่มีสมาธิ เราจะถูกฆ่าได้ในทันที]
[เรามาซุ่มโจมตีเพื่อทดสอบเขากันดีกว่า]
"เงียบไปเลยเจ้าพวกเวร!"
ฉันได้ยิงออร่าโปร่งแสงออกไปพร้อมๆเสียงตะโกน และกัดฟันใส่เอรังที่อยู่ตรงหน้าฉัน
เอรังที่อยู่ใกล้ๆได้ผงะและถอยออกไปสองสามก้าว แต่ว่าฉันได้พุ่งเข้าใส่พวกเขาเต็มกำลัง ฉันได้กวาดหอกเข้าใส่พวกที่อยู่ใกล้ๆราวกับหอกเป็นไม้เบสบอล
"พวกนายไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน!"
[คุณพูดถูก แต่ว่าว่าเมื่อจำนวนของเราเพิ่มขึ้น 158 เท่า เราก็จะมีโอกาสชนะ]
[เราไม่อาจจะเข้าใจได้เลยว่าเขาเกินกว่ามาตราฐานไปได้ยังไง]
[ต้องมีการแทรกแซงจากภายนอก เพื่อลดความผิดพลาดที่อาจ...]
"หายไปซะ!"
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะยอมรับว่าไม่อาจจะเอาชนะฉันได้เว้นแต่จะมีจำนวนคนเพิ่มขึ้น 158 เท่า แต่พวกเขาก็ยังโจมตีฉันโดยไม่พัก
เพราะงั้นฉันจึงได้จัดการพวกเขาทีล่ะคน โดยอดที่จะนึกสงสัยในบอสที่ฉันจะได้เจอบนชั้นที่ 45 ไม่ได้ ฉันสงสัยมากๆว่าเขาจะพูดอะไรกับฉัน
[เป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่าเขา]
[ไม่มีใครทำได้]
"พวกนายนี่มันน่ารำคาญ!"
ถึงแม้ว่าฉันจะทำเหมือนจัดการง่ายๆ แต่พวกเอรังพวกนี้ทรงพลังกันอย่างน่าเหลือเชื่อการที่จะทะลวงผ่านร่างหนาๆของพวกเขา ฉันจะต้องบีบอัดมานามากกว่า 200,000 มานา และฉันต้องทำลายพวกเขาแม้กระทั่งขี้เถ้าเพื่อป้องกันการฟื้นฟู
ความจริงที่ว่ามีมอนสเตอร์ไม่กี่ร้อยตัวที่ทำร้ายฉันได้ได้แสดงให้เห็นว่าฉันได้กลายเป็นสัตว์ประหลาดมากขนาดไหน
หลังจากฉันได้จัดการกลุ่มเอรังอีกกลุ่มหนึ่ง ฉันก็ได้เจอเข้ากับทางตัน ฉันได้ใช้มานาตรวจจับออกไปแล้วเพื่อเช็คพื้นที่อื่นๆ
ฉันมั่นใจว่าตรงนี้มีประตูอยู่แน่นอน เพราะงั้นฉันจึงมองไปรอบๆอย่างสับสน ไม่นานนักประตูมิตินำไปสู่ดันเจี้ยนที่หนึ่งก็โผล่ขึ้นมาราวกับยืนยันว่าฉันไม่ได้มาผิดทาง
"ฟู่ ใกล้จะจบแล้ว ขอบคุณพระเจ้าที่บียอนด์มีขนาดเล็ก"
บียอนด์ไม่ได้ใหญ่เท่ากับดันเจี้ยนที่หนึ่ง บียอนด์ในแต่ล่ะชั้นไม่เคยมีขนาดเกินกว่าประเทศหนึ่งเลยซึ่งต่างไปจากชั้นของดันเจี้ยนที่หนึ่งซึ่งมีขนาดเท่ากับโลกทั้งใบ นอกไปจากนี้ในเมื่อชั้นที่ 45 คือชั้นสุดท้าย ฉันจึงได้เข้าใกล้จุดจบบียอนด์แล้วจริงๆ
ฉันได้มาที่ร้านขายของด้วยความหวังว่าจะได้เจอโรเล็ตต้าที่กระพือหูด้วยความดีใจ แต่แล้วเธอก็ไม่ได้อยู่ตรงนี้ ฉันได้แต่เอียงหัวออกมาและส่งเสียงออกไป
"โรเล็ตต้า เธออยู่ไหนหรอ?"
[อ๊าา ตอนนี้มีสองโลกที่กำลังจะสูญพันธ์ไปพร้อมๆกันเพราะงั้นฉันกำลังยุ่งกับการจัดการเรื่องต่างๆอยู่ เพราะอะไรบางอย่างทำให้เร็วๆนี้ได้มีโลกสูญพันธ์เต็มไปหมด มันเหมือนกับโลกพวกนี้กำลังพยายามแย่งชินไปจากฉัน!]
"ฉันไม่คิดแบบนั้นหรอกนะ... แต่ถ้างั้นก็ไว้เจอกันนะ"
[อื้อ ไว้เจอกันนะชิน]
คำพูดของโรเล็ตต้าได้ทำให้ฉันต้องเป็นกังวล การปืนไปบนชั้นสูงทำให้เป็นการเร่งการเปลื่ยนแปลงในโลกอื่นหรือป่าวนะ? หรือมีใครที่เกี่ยวข้องกับการเปลื่ยนแปลงนี้? ก่อนหน้านี้ฉันได้คิดว่าฉันรู้เรื่องมากมายเกี่ยวกับโลกต่างๆแล้ว แต่ดูเหมือนฉันจะคิดผิด ฉันได้แต่ต้องถอนหายใจออกมา
"เอาล่ะ ฉันน่าจะต้องตรงไป... ไม่สิ"
ถึงแม้ว่าฉันจะเหนื่อยเล็กน้อยจากการสู้กับเอรังทั้งหมดบนชั้นที่ 44 ฉันก็คิดว่ามันไม่น่าจะมีปัญหาอะไรในการต่อสู้กับบอสประจำชั้นที่ 95 หากฉันได้ดื่มโพชั่นไปและพักซักหน่อย ยังไงก็ตามจากการพูดคุยกับโรเล็ตต้าได้ทำให้ฉันรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก
ถึงแบบนั้นฉันก็ได้พร่ำบอกกับตัวเองว่าไม่มีปัญหาอะไร และกลับไปที่โลกเพื่อสงบสติอารมณ์
เมื่อฉันได้เข้ามาที่บ้านกิลด์ ฉันก็ได้เจอกับซัคคิวบิหลายคนกำลังวิ่งวุ่นกันอยู่
"ทุกคนกำลังทำอะไรกันอยู่หรอ?"
"โอ้ สามีที่รัก!"
เมื่อหนึ่งในซัคคิวบิได้ตะโกนอกมา คนที่เหลือก็ได้ยืนแข็งทื่อและหันมามองที่ฉัน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เป็นแบบนี้ แต่ว่ามันก็ยังน่ากลัวอยู่ดี
"พวกเรากำลังตรวจสอบการเกิดของความวุ่นวายครั้งต่อไปอยู่"
"คุณเคียร่าเป็นกังวลกันมากๆ พวกเรากำลังค้นข้อมูลเก่าๆเพื่อที่จะคาดเดาให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้"
"ในวันนี้เธอกังวลสุดๆเลยล่ะ"
"เธออยู่ไหนงั้นหรอ?"
ซัคคิวบิทั้งหมดได้ชี้ไปที่ชั้นสอง ฉันได้หยักหน้ากลับไปและตรงขึ้นไปที่ห้องเคียร่าบนชั้นสอง
"คุณมาแล้ว คุณฮีโร่"
"เธอรู้อยู่แล้วว่าฉันจะมา?"
"ใช่แล้ว"
เคียร่าได้เงยหน้าขึ้นมาจากกองกระดาษและมองมาที่ฉัน กางเขนในม่านตาของเธอกำลังส่องแสงเจิดจ้า
"หหากว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับคุณฮีโร่ ไม่มีอะไรที่ฉันจะไม่รู้"
"โอเคๆ"
ฉันได้ฝืนใจตอบกลับไปและเดินเข้าไปหาเธอ นิสัยชอบอวดของเธอนี้มันน่ารำคาญ แต่ว่านิสัยขยันทำงานของเธอน่าชื่นชมเอามากๆ
จากนั้นเคียร่าก็ได้กลับไปจดจ่ออยู่กับกองเอกสารข้างๆเธอ เมื่อฉันได้ไปถึง เธอก็พึมพัมออกมาทันที
"อย่างที่คิดเลย"
"อะไรงั้นหรอ?"
"ในที่สุดฉันก็เจอแล้ว"
เธอได้วางกองเอกสารเอาไว้บนมือเธอซึ่งฉันก็ได้หยิบเอามา นี่คือรูปภาพของประตูมิติดันเจี้ยนในอเมริกาที่ถูกถ่ายจากหลายๆแง่มุม มันเป็นข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการการจู่โจมที่เกิดขึ้นมาภายหลังจากนั้น
"จำที่ฉันบอกคุณฮีโร่ครั้งที่แล้วได้ไหมคะ..."
เธอได้ยกหัวขึ้นมาและดูเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่แล้วก็หยุดพูดไปและสะดุ้งขึ้นมา
"อะไร?"
"กะ ใกล้ไปแล้ว"
เพราะฉันได้มองดูเอกสารทำให้ฉันยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆเธอเอง เคียร่าได้หน้าแดงขึ้นมาและกระวนกระวายออกมา ลมหายใจของเธอก็ดูจะหนักหน่วงขึ้น
"เคียร่า เธอเปลื่ยนไปนะ"
"ถะ ถ้าคุณมาใกล้แบบนี้ ฉันก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับคุณ..."
นี่มันดูแปลกๆ แต่ว่าการที่เธอรู้ตัวเองทำให้มันไม่ต้องสงสัยเลยว่าเธอโตขึ้น
"เคียร่า เธอโตขึ้นนะ"
"คุณฮวาหยาบอกว่าเธอจะฆ่าฉัน"
"โอ้..."
ดูเหมือนว่าเธอจะกระทั่งได้เรียนรู้จักรักชีวิตตัวเองแล้ว หลังจากถอนหายใจออกมาฉันก็ได้ก้มลงไปนั่งเก้าอี้ข้างๆเธอ
"แล้วเธอเจออะไรล่ะ?"
"จริงด้วย อย่างที่ฉันบอกคุณไปในก่อนหน้านี้ ฉันได้พยายามดูอนาคตจากการช่วยของคุณฮวาหยา"
"ใช่ ฉันจำได้"
ฮวาหยากับเคียร่าอย่างจะรู้อยู่สองเรื่อง อย่างแรกคือเมื่อไหร่ที่เหตุการณ์ดันเจี้ยนจะปะทุขึ้น และอย่างที่สองคือมันจะเกิดขึ้นที่ไหน การได้ข้อมูลทั้งสองอย่างนี้มาจะทำให้พวกเธอสามารถจะรับมือกับมันได้อย่างเหมาะสม
"เธอบอกว่าเธอมองไม่เห็นประตูมิติ และมองเห็นแค่เรากำลังสู้กับมอนสเตอร์ในสถานที่ที่ไม่คล้ายกับโลก"
"ใช่แล้วค่ะ ฉันคิดว่านั่นมันเพราะฉันมีพลังไม่พอ เพราะแบบนั้นฉันได้ตั้งใจเรียนรู้วงจรเพรูต้าและวิธีการควบคุมมานาที่คุณฮวาหยาสอนฉัน ฉันได้ค้นคว้าความสามารถของฉันในหลายๆวิธีอีกด้วย... แน่นอนว่าเพราะกรทำแบบนั้นได้ทำให้ความสามารถของฉันพัฒนาขึ้นมา"
"แล้วเธอเจออะไรใหม่งั้นหรอ?"
"ฉันขอเปลื่ยนเรื่องซักเล็กน้อยนะคะ..."
ไม้กางเขนในม่านตาเธอได้เปล่งประกายออกมา
"คุณฮีโร่จำเรื่องในกรีนแลนด์ได้ไหม?"
"แน่นอนสิว่าจำได้ มีหลายๆอย่างเกิดขึ้นที่นั่นและเพิ่งจะผ่านมาไม่นานเอง"
"เดิมที่แล้ว กรีนแลนด์เป็นพื้นที่รกร้างที่มีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นน้ำแข็ง แต่เพราะอะไรบางอย่างทำให้ปีศาจได้เปลื่ยนกรีนแลนด์ให้เป็นดินแดนอื่นได้ คุณฮีโร่ได้บอกว่ามันเป็นของโลกที่มีชื่อว่าลูก้า"
เคียร่าได้จัดการกับอุปกรณ์บนโต๊ะเธออย่างชำนาญ และเปลื่ยนภาพโฮโลแกรมไป มันได้แสดงถึงการเปลื่ยนแปลงของกรีนแลนด์
"พูดตามตรงแล้ว เรื่องพวกนี้ไม่น่าจะสำคัญอะไรกับเรา แต่กลับกันฉันได้จดจ่ออยู่กับวิธีที่จะสับเปลื่ยนดินแดนไปอย่างสมบูรณ์ ด้วยความร่วมมือจากซัคคิวบิได้ทำให้เราสามารถจะตรวจสอบดินแดนนั่นและผลลัพธ์ที่ได้มาก็เป็นอย่างที่คุณฮีโร่บอกกับเรา"
เพราะอะไรบางอย่างระหว่างที่พูดแบบนี้เธอดูจะภาคภูมิใจ
"กรีนแลนด์ในปัจจุบันไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโลกอีกแล้ว มันเป็นส่วนหนึ่งของทวีปลูก้าไปแล้ว"
"..."
ฉันเข้าใจสิ่งที่เธอจะพยายามบอกในทันที นั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันเงียบไป
เคียร่าก็ยังเข้าใจเรื่องนี้และอยู่เงียบๆ หากว่าเธอเป็นแบบนี้ในตอนเจอกันครั้งแรก ฉันจะไม่มีวันเกลียดเธอเลย
"เพราะงั้น..."
หลังจากผ่านไปซักพักฉันก็ได้พูดออกมา
"เธอกำลังบอกฉันว่าทวีปลูก้าจะถูกย้ายมาที่โลก?"
"ใช่แล้ว"
เคียร่าได้ตอบกลับมาอย่างมั่นใจ
"และในที่ที่เกิดการปะทุของเหตุการณ์ดันเจี้ยน"
"เธอจะบอกว่าพวกปีศาจสามารถจะหลบหนีจากอิทธิพลของดันเจี้ยนได้อย่างสมบูรณ์แบบ"
"ใช่แล้ว ฉันเชื่อว่านี่เป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันสามารถมองเห็นอนาคตได้ในระดับนี้ทั้งๆที่ฉันมองแทบไม่เห็นเรื่องเกี่ยวกับดันเจี้ยนเลย แน่นอนว่าก็มีพลังอื่นมาขัดขวางฉันเช่นัน"
"นั่นคงจะต้องเป็นพลังของเดม่อนลอร์ด"
ฉันได้ตอบกลับไปและจากนั้นก็ยืนขึ้น
"ฉันน่าจะต้องเตรียมตัวให้พร้อม เคียร่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่?"
"อย่างน้อยก็สองเดือนนับจากนี้ ไม่สิ บางทีอาจจะเร็วกว่านั้นก็ได้"
"เข้าใจแล้ว"
ฉันได้หยักหน้าเงียบๆ เคียร่าได้มองมาที่ฉันด้วยสายตาเป็นประกาย
"แต่ว่าฉันเชื่อในตัวคุณฮีโร่! คุณคือคนที่จะพิชิตทุกสิ่ง!"
"เธอควรจะหยุดเรื่องพวกนี้นะ"
"ต่อให้ฉันไม่ต้องมองอนาคต! ฉันก็มั่นใจในเรื่องนี้"
เอาจริงดิ ฉันจะทำยังไงกับเด็กนี่ดีนะ? ฉันได้ถอนหายใจออกมาเบาๆ จากนั้นก็ก้มตัวลงไปจูบลงบนหน้าผากของเคียร่าที่มึนงงอยู่ นี่คือพรที่เธอต้องการ
"กรี๊ดดดด!"
"หากว่าเธออยากจะได้พรจากฉันอีก ก็อย่าพูดแบบนั้นอีกนะ เข้าใจไหม?"
"..."
ฉันได้เลือกใช้เหยื่อล่อแทนการขู่บังคับ แต่ว่าน่าเสียดายที่มันไม่ได้ผล
เคียร่าได้เป็นลมลงไปก่อนที่จะได้ยินถึงสิ่งที่ฉันพูด