บทที่ 187 ดาบมังกรเพลิง
"ตระกูลจักรพรรดิ!"
ทันใดนั้นความคิดของเจียงอี้ก็สั่นคลอนพร้อมหันไปมองที่ที่จ้านอู๋ซวงมองไป เพียงแวบเดียวดวงตาของเขาก็สว่างขึ้นทันที มีทหารที่สวมชุดเกราะสีดำเดินมาจากทางเหนือสองแถว
มีเพียงกลุ่มเล็กๆจำนวนประมาณพันคนซึ่งวิ่งไปอย่างรวดเร็วและกระจายออกเป็นแถวเดียว ตรงกลางของกองทัพมีหญิงสาวสวมมงกุฎหยกและเสื้อคลุมฟีนิกซ์ห้าสี
เด็กสาวที่สวมใส่เสื้อผ้าแบบนี้เป็นได้เพียงองค์หญิงแห่งจักรวรรดิมังกรเวหา ตระกูลจักรพรรดิส่งองค์หญิงออกมาทำสงครามราชอาณาจักรนี้หรือ? ยิ่งไปกว่านั้น นั่นเป็นองค์หญิงที่สวยงามที่ดูเหมือนนางฟ้าจากสวรรค์เก้าชั้นฟ้า บุรุษนับไม่ถ้วนมีท่าทีเช่นเดียวกับเจียงอี้ ดวงตาของพวกเขาสว่างขึ้นทันทีที่พวกเขาเห็นองค์หญิง เหมือนเป็นสัญชาตญาณที่บุรุษมักจะมีเมื่อพวกเขาพบกับความงาม
หญิงสาวผู้นี้อายุสิบหกปี นางไม่ได้อยู่ในวัยที่ถือว่าน่าทึ่ง แต่ความรู้สึกที่นางแสดงออกมานั้นถือว่าดูดี และนางค่อยๆผุดขึ้นในใจของทุกคนอย่างช้าๆ โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้นที่มีความแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างตาขาวและตาดำ มันให้ความรู้สึกราวกับว่ามันมีเวทย์มนตร์พิเศษที่ดึงดูดสายตาของคนอื่นและมีเสน่ห์อันล้นหลามฟุ้งออกมา
"ไม่มีอะไรให้มองแล้ว!"
จ้านอู๋ซวงผลักเจียงอี้อย่างกระทันหัน ซึ่งทำให้เขาหลุดออกจากภวังค์ ดวงตาของเจียงอี้มีความประหลาดใจอย่างมาก เมื่อเขามองไปรอบๆและสังเกตเห็นว่านายน้อยหนุ่มหลายคนกำลังแสดงออกเช่นนั้น เขาก็ตกใจทันที
เขาเหลือบไปมององค์หญิงผู้ยิ่งใหญ่ที่เดินผ่านไปมาอย่างสบายๆและเขาก็ร้องอุทานอย่างนุ่มนวลว่า "มีอะไรผิดปกติกับองค์หญิงนี้! อืมม ... นางต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญศาสตร์วิญญาณแน่ๆ"
"ฉลาดมาก!"
จ้านอู๋ซวงหัวเราะเบาๆขณะที่เจียงอี้มองจ้านอู๋ซวงและถามด้วยความอยากรู้ว่า "ทำไมเจ้าถึงดูเป็นปกติ? เป็นไปได้ไหมที่เจ้าจะไม่ใคร่สตรี?"
"ไสหัวไปซะ!"
จ้านอู๋ซวงจ้องเขม็งและพูดด้วยความโกรธว่า "ตระกูลเทพสงครามของข้ามีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ข้ามองมนตร์สะกดน้อยๆนี่อย่างทะลุปรุโปร่งเพียงปราดเดียว ปกติแล้วข้าเป็นผู้ที่ไม่ต้องมนตร์สะกดอยู่แล้ว"
เจียงอี้ยกนิ้วให้ เผ่าพันธุ์เทพสงคราม นั้นเป็นที่รู้จักกันดีและมันก็เป็นสิ่งที่เหมาะสม ในช่วงหนึ่งหมื่นปีที่ผ่านมา ตระกูลอาจไม่มีผู้เชี่ยวชาญใดๆที่เป็นนักสู้อันดับหนึ่งของทวีป
แต่พวกเขามีสมาชิกสี่คนที่อยู่ในสิบอันดับแรกของทวีป ตระกูลยังคงดำรงอยู่เป็นหมื่นปีได้อย่างไร พวกเขาอาศัยการเกิดของผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้อย่างไม่รู้จบ ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะเป็นเหมือนต้นกระบองเพชรในเวลากลางคืนและจะสูญสิ้นไปในแม่น้ำแห่งประวัติศาสตร์
ตึกๆๆ!
ในไม่ช้า องค์หญิงของตระกูลจักรพรรดิก็มาถึงด้านหน้าจัตุรัส ดวงตาของนางมีแสงสีเหลืองอ่อนๆที่สว่างขึ้นอย่างกระทันหันและในไม่ช้านายน้อยหนุ่มจำนวนมากก็ตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ หากพวกเขาเป็นปรปักษ์กับองค์หญิงผู้นี้ พวกเขาอาจจะตายโดยไม่ทราบว่ามันเกิดอะไรขึ้น
องค์หญิงไม่ได้พูดอะไรเลยนอกจากยื่นมือที่เหมือนหยกออกมา เจ้าหน้าที่เดินขึ้นไปและเริ่มอ่านกฎและจุดประสงค์ของสงครามราชอาณาจักรทันที
หลังจากนั้นเพียงไม่กี่ประโยค เจียงอี้ก็เย้ยหยัน หน้าของอาณาจักรนี้มีความหนาเท่ากับกำแพงเมือง พวกเขาบอกว่าสงครามราชอาณาจักรครั้งนี้จะอนุญาตให้จอมยุทธเติบโตภายใต้การชำระโลหิตนี้ และให้กำเนิดนักสู้ที่แข็งแกร่งขึ้น ... ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อคนรุ่นต่อไปในอนาคตเป็นพันๆปี
สงครามราชอาณาจักรย่อยนั้นพอได้เพราะอนุญาตให้อัจฉริยะรุ่นเยาว์หลายคนเติบโตในการต่อสู้ในสงครามโลหิต สงครามราชอาณาจักรย่อยที่ผ่านมาได้สร้างผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้มากมายเช่นกัน นี่เป็นเหมือนกฎแห่งป่าที่สัตว์ป่าจะฆ่าซึ่งกันและกันจนในที่สุดก็จะกลายเป็นราชาแห่งพงไพร
แล้วสงครามราชอาณาจักรใหญ่ล่ะ?
ระหว่างสงครามราชอาณาจักรใหญ่ แต่ละขั้วอำนาจทั้งหกจะส่งทหารหนึ่งล้านคนออกไปและจะมีกี่คนที่เสียชีวิตในทุกๆสงคราม? อย่างน้อยก็ราวๆสองล้านคน ใช่ไหม? สงครามราชอาณาจักรนั้นผู้คนส่วนใหญ่จะเข้าร่วมโดยกองทหารของอาณาจักรนั้นๆ ทหารเหล่านี้ บางคนมีอายุมากกว่าสามสิบปีแล้วและไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ในช่วงชีวิตของพวกเขา พวกเขาถูกส่งเข้ามาเพื่อตาย!
จากมุมมองของเจียงอี้ จุดประสงค์ของสงครามราชอาณาจักรก็เพื่อทำให้ขั้นอำนาจทั้งหกอ่อนแอลงและไม่ปล่อยให้พวกเขามีวิธีใดที่จะครองทั้งทวีปได้ ตราบใดที่ขั้นอำนาจทั้งหกนั้นขัดขวางและไม่ยอมให้อาณาจักรใดอาณาจักรหนึ่งแข็งแกร่งขึ้นจักรวรรดิจะสามารถดำรงอยู่ต่อไปได้ มิเช่นนั้นหากหนึ่งในอาณาจักรต้องการจะพิชิตทวีป พวกเขาจะกำจัดจักรวรรดิมังกรเวหาอย่างแน่นอน
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงการคาดเดาส่วนตัวของเจียงอี้ มีข้อสงสัยมากมายอยู่ในใจของเขาเช่นทำไมกองทัพทั้งหกไม่บุกเมืองเทียนชิงตอนที่พวกเขารออยู่นอกเมือง? ทำไมยังเป็นเช่นนั้นอยู่เมื่อเห็นว่าสงครามราชอาณาจักรนี้จัดเพื่อลดอำนาจทั้งหกและพวกเขาก็ยังคงหลงใหลในเรื่องนี้อยู่?
เมื่อเจ้าหน้าที่พูดจบ แหวนสีแดงบนมือหยกขององค์หญิงก็เปล่งประกาย ดาบยาวสีแดงเพลิงปรากฏขึ้นในมือของนาง เมื่อดาบปรากฏขึ้นดวงตาของทุกคนก็ต่างเบิกกว้าง
"สิ่งประดิษฐ์ระดับศักดิ์สิทธิ์!"
จ้านอู๋ซวงถอนหายใจออกเบาๆด้วยดวงตาที่ร้อนแรง สิ่งประดิษฐ์ระดับศักดิ์สิทธิ์นั้นหายากมากในทวีปนี้ซึ่งหาได้ยากกว่าแหวนแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์โบราณ อาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ก็ยิ่งหายากกว่า ดาบนี้เป็นเหตุผลที่แท้จริงที่ว่าทำไมเหล่านายน้อยหนุ่มมากมายจากตระกูลหลักเข้าร่วมสงครามราชอาณาจักร!
เดิมที เฉียนว่านก้วนคาดการณ์ว่าจะมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวมากกว่าหนึ่งร้อยคนในสงครามราชอาณาจักรนี้ แต่ปัจจุบันมีจำนวนมากกว่าสามร้อยคน เป็นไปได้ว่าครึ่งหนึ่งของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวมาที่นี่เพราะดาบมังกรเพลิงขณะที่อีกครึ่งหนึ่งมาที่นี่เพื่อฆ่าเจียงอี้!
นี่เป็นดาบยาวที่มีความยาวราวสองเมตรกว่า รูปร่างของมันมีสีแดงเพลิงและดูเหมือนว่ามีแสงสีแดงไหลเวียนอยู่ข้างใน เหมือนกับมังกรเพลิงที่กำลังแหวกว่ายอยู่ภายใน แม้แต่ชายตาบอดก็ยังรู้สึกว่าดาบนี้ไม่ธรรมดา
"นี่ ดาบเล่มนี้ ... "
การแสดงออกและน้ำเสียงที่ดูเกินจริงของเจียงอี้ดึงดูดความสนใจของจ้านอู๋ซวง เขามองและยิ้มขณะที่พูดว่า "นี่คือรางวัลสำหรับสงครามราชอาณาจักรนี้ รู้ใช่ไหม? อาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ ดาบมังกรเพลิง เจียงอี้ เจ้าไม่เคยเห็นสิ่งประดิษฐ์ระดับศักดิ์สิทธิ์มาก่อนหรือ? เจ้าเป็นคนที่ทำลายตราประทับผู้ปกครองเมื่อปีที่แล้วไม่ใช่หรือไง? ทำไมเจ้ายังทำเหมือนมันเป็นเรื่องใหญ่? "
การแสดงออกของเจียงอี้นั้นเกินจริงไป ไม่ใช่เพราะเขาไม่เคยเห็นสิ่งประดิษฐ์ระดับศักดิ์สิทธิ์มาก่อน แต่ดาบนี้ดูแปลกตาจริงๆ !
ลวดลายมังกรเพลิงบนดาบนั้นคล้ายกับผนึกบนตันเทียนของเขาและ ... มันก็คล้ายกับลวดลายมังกรบนไข่มุกวิญญาณเพลิงเช่นกัน แน่นอนเหตุผลหลักคือไข่มุกวิญญาณเพลิงนั้นสว่างขึ้นอย่างกระทันหัน และจิตใจของเจียงอี้ก็มีความคิดที่มากเกินกว่าจะคิดได้ในทันที ดูเหมือนว่ามีใครบางคนกำลังกระตุ้นให้เขาเข้ามาใกล้และรับดาบเล่มนี้!
เกิดอะไรขึ้น? หรือไข่มุกวิญญาณเพลิงเกี่ยวข้องกับดาบ? มิฉะนั้นทำไมไข่มุกวิญญาณเพลิงถึงมีปฏิกิริยาเช่นนี้?
เจียงอี้มีความโกรธในใจขณะที่จ้องมองดาบนั้น ความคิดเริ่มรุนแรงขึ้นในใจของเขาซึ่งทำให้เขาเกือบจะรีบไปชิงมันมา
"เจียงอี้ เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า?"
จ้านอู๋ซวงที่อยู่ข้างๆรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ดวงตาของเจียงอี้เริ่มส่องแสงสีแดงเหมือนหมาป่าที่หิวโหยจ้องมองชิ้นเนื้อสด เขาดึงสติเจียงอี้อย่างรวดเร็วและโชคดีที่องค์หญิงกวัดแกว่งดาบยาวและเก็บมันไว้ในแหวนแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์โบราณอย่างรวดเร็ว ในที่สุดหัวใจพุ่งพล่านของเจียงอี้ก็สงบลง
"ข้าต้องได้ที่หนึ่ง ข้าต้องเอาดาบเล่มนั้นมาให้ได้!"
เจียงอี้กลืนน้ำลายของเขาและพูดเบาๆ เขาไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงมีความคิดแปลกๆ แต่เขามีความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ว่าดาบเล่มนี้เกี่ยวข้องกับเขาในทางใดทางหนึ่ง อย่างน้อยก็เกี่ยวข้องกับไข่มุกวิญญาณเพลิงอย่างแน่นอน!
"ผู้เข้าร่วมที่มีคะแนนสะสมมากที่สุดจะได้รับรางวัลเป็นดาบมังกรเพลิงระดับศักดิ์สิทธิ์นี้ สงครามราชอาณาจักรจะเริ่มขึ้น เมื่อผู้เข้าร่วมทุกคนแลกเหรียญเรียบร้อยแล้ว โปรดเข้าสู่ค่ายกลเคลื่อนย้ายได้!"
หลังจากที่องค์หญิงได้สั่งการลงมา ค่ายกลเคลื่อนย้ายสามแถวสว่างขึ้นตรงหน้า กลุ่มจอมยุทธเริ่มเข้ามาใกล้ค่ายกลเคลื่อนย้าย พวกเขาแลกเหรียญที่แตกต่างกันออกไปซึ่งมันสอดคล้องกับความแข็งแกร่งที่แตกต่างกันของพวกเขา ในที่สุดพวกเขาเข้าไปในค่ายกลเคลื่อนย้ายและถูกพาไปที่ที่ราบหินผลึก
"เจียงอี้ ระวังตัวด้วย! มันไม่สำคัญว่าเจ้าจะได้รับตำแหน่งแรกหรือไม่ แต่เจ้าต้องเอาตัวรอด หากเจ้าไม่อยู่ในโลกนี้แล้ว ข้าคงจะรู้สึกเปล่าเปลี่ยวเป็นแน่!"
จ้านอู๋ซวงตบไหล่ของเจียงอี้และนำคนตระกูลของเขาตรงเข้าไป เขาแตกต่างจากเจียงอี้ เจียงอี้เป็นหมาป่าที่ค่อนข้างมีอิสระและจะเคลื่อนที่ไปมาระหว่างการต่อสู้ ส่วนจ้านอู๋ซวงนั้นนำคนมามากมายและต้องหาที่หลบภัยสำหรับป้องกันตัวเอง ดังนั้นเขาต้องเข้าไปก่อนและหาภูมิประเทศที่ได้เปรียบ
"อื้อ ระวังตัวด้วย!"
เจียงอี้โบกมือ แต่ร่างกายเขายังไม่ขยับ เขารอสองชั่วโมงก่อนที่จะเข้าแถวในขณะที่สุ่ยเชียนโหรวและคนอื่นๆหมดความอดทนในการรอเขาและเข้ามาก่อน