บทที่ 6 : ผมจะดูแลคุณอย่างดี (1)
บทที่ 6 : ผมจะดูแลคุณอย่างดี1)
“หรือว่าเธอเหงา เธอเปลี่ยวมาก จนต้องไปยืมมือคุณปู่เพื่อมาบังคับให้ฉันมานอนกับเธอ? เหอะ...ลูกไม้เดิมๆ”
ลูกไม้เดิมๆ?
ซินเจียขมวดคิ้วด้วยความงุนงงเธอพยายามจะพูดแก้ต่างให้ตัวเอง “ฉันไม่.......”
เธอพูดไปได้เพียงสองคำก่อนจะหยุดชะงักเธอมองไปยังกู่หยูเซิงอย่างกล้าๆกลัวๆ และลังเลที่จะพูดเพราะเธอไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงให้เขาเข้าใจว่าเธอไม่ได้เป็นคนไปฟ้องคุณปู่
แต่กู่หยูเซิงกลับตีความหมายเธอท่าทางของเธอไปอีกทาง เขามองว่าเธอกำลังเสแสร้งและพยายามแสดงละครตบตาเขาด้วยท่าทางที่อ่อนแอไร้ทางสู้
“เธอไม่...อะไร?” กู่หยูเซิงพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “เก่งจริงๆ!! เดี๋ยวนี้เธอเก่งถึงขนาดเรียนรู้ที่จะพูดโกหกได้โดยไม่กระพริบตาแล้ว”
เขากระชากผมของซินเจียอย่างแรงอีกครั้ง “ได้.....งั้นเธอช่วยบอกฉันทีสิ ว่าอะไรมันจะเหมาะเจาะขนาดนี้ที่เธอไปลืมสร้อยข้อมือไว้ในห้องน้ำที่คฤหาสน์วันนี้ จนคุณปู่ต้องตามเอาสร้อยมาคืนเธอถึงที่บ้านถ้าเธอไม่ได้จงใจ!!! แล้วอีกอย่างคุณปู่รู้ที่ฉันไม่ได้กลับบ้านมาเป็นเดือนแล้วได้ยังไงถ้าเธอไม่ได้เป็นคนฟ้องใครมันทำ!!”
ในที่สุดซินเจียก็เริ่มเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดมันดูบังเอิญจนเกินไป
เธอพยายามนึกย้อนถึงเหตุการณ์ทั้งหมด
นายผู้เฒ่ากู่ไม่ได้รู้เรื่องที่กู่หยูเซิงไม่เคยกลับบ้านเลยตั้งแต่ท่านไปไหหลำจากเธอแน่ๆ เธอมั่นใจว่าตอนนั้นเธอแสดงละครได้ดีพอสมควร นายผู้เฒ่ากู่ไม่มีทางจับได้แน่ เพราะสีหน้าท่านเองก็ดูผ่อนคลายก่อนที่จะออกจากบ้านไปถ้าอย่างนั้นท่านรู้ได้ยังไงล่ะ?
เธอพยายามประติดประต่อเรื่องทั้งหมด ใช่…!!!
พ่อบ้าน! เรื่องนี้นอกจากเธอแล้วคนที่รู้เรื่องก็มีแค่พ่อบ้านคนเดียวเท่านั้น หากไม่ใช่เธอที่แสดงพิรุธให้ท่านเห็นก็คงเป็นพ่อบ้านเป็นแน่ที่จะเป็นคนบอกให้ท่านทราบ มิน่าล่ะเมื้อกี้ตอนที่เขาวิ่งขึ้นมาข้างบนสีหน้าของเขาถึงเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
“อะไรกัน ถึงกับพูดไม่ออกเลยหรอ? หรือเธอจะบอกว่าเธอไม่ได้เป็นคนทำ?” กู่หยูเซิงพูดเย้ยหยันเธอ “ดี!! ฉันเองก็ไม่คิดว่าเธอจะฉลาดถึงขนาดลืมสร้อยข้อมือทิ้งไว้ที่คฤหาสน์แล้วล่อให้คุณปู่มาที่นี่เพียงเพื่อจะฟ้องท่านว่าฉันไม่ได้กลับบ้านหรอก ใช่ไหม?”
ซินเจียขยับปากเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่สุดท้ายเธอก็เลือกที่จะเงียบ
ในเมื่อเขาสงสัยว่าเธอเป็นคนวางแผนเรื่องทั้งหมดถึงเธอจะอธิบายให้ตายยังไงว่าเธอไม่ได้ตั้งใจที่จะลืมสร้อยข้อมือไว้ที่คฤหาสน์ เขาก็คงไม่เชื่อก็ในเมื่อเขาปักใจเชื่อไปแล้วว่าเป็นเธอ ถ้าอย่างนั้นเธอจะอธิบายให้มันเปลืองน้ำลายทำไม ดีไม่ดีพอเธอพูดไปเขาอาจจะสรรหาคำพูดมากระแหนะกระแหนเธออีกก็ได้
“ดีมาก...คืนนี้เธอทำได้ดีจริงๆ” กู่หยูเซิงแสร้งพูดยกย่องเธอราวกับว่านั้นมาจากส่วนลึกของหัวใจก่อนจะปรบมือให้เธอถึงสามครั้ง
หลังเสียงปรบมือครั้งที่สามจบลงเขาก็จ้องมองเธอด้วยสายตาอำมหิต รอยยิ้มบนใบหน้าเริ่มหายไป เสียงของเขาเย็นเยียบราวกับลมหนาวยามค่ำคืน “ในเมื่อเธอใช้ความพยายามมากขนาดนี้เพื่อให้ฉันกลับบ้าน เพราะฉะนั้นคืนนี้ฉันจะดูแลเธอเป็นอย่างดีเอง”
พูดจบเขาก็เหวี่ยงเธอลงบนเตียงด้วยความหยาบคายทันที
ปฏิกิริยาของเขาช่างรุนแรงราวกับต้องการทำให้เธอแหลกคามือ และไม่สามารถใช้ชีวิตต่อไปได้อีก การกระทำนี้มันทำให้ซินเจียนึกย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์อันเลวร้ายในคืนวันนั้นตอนเดือนก่อน
แม้ว่าเธอจะรักเขาแต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะมีสิทธิ์ทำอะไรกับเธอก็ได้ เธอจึงพยายามดิ้นรนขัดขืน
แต่อย่างไรก็ตามถึงเธอจะขัดขืนแค่ไหนก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย เธอไม่สามารถหลีกหนีจากเขาไปได้ผ้าปูที่นอนยับยู่ยีในระยะเวลาอันสั้นหมอนใบหนึ่งยังอยู่บนเตียงในขณะที่อีกใบตกลงพื้นไปแล้ว
เธออ่อนแอกว่าเขาโดยปกติอยู่แล้ว เขาและเธอเป็นคู่ที่ไม่ควรจะมาบรรจบกันได้เลย เขาขึ้นคร่อมกักขังเธอไว้ภายใต้ร่างแกร่งของเขาจนเธอไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้ เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นชิ้นเนื้อบนเขียงที่พร้อมจะโดนหั่นเป็นชิ้นๆได้ตลอดเวลา
ไม่ต่างจากครั้งที่แล้วกู่หยูเซิงไม่เคยนุ่มนวลกับเธอเลยเขาปฏิบัติต่อเธออย่างโหดร้ายป่าเถื่อนราวกับว่าเธอเป็นสัตว์ร้ายจากขุมนรกที่เขาไม่มีทางจะญาติดีด้วย
ผิวของเขาร้อนจัดแต่ยามที่เขาสัมผัสเธอหัวใจของเธอกลับรู้สึกเย็นวาบราวกับว่ามันกำลังเปียกชุ่มไปด้วยน้ำ
เธออยากจะหนีออกไปจากตรงนี้แต่เธอก็ไม่สามารถขยับเขยื้อนไปไหนได้เลย เพราะแรงตรึงจากวงแขนแกร่ง
ทุกๆการสัมผัสของเขาช่างป่าเถื่อนและไร้ความปราณีเธอรู้สึกราวกับว่ากำลังโดนมีดคมๆบาดมันเจ็บปวดเสียจนเธอแทบทนไม่ได้
เธอกัดฟันแน่นข่มความเจ็บปวดที่กำลังได้รับอย่างสุดความสามารถ เพราะเธอกลัวว่าตัวเองจะเผลอร้องขอความเมตตาจากเขา
เซลล์ทุกเซลล์ในร่างกายของเธอตอนนี้คงกำลังกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เวลาเพียงไม่กี่วินาทีแต่มันราวกับว่านานเป็นกัปเป็นกัลป์สำหรับซินเจีย และแม้ว่าเธอจะเจ็บปวดแค่ไหนเธอก็จะไม่มีทางเปล่งเสียงอะไรออกไปให้กู่หยูเซิงได้ดูถูกเธอ ซินเจียเริ่มนับเลขในใจเงียบๆเพื่อข่มความเจ็บปวด
เธอเริ่มนับไปเรื่อยๆ เหมือนมันจะช่วยให้เธอลืมความเจ็บปวดไปได้บ้างในช่วงแรกแต่เมื่อเธอนับไปถึง59 ความเจ็บปวดจนแทบทนไม่ได้ก็ทำให้เธอสติหลุดจนเผลอกลับไปนับเลข57 อีกครั้งโดยไม่รู้ตัว
ซินเจียไม่แน่ใจว่าเธอนับเลขไปได้ถึงแค่ไหนก่อนที่กู่หยูเซิงจะหยุดทารุณร่างกายเธอ
เมื่อทุกอย่างจบลงกู่หยูเซิงก็หยิบผ้าปูที่ยับยู่ยี่มาพันตัวก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป ซินเจียถูกทิ้งไว้บนเตียงในสภาพเหมือนคนเป็นอัมพาตครึ่งซีก เธอไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง เพราะแรงสะเทือนมันจะยิ่งทำให้เธอเจ็บปวด
ขณะที่ซินเจียกำลังจะผล็อยหลับเพราะความเหนื่อยอ่อน ประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออกอย่างแรงโดยกู่หยูเซิง เขาอาบน้ำเสร็จแล้ว ก่อนจะเดินไปแต่งตัวอย่างประณีต
เขาติดกระดุมเสื้อตรงข้อมืออย่างเรียบร้อย ก่อนจะเดินออกไปด้วยท่าทางสง่างาม เขาเหลือบตามองซินเจียเพียงแค่แวบเดียวเท่านั้นตอนที่เดินผ่านเตียง
ใบหน้าและร่างกายของซินเจียเต็มไปด้วยเหงื่อไคล ซึ่งมันได้ลบเครื่องสำอางที่แต่งแต้มอย่างประณีตบนใบหน้าของเธอก่อนหน้านี้ไปจนหมดสิ้น สภาพของเธอตอนนี้ช่างน่าอเนจอนาถจนแทบจำสภาพเดิมไม่ได้ ผมที่เปียกชุ่มหลู่ลงตามโครงหน้า เนื้อตัวมีแต่ร่องรอยฟกช้ำ ทั้งรอยแดง รอยม่วงเต็มไปหมด
ถึงจะสังเกตเห็นร่องรอยเหล่านั้น แต่กู่หยูเซิงก็ไม่ได้มีท่าทีเสียใจใดๆเลยใบหน้าของเขายังคงเรียบตรึงไร้อารมณ์ กู่หยูเซิงกำลังจะเดินไปเปิดประตูออกไป แต่อยู่ๆเขาก็หยุดชะงักและเดินกลับมาที่เตียง ก่อนจะเอื้อมมือจับคางของซินเจียให้เชิดขึ้น จากนั้นก็โน้มตัวลงไปกระซิบที่ข้างหูของเธอเบาๆ
ขณะที่พูดบนใบหน้าของกู่หยูเซิงเรียบเฉย ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ และดวงตาที่ประดุจใบมีโกนที่พร้อมจะทำลายซินเจียให้แหลกเป็นชิ้นๆน้ำเสียงของเขาราบเรียบ แต่แฝงไปด้วยการข่มขู่อย่างชัดเจน “ถ้าเธอชื่นชอบกับของขวัญที่ฉันจัดให้ เธอก็สามารถแจ้นไปฟ้องคุณปู่ได้ทุกเมื่อ! ฉันเองก็เต็มใจที่จะดูแลเธอเป็นอย่างดีทุกเวลา”
“เหลียงดูโขว่ อย่าหาว่าฉันไม่เตือน! ถ้ายังมีครั้งต่อไปอีก เธอจะไม่โชคดีเหมือนครั้งนี้แน่ ฉันยังมีหลายวิธีที่ ที่จะดูแลเธอถ้าไม่เชื่อก็ลองดู”
หลังจากพูดจบกู่หยูเซิงก็ปิดประดูและเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วราวกับพายุ
……………………………
ซินเจียได้ยินเสียงรถของกู่หยูเซิงวิ่งออกไปจากบ้านไปแล้ว หลังจากนั้นประตูห้องนอนของเธอก็ถูกเคาะเบาๆด้วยพ่อบ้าน “คุณครับ ....คุณโอเคไหมครับ?”
ซินเจียรู้สึกเหนื่อยมาก มากเสียจนไม่อยากขยับปากเสวนากับใคร แต่พ่อบ้านก็เคาะประตูขึ้นอีกครั้งพร้อมพูดว่า “คุณครับ…ผมขอเข้าไปข้างในได้ไหมครับ?”
ซินเจียกลัวว่าเขาจะเข้ามาเห็นสภาพอันน่าสมเพชของเธอ เธอไม่มีทางเลือกจึงจำเป็นต้องเอ่ยตอบเขาไป “ฉันสบายดี แต่ตอนนี้ฉันอยากอยู่คนเดียว”
พ่อบ้านที่ยืนอยู่หน้าประตูเงียบไปชั่วขณะ ก่อนที่จะพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือปนความรู้สึกผิดว่า “คุณครับ...ผมขอโทษนะครับเป็นผมเองครับที่บอกเรื่องคุณกู่กับนายผู้เฒ่า”