บทที่ 112 เริ่มต้นหาหลักฐาน!
บทที่ 112 เริ่มต้นหาหลักฐาน!
ผู้แปล loop
‘ย้อนกลับ!’
สภาพแวดล้อมเปลี่ยนและในห้องก็กับมาเงียบอีกครั้ง
ฉางจี้ยกหูโทรศัพท์ขึ้น:“เฮ้เกาแพนเหว่ยเอาไม้กวาดและที่ตักขยะมาที่ห้องของฉันทันที!”
ดงซูบิชี้นิ้วไปที่ฉางจี้ “ฉางจี้! ฉันจะจำสิ่งที่นายทำไว้! มันยังไม่จบแค่นี้แน่!”
ฉางจี้มองเขาด้วยรอยยิ้ม "เร็วหน่อยล่ะ. ฉันต้องการดูว่านายสามารถทำอะไรกับฉันได้ ฉันจะรอนาย!"
หลังจากชกฉางจี้ ดงซูบินก็รู้สึกดีขึ้นมาก อย่างไรก็ตามเขาก็ยังโมโหอยู่ เพราะเขาถูกกล่าวหาและโจวเกาปลดตำแหน่งเขาโดยไม่มีเหตุผล แม้ว่าเขาจะชกไป 5 ครั้งหรือ 10 ครั้งมันก็จะไม่เปลี่ยนความจริงไม่ได้ นี่คือสาเหตุที่ดงซูบินเดินออกจากสำนักงานหลังจากพร้อมความผิดหวังของเขา เขาโบกมือเพื่อหยุดต้าหลินเหม่ย, ฉางจ้วงและคนอื่น ๆ จากการพูดปลอบใจ เขาเดินขึ้นไปชั้นบน
ผู้คนส่วนใหญ่หลีกทางให้กับดงซูบิน
ดงซูบิน มาถึงที่สำนักงานใหม่ของโจวเกาและเคาะประตู
เสียงที่เย็นชาของโจวเกาพูดออกมา:“เข้ามา”
โจวเกานั้น กลายเป็นหัวหน้าสำนักงานสาขาซึ่งดงซูบินต้องทำตัวแตกต่างจากฉางจึ้ แม้ว่าดงซูบินจะเกลียดโจวเกาเพราะโจวเกาปลดเขาออกจากตำแหน่ง แต่เขาก็ยังต้องทำตามกฎดงซูฐินปิดประตูข้างหลังเขาหลังจากที่เขาเข้าไปในสำนักงานและยืนอยู่ตรงนั้นเพื่อดูโจวเกาที่ดูเคร่งขรึม “หัวหน้าโจวมีบางอย่างที่ผมต้องรายงาน!”
โจวเกาวางเอกสารที่เขาถือไว้และมองไปที่ดงซูบิน "ออกไป!"
ดงซูบินควบคุมความโกรธของเขาและพูดว่า:“ผมจะออกไปหลังจากที่ผมรายงานจบ.!. +”
“ฉันกำลังบอกนายให้ออกไป!” โจวเกาไม่สนใจเรื่องของดงซูบิน “นายไม่ได้ยินหรือยังไง!”
‘เวรเอ๋ย! ฉันไม่ไปเด็ดขาด!’
ดงซูบินอาจรู้สึกว่าอารมณ์ของเขาเดือดอีกครั้งและพูดว่า:“ถ้าเป็นเพราะเกี่ยวกับจดหมายร้องเรียน ผมคิดว่าผมต้องอธิบายให้หัวหน้าฟัง ผมจะเริ่มต้นด้วยเอกสารการประชุมที่เกิดขึ้นเมื่อสองสัปดาห์ก่อน หัวหน้าน่าจะอ่านรายงานที่ฉันส่งมา แต่ในวันที่สามหลังจากที่ผมส่งรายงานผมสังเกตเห็นบางสิ่งที่น่าสงสัย ในวันเกิดเหตุมีการตรวจสอบเอกสารการประชุมทั้งหมดโดย ฉางจ้วง และ ต้าหลินเหม่ยอาจะมีคนหนึ่งคนใดทำผิดพลาด แต่สิ่งนี้ไม่เกี่ยวกับสองคน? ผมได้ยินมาว่าฉางจี้อยู่ที่สำนักงานคนเดียวในช่วงเวลาอาหารกลางวันในวันนั้น หังหน้าน่าจะรู้ว่าเขาไม่ถูกกับผมและในบ่ายวันนั้นมีเหตุการณ์การประชุมเกิดขึ้น ตอนนี้ยังมีคำถามว่าใครกำลังกลั่นแกล้งพวกเราอยู่? ผมขอสาบานได้ว่าก่อนเหตุการณ์นั้นผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหัวหน้ากำลังเป็นโรคเบาหวาน ผมจะพิมพ์รูปภาพเหล่านั้นโดยเจตนาและวางไว้ในเอกสารได้อย่างไร ทั้งหมดนี้ทำได้โดยฉางจี้!”
โจวเกามองดงซูบินอย่างไม่สนใจคำสั่งของเขาและใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นจริงจัง
ดงซูบินกล่าวต่อ:“หัวหน้าคิดว่าผมเป็นคนที่เขียนจดหมายร้องเรียนถึงหัวหน้าใช่ไหมครับ? หากผมกล้ารายงานเรื่องร้องเรียนถึงระดับสูงสุดทำไมผมถึงไม่ส่งจดหมายร้องเรียนที่เขียนด้วยลายมือ? ผมยังต้องพิมพ์และพิมพ์จดหมายร้องเรียนอีกทำไม ผมกลัวที่จะมีคนอื่นจำลายมือของผทได้อย่างงั้นหรอ แต่มีการระบุชื่อของผม เหตุใดผมจึงต้องกลัวที่จะรู้ว่าใครจำลายมือของผมได้ มีคนพยายามใส่ร้ายผม! ใครอย่างงั้นหรอ? ฉางจี้เป็นผู้ต้องสงสัยที่ยิ่งใหญ่ที่สุด! ไม่! สิ่งนี้จะต้องทำโดยเขาอย่างแน่นอน!”
โจวเกาไม่สนใจเขาจะต้องรู้เรื่องพวกนี้หรือไม่ เขารู้ว่า.
โจวเกาไม่ได้สนใจเรื่องในห้องประชุมแล้ว แต่จดหมายร้องเรียนนี้เป็นเรื่องน่าสงสัยอย่างที่ดงซูบิน พูดไว้ แต่โจวเกาไม่คิดว่ามันเป็นฉางจี้ที่ส่งจดหมายร้องเรียนมา เขารู้สึกว่าฉางจี้ไม่น่ากล้าที่จะทำเช่นนั้น เขาสงสัยว่ามันเกี่ยวข้องกับเสี่ยวหยาน และ ซองโฉจือ เขาสงสัยว่ามีคนต้องการให้เขาเริ่มทำสงครามกับเสี่ยวหยานและเป็นฝีมือของเธอจากเหตุการณ์นี้เพราะ ดงซูฐินได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากเสี่ยวหยาน และหากเขาแตะต้องดงซูบิน นั่นหมายความว่าเขาจะเข้าร่วมสงครามกับเสี่ยวหยานและคนอื่นๆจะได้รับประโยชน์หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ผู้ต้องสงสัยคนที่สองของเขาคือดงซูบินชายหนุ่มคนนี้กล้าที่จะต่อสู้เพื่อการเข้าร่วมอบรม และกล้าที่จะต่อกรกับเขา ‘ชายหนุ่มอย่างเขา……จะกล้าทำสิ่งเรื่องโง่ๆเช่นนี้ เขาอาจจะเขียนจดหมายร้องเรียนจริงๆก็ได้!’
แต่ไม่ว่าใครจะอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้และแต่คนที่เขียนจดหมายร้องเรียนก็แพร่กระจายข่าวนี้ออกไปโจวเกาไม่สามารถนั่งเฉยๆและไม่ทำอะไรเลย ถ้าไม่ทำอะไรเขาจะเสียความเคารพจากผู้อื่น ดังนั้นเขาจึงโยนความรับผิดชอบทั้งหมดไว้ที่ดงซูบินและปลด ดงซูบินออกจากตำแหน่งของเขาในระหว่างการประชุมตอนเช้า เขาสามารถสร้างอำนาจของเขาในเวลาเดียวกันและหยุดอำนาจของเสี่ยวหยานได้!
"นายต้องการแก้ตัวหรอ?"
ดงซูบินสูดหายใจลึก ๆ "ครับ!"
โจวเกาจ้องไปที่ดงซูบิน:“นายกำลังพยายามพูดว่า ฉันตั้งใจเลือกแกล้งนายใช่ไหม”
‘แกล้ง! กับการกระทำของนายนี้นะ!’ ดงซูบินตอบ:“ผมไม่ได้หมายความว่าเช่นนั้น ผมแค่ต้องการอธิบายด้วยตัวเองเท่านั้นครับ”
โจวเกา พูดอย่างถูกต้อง:“ทุกคนมีอำนาจในการเป่านกหวีด ฉันไม่สนใจว่ามันคือใคร ตราบใดที่มีหลักฐานทุกคนสามารถรายงานต่อคณะกรรมการเพื่อการตรวจสอบวินัยได้ ฉันโจวกัวซานเป็นคนที่ชอบธรรม ฉันไม่กลัวที่จะมีใครรายงานเรื่องต่อต้านฉันและจะไม่เลือกใครเพราะจดหมายร้องเรียนนี้ การถ่ายโอนภายในของ นายคือการตัดสินใจขององค์กรและผ่านการอภิปรายและการลงคะแนนในระหว่างการประชุมคณะกรรมการพรรค ไม่ใช่เพราะฉันเลือกแกล้งนาย นายเข้าใจไหม?”
ดงซูบินรู้สึกรังเกียจที่จะได้ยินคำตอบเหล่านี้ "นี้เป็นคำตอบอย่างเป็นทางการของโจวเกา" เขาถาม:“เนื่องจากผมไม่ได้ทำอะไรผิดทำไมผมถึงถูกปลดออกจากตำแหน่ง? เพียงเพราะผมเข้าร่วมหลักสูตรฝึกอบรมใช่ไหม เพียงเพราะผมไม่สามารถดูแลสำนักงานเมื่อผมอยู่ในหลักสูตร? หลักสูตรของผมจะสิ้นสุดในอีก 5 วัน! นี้มัน 10 วันแล้วทำไมหัวหน้าไม่รออีก 5 วัน หากองค์กรคิดว่าผมจะไม่สามารถรับมือกับหลักสูตรและการจัดการสำนักงานได้ผมจะออกจากการฝึกอบรม!”
โจเกากระแทกโต๊ะทำงานของเขา “ดูท่าทางของนาย! นายคิดว่าว่าการอบรมนี้คืออะไร? มันเป็นสถานที่สำหรับเจ้าหน้าที่รูง! นายคิดว่านายจะเลิกไปทั้งๆเช่นนี้ได้หรอ? นายคิดว่าสถานที่แห่งนี้เป็นตลาดหรือยังไง?”
ดงซูบินมองกลับไปที่โจวเกาในสายตาของเขา “หัวหน้ายังบอกด้วยว่าการอบรมนี้คือการเตรียมเจ้าหน้าที่ให้พร้อม แต่ตอนนี้ผมอยู่ในหลักสูตรของศูนย์อบรม ไม่เพียง แต่ผมไม่ได้ดูแลเป็นอย่างดีผมยังคงสูญเสียตำแหน่งของผมอีก! เหตุผลคืออะไร นี่เป็นวิธีที่องค์กรดูแลผมเช่นนั้นหรอ”
โจวเกาโกรธมากจนเขาอ่อน เขาไม่เคยคาดหวังว่าดงซูบินจะกล้าพูดกับเขาแบบนี้ “ออกไปจากที่ทำงานของฉันเดียวนี้!”
ดงซูบินรู้ว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะเถียงกับเขา เขามองไปที่โจวเกาและจากไป
โจวเกาโกรธมาก ‘ดงซูบินนายคิดว่านายแค่เสียตำแหน่งหรอ ฉันคิดว่านายไม่น่าจะเป็นข้าราชการได้!’
ก่อนที่ดงซูบินจะเปิดประตูแล้วออกไป โจวเกากล่าวว่า“ให้ฉันเตือนนาย หากนายต้องการรายงานกับฉันอย่าลืมนำหลักฐาน ถ้าไม่มีคณะกรรมาธิการการตรวจสอบวินัยจะไม่ดำเนินการใดๆ!”
ดงซูบินรู้สึกถึงเลือดที่ร้อนพร่าวไปที่หัวของเขาอีกครั้งหลังจากเขาได้ยินสิ่งที่โจวเกา พูด!
‘ผมอธิบายให้ หัวหน้าฟังมานานแล้ว แต่ หัวหน้าก็ยังยืนยันว่าผมเป็นคนเขียนจดหมายร้องเรียน!
‘เวนเอ๋ย! ช่างเป็นอะไรที่เลวร้ายจริง!’
‘แย่ๆแน่!’
‘หัวหน้ายืนยันว่าฉันเป็นคนที่ร้องเรียนเขา? เขาต้องการให้ฉันแสดงหลักฐาน?’
‘ได้ฉันจะหาหลักฐานมาให้ได้ !!!!’